วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1258 ทักษะแฝงเร้นเสน่ห์นางงาม

 

ตอนที่  1258  ทักษะแฝงเร้นเสน่ห์นางงาม

ราวกับว่าตื่นจากความฝัน สี่ขุนพลเทพที่เหลือตอบสนอง ยกเว้นขุนพลเทพจื่อเว่ยที่ถูกสหายอีกสามคนบดบัง สหายสามคนที่เหลือพุ่งเข้าหาสาวงามโล่วฮัวทันที

 

ต้องไม่ปล่อยให้นางควบกลั่นแสงอุษาอีก!

ลำแสงอุษาน่าหวาดหวั่นสยดสยองต้องไม่ปรากฏเป็นครั้งที่สอง

ขุนพลเทพเหวินชีบุกทางซ้าย ขุนพลเทพอู่ชีบุกทางขวา ขุนพลเทพจู้เหมินบุกตรงกลางเข้าหาด้วยความเร็วสูง

ตอนนี้พวกเขารู้ถึงจุดอ่อนของเจ้าเมืองโล่ฮัว  การโจมตีด้วยแสงอุษาของนางนั้นทรงพลังและความเร็วในการโจมตีนั้นเร็วกว่าฟ้าผ่า โชคไม่ดีที่ใช้เวลาควบกลั่นนานเกินไป หากไม่ใช่เพราะเต๋อเจี๋ยคิดแต่จะหยอกล้อมากเกินไปรอให้เจ้าเมืองโล่วฮัวโจมตีอย่างหยิ่งยโส เขาก็สามารถฆ่านางได้แน่นอนในช่วงกลั่นแสงอุษา...ตอนนี้เต๋อเจี๋ยถูกเจ้าเมืองโล่วฮัวสังหารฉับพลันเหลือขุนพลเทพสี่คนไม่มีทางจะยอมเปิดโอกาสให้เจ้าเมืองโล่วฮัว

“ตาย!  ขุนพลเทพอู่ชีบุกทางด้านหนึ่งมือถือดาบเซียนสีม่วงทองเงื้อมือเตรียมสังหารเจ้าเมืองโล่วฮัวด้วยตัวเอง ในตอนนี้เขาไม่มีใจรักหยกถนอมบุปผา ไม่มีความเมตตาและไม่ยั้งมืออีกต่อไป

“โล่กระจก”  ขุนพลเทพเหวินชีระมัดระวังตัวมากกว่าขุนพลเทพอู่ชี เขาเตรียมโล่กระจกสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์

โล่กระจกสมบัติไม่เพียงแต่มีพลังป้องกันสุดยอด  แต่ยังใช้สะท้อนพลังการโจมตีของนาง

แม้ว่าขุนพลเทพเหวินชีจะไม่แน่ใจว่าจะรับพลังโจมตีที่ทรงพลังอย่างแสงอุษาที่ควบกลั่นเป็นเวลานานได้เต็มร้อย

แต่เขาเชื่อว่า

เพียงพอแล้วที่ใช้ในการป้องกันหรือหักเหแสงอุษาของสาวโล่วฮัว

ถ้าบอกว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวซ่อนพลังไว้  ทักษะพลังของนางคงไม่เพีงพอยิงลำแสงอุษาเป็นพันๆ สาย ไม่น่าเชื่อว่าจะฆ่าเขาได้  เหตุผลที่นางไม่ทำอย่างนั้นในตอนนี้ก็คือยิ่งแสงอุษาต้องใช้เวลากลั่นพลังนานขึ้นก็ยิ่งมีพลังงานมากขึ้น ต้องใช้เวลานานกว่าจะกลั่นสร้างเป็นพลังแสงอุษาที่ทรงพลังที่สุด  แน่นอนว่าต้องไม่ตัดประเด็นที่ว่านางอาจสร้างความสับสนให้กับทุกคนออกไป  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสับสนเพียงไหนเป็นไปไม่ได้ที่จะยิงแสงอุษาออกไป ดังนั้นแค่ใช้โล่กระจกก็เพียงพอแล้ว

ขุนพลเทพอู่ชีและขุนพลเทพเหวินชีกลับเลือกวิธีที่แตกต่างออกไป  คนหนึ่งรุก อีกคนหนึ่งป้องกันเหมือนว่านี่เป็นการกระทำตามปกติของเขา

ขุนพลเทพจู้เหมินที่บุกโจมตีตรงกลางก็ไม่ยกเว้น

ในบรรดาสิบแปดขุนพลเทพผู้ที่ระวังมากที่สุดและเอาใจใส่มากที่สุดเหมือนสตรีไม่ใช่ใครอื่น  แต่เป็นขุนพลเทพจู้เหมิน

ขุนพลเทพจู้หมินไม่ได้โจมตีหรือป้องกันด้วยอาวุธเขาแค่เพ่งมองไปที่หญิงงามโล่วฮัวข้างหน้าเตรียมพร้อมตอบสนองทันทีที่อีกฝ่ายมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เมื่อเทียบกับสมบัติเทพแล้วเขาเชื่อว่าปฏิกิริยาและภูมิปัญญาตัวของเขาเองเหนือกว่า

อาวุธเทพอาจมีวันล้มเหลว  อสูรเทพ อสูรศักดิ์สิทธิ์อาจมีวันหักหลัง สหายศึกอาจถูกทรยศขายทิ้งเพื่อผลประโยชน์ได้

เขาเชื่อเช่นนั้นจริงๆ

เขาเชื่อแต่มือตัวเอง

ขุนพลเทพอู่ซีปรากฏตัวที่ด้านหลังเจ้าเมืองโล่วฮัว ขณะที่ขุนพลเทพเหวินชีและขุนพลเทพจู้เหมินเข้ามาใกล้ปรากฏหมอกขาวพร้อมกับกลิ่นหอมปรากฏขึ้น  ในหมอกขาวดูเหมือนว่าจะมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งโบกหางเบาๆด้วยท่วงท่าสวยงามต่อเนื่องแต่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

แม้แต่ขุนพลเทพจื่อเว่ยที่แข็งแกร่งที่สุดซ่อนตัวอยู่และเฝ้ามองในระยะไกลก็ยังไม่สามารถมองฝ่าหมอกขาวจางได้

กลิ่นหอมติดจมูกแทบละลายใจ

เมื่อขุนพเทพอู่ชีฟันดาบสีทองม่วงใส่เขาเห็นภาพที่แปลกประหลาดและน่ากลัว

ข้างหน้าเขามีเจ้าเมืองโล่วฮัวสองคน

เจ้าเมืองโล่วฮัวสองคนมองดูเหมือนพี่น้องฝาแฝดลักษณะเหมือนกัน ไม่ว่าพวกเขาจะมองดูอย่างไรหรือต่อสู้อย่างไร พวกเขาไม่สามารถมองเห็นความเหมือนหรือแตกต่างกันได้เลย  ทั้งสองคนยืนเคียงคู่กันเงียบๆ ราวกับเป็นพี่น้องฝาแฝดตั้งแต่เกิด  นี่ไม่ใช่สิ่งที่แปลกที่สุด  สิ่งที่ทำให้ขุนพลเทพอู่ชีกลัวมากที่สุดคือเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองคนต่างควบกลั่นแสงอุษาไว้ในมือทั้งสองของพวกนาง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง มือดุจหยกทั้งสี่ข้างต่างกลั่นควบกลุ่มพลังแสงอุษาสังหารและมีความเป็นไปได้ว่าพร้อมจะยิงออกมาได้ทุกเมื่อ

เจ้าเมืองโล่วฮัวต้องมีเพียงคนเดียวเท่านั้น

ผู้ใดจริง? ผู้ใดปลอม?

คนที่ตัดสินใจผิดพลาด กลัวกับการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ภายใต้แสงอุษาของนาง!

“ฮ่าห์!  ร่างของโล่วฮัวทั้งสองร่างตวาดพร้อมกัน แสงอุษาในมือทั้งสี่ของพวกนางเล็งไปที่ขุนพลเทพอู่ชีบนท้องฟ้า  ขุนพลเทพเหวินชีทางด้านขวา ขุนพลเทพจู้เหมินที่อยู่ตรงกลางและขุนพลเทพจื่อเว่ยที่อยู่ในระยะไกล ทุกคนมีส่วนร่วมและวิธีการโจมตีที่ไม่เคยล้มเหลวมาก่อนทำให้ขุนพลเทพอู่ชีฟันใส่ทันที เขารู้สึกถึงเงาทะมึนในใจ  เพราะระยะห่างระหว่างเขากับเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองนั้นอยู่ใกล้กันเกินไป ใกล้กันชนิดที่ว่าเขาไม่มีเวลาสนองตอบได้ ดาบทองม่วงของเขาฟันลงบนศีรษะของเจ้าเมืองโล่วฮัว หลังจากผ่านไปหนึ่งวินาทีร่างนั้นก็ถูกฟัน ทั้งสองศีรษะร่วงตกลงพื้น

ขณะนั้น

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งในหมื่นวินาที

ลำแสงอุษาสังหารทั้งสี่สายระเบิดพลังออกมาพร้อมกัน ... “สู้!  ขุนพลเทพอู่ชีไม่ทันมีเวลาได้หลบ เขาฟันดาบทองม่วงในมือและเสริมพลังผลักดันสูงสุดเพื่อสู้ต่อ

น่าเสียดาย เขาไม่มีโอกาส

แสงอุษาจากมือซ้ายของเจ้าเมืองโล่วฮัวด้านหลังเร็วเกินกว่าจะคิดคำนวณผ่านดาบทองม่วงปะทะเข้าที่หน้าของขุนพลเทพอู่ชีและระเบิดใส่เขา

แม้ว่าจะไม่ได้ผลเหมือนขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยสังหารฉับพลัน แต่แม้แต่คนตาบอดก็มองออกว่าสภาพขุนพลเทพอู่ชีไม่อยู่ในสภาพที่ดี

ไม่เพียงแต่ขุนพลเทพอู่ชีเท่านั้น แม้แต่ขุนพลเทพเหวินชีก็ถูกยิงกระเด็นเหมือนกัน

เจ้าเมืองโล่วฮัวที่อยู่ข้างหน้ายิงลำแสงอุษาออกมาจากมือขวาของนางระเบิดใส่ขุนพลเทพที่อยู่ด้านหลังโล่ศักดิ์สิทธิ์ ลำแสงอุษานี้ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทำให้โล่กระจกสีเงินบริสุทธิ์ที่สามารถสะท้อนพลังแสงได้เกือบทั้งหมดถูกทำลาย  ขุนพลเทพเหวินชีที่หลบอยู่หลังโล่ปลิวกระเด็นขึ้นไปในอากาศ

ขุนพลเทพเหวินชีส่งเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวด ร่างพุ่งโด่งโค้งไปไกลถึงหมื่นเมตร

แน่นอนว่าเขายังป้องกันตัวเองได้ สถานการณ์ของเขาดีกว่าขุนพลเทพอู่ชีที่ถูกยิงใส่หน้าโดยตรง

ขุนพลเทพอู่ชีถูกยิงกระเด็นไปทั้งร่าง นางโกรธแล้วเล็งยิงไปที่ขอบฟ้า

ร่างนั้นเห็นเหมือนจุดดวงดาว

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น

ไม่ทราบว่าเขาจะร่วงลงมาอีกเมื่อใด

ขุนพลเทพจื่อเว่ยยืนอยู่ในระยะห่างเห็นแสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัวยิงมาถึงข้างหน้าเขา  แม้ว่าพลังของเขาจะเหนือกว่าสหาย แต่เขาไม่กล้าประมาท

เขาไม่ได้โจมตีป้องกัน แค่เพียงขยับตัวถอยหนึ่งก้าว

เอนตัวท่อนบนเหมือนสะพานเหล็ก

หลบหลีกพลังแสงอุษาอย่างชาญฉลาด

แสงอุษาเฉียดจมูกของเขาและเขาไม่รู้เจ็บอะไร มีแต่เส้นผมบางเส้นที่กระพือจากหลังศีรษะของเขาถูกแสงละลายหายไป ขุนพลเทพจื่อเว่ยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที  แสงอุษาที่ยิงออกมาจากมือมีพลังเช่นนี้ได้จริงๆ ทรงพลังเกินกว่าเขาจะจินตนาการ  ถ้าเขาไม่มีพลังที่แข็งแกร่งและไพ่สำคัญ เขาจะไม่ตอแยสองพี่น้องฝาแฝดที่มีพลังน่ากลัวอย่างเจ้าเมืองโล่วฮัวแน่นอน!

ข้อมูลที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านั้นผิดอย่างสิ้นเชิง

เจ้าเมืองโล่วฮัวมีพี่น้องฝาแฝด

ไม่น่าแปลกใจที่นางสามารถเอาชนะคู่สู้ที่มีระดับความแข็งแกร่งสูงได้อย่างง่ายดาย เพราะนางมีกันสองคน คือนางกับน้องสาวฝาแฝดที่มีความเข้าใจร่วมกัน!

“ฮ่าห์....”  ขุนพลเทพจู้เหมินยังไม่ได้พ่ายแพ้ เพราะจู้เหมินจะระมัดระวังตัวมากที่สุด

เมื่อลำแสงอุษาในมือขวาของเจ้าเมืองโล่วฮัวซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเขาในเวลานั้น เขาไม่ได้บุกโจมตีเหมือนขุนพลเทพอู่ชี ไม่ได้ทำหน้าที่ป้องกันเหมือนขุนพลเทพเหวินชี แต่มือของเขาขาด และเขาอยู่ริมมิติว่าง มิติเวลาข้างหน้าเขาถูกฉีกออก

เขาลื่นเข้าไปในประตูมิติเวลา

อาศัยกฎธรรมชาติของมิติเวลา เขาหลบหลีกจากลำแสงอุษาได้หวุดหวิดและเทเลพอร์ตไปอยู่ด้านหลังขุนพลเทพจื่อเว่ย

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเมืองโล่วฮัวหรือพี่น้องฝาแฝดของนาง ขุนพลเทพจู้เหมินไม่เต็มใจจะต่อสู้กับพวกนางทั้งนั้น นี่เป็นศัตรูที่ร้ายกาจคงกระพัน เพราะนางมีความสามารถในการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด ลำแสงอุษา!  ภายใต้แสงอุษาสังหารที่สามารถทำลายได้ทุกอย่าง แม้ว่าบางคนจะมีความสามารถเอาชนะทั้งสองคนได้ แม้แต่จะฆ่าก็ตาม แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะหลบหนีพ้นจากการตอบโต้ถึงชีวิต...  ขุนพลเทพจู้เหมินคิดว่าภารกิจของตัวเขาสำเร็จแล้ว  แต่ผู้รับผิดชอบทำลายสวนลอยฟ้าขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยตายในการต่อสู้

ไม่มีความจำเป็นที่ตัวเขาต้องสู้กับเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองคนนี้อย่างสิ้นหวัง

    Even if you fight, you can’t take turns.

ต่อให้สู้ก็ไม่สามารถเอาชนะได้

ในขณะนั้นยังมีขุนพลเทพจื่อเว่ยเป็นหัวหน้าปฏิบัติการไม่ใช่หรือ?  เขาเป็นหัวหน้า และเป็นผู้ทรงพลังที่สุด เขาควรจะลุกขึ้นยืนและตัดสินใจ ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะไม่ยุ่งกับภารกิจอย่างนี้  สำหรับงานที่เจ้าตำหนักใหญ่ได้มอบหมายก่อนหน้านี้ที่ว่าจำเป็นต้องจับตัวประกันเพื่อใช้คุกคามเย่ว์ไตตัน ขุนพลเทพจู้เหมินไม่คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี  ขุนพลเทพจื่อเว่ยเป็นหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดเกรงว่าเขาจะไม่มีความสามารถพอจับฝ่ายตรงข้ามเป็นตัวประกันโดยลำพังตัวเขาเอง

ดังนั้นป้องกันตนเองเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องทำตอนนี้

ขุนพลเทพจู้เหมินพ่ายแพ้ศึกอย่างสิ้นเชิง เขามองดูขุนพลเทพเหวินชีผู้ปลิวลอยไปกับโล่และเห็นว่าเจ้าผู้นี้มืดดำไม่ต่างอะไรกับถ่าน ผิวของเขามีกลิ่นเนื้อไหม้..  อู่ชียังล่องลอยเป็นดาวในท้องฟ้าโดยยังไม่ตกร่วงลงมา  เขายังไม่รู้เหตุการณ์เฉพาะหน้า

แต่ขุนพลเทพจู้เหมินคาดว่าสถานการณ์ของเจ้าผู้นั้นอาจไม่ดีไปกว่าขุนพลเทพเหวินชี

เจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองคนไม่ได้โจมตีอีกครั้ง

พวกนางกำลังรอ

และเงยหน้าขึ้น

ดูเหมือนว่าขุนพลเทพอู่ชีซึ่งลอยไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากำลังร่วงลงมา

พวกนางทำอะไรกัน?  รอให้อู่ชีร่วงลงมารับสี่ลำแสงหรือ?

ขุนพลเทพจู้เหมินลอบปาดเหงื่อ  เขาคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้อู่ชีน่าจะกลายเป็นหมูย่างแสนอร่อยยิ่งกว่าเหวินชีร้อยเท่า!

รอคอยอย่างน้อยครึ่งนาทีอู่ชีซึ่งถูกลำแสงอัดกระแทกค่อยร่วงลงมาบนพื้นพร้อมกับดาบม่วงทอง

เขาหมดสติร่วงลงมาเหมือนดาวตก

ด้วยความเร็วไม่มีขีดจำกัด

จากนั้นมีเสียงบึ้มที่พื้น... เขากังวลว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองคนอาจฉวยโอกาสยิงลำแสงอุษาอีก ไม่ว่าจะเป็นขุนพลเทพจื่อเว่ย ขุนพลเทพจู้เหมิน และขุนพลเทพเหวินชีที่กำลังฟื้นจากสภาพร่างถูกย่าง ไม่มีการช่วยเหลือขุนพลเทพอู่ชี เขาถูกปล่อยให้ลงกระแทกพื้นอย่างแรง  อย่างไรก็ตามขุนพลเทพอู่ชีไม่ว่าร่างกายจะบาดเจ็บแตกหักอย่างไรก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้  ดังนั้นการช่วยเหลือรักษาบางอย่างก็สามารถทำได้!

ขุนพลเทพอู่ชีที่กำลังมึนงงคลานออกมาจากพื้น

อีกหนึ่งนาทีต่อมา

ถึงเขาจะไม่ตายก็ตาม

แต่ไม่ว่าจะเป็นขุนพลเทพเหวินชี หรือขุนพลเทพจู้เหมิน แม้แต่ขุนพลเทพจื่อเว่ยที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็ยังรู้สึกกลัว

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า เมื่อเห็นว่าข้าร่วงลงมาทำไมไม่รับข้า!  ขุนพลเทพอู่ชีโกรธสหายของเขา  แต่เขารู้สึกแปลกทันที  เพราะเขาพบว่าเสียงของเขาเปลี่ยนไป  เสียงบุรุษที่เยือกเย็นและทรงพลังดั้งเดิมหนักแน่นกลายเป็นเสียงของสตรีทรงเสน่ห์ น้ำเสียงอย่างนี้น่าอึดอัดใจราวกับว่าเสียงของเขาถูกสตรีนั้นยึดไป

ขุนพลเทพอู่ชีตกตะลึงตอนแรก  จากนั้นนั้นกรีดร้อง  “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอกข้าถึงใหญ่ขึ้น?”

ขุนพลเทพจื่อเว่ยเมื่อเห็นถึงกับเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก

ขุนพลเทพจู้เหมินและขุนพลเทพเหวินชีหลั่งเหงื่อเยียบเย็น เท่าที่พวกเขามองดูความผิดปกติของสหายของเขา พวกเขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

พวกเขาไม่มีใครตาบอด  พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอู่ชีสหายของพวกเขากลายเป็นสตรี กลายเป็นกระเทยที่มีทั้งความเป็นบุรุษและความเป็นสตรี!

เคราที่ยังไม่โกนยังอยู่บนใบหน้า  แต่อกนั้นขยายใหญ่เหมือนสตรี สะโพกและกระดูกเชิงกรานขยายกว้างคล้ายหญิงสาว แต่มีความคุ้นเคยกันระหว่างสหาย  ผู้นี้กลายเป็นตัวประหลาดไม่ชายไม่หญิง ส่วนล่างที่ควรเป็นบุรุษ ไม่มีความเป็นบุรุษอีกต่อไป

เขาไม่มีความเป็นบุรุษอีกต่อไป ระหว่างขาว่างเปล่า

เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงคราวนี้

ไม่สมบูรณ์

ในแง่การเปลี่ยนแปลงร่างกาย การเปลี่ยนเป็นสตรีอาจจะเสร็จสิ้นไปมากกว่าครึ่ง  ดังนั้นจึงกลายเป็นรูปแบบกระเทยที่น่ากลัว ไม่หญิงไม่ชาย แต่มีเครื่องเพศทั้งสอง เมื่อโดนแสงอุษาจะเสียความสามารถของบุรุษกลายเป็นกระเทยด้วยหรือ?

ขุนพลเทพจื่อเว่ย จู้เหมินและเหวินชีมองดูเจ้าเมืองโล่วฮัว สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ในทางตรงกันข้าม พวกเขาค่อนข้างจะถูกพลังแสงอุษาโจมตีจากด้านหน้าของเจ้าเมืองโล่วฮัว ดังนั้นแม้จะกลายเป็นหมูย่างเจ็บปวดมากกว่า แต่ยังดีกว่ากลายเป็นกระเทยไม่หญิงไม่ชายไม่ใช่หรือ?

ขุนพลเทพเหวินชีรู้สึกว่ายังโชคดี!

ถ้าแสงอุษาแปลงเพศยิงมาที่เขาแทนที่จะเป็นอู่ชี อย่างนั้นเขาคงต้องฆ่าตัวตายแน่นอน!

“ทักษะแฝงเร้นหญิงเจ้าเสน่ห์ สามารถเปลี่ยนบุรุษเป็นสตรีได้ และสามารถทำให้สตรีเป็นสตรีมากยิ่งขึ้น  ยิ่งร่างกายและจิตใจบริสุทธิ์มากเท่าไหร่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายจะสูงขึ้นและเวลาเปลี่ยนแปลงสั้นลง”  เจ้าเมืองโล่วฮัวยืนอยู่ข้างหน้า นางยิ้มเหมือนเจ้าเล่ห์ ชี้ไปที่ขุนพลเทพอู่ชีและยิ้มกล่าว “อย่างเจ้าที่สกปรกทั้งกายและใจต้องใช้กระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างน้อยหลายพันปี  ยินดีด้วย เจ้ามีเวลาสนุกกับกระบวนการเปลี่ยนแปลง!

“มีทักษะแฝงเร้นอย่างนี้ในโลกได้อย่างไร!  ขุนพลเทพอู่ชีกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

“นั่นเป็นเทพโบราณประทานให้ข้าเป็นพิเศษเอาไว้ชำระตัดสินอาชญากรรมนับไม่ถ้วนที่เจ้าก่อไว้!  ทุกวันเจ้าจะต้องทนแบกรับความเจ็บปวดของสตรีที่เจ้าล่วงเกินและประสบการณ์ทนทุกข์ทรมานที่พวกนางได้รับทั้งหมดจนกระทั่งจบสิ้นการเปลี่ยนแปลง”  เจ้าเมืองโล่วฮัวที่ยืนอยู่ด้านหลังโบกกลิ่นหอม  “ลืมบอกเจ้าไป กลิ่นหอมบริสุทธิ์นี้จะทำให้ความเจ็บปวดของเจ้าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า!

 

*** *** ***

7 ความคิดเห็น:

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
อย่างฮา

blakaros กล่าวว่า...

พลังสุดสยองขวัญของชายแท้เลยละ โดนแบบนี้บางคนยอมตายซะยังดีกว่า

Lazykuma กล่าวว่า...

นี้สิทีี่คู่ควร555

Pcha กล่าวว่า...

โหดเกิน

oBABYVOXo กล่าวว่า...

จัดไป เปลี่ยนใหครบทุกคน 555++

SorathornBest กล่าวว่า...

ยิงสักใส่สักคนละ100ที

CHANTANA กล่าวว่า...

โหดมันฮ่า

แสดงความคิดเห็น