วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1268 เปิดประตูปัญญา

ตอนที่  1268  เปิดประตูปัญญา

ผู้มาคือเสวี่ยอู๋เสีย

กลุ่มของเงาร่างทั้งหลายประหลาดใจกับการมาถึงของนาง แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือความแข็งแกร่งของนาง

 

ระดับเทพ

แม้แต่อัจฉริยะที่ผิดธรรมดาอย่างเย่ว์ไตตันก็ยังไม่ถึงระดับเทพ  เด็กสาวนางนี้ถึงระดับเทพได้อย่างไร?  นางเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดายิ่งกว่าเย่ว์ไตตันอีกหรือ?

“แม้ว่าเจ้าจะเรียกตัวเองว่าอู๋เสีย  แต่ความจริงเจ้าคือองค์หญิงเย่เมิ่ง (หัวซิ่วรี่)หรือเปล่า?”  เงาร่างเปลวไฟชื่อหัวซานคิดว่านอกจากความยิ่งใหญ่ลึกลับแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่หอทงเทียนจะมีคนที่แข็งแกร่งระดับเทพคนที่สอง  จักรพรรดิผู้ปกป้องทางเข้าสู่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพใต้วังเทียนหลัวหรือ?  นางสาบานว่าจะไม่ยอมหลับตลอดกาลไม่ใช่หรือ?

“ผู้เยาว์มิกล้าแอบอ้างชื่อของบรรพบุรุษ”  เสวี่ยอู๋เสียยิ้ม ใบหน้าของนางเปล่งรัศมีเทพราวกับจะเชิญชวนให้มวลบุปผชาติแย้มบาน

“เจ้าไม่ใช่องค์หญิงเย่เมิ่งหรือ?”  แม้แต่เงาร่างน้ำเงินจางไห่ก็อดสงสัยไม่ได้

“ทำไมหอทงเทียนจะมีนักรบระดับเทพคนที่สองไม่ได้เล่า?  ความจริงพวกท่านก็เข้าผิด หอทงเทียนไม่ได้มีนักสู้ระดับเทพเพียงสองคนเท่านั้น  แต่ยังมีนักรบระดับเทพรุ่นเก่าสามสี่คน และที่ยิ่งกว่านั้น ยุคแห่งความตกต่ำผ่านไปแล้ว หอทงเทียนปัจจุบันเริ่มรุ่งเรืองมากขึ้น  ในขณะนั้นผู้อาวุโสที่ไม่รู้จักในโลกที่ซ่อนเร้นไม่ได้ถูกนับ ในขณะนี้มีเพียงคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้นที่มีอยู่ในหลายที่  เด็กผู้หญิงน้อยๆ อย่างข้าเป็นลำดับที่ห้าเท่านั้น ทำไมอาคันตุกะผู้มีเกียรติถึงต้องเสียงดังด้วยเล่า!  เสวี่ยอู๋เสียพูดเช่นนั้นทำให้เงาร่างหลายคนกลัวทันที

อะไรกัน?

หอทงเทียนตอนนี้มีนักสู้ระดับเทพอย่างน้อยห้าคนหรือ?

นี่ล้อเล่นกันแล้ว!  หอทงเทียนนอกจากองค์หญิงเย่เมิ่งที่ไม่เคยหลับในมิติกระจก จะมีนักสู้ระดับเทพคนที่สองมาจากไหน?  ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่ามีเทพมากถึงห้าคน นี่เป็นเรื่องไร้สาระ!

เสวี่ยอู๋เสียไม่อธิบายข้อเท็จจริงเรื่องนี้  นางไม่จำเป็นต้องพูดอะไร

เงาร่างหลายคนรออยู่นานและพบว่าสาวน้อยผู้นี้ไม่สนใจอธิบายโต้แย้งความน่าเชื่อถือหลายจุด

อย่างน้อยเด็กสาวที่ชื่ออู๋เสียก็เป็นนักสู้ระดับเทพ นอกเหนือจากองค์หญิงเย่เมิ่ง  หากมีอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมเท่ากับนาง ก็ยากจะรับประกันว่าหอทงเทียนมีนักสู้ระดับเทพอยู่ไม่กี่คน!  หากคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าหอทงเทียนไม่มีนักสู้ระดับเทพหลายคน ทำไมตงฟางถึงต้องระแวดระวังด้วย?  ทำไมต้องกังวลกับแผนการด้วย

เขาเชิญนักสู้จากแดนสวรรค์บนให้มายังหอทงเทียน และยินยอมจะแบ่งปันสมบัติลับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพแก่คนภายนอก

จักรพรรดิทอง, จักรพรรดิอสูร ราชันย์ไร้ใจเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับที่พอกัน แม้กระทั่งกองกำลังหลายกลุ่มที่ตงฟางระดมมาอย่างลับๆ พร้อมกัน โดยสันนิษฐานว่าหอทงเทียนไม่มียอดฝีมือ มีแต่เพียงองค์หญิงเย่เมิ่ง และทำไมถึงตงฟางถึงต้องใช้เวลามาก...  เมื่อคิดถึงเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้อีกครั้ง เขาคือบุรุษหมายเลขหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ มักแสดงความรังเกียจสุดยอดนักสู้ของแดนสวรรค์บน ทำไมถึงยอมอนุมัติให้ตงฟางลงมือโดยปริยาย

จะบอกว่าหอทงเทียนไม่มีนักสู้ระดับเทพดูแล นั่นไม่สามารถโน้มน้าวใจได้เลยจริงๆ!

แค่ระดับเทพห้าคนก็มากเกินไปแล้ว!

มีมากถึงห้าคนจริงๆ หรือ?

เงาร่างม่วงเหลยหมิงพูดอย่างสงสัย  “ยินดีด้วยกับนักรบระดับเทพของหอทงเทียน  แม้ว่าเราจะมาอย่างไม่คาดคิด แต่ไม่ได้มีความคิดแค้นอาฆาตใดๆ เรามาเพราะอยากรู้อยากเห็นแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเท่านั้น  รับรองได้ว่าเราจะรักษาความเป็นกลางอย่างเข้มงวดและจะไม่เข้าร่วมในข้อพิพาทใดๆ ระหว่างพวกเจ้ากับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  ในขณะที่เราขอโทษกับเจ้า  เจ้าช่วยคลี่คลายความสับสนในใจให้เราได้ไหม?  เท่าที่ข้ารู้หอทงเทียนตกต่ำมาหลายปีแล้ว แทบจะไม่เคยได้ยินมาก่อนตอนอยู่ในแดนสวรรค์  นักสู้ระดับเทพทั้งห้ามาจากไหน?”

“ความจริงมีนักสู้ระดับเทพอยู่สาม  แต่พวกเขาไม่อยู่ที่นี่ บางทีพวกท่านอาจรู้จักพวกเขาต่อมาในสนามรบ”  เสวี่ยอู๋เสียเงยหน้ามองดูโดมวิหารนำทางและยิ้มทันที  “บางทีไม่ต้องใช้เวลานานเราจะมีนักรบระดับเทพมากมาย  ทุกอย่างมีทางเป็นไปได้ทั้งหมด”

“เจ้ากำลังพูดถึงเย่ว์ไตตันหรือ?” เงาร่างเขียวหยวนเหย่ถาม

“ข้าเชื่อว่าคำตอบอยู่ในใจของพวกท่าน”  เสวี่ยอู๋เสียไม่ตอบโดยตรง นางเพียงแต่ยิ้มแทน

“เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าทำไมเย่ว์ไตตันที่รู้ดีกันว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของหอทงเทียนยังไม่ถึงระดับเทพ  และเขาจะถึงระดับเทพเร็วๆ นี้ไหม?”  เงาร่างดำอู่หวินถามด้วยความประหลาดใจ

“เขายังไม่ถึงระดับเทพ เพราะเขายังไม่ต้องการเข้าถึงตอนนี้ เขาจึงยังไม่เลื่อนระดับ ข้าคิดว่าพวกท่านคงรู้ถึงความแตกต่างทั้งสองกรณี”  เสวี่ยอู๋เสียยิ้ม

“ทำไมกัน?” เงาร่างไฟหัวซานร้องออกมาอย่างประหลาดใจ

สามารถเลื่อนเป็นระดับเทพได้ แต่ไม่ยอมเลื่อนหรือ?  เจ้านี่เป็นใครกัน?

เด็กคนนี้คิดว่าการเลื่อนเป็นระดับเทพเป็นการกระทำที่ผิดหรือ?  มันเจ็บปวดใจเกินกว่าจะเลื่อนเป็นระดับเทพหรือ?

เย่ว์ไตตัน เจ้าผู้นี้เป็นตัวปริศนาจริงๆ!  สมองของเจ้าเด็กนี่เติบโตมาได้อย่างไรกัน?  เป็นเรื่องแปลก สามารถเข้าถึงระดับเทพได้แต่ไม่ยอมเลื่อนระดับ  เขามีพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลแบบนี้ได้อย่างไร?  นอกจากนี้การเลื่อนระดับของเขาไปเป็นระดับเทพจะเป็นอย่างไร? นึกว่ากำลังเล่นเกมอยู่หรือ? ช่างน่ากลัวจริงๆ!

ร่างเงาเพลิงหัวซานคิดอยู่นานว่าเขาต้องใช้เวลานานหมื่นปีกว่าจะเลื่อนไปเป็นระดับเทพได้ และใช้เวลาอีกหลายพันปีกลั่นประกายเทพอย่างยากลำบาก ในที่สุดจึงได้เลื่อนเป็นระดับเทพอย่างแท้จริง

ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าคนอื่นสามารถเลื่อนเป็นระดับเทพได้สบายๆ เขารู้สึกไม่สบายใจ ใจของเขาเต็มไปด้วยความริษยา

ไม่สบายใจอย่างสิ้นเชิง

เจ้าเด็กผู้นี้ควรถูกประณาม!

“อะแฮ่ม!  เงาร่างสีน้ำเงิน จางไห่กระแอมเบาๆ  เขาไม่คิดว่าพฤติกรรมแปลกๆ ของเย่ว์ไตตันเป็นเรื่องแปลก  บางทีอาจไม่มีคนแบบนี้ในแดนสวรรค์บน  แต่ในหอทงเทียน พบเจอคนแปลกๆ แบบนี้ได้จริงๆ  เช่นเดียวกับหอทงเทียนในเวลานั้น ถ้าเขาไม่ได้พบกับนักสู้ที่ทรงพลังสองคนที่มีอารมณ์ความคิดแปลกๆ กลัวการเข่นฆ่าที่มากเกินไปจะกำจัดเมล็ดพันธุ์สายเลือดชาวสวรรค์  เขาจะมีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร? หากอารมณ์ความคิดที่แปลกประหลาดของบุรุษผู้ทรงพลังทั้งสองคนนั้นไม่ห่วงว่าแดนสวรรค์จะไร้ทายาทสืบต่อและมองศัตรูอย่างไร้ความปราณี?  หากไม่ใช่เพราะประสบการณ์ของเขาได้พบเจอมาเช่นนั้น เขาคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน  แต่นี่เป็นความจริง!

“ก่อนนี้เจ้าบอกว่าจะพาเราชมดูภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ นั่นเป็นเรื่องจริงหรือ?”  เงาร่างสีทองถามทันที

“ไม่เพียงแต่ท่าน แต่รวมทั้งเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ผู้กระตือรือร้นจะเข้ามาเป็นเวลาหมื่นปีแล้ว  รวมทั้งตงฟางคนทรยศคนสำคัญของหอทงเทียน ก็เข้าไปได้  ข้าจะสืบทอดเจตจำนงของเทพธิดาปัญญาและจะเปิดทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ดังนั้นพวกท่านสามารถเข้าออกได้”  เสวี่ยอู๋เสียมีสีหน้าจริงใจขณะพูดอย่างจริงใจ

“....” เงาร่างทั้งหลายมองหน้ากันอย่างหวาดๆ

คำตอบนี้

ความจริง มันเกินคาดพวกเขาไปมาก

อะไรคือเหตุผลให้นางผู้พิทักษ์แห่งหอทงเทียนตัดสินใจเปิดประตูทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพให้ทุกคนเข้าออกได้?

มีการสมรู้ร่วมคิดหรือไม่? หรือเป็นการล่อลวงแอบแฝง  อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตราบใดที่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ นั่นเป็นพฤติกรรมของคนเสียสติ

องค์หญิงเย่เมิ่งหลับใหลมาหลายพันปีเพื่อปกป้องทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพและสาบานว่าจะไม่ไปไหนอีก

และตอนนี้จะยอมเปิดง่ายๆ ให้คนเข้าและออกได้

นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ

“ความจริงทางเข้าด้านวิหารนำทางเป็นของปลอมหรือเปล่า? ทางเข้าที่แท้จริงอยู่ใต้วังเทียนหลัวใช่ไหม?”  เงาร่างเปลวเพลิงหัวซานไม่อาจทนได้อีกต่อไป และอดถามไม่ได้

“นั่นเป็นทางเข้าหนึ่งแน่นอน  แต่มีทางเข้าสู่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพมากกว่าหนึ่ง  ความจริงแดนล่มสลายแห่งทวยเทพมีทางเข้าสามทาง ทางหนึ่งคือทวีปมังกรทะยาน ทางหนึ่งคือแดนปีศาจ และอีกทางหนึ่งคือบันไดสวรรค์  ทางเข้าที่เรายืนอยู่ตอนนี้ในยุคโบราณเป็นของแดนปีศาจ เป็นทางเดียวที่เปิดให้เข้า ง่ายที่สุดและปลอดภัยที่สุด”  เสวี่ยอู๋เสียอธิบายเบาๆ ทางเข้าด้านบันไดสวรรค์จะต้องเป็นพรหมจรรย์ถึงจะเข้าไปได้  แต่ทางเข้าของเจ้าผู้ปกครองทวีปมังกรทะยานจะเข้มงวดและยากที่สุด  ทางเข้าด้านนั้นจะต้องผ่านด่านทดสอบที่ยากมากจึงจะได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสอย่างที่ท่านกล่าวนั่นแหละ  บรรพบุรุษผู้พิทักษ์จะไม่ปล่อยให้คนนอกเข้ามาได้ง่ายๆ  ไม่ยอมให้ผูกขาดสมบัติทั้งหมดโดยเจตนา  พวกท่านค่อนข้างเป็นห่วงว่าผู้เข้ามาจะเสียชีวิตเปล่าๆ คนนอกมองไม่เห็นความกรุณาของพวกท่าน”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง...”  หลังจากเงาร่างหลายคนได้ฟังแล้ว พวกเขารู้สึกทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

เกี่ยวกับคำพูดของเสวี่ยอู๋เสีย

พวกเขาเชื่ออย่างน้อย 90%

ประการแรก สำนึกเทพของเด็กสาวนี้บริสุทธิ์มาก ไม่มีการหลอกลวงแต่อย่างใด  ประการที่สองก็คือในการสำรวจครึ่งเดือนที่ผ่านมามองเห็นเครื่องหมายที่ทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษของหอทงเทียน ความสับสนวุ่นวายครั้งแรกนั้นพวกเขาไม่รู้จัก  แต่ทันทีที่เสวี่ยอู๋เสียคลี่คลายข้อสงสัยพวกเขาก็เข้าใจได้ทันทั

เงาร่างสีทองถามอย่างคาดหวังเล็กน้อย  “มีเงื่อนไขอะไรสำหรับการเข้าไปในทางเข้าส่วนที่เป็นของแดนปีศาจ?”

เสวี่ยอู๋เสียยิ้มกล่าว  “ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไข ตั้งแต่ยุคโบราณมาแล้ว เงื่อนไขที่ทางเข้าถูกทำลาย แต่คนรุ่นต่อมาพบว่าเงื่อนไขนี้สับสนยากเกินไปสำหรับพวกปีศาจแดนนรก แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับนักรบทวีปมังกรทะยานและนักรบบันไดสวรรค์  ดังนั้นในเวลาต่อมามีเทพธิดาผู้มีสติปัญญายิ่งใหญ่ ได้สร้างวิหารนำทางขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจแดนนรก นักรบมังกรทะยานและนักรบบันไดสวรรค์ สามารถหาทางเข้าที่ถูกต้องผ่านวิหารนำทาง”

“เจ้าต้องการเปิดประตูทางเข้าที่นี่ และยอมให้เราเข้าไปดูหรือ?”  เงาร่างเพลิงรู้สึกอึดอัดกระวนกระวายเล็กน้อย

“อ่า..เจ้าต้องการให้เราทำอะไรบ้าง?”  ร่างเงาดำอู่หวินถามอย่างไม่แน่ใจ

“เราไม่อาจเอาชนะเทียนอี้ได้”  เงาร่างม่วงเพิ่มเงื่อนไขก่อน

“ไม่ต้องทำอะไร อาคันตุกะโปรดรักษาความเป็นกลางเท่านั้น!  เสวี่ยอู๋เสียโบกมือและพูดว่าไม่มีเงื่อนไขอะไร

“แล้วสมบัติลับในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเล่า?”  เงาร่างเขียวหยวนเหย่และเงาร่างน้ำเงินจางไห่ต้องการรู้ปัญหานี้ที่สุด

“สมบัติเทพจะเลือกเจ้าของ ถ้ามีผู้ถูกกำหนดให้ได้รับ เราจะไม่คัดค้าน” เสวี่ยอู๋เสียยิ้ม ชะงักเล็กน้อยจากนั้นยิ้มอีก  “แต่ความเห็นของข้าไม่ใช่ตัวแทนความเห็นของเย่ว์ไตตัน บางทีพวกท่านอาจได้รู้มาจากข่าวกรองว่าคนผู้นี้บ้าสมบัติ และงกมาก  ถ้าพวกท่านพบเขา ทางที่ดีอย่าไปตอแยเขา มิฉะนั้นข้าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แน่นอนว่าสงครามก็เหมือนก้อนเมฆ เย่ว์ไตตันไม่มีเวลาจัดการเรื่องนี้ ผู้เยาว์เพียงแต่ตั้งข้อสมมติฐานเล็กๆ ที่นี่เท่านั้น”

“......”  เงาร่างทั้งหลายหลั่งเหงื่อ

สำหรับเย่ว์ไตตัน

พวกเขาได้รับข้อมูลมากมายผ่านหน่วยข่าวกรอง

ก่อนนั้นพวกเขาเห็นว่าเจ้าเด็กนี่ยังไม่ได้เลื่อนเป็นระดับเทพ  ทุกคนจึงกล้าเดินทางมาล่าสมบัติ  ถ้าพวกเขารู้ว่ามีนักสู้ระดับเทพอย่างน้อยห้าคนในหอทงเทียนทั้งยังได้ฟังเรื่องของเย่ว์ไตตัน พวกเขาจะไม่มีทางตอแยเจ้าเด็กผู้นี้เลย

เปลี่ยนเป็นคนอื่น ใครๆ ก็โกรธ ที่สำคัญทั้งหมดคือสมบัติของตัวเขาเอง อีกฝ่ายโกรธก็คงไม่แปลก

แน่นอนว่าสมมติว่าเย่ว์ไตตันแพ้ตงฟางและแพ้เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้  คาดว่าคงไม่มีอะไรผิดปกติ  ผู้แพ้ย่อมไม่มีสิทธิ์

ถ้าเจ้าเด็กนี่ชนะชะตาฟ้าได้ในที่สุดเล่า  “เรา อะแฮ่ม.. เราแค่อยากรู้อยากเห็นสมบัติลับของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเท่านั้น  อย่างที่เจ้าบอก สมบัติเทพเลือกเจ้าของ  เราอาจไม่มีโชคได้เป็นเจ้าของ เหตุผลที่เรามาไกลก็เพื่อมาดูมากกว่า”  จางไห่รู้สึกละอายใจอยู่บ้าง  แน่นอนว่านี่เป็นคำพูดไร้สาระ ไม่มีใครเดินทางไกลมาถึงที่นี่แล้วจะกลับไปอย่างมือเปล่า!   นี่มันเหตุผลอะไร? เป็นไปไม่ได้แน่นอน!   แต่เมื่อยืนยันอย่างเหมาะสมไปแล้ว พวกเขาจะบอกว่าไม่ต้องการปล้นบ้านคนอื่นอย่างนั้นหรือ

“อาคันตุกะโปรดรอสักครู  ให้ข้าเปิดประตูปัญญาเสียก่อน!  เสวี่ยอู๋เสียหัวเราะ  นางไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ ศัตรูจริงๆ ไม่ใช่ยอดนักสู้แดนสวรรค์บนที่มีความโลภเหล่านี้ แต่เป็นตงฟางและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ที่ยังคงซ่อนตัวอยู่

เปิดประตูปัญญาที่วิหารเทพนำทาง

การเปิดเส้นทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะครั้งนี้

ไม่ต้องคำนึงถึงการชี้นำของบรรพบุรุษ ญาติสนิทมิตรสหาย และความรู้จากคัมภีร์สัจจะในมือนาง การเปิดประตูแดนล่มสลายแห่งทวยเทพก็คือจุดเริ่มต้นของการพลิกสถานการณ์  ถ้าภารกิจนี้ทำไม่สำเร็จก็ยากจะพลิกสถานการณ์ได้

เสวี่ยอู๋เสียยืนอยู่หน้าเทพธิดาปัญญา นางเชื่อมโยงกับสำนึกเทพของเทพธิดาปัญญา

ก็เหมือนกับแม่บ้านที่จะเข้าประตู

นางใช้วิธีเดียวกัน

รับตกทอดพลังปัญญาด้วยร่างกายและจิตใจที่บริสุทธิ์

ในท่ามกลางอักขระรูนสวรรค์ เสวี่ยอู๋เสียอาบแสงเทพและดูดซับเจตจำนงและคำแนะนำของเทพธิดาปัญญาทีละนิด นางเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดและมาด้วยความสมัครใจนอกจากการรับตกทอดจากเทพีปัญญาแล้ว นางยังรู้สึกถึงความประทับใจและประสบการณ์ของเทพธิดารุ่นพี่นับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาในใจนางอย่างไม่รู้จบ

ขณะนี้เอง

นางเข้าใจ

ความตั้งใจที่แท้จริงของการเปิดเส้นทางของเทพธิดาปัญญา!

5 ความคิดเห็น:

Lazykuma กล่าวว่า...

เมียหลวงโชว์เทพ

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

นึกว่าจะมาฆ่า ว่าแต่เหตุผลที่เปิดทางคืออะไรน้อ

Deils(of)darK กล่าวว่า...

ที่เข้าใจคือแดนล่มสลายแห่งท่วยเทพก็คือ สุสานเทพที่ใกล้จะตายมาทิ้งภูมิปัญญาให้คนรุ่นหลังสืบทอดนี้เอง มีบททดสอบเพื่อคัดเลือกคนอยู่แล้วแต่มันโหดเกินเลยต้องมีคนเฝ้าประตูคัดคนก่อนเข้า พวกบ้าสมบัติไม่ดูกำลังเข้าไปก็คงจะตายเอง

Unknown กล่าวว่า...

สู้ๆ

แสดงความคิดเห็น