วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1264 ไม่มีใครหลบหนีได้!


 

ตอนที่  1264  ไม่มีใครหลบหนีได้!

“ไม่ต้องพูดถึงการควบคุมพลังยักษ์ชะตาหรือการพัฒนาศักยภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเจ้า ตราบใดที่เจ้าสามารถตื่นตัวอยู่ได้และควบคุมพลังยักษ์ชะตาหลายกิโลเมตรได้ก็เพียงพอต่อการเอาชนะตงฟางได้”  จื้อจุนผู้มีจักษุทิพย์สามารถเข้าใจวิธีการที่แท้จริง และตัดสินเย่ว์หยางได้

 

“ตามความเร็วในการฝึกฝนของข้า  ท่านคาดว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะควบคุมพลังยักษ์ชะตาที่สูงเป็นกิโลเมตรได้?”  เย่ว์หยางถาม

“สามปี” จื้อจุนลังเลเล็กน้อย

“ตอนนี้เรามีเวลามากเท่าใด?”  เย่ว์หยางเมื่อได้ยินที่หน้าผากมีเหงื่อผุดขึ้นทันที

“ด้วยความสงสัยระแวงของตงฟาง อย่างมากเรามีเวลาเพียงสามวัน”  จื้อจุนพูดเย่ว์หยางแทบเป็นลม

ภารกิจใช้เวลาอย่างน้อยสามปี จะทำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ในสามวันได้อย่างไร?  ต่อให้เขาเป็นอัจริยะที่ผิดมนุษย์ธรรมดาก็ตาม แต่เขาไม่มีความสามารถขนาดนี้!  นี่ยากเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์!

เพื่อแลกวลา

เย่ว์หยางยอมได้

นี่ไม่ใช่ปัญหาในเรื่องความขยันพยายามและทัศนคติ  เขาจะทำอะไรได้ในสามวันนี้?  ต่อให้ทุกวินาทีแบ่งออกเป็นสิบส่วน แต่ละส่วนก้าวหน้าได้ครั้งหนึ่ง และในเวลาสามวันจะให้เชี่ยวชาญเท่ากับพลังฝึกปรือสามปีก็ยังไม่สามารถทำได้  ในการนับจริงๆ เย่ว์หยางรู้สึกว่าต้องมีเวลาพักกิน พักเล่นสนุกเหมือนอย่างที่ทำ สามปีก็ยังทำไม่ได้!  นอกจากนี้ตัวของเขาเองยังฝึกได้แม้ว่าจะหลับไปแล้ว  ในดินแดนแห่งความฝัน ถ้าเป็นคนอื่นคงหลับอย่างสูญเปล่า

ถ้าเขาต้องการทำเช่นนี้ เขาไม่ต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นใหม่เหมือนกับเป็นเศษขยะ  และตอนนี้ถ้าจะเริ่มต้นในขอบเขตพลังระดับเทพ  อย่างนั้นจะควบคุมยักษ์ชะตาที่ร่างใหญ่โตมโหฬารได้หรือไม่?

“.......”  เย่ว์หยางอยากจะพูดในแง่ดีว่านี่เป็นงานขนมมาก เขาใช้เวลาครึ่งวัน  แต่คำพูดโอ้อวดนั้นมิได้ออกมา

“เย่-อวี่ (จักรพรรดินีราตรี) สละชีวิตนางสู้เพื่อเจ้าได้สามวัน เพื่อดึงดูดความสนใจของศัตรู นางจึงเปลี่ยนนิสัยการต่อสู้ตามปกติไปเผชิญหน้ากับนักสู้ระดับเทพที่ทรงพลังของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ด้วยทัศนคติที่แข็งกร้าว  ถ้าควบคุมพลังชะตาได้ไม่ทันเวลา อย่างนั้นนางคงตายแน่นอน  เพราะด้วยศักดิ์ศรีของนาง นักสู้ระดับเทพทั้งสามนั้นเคยฆ่าองค์หญิงประกายดาวมาแล้ว ทั้งตงฟางและเทียนอี้ไม่ยอมปล่อยให้นางได้เลื่อนระดับเป็นนักสู้ชั้นเทพแล้วยังมีชีวิตอยู่ในบันไดสวรรค์”  คำพูดของจื้อจุนทำให้เย่ว์หยางไม่มีทางบอกปัดหลบเลี่ยงได้

พยายามอยู่สู้อย่างเต็มที่ มีโอกาสพ่ายแพ้มาก

อย่างไรก็ตามถ้าเขาไม่กล้าแม้แต่จะสู้ และนั่งงอมือรอความล้มเหลว เขายังจะเป็นลูกผู้ชายอีกหรือ?

แม้ว่าจื้อจุนจะยกมาแค่จักรพรรดินีราตรีมาเป็นตัวอย่าง  แต่ในความเป็นจริงยังคงมีเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรวมอยู่ด้วย  หากพวกนางล้มเหลวก็จะตายกันทั้งหมด.... นอกจากนี้ยังมีฝ่าบาทที่เป็นผู้ปกป้องทางเขาแดนล่มสลายแห่งทวยเทพที่แท้จริง แม่สี่ที่หาทางกลับบ้านและซวงเอ๋อก็ไม่มีข้อยกเว้น

ในกรณีนี้แม้ว่าเขาจะใช้เวลาสองสามปีหรือเป็นสิบปีแล้วชนะได้ในที่สุด

แต่จะมีความหมายอะไร?

“ข้า....”  เย่ว์หยางกำหมัดแน่น เพื่อปกป้องความสุขที่สร้างขึ้นอย่างยากลำบาก เพื่อปกป้องรอยยิ้มพิมพ์ใจของทุกคน  สามวันก็สามวัน  ถ้ายังมีความหวังเขาต้องอดทน  แม้จะเป็นวินาทีเดียว เขาจะถนอมเอาไว้และไม่ยอมสูญเสียไปง่ายๆ ต่อให้ยากลำบากก็ต้องทำ!

“ข้าทำได้!  ต้องทำให้ได้!  ภายในสามวันข้าต้องควบคุมพลังยักษ์ชะตาให้ได้  ข้าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง!

ข้าคือใคร

“ข้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์แห่งหอทงเทียนถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดามาหลายปี  ข้าคืออัจฉริยะที่สร้างปาฏิหาริย์ไว้มากมาย ข้าคืออัจฉริยะที่ยากพบพานในรอบหลายพันปี ไม่, ต่อให้ข้าเป็นคนธรรมดา หรือเป็นสวะ ตราบใดที่ยังมีความหวัง  ตราบใดที่ข้าเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ เชื่อมั่นในโชคชะตา ข้าจะควบคุมชะตานั้นไว้ด้วยมือของข้าเอง  ข้า ข้าคือเจ้าของชะตา ไม่ใช่ทาส  ข้าคือเจ้านายของชีวิตตัวเอง ข้าจะควบคุมทั้งหมดด้วยตัวข้าเอง  ข้าทำได้!

เย่ว์หยางตะโกนกู่ก้องฟ้าราวกับฟ้าคำราม

ร่างของเขาสั่นด้วยความตื่นเต้น

นั่นไม่ใช่ความกลัว

แต่เป็นพลังปณิธานที่แผดเผาจนเกินขีดจำกัดพลังชีวิตปะทุขยายออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ในตอนนี้จื้อจุนมองดูนัยน์ตาของเขา มีความรู้สึกพอใจและโล่งใจ  เพื่อกระตุ้นให้เขาเกิดแรงบันดาลใจก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้น ภารกิจของนางยากกว่าจักรพรรดินีราตรีเป็นร้อยเท่า

จักรพรรดินีราตรีไม่อาจล้มเหลว  นางล้มเหลวไม่ได้

จักรพรรดินีราตรีหลังจากทุ่มเทต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งล้มเหลว อย่างดีก็แค่จักรพรรดินีราตรีตายคนเดียว  แต่ถ้านางล้มเหลวในการขัดขวางศัตรู อย่างนั้นผลที่ตามมาจะทำให้สูญเสียพ่ายแพ้กันหมด  สาวๆ ที่ติดตามเขาอาจไม่มีใครเหลืออยู่ เนื่องจากความพ่ายแพ้ดังกล่าวอาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหัวใจของเขา ไม่ ต่อไปเขาจะเติบโตกล้าแข็ง และอาจกลายเป็นปีศาจบ้าเลือดเข่นฆ่าชาวสวรรค์ และถูกผนึกโดยมหาเทพโบราณในที่สุด และไม่มีโอกาสออกมาได้

ผลลัพธ์แบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาหรือทุกคนต้องการ

โชคดีที่เขาไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง แม้แต่งานที่ยากและท้าทายที่สุด เขาไม่กลัวที่จะท้าทาย

ด้วยความคิดเช่นนี้ ด้วยแรงบันดาลใจเช่นนี้ ด้วยความยืนกรานเช่นนี้ เขาจะประสบความสำเร็จได้ในที่สุด  เพราะนี่จะเป็นหนึ่งในปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วนที่สร้างขึ้นมาในชีวิตของเขา

พวกที่ยึดติดกับโชคชะตาของตนเองจะไม่มีทางถูกโชคชะตาตนเองทอดทิ้ง

เพราะเขาเป็นเจ้าแห่งโชคชะตาตนเอง!

“เจ้าจะประสบความสำเร็จ  เพียงแต่เจ้าเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ของเจ้า  ตราบเท่าที่เจ้ามีความหวังนิรันดรในหัวใจของเจ้า  เจ้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้ล้มเหลว”  จื้อจุนอ้าแขนโอบเขาไว้อย่างอ่อนโยน สนับสนุนเขาด้วยความรู้สึกสบายใจ  “ข้าจะช่วยเจ้าเช่นกัน แค่ใช้วิธีลับที่มารดาเจ้าสอนข้าไว้  ทุกคน ทุกคนจะสนับสนุนเจ้า...  เจ้าจะต้องประสบความสำเร็จ!

เย่ว์หยางเงยหน้ามองท้องฟ้า

เขากลัวว่าถ้าก้มหน้าลงพลังใจและแรงฮึดจะลดลง

มีภาพสลัวเบาบางปรากฏในสายตาอยู่สูงในท้องฟ้ากำลังยิ้มหวานให้เขา มองมาทางตัวเขา  เขางงงวยไม่สามารถเห็นนางได้อย่างชัดเจน เป็นภาพเลือนรางไม่ชัดเจนเหมือนกับภาพที่เห็นโดยบังเอิญหรือภาพฝัน เงาภาพคนรัก

ท่านแม่  นั่นท่านหรือเปล่า?

ท่านมักมองข้าอยู่บนท้องฟ้าอยู่เสมอหรือ?

ตำหนักซัคคิวบัส หุบเขาฝันปริศนา หอทงเทียนชั้นที่เจ็ด

เจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวและสหาย เมื่อพวกเขามาถึงตำหนักซัคคิวบัส หุบเขาฝันพิศวงก็พบเจอสนามรบที่นองเลือด ทหารแดนสวรรค์นับพันบุกตะลุยเข้ามาเหมือนกับสายน้ำโจมตีประตูใหญ่ตำหนักซัคคิวบัส  ต่างจากกองกำลังต่อต้านที่ไม่อาจต้านทานได้อย่างป้อมสายฟ้าหอทงเทียน เผ่าซัคคิวบัสภายใต้การนำของนางพญาซัคคิวบัสและสี่ผู้อาวุโสต่างต้านทานได้เป็นอย่างดี

จิตวิญญาณที่ห้าวหาญเที่ยงธรรมนี้ทำให้บุรุษอย่างเจ้าอ้วนไห่และเย่คงรู้สึกละอายใจ

มีอยู่เพียงไม่กี่เผ่าพันธุ์ในหอทงเทียนที่กล้าต่อต้านการรุกรานจากแดนสวรรค์

เขาเกรงว่านั่นเป็นเพียงทหารกองทัพผสมที่บุกรุกเข้ามา

ยังไม่ใช่กองทัพชั้นสูงจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์

ในท่ามกลางเสียงร้องเข่นฆ่า เผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสและทหารแดนสวรรค์ต่างล้มลงนับไม่ถ้วน  สถานการณ์การต่อสู้แสดงให้เห็นถึงการยันกำลังกันทั้งสองฝ่าย ต่างกัดฟันต่อสู้ไม่ยอมถอยหนี

เผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสต่างต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดตนเอง  ขณะที่ทหารแดนสวรรค์ยืนอยู่ได้เพราะด้านหลังของเขามีขุนพลเทพอีกคนหนึ่งหนุนหลัง

ขุนพลเทพเทียนเฉิง

เขาตั้งใจมาที่นี่ ตั้งใจมายังตำหนักซัคคิวบัสที่มีนางพญาซัคคิวบัสเพราะอสูรพิทักษ์ของสุดยอดนักสู้อย่างเทียนฟา คนผู้นี้เป็นนักสู้ระดับขุนพลเทพ   หนึ่งในสิบแปดขุนพลเทพของตงฟาง ขุนพลเทพเทียนเฉิงไม่ได้ทรงพลังที่สุด และไม่ได้ฉลาดที่สุด ทั้งไม่ใช่ผู้ที่เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางไว้ใจที่สุด  อย่างไรก็ตาม เขาเป็นผู้กล้าที่สุดในสิบแปดขุนพลเทพ

เพื่อให้ได้เปรียบมากขึ้น  เขาจะต้องชนะเพื่อปูทางไปสู่อนาคตที่สดใส

เขาเลือกตำหนักซัคคิวบัสที่มีความเสี่ยงที่สุด

ทำลายบ้านของเทียนฟา

การรุกรานนักสู้ของหอทงเทียน ถ้านักสู้ไม่มีจิตวิญญาณที่กล้าหาญ ก็ไม่มีทางทำเช่นนั้นได้  ตราบใดที่ไม่ใช่คนโง่สติปัญญาทรามก็สามารถบอกได้ว่าหอทงเทียนไม่ได้มีเย่ว์ไตตันเป็นนักรบเท่านั้น  ตัวอย่างเช่นจื้อจุนมนุษย์, มารสัมฤทธิ์ฟ้า, มารกฎฟ้า, จักรพรรดิมังกร, จักรพรรดิใต้พิภพ ฯลฯ ภายใต้การนำของเย่ว์ไตตัน กระบวนการพัฒนาฝีมือของพวกเขาก้าวกระโดด  บางทีเทียนฟาอาจยังไม่เลื่อนถึงระดับเทพ  แต่ภายใต้ชื่อเสียงที่โด่งดัง ขุนพลเทพจื่อเว่ยผู้แข็งแกร่งที่สุด  ขุนพลเทพเทียนจีผู้ฉลาดที่สุด  หรือแม้แต่หัวหน้าตงฟางหัวหน้าใหญ่ของขุนพลเทพทั้งสิบแปด ก็ไม่กล้าดูถูกพลังความแข็งแกร่งของเทียนฟา

น่าเสียดายที่ขุนพลเทพเทียนเฉิงได้ส่งบริวารเข้าร่วมโจมตีอยู่ครึ่งค่อนวัน

เทียนฟายังไม่ปรากฏตัว

นางต้องได้รับเสียงร้องขอความช่วยเหลือไปแล้ว

ทำไมยังไม่มา

ขุนพลเทพเทียนเฉิงจะไม่คิดอย่างหยิ่งยโสว่าอีกฝ่ายกลัวตนเอง แต่ยืนยันอีกข้อหนึ่งว่า เทียนฟา จะต้องทำศึกกับนักสู้แดนสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่าแน่นอน เทียนฟา (มารกฎฟ้า) กำลังจะท้าทายผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์อย่างนั้นหรือ?

ถ้านางมีพลังขนาดนั้นจริงๆ อย่างนั้นเขาอาจพิจารณาถอนกำลัง

“ดูนั่น มีแมลงเกราะทอง!  เจ้าอ้วนไห่ได้รับพรจากป่าโบราณและพลังหนามโบราณ เขาตะโกนไปทางขุนพลเทพเทียนเฉิง

“พูดมาก!  เย่คงถีบก้นเจ้าอ้วนไห่กระเด็นเข้าหาขุนพลเทพเทียนเฉิง

ในอีกด้านหนึ่ง องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าทั้งคู่

ราวมทั้งพี่น้องตระกูลหลี่

จากนั้นรีบไปยังที่ๆ มีเผ่าซัคคิวบัสหนาแน่นที่สุด

พวกเขารู้กำลังของพวกเขาและรู้ตัวว่าพวกเขาควรทำอะไรมากที่สุด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่จะรุมล้อมขุนพลเทพ  พวกเขาต้องให้ความช่วยเหลือเล็กน้อยกับพวกเผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสที่เหนื่อยล้าแต่ยังต่อสู้อย่างกล้าหาญ

ขุนพลเทพเทียนเฉิงฉายประกายรัศมีออกไปและเทเลพอร์ตออกไปหมื่นเมตรทันที

เขา

หลบหนีสี่สหายเย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวอย่างง่ายดาย

เมื่อมองไปที่สีหน้าทึ่งเหลือเชื่อของเจ้าอ้วนไห่ เขากล่าว “ข้าไม่ใช่เจ้างี่เง่าขุนพลเทพไท่หยาง  เจ้านั่นหยิ่งยโสไม่ดูสถานะตัวเอง ได้พลังมาก็ต้องขอบคุณบรรพบุรุษของเขา  เขาเป็นเด็กที่ได้รับมรดกพลังจากตระกูลแต่ไม่รู้ว่าการฝึกปรือคืออะไร  ข้าแตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง ข้าฝึกฝนไปทีละขั้นชั้น ตั้งแต่ระดับรากหญ้า พวกเจ้าเข้าใจไหม?  ข้าเป็นนักสู้ระดับล่างในแดนสวรรค์มานานลำบากยิ่งกว่าพวกเจ้า...  ข้าเข้าใจความคิดทั้งหมดของพวกเจ้า เพราะข้าทำอย่างนั้นมาแล้ว  และข้าไม่มีลูกพี่คอยแนะนำเหมือนอย่างเย่ว์ไตตัน!

“เฮ้, ข้าคือลูกพี่!  เย่ว์ไตตันคือเด็กรุ่นน้องของข้าคุณชายผู้นี้ นี่คือความจริงที่เขายอมรับกันทั่วหอทงเทียน  ถ้าเจ้าไม่เชื่อ  เจ้าไปถามใครๆ ดูก็ได้”  เจ้าอ้วนไห่โอ้อวด

“เจ้างี่เง่า เจ้าพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ  ในเมื่อเจ้าเป็นคนงี่เง่า!  เย่คงตบและตะคอกใส่เขา

“......”  เสวี่ยทันหลางขมวดคิ้ว  นี่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งแน่นอน ซึ่งแตกต่างจากขุนพลเทพไท่หยาง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความหยิ่งเหมือนกับขุนพลเทพไท่หยางผู้หยิ่งยโส

ขุนพลเทพผู้นี้ไม่มีจุดอ่อนและระมัดระวังตัวเต็มที่

การสู้นี้ดูเหมือนจะสู้ได้ยาก!

องค์ชายเทียนหลัวเตือนพวกพ้องลับๆ ให้ระวังตัว

แทนที่จะเย้ยหยันการอวดอ้างของเจ้าอ้วนไห่ ขุนพลเทพเทียนเฉิงตบมือชื่นชม  “ไห่ต้าฟู่!  ข้าได้รวบรวมข้อมูลของเจ้ามาแล้ว  ความจริงแล้วเจ้าเป็นคนขี้ขลาดแต่ชอบคุยโม้โอ้อวด  แต่หลังจากได้รับอิทธิพลจากเย่ว์ไตตัน เจ้าเปลี่ยนแปลงไปเป็นนักรบที่มีความกล้าหาญมาก เพียงแต่ความเจ้าเล่ห์และความหน้าด้านของเจ้ามักถูกใช้ปกปิดร่างกายอ้วนๆ ซกมกของเจ้า ใช้คำพูดดูถูกและจงใจเปิดเผยข้อบกพร่องของเจ้าหลอกล่อศัตรูให้หลงกล  ฟังให้ดีเจ้าอ้วนไห่  ถ้าเจ้าหลอกลวงขุนพลเทพไท่หยางได้ คงจะไร้สาระถ้าจะเอามาใช้กับข้า  อุบายของเจ้าข้าเคยทำมาก่อนแล้ว และทำได้ดีกว่าเจ้า!  ไม่ว่ายังไงก็ตามเจ้าและสหายที่อยู่รอบตัวเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าชื่นชม  พวกเจ้าอายุยังน้อยและพลังความแข็งแกร่งยังห่างไกลจากข้า  ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการทำอะไร  แต่ข้าสามารถบอกได้ชัดๆ เลยว่าใช้กับข้าไม่ได้ผล  ก่อนที่พรของเทพที่อยู่ในตัวของเจ้ายังไม่สลายไป ข้าจะไม่ลงมือกับพวกเจ้า  ข้าไม่ใช่คนโง่!

เย่คงฟังแล้ว ไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน

เจ้าอ้วนไห่ต้องการเริ่มลงมือ  แต่ถูกเย่คงห้าม

สีหน้าของเขามีแววจริงใจ เขาเดินมาอยู่ข้างขุนเทพเทียนเฉิงและพูดขึ้น  “เจ้าเข้าใจเราและรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรา ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้ามาที่หอทงเทียนทำไม?  ทำไมเจ้าต้องมาลงมือต่อเรา?  เจ้าควรเข้าใจว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นคนแบบไหน เขาเป็นผู้ที่สร้างปาฏิหาริย์ จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ ที่สามารถกวาดแดนสวรรค์ได้ในอนาคต  แล้วทำไมเจ้าถึงมา?”

ขุนพลเทพเทียนเฉิงลังเลเล็กน้อย

เมื่อเขามองดูที่ท้องฟ้าเหนือหัว ดูเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งอยู่ในท้องฟ้ากำลังมองมาที่เขา

เขาทำการยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีก และในที่สุดดูเหมือนตัดสินใจ และพูดอย่างจริงใจ  “อันที่จริงแล้วข้าเห็นอกเห็นใจกับประสบการณ์ของพวกเจ้า หากบ้านข้าถูกชาวต่างถิ่นรุกราน ข้าจะสู้จนถึงที่สุด  อย่างไรก็ตามข้ามาที่นี่ด้วยพลังแห่งโชคชะตา ข้าไม่มีทางเลือก!  หากข้าไม่มาทุกอย่างที่เป็นของข้าในแดนสวรรค์ก็จะไม่มีอีกต่อไป  ข้าไม่มีอำนาจในการควบคุมชะตากรรมของข้าเอง  ข้าไม่มีสิทธิ์นั้น เพื่อความอยู่รอดของข้า ญาติสนิทและมิตรสหายของข้า  ข้าต้องทำตามสิ่งที่ข้ามิอาจต่อต้านได้  นี่คือคำตอบของข้า  ถ้าข้าต้องตายในสนามรบ ข้าจะไม่เสียใจ เพราะนี่คือจุดจบที่ข้าสมควรได้รับแน่นอน  ข้าเองคิดว่าความเป็นไปได้ของการพ่ายแพ้มีน้อยมาก เพราะพวกเจ้ายังไม่ทราบความน่ากลัวของเจ้าตำหนักตงฟาง!

จากนั้นเขาหยุด

ใบหน้าของเขามีความขัดแย้งกัน

อย่างไรก็ตามในที่สุดขุนพลเทพเทียนเฉิงก็ยังคงเลือกที่จะพูดออกมา  เสียงของเขาเบาและเบาบางที่สุดแต่ได้ยินถึงในหูของพวกเขา  “ท่านเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางมีทักษะแฝงเร้นพิเศษ สามารถหลอมรวมประกายเทพของเขา แม้แต่เทพก็สามารถควบคุมได้  ภายใต้กฎของหมากรุก ไม่มีใครสามารถหนีชะตากรรมของการเป็นตัวหมากรุกได้ทั้งเจ้าและข้า  จักรพรรดิอวี้ในปีนั้นพ่ายแพ้ในเกมหมากรุกของเขาจริงๆ เจ้าไม่มีโอกาสชนะ ความหวังเดียวก็คือเย่ว์ไตตันที่สามารถทำลายพลังแห่งโชคชะตาได้...  อย่างไรก็ตามเขายังอายุน้อยเกินไป และมีเวลาในการเติบโตไม่เพียงพอ นี่คือจุดอ่อนร้ายแรงของเขา  ถ้าเขามีเวลามากกว่าร้อยปี ทุกอย่างจะแตกต่างออกไป  แต่เจ้าตำหนักตงฟางจะไม่ให้เวลาเขา”

“ในฐานะศัตรู ดูเหมือนว่าไร้สาระที่มาพูดเรื่องนี้  แต่เมื่อเห็นการต่อสู้เพื่อโชคชะตาแบบเดียวกัน ข้าจะให้คำแนะนำที่มีค่าพวกเจ้าก็ได้ รีบหาที่ซ่อนตัว จะในโลกคัมภีร์หรือผนึกพิเศษในช่วงเวลาหนึ่งก็ได้ มันเป็นสถานที่ทำให้พวกเจ้าหนีพ้นจากชะตาตัวหมาก  ตราบใดที่เจ้ายืนหยัดได้สักร้อยปี  และรอให้เย่ว์ไตตันเติบโตก็ยังมีความหวังบ้าง”

คำพูดของขุนพลเทพเทียนเฉิงพูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นมีเสียงดังจากท้องฟ้า  “ไม่มีใครสามารถหนีพ้นไปจากกระดานหมากรุกของข้าได้ รวมทั้งเย่ว์ไตตันที่เจ้าพูดถึง  เจ้าไม่ควรเสียเวลาของเจ้า”

5 ความคิดเห็น:

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

เข้าคำภีร์เงินไง

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุน

CHANTANA กล่าวว่า...

เดียวเจอไอ้3จะหนาว

Unknown กล่าวว่า...

อยากรู้เรื่องแม่ไอ3แล้ววว

แสดงความคิดเห็น