ตอนที่ 1268 เปิดประตูปัญญา
ผู้มาคือเสวี่ยอู๋เสีย
กลุ่มของเงาร่างทั้งหลายประหลาดใจกับการมาถึงของนาง แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือความแข็งแกร่งของนาง
ระดับเทพ
แม้แต่อัจฉริยะที่ผิดธรรมดาอย่างเย่ว์ไตตันก็ยังไม่ถึงระดับเทพ เด็กสาวนางนี้ถึงระดับเทพได้อย่างไร? นางเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดายิ่งกว่าเย่ว์ไตตันอีกหรือ?
“แม้ว่าเจ้าจะเรียกตัวเองว่าอู๋เสีย แต่ความจริงเจ้าคือองค์หญิงเย่เมิ่ง (หัวซิ่วรี่)หรือเปล่า?” เงาร่างเปลวไฟชื่อหัวซานคิดว่านอกจากความยิ่งใหญ่ลึกลับแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่หอทงเทียนจะมีคนที่แข็งแกร่งระดับเทพคนที่สอง จักรพรรดิผู้ปกป้องทางเข้าสู่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพใต้วังเทียนหลัวหรือ? นางสาบานว่าจะไม่ยอมหลับตลอดกาลไม่ใช่หรือ?
“ผู้เยาว์มิกล้าแอบอ้างชื่อของบรรพบุรุษ” เสวี่ยอู๋เสียยิ้ม ใบหน้าของนางเปล่งรัศมีเทพราวกับจะเชิญชวนให้มวลบุปผชาติแย้มบาน
“เจ้าไม่ใช่องค์หญิงเย่เมิ่งหรือ?” แม้แต่เงาร่างน้ำเงินจางไห่ก็อดสงสัยไม่ได้
“ทำไมหอทงเทียนจะมีนักรบระดับเทพคนที่สองไม่ได้เล่า? ความจริงพวกท่านก็เข้าผิด หอทงเทียนไม่ได้มีนักสู้ระดับเทพเพียงสองคนเท่านั้น แต่ยังมีนักรบระดับเทพรุ่นเก่าสามสี่คน และที่ยิ่งกว่านั้น ยุคแห่งความตกต่ำผ่านไปแล้ว หอทงเทียนปัจจุบันเริ่มรุ่งเรืองมากขึ้น ในขณะนั้นผู้อาวุโสที่ไม่รู้จักในโลกที่ซ่อนเร้นไม่ได้ถูกนับ ในขณะนี้มีเพียงคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้นที่มีอยู่ในหลายที่ เด็กผู้หญิงน้อยๆ อย่างข้าเป็นลำดับที่ห้าเท่านั้น ทำไมอาคันตุกะผู้มีเกียรติถึงต้องเสียงดังด้วยเล่า!” เสวี่ยอู๋เสียพูดเช่นนั้นทำให้เงาร่างหลายคนกลัวทันที
อะไรกัน?
หอทงเทียนตอนนี้มีนักสู้ระดับเทพอย่างน้อยห้าคนหรือ?
นี่ล้อเล่นกันแล้ว! หอทงเทียนนอกจากองค์หญิงเย่เมิ่งที่ไม่เคยหลับในมิติกระจก จะมีนักสู้ระดับเทพคนที่สองมาจากไหน? ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่ามีเทพมากถึงห้าคน นี่เป็นเรื่องไร้สาระ!
เสวี่ยอู๋เสียไม่อธิบายข้อเท็จจริงเรื่องนี้ นางไม่จำเป็นต้องพูดอะไร
เงาร่างหลายคนรออยู่นานและพบว่าสาวน้อยผู้นี้ไม่สนใจอธิบายโต้แย้งความน่าเชื่อถือหลายจุด
อย่างน้อยเด็กสาวที่ชื่ออู๋เสียก็เป็นนักสู้ระดับเทพ นอกเหนือจากองค์หญิงเย่เมิ่ง หากมีอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมเท่ากับนาง ก็ยากจะรับประกันว่าหอทงเทียนมีนักสู้ระดับเทพอยู่ไม่กี่คน! หากคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าหอทงเทียนไม่มีนักสู้ระดับเทพหลายคน ทำไมตงฟางถึงต้องระแวดระวังด้วย? ทำไมต้องกังวลกับแผนการด้วย
เขาเชิญนักสู้จากแดนสวรรค์บนให้มายังหอทงเทียน และยินยอมจะแบ่งปันสมบัติลับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพแก่คนภายนอก
จักรพรรดิทอง, จักรพรรดิอสูร ราชันย์ไร้ใจเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับที่พอกัน แม้กระทั่งกองกำลังหลายกลุ่มที่ตงฟางระดมมาอย่างลับๆ พร้อมกัน โดยสันนิษฐานว่าหอทงเทียนไม่มียอดฝีมือ มีแต่เพียงองค์หญิงเย่เมิ่ง และทำไมถึงตงฟางถึงต้องใช้เวลามาก... เมื่อคิดถึงเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้อีกครั้ง เขาคือบุรุษหมายเลขหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ มักแสดงความรังเกียจสุดยอดนักสู้ของแดนสวรรค์บน ทำไมถึงยอมอนุมัติให้ตงฟางลงมือโดยปริยาย
จะบอกว่าหอทงเทียนไม่มีนักสู้ระดับเทพดูแล นั่นไม่สามารถโน้มน้าวใจได้เลยจริงๆ!
แค่ระดับเทพห้าคนก็มากเกินไปแล้ว!
มีมากถึงห้าคนจริงๆ หรือ?
เงาร่างม่วงเหลยหมิงพูดอย่างสงสัย “ยินดีด้วยกับนักรบระดับเทพของหอทงเทียน แม้ว่าเราจะมาอย่างไม่คาดคิด แต่ไม่ได้มีความคิดแค้นอาฆาตใดๆ เรามาเพราะอยากรู้อยากเห็นแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเท่านั้น รับรองได้ว่าเราจะรักษาความเป็นกลางอย่างเข้มงวดและจะไม่เข้าร่วมในข้อพิพาทใดๆ ระหว่างพวกเจ้ากับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่เราขอโทษกับเจ้า เจ้าช่วยคลี่คลายความสับสนในใจให้เราได้ไหม? เท่าที่ข้ารู้หอทงเทียนตกต่ำมาหลายปีแล้ว แทบจะไม่เคยได้ยินมาก่อนตอนอยู่ในแดนสวรรค์ นักสู้ระดับเทพทั้งห้ามาจากไหน?”
“ความจริงมีนักสู้ระดับเทพอยู่สาม แต่พวกเขาไม่อยู่ที่นี่ บางทีพวกท่านอาจรู้จักพวกเขาต่อมาในสนามรบ” เสวี่ยอู๋เสียเงยหน้ามองดูโดมวิหารนำทางและยิ้มทันที “บางทีไม่ต้องใช้เวลานานเราจะมีนักรบระดับเทพมากมาย ทุกอย่างมีทางเป็นไปได้ทั้งหมด”
“เจ้ากำลังพูดถึงเย่ว์ไตตันหรือ?” เงาร่างเขียวหยวนเหย่ถาม
“ข้าเชื่อว่าคำตอบอยู่ในใจของพวกท่าน” เสวี่ยอู๋เสียไม่ตอบโดยตรง นางเพียงแต่ยิ้มแทน
“เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าทำไมเย่ว์ไตตันที่รู้ดีกันว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของหอทงเทียนยังไม่ถึงระดับเทพ และเขาจะถึงระดับเทพเร็วๆ นี้ไหม?” เงาร่างดำอู่หวินถามด้วยความประหลาดใจ
“เขายังไม่ถึงระดับเทพ เพราะเขายังไม่ต้องการเข้าถึงตอนนี้ เขาจึงยังไม่เลื่อนระดับ ข้าคิดว่าพวกท่านคงรู้ถึงความแตกต่างทั้งสองกรณี” เสวี่ยอู๋เสียยิ้ม
“ทำไมกัน?” เงาร่างไฟหัวซานร้องออกมาอย่างประหลาดใจ
สามารถเลื่อนเป็นระดับเทพได้ แต่ไม่ยอมเลื่อนหรือ? เจ้านี่เป็นใครกัน?
เด็กคนนี้คิดว่าการเลื่อนเป็นระดับเทพเป็นการกระทำที่ผิดหรือ? มันเจ็บปวดใจเกินกว่าจะเลื่อนเป็นระดับเทพหรือ?
เย่ว์ไตตัน เจ้าผู้นี้เป็นตัวปริศนาจริงๆ! สมองของเจ้าเด็กนี่เติบโตมาได้อย่างไรกัน? เป็นเรื่องแปลก สามารถเข้าถึงระดับเทพได้แต่ไม่ยอมเลื่อนระดับ เขามีพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลแบบนี้ได้อย่างไร? นอกจากนี้การเลื่อนระดับของเขาไปเป็นระดับเทพจะเป็นอย่างไร? นึกว่ากำลังเล่นเกมอยู่หรือ? ช่างน่ากลัวจริงๆ!
ร่างเงาเพลิงหัวซานคิดอยู่นานว่าเขาต้องใช้เวลานานหมื่นปีกว่าจะเลื่อนไปเป็นระดับเทพได้ และใช้เวลาอีกหลายพันปีกลั่นประกายเทพอย่างยากลำบาก ในที่สุดจึงได้เลื่อนเป็นระดับเทพอย่างแท้จริง
ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าคนอื่นสามารถเลื่อนเป็นระดับเทพได้สบายๆ เขารู้สึกไม่สบายใจ ใจของเขาเต็มไปด้วยความริษยา
ไม่สบายใจอย่างสิ้นเชิง
เจ้าเด็กผู้นี้ควรถูกประณาม!
“อะแฮ่ม!” เงาร่างสีน้ำเงิน จางไห่กระแอมเบาๆ เขาไม่คิดว่าพฤติกรรมแปลกๆ ของเย่ว์ไตตันเป็นเรื่องแปลก บางทีอาจไม่มีคนแบบนี้ในแดนสวรรค์บน แต่ในหอทงเทียน พบเจอคนแปลกๆ แบบนี้ได้จริงๆ เช่นเดียวกับหอทงเทียนในเวลานั้น ถ้าเขาไม่ได้พบกับนักสู้ที่ทรงพลังสองคนที่มีอารมณ์ความคิดแปลกๆ กลัวการเข่นฆ่าที่มากเกินไปจะกำจัดเมล็ดพันธุ์สายเลือดชาวสวรรค์ เขาจะมีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร? หากอารมณ์ความคิดที่แปลกประหลาดของบุรุษผู้ทรงพลังทั้งสองคนนั้นไม่ห่วงว่าแดนสวรรค์จะไร้ทายาทสืบต่อและมองศัตรูอย่างไร้ความปราณี? หากไม่ใช่เพราะประสบการณ์ของเขาได้พบเจอมาเช่นนั้น เขาคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่นี่เป็นความจริง!
“ก่อนนี้เจ้าบอกว่าจะพาเราชมดูภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ นั่นเป็นเรื่องจริงหรือ?” เงาร่างสีทองถามทันที
“ไม่เพียงแต่ท่าน แต่รวมทั้งเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ผู้กระตือรือร้นจะเข้ามาเป็นเวลาหมื่นปีแล้ว รวมทั้งตงฟางคนทรยศคนสำคัญของหอทงเทียน ก็เข้าไปได้ ข้าจะสืบทอดเจตจำนงของเทพธิดาปัญญาและจะเปิดทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ดังนั้นพวกท่านสามารถเข้าออกได้” เสวี่ยอู๋เสียมีสีหน้าจริงใจขณะพูดอย่างจริงใจ
“....” เงาร่างทั้งหลายมองหน้ากันอย่างหวาดๆ
คำตอบนี้
ความจริง มันเกินคาดพวกเขาไปมาก
อะไรคือเหตุผลให้นางผู้พิทักษ์แห่งหอทงเทียนตัดสินใจเปิดประตูทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพให้ทุกคนเข้าออกได้?
มีการสมรู้ร่วมคิดหรือไม่? หรือเป็นการล่อลวงแอบแฝง อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตราบใดที่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ นั่นเป็นพฤติกรรมของคนเสียสติ
องค์หญิงเย่เมิ่งหลับใหลมาหลายพันปีเพื่อปกป้องทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพและสาบานว่าจะไม่ไปไหนอีก
และตอนนี้จะยอมเปิดง่ายๆ ให้คนเข้าและออกได้
นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ
“ความจริงทางเข้าด้านวิหารนำทางเป็นของปลอมหรือเปล่า? ทางเข้าที่แท้จริงอยู่ใต้วังเทียนหลัวใช่ไหม?” เงาร่างเปลวเพลิงหัวซานไม่อาจทนได้อีกต่อไป และอดถามไม่ได้
“นั่นเป็นทางเข้าหนึ่งแน่นอน แต่มีทางเข้าสู่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพมากกว่าหนึ่ง ความจริงแดนล่มสลายแห่งทวยเทพมีทางเข้าสามทาง ทางหนึ่งคือทวีปมังกรทะยาน ทางหนึ่งคือแดนปีศาจ และอีกทางหนึ่งคือบันไดสวรรค์ ทางเข้าที่เรายืนอยู่ตอนนี้ในยุคโบราณเป็นของแดนปีศาจ เป็นทางเดียวที่เปิดให้เข้า ง่ายที่สุดและปลอดภัยที่สุด” เสวี่ยอู๋เสียอธิบายเบาๆ ทางเข้าด้านบันไดสวรรค์จะต้องเป็นพรหมจรรย์ถึงจะเข้าไปได้ แต่ทางเข้าของเจ้าผู้ปกครองทวีปมังกรทะยานจะเข้มงวดและยากที่สุด ทางเข้าด้านนั้นจะต้องผ่านด่านทดสอบที่ยากมากจึงจะได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสอย่างที่ท่านกล่าวนั่นแหละ บรรพบุรุษผู้พิทักษ์จะไม่ปล่อยให้คนนอกเข้ามาได้ง่ายๆ ไม่ยอมให้ผูกขาดสมบัติทั้งหมดโดยเจตนา พวกท่านค่อนข้างเป็นห่วงว่าผู้เข้ามาจะเสียชีวิตเปล่าๆ คนนอกมองไม่เห็นความกรุณาของพวกท่าน”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง...” หลังจากเงาร่างหลายคนได้ฟังแล้ว พวกเขารู้สึกทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เกี่ยวกับคำพูดของเสวี่ยอู๋เสีย
พวกเขาเชื่ออย่างน้อย 90%
ประการแรก สำนึกเทพของเด็กสาวนี้บริสุทธิ์มาก ไม่มีการหลอกลวงแต่อย่างใด ประการที่สองก็คือในการสำรวจครึ่งเดือนที่ผ่านมามองเห็นเครื่องหมายที่ทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษของหอทงเทียน ความสับสนวุ่นวายครั้งแรกนั้นพวกเขาไม่รู้จัก แต่ทันทีที่เสวี่ยอู๋เสียคลี่คลายข้อสงสัยพวกเขาก็เข้าใจได้ทันทั
เงาร่างสีทองถามอย่างคาดหวังเล็กน้อย “มีเงื่อนไขอะไรสำหรับการเข้าไปในทางเข้าส่วนที่เป็นของแดนปีศาจ?”
เสวี่ยอู๋เสียยิ้มกล่าว “ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไข ตั้งแต่ยุคโบราณมาแล้ว เงื่อนไขที่ทางเข้าถูกทำลาย แต่คนรุ่นต่อมาพบว่าเงื่อนไขนี้สับสนยากเกินไปสำหรับพวกปีศาจแดนนรก แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับนักรบทวีปมังกรทะยานและนักรบบันไดสวรรค์ ดังนั้นในเวลาต่อมามีเทพธิดาผู้มีสติปัญญายิ่งใหญ่ ได้สร้างวิหารนำทางขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจแดนนรก นักรบมังกรทะยานและนักรบบันไดสวรรค์ สามารถหาทางเข้าที่ถูกต้องผ่านวิหารนำทาง”
“เจ้าต้องการเปิดประตูทางเข้าที่นี่ และยอมให้เราเข้าไปดูหรือ?” เงาร่างเพลิงรู้สึกอึดอัดกระวนกระวายเล็กน้อย
“อ่า..เจ้าต้องการให้เราทำอะไรบ้าง?” ร่างเงาดำอู่หวินถามอย่างไม่แน่ใจ
“เราไม่อาจเอาชนะเทียนอี้ได้” เงาร่างม่วงเพิ่มเงื่อนไขก่อน
“ไม่ต้องทำอะไร อาคันตุกะโปรดรักษาความเป็นกลางเท่านั้น!” เสวี่ยอู๋เสียโบกมือและพูดว่าไม่มีเงื่อนไขอะไร
“แล้วสมบัติลับในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเล่า?” เงาร่างเขียวหยวนเหย่และเงาร่างน้ำเงินจางไห่ต้องการรู้ปัญหานี้ที่สุด
“สมบัติเทพจะเลือกเจ้าของ ถ้ามีผู้ถูกกำหนดให้ได้รับ เราจะไม่คัดค้าน” เสวี่ยอู๋เสียยิ้ม ชะงักเล็กน้อยจากนั้นยิ้มอีก “แต่ความเห็นของข้าไม่ใช่ตัวแทนความเห็นของเย่ว์ไตตัน บางทีพวกท่านอาจได้รู้มาจากข่าวกรองว่าคนผู้นี้บ้าสมบัติ และงกมาก ถ้าพวกท่านพบเขา ทางที่ดีอย่าไปตอแยเขา มิฉะนั้นข้าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่าสงครามก็เหมือนก้อนเมฆ เย่ว์ไตตันไม่มีเวลาจัดการเรื่องนี้ ผู้เยาว์เพียงแต่ตั้งข้อสมมติฐานเล็กๆ ที่นี่เท่านั้น”
“......” เงาร่างทั้งหลายหลั่งเหงื่อ
สำหรับเย่ว์ไตตัน
พวกเขาได้รับข้อมูลมากมายผ่านหน่วยข่าวกรอง
ก่อนนั้นพวกเขาเห็นว่าเจ้าเด็กนี่ยังไม่ได้เลื่อนเป็นระดับเทพ ทุกคนจึงกล้าเดินทางมาล่าสมบัติ ถ้าพวกเขารู้ว่ามีนักสู้ระดับเทพอย่างน้อยห้าคนในหอทงเทียนทั้งยังได้ฟังเรื่องของเย่ว์ไตตัน พวกเขาจะไม่มีทางตอแยเจ้าเด็กผู้นี้เลย
เปลี่ยนเป็นคนอื่น ใครๆ ก็โกรธ ที่สำคัญทั้งหมดคือสมบัติของตัวเขาเอง อีกฝ่ายโกรธก็คงไม่แปลก
แน่นอนว่าสมมติว่าเย่ว์ไตตันแพ้ตงฟางและแพ้เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ คาดว่าคงไม่มีอะไรผิดปกติ ผู้แพ้ย่อมไม่มีสิทธิ์
ถ้าเจ้าเด็กนี่ชนะชะตาฟ้าได้ในที่สุดเล่า “เรา อะแฮ่ม.. เราแค่อยากรู้อยากเห็นสมบัติลับของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเท่านั้น อย่างที่เจ้าบอก สมบัติเทพเลือกเจ้าของ เราอาจไม่มีโชคได้เป็นเจ้าของ เหตุผลที่เรามาไกลก็เพื่อมาดูมากกว่า” จางไห่รู้สึกละอายใจอยู่บ้าง แน่นอนว่านี่เป็นคำพูดไร้สาระ ไม่มีใครเดินทางไกลมาถึงที่นี่แล้วจะกลับไปอย่างมือเปล่า! นี่มันเหตุผลอะไร? เป็นไปไม่ได้แน่นอน! แต่เมื่อยืนยันอย่างเหมาะสมไปแล้ว พวกเขาจะบอกว่าไม่ต้องการปล้นบ้านคนอื่นอย่างนั้นหรือ
“อาคันตุกะโปรดรอสักครู ให้ข้าเปิดประตูปัญญาเสียก่อน!” เสวี่ยอู๋เสียหัวเราะ นางไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ ศัตรูจริงๆ ไม่ใช่ยอดนักสู้แดนสวรรค์บนที่มีความโลภเหล่านี้ แต่เป็นตงฟางและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ที่ยังคงซ่อนตัวอยู่
เปิดประตูปัญญาที่วิหารเทพนำทาง
การเปิดเส้นทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะครั้งนี้
ไม่ต้องคำนึงถึงการชี้นำของบรรพบุรุษ ญาติสนิทมิตรสหาย และความรู้จากคัมภีร์สัจจะในมือนาง การเปิดประตูแดนล่มสลายแห่งทวยเทพก็คือจุดเริ่มต้นของการพลิกสถานการณ์ ถ้าภารกิจนี้ทำไม่สำเร็จก็ยากจะพลิกสถานการณ์ได้
เสวี่ยอู๋เสียยืนอยู่หน้าเทพธิดาปัญญา นางเชื่อมโยงกับสำนึกเทพของเทพธิดาปัญญา
ก็เหมือนกับแม่บ้านที่จะเข้าประตู
นางใช้วิธีเดียวกัน
รับตกทอดพลังปัญญาด้วยร่างกายและจิตใจที่บริสุทธิ์
ในท่ามกลางอักขระรูนสวรรค์ เสวี่ยอู๋เสียอาบแสงเทพและดูดซับเจตจำนงและคำแนะนำของเทพธิดาปัญญาทีละนิด นางเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดและมาด้วยความสมัครใจนอกจากการรับตกทอดจากเทพีปัญญาแล้ว นางยังรู้สึกถึงความประทับใจและประสบการณ์ของเทพธิดารุ่นพี่นับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาในใจนางอย่างไม่รู้จบ
ขณะนี้เอง
นางเข้าใจ
ความตั้งใจที่แท้จริงของการเปิดเส้นทางของเทพธิดาปัญญา!
5 ความคิดเห็น:
เมียหลวงโชว์เทพ
ขอบคุณครับ
นึกว่าจะมาฆ่า ว่าแต่เหตุผลที่เปิดทางคืออะไรน้อ
ที่เข้าใจคือแดนล่มสลายแห่งท่วยเทพก็คือ สุสานเทพที่ใกล้จะตายมาทิ้งภูมิปัญญาให้คนรุ่นหลังสืบทอดนี้เอง มีบททดสอบเพื่อคัดเลือกคนอยู่แล้วแต่มันโหดเกินเลยต้องมีคนเฝ้าประตูคัดคนก่อนเข้า พวกบ้าสมบัติไม่ดูกำลังเข้าไปก็คงจะตายเอง
สู้ๆ
แสดงความคิดเห็น