วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1279 เจ้าอายเป็นบ้างหรือเปล่า?

 

ตอนที่  1279  เจ้าอายเป็นบ้างหรือเปล่า?

ขุนพลเทพเทียนกุ่ยคือหัวหน้าของสิบแปดขุนพลเทพ

ไม่ว่าจะเป็นพลังหรือสติปัญญา

ล้วนเหนือกว่าขุนพลเทพทุกคน

 

ผู้ที่สามารถเอาชนะเขาได้ในที่สุดจริงๆ มีแต่เพียงคนรุ่นก่อตั้งแรกๆ ระดับพลังของเขาสูงกว่าขุนพลเทพจื่อเว่ยไม่รู้ต่อกี่เท่า

เมื่อสหายร่วมงานของเขาเสนอให้กวาดล้างญาติพี่น้อง ตระกูล สหายร่วมกลุ่ม กองทัพ หรือขุนนางของเขา  เขาไม่ได้พูดไม่ได้เสนอความคิดเห็นในการต่อสู้เลย  เพราะเขารู้ว่างานแบบนี้เป็นงานไร้คุณค่าศักดิ์ศรี  ไม่ว่าเขาจะทำสำเร็จหรือล้มเหลวมีแต่จะตอกย้ำความเกลียดชังให้กับเย่ว์ไตตันจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่

เขาไม่ยินดีเป็นศัตรูกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างเย่ว์ไตตัน

เด็กหนุ่มคนเดียวถึงกับต้องให้เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางต้องใช้แผนกับเด็กหนุ่มที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่กลับสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด  แม้ว่าเย่ว์ไตตันจะยังไม่เป็นนักสู้ระดับเทพ แต่เขากลับทำให้นักสู้ระดับเทพหวาดกลัวได้... เป็นเรื่องดีจริงๆ หรือที่จะรุกรานคนแบบนี้ ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูระดับนี้?

บางทีในศึกนี้เย่ว์ไตตันอาจหงุดหงิดอยู่ระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตามศึกนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นศึกสุดท้ายในชีวิตของเย่ว์ไตตัน  ตรงกันข้ามศึกนี้อาจเป็นตัวเร่งให้เย่ว์ไตตันเข้าสู่ระดับเทพโดยสมบูรณ์

ถ้าผู้ล้างแค้นระดับเทพกลายเป็นศัตรูคุกคามชีวิตของเขาในอนาคต เขายังจะมีอนาคตที่สงบสุขได้อย่างไร?

จะให้ข้าฆ่าคู่หมั้นของเขาหรือ?

โอว..สมองของข้ายังไม่ตาย!

อย่างไรก็ตามเมื่อขุนพลเทพเทียนกุ่ยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ขัดขวางคู่หมั้นของเย่ว์ไตตันในครึ่งทาง เขาไม่ปฏิเสธภารกิจ แต่มองอย่างผิวเผินเขาดำเนินการตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง  เป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง  แต่เขาไม่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในกระบวนการดำเนินการตามคำสั่ง เช่นไม่พบเป้าหมายในระหว่างสกัดขัดขวาง?

โยนนักรบหอทงเทียนเข้าไปในมิติหอทงเทียน ให้เจ้าพวกโง่เหล่านี้ล่อลวงโจมตีเป้าหมายที่พวกเขาพบ

เขาแกล้งลาดตระเวนหลีกเลี่ยงเป้าหมายแต่ละเป้าอย่างชำนาญและบังเอิญ

จึงไม่มีทางพบเจอกับคู่หมั้นของเย่ว์หยาง

ไม่ว่ายังไงสตรีเหล่านี้ก็ยังแข็งแกร่ง

ถึงแม้จะอ่อนแอ

แต่เขาไม่เต็มใจจะเข้าไปตอแย

หลังจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและพวกบุกตะลุยทหารแดนสวรรค์และบุกไปถึงหอทงเทียนชั้นเก้า ขุนพลเทพเทียนกุ่ยรีบตามมาถึงหอทงเทียนชั้นที่เจ็ดทันที  เขารู้สึกว่าเร็วเกินไปที่จะไล่ตาม เทียนเฉิงไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นความผิดพลาดอย่างแน่นอนที่เขาไปกวาดล้างตำหนักซัคคิวบัส  ตำหนักซัคคิวบัสคือสถานที่เกิดของเทียนฟาคนรักของเย่ว์ไตตัน ถ้าเทียนเฉิงกวาดล้างก็จะดึงดูดความสนใจจากเทียนฟา ถ้าเทียนเฉิงไม่สามารถเอาชนะเทียนฟาได้ก็คงดี  แต่ถ้าเขาฆ่าเทียนฟา เกรงว่าคงยากจะเห็นอนาคตของเขา

สำหรับตอนนี้เย่ว์ไตตันยังไม่พบคู่ต่อสู้ที่เหมาะกัน

อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบของหอเทียนนั้นดีมากจริงๆ นี่รังแกกันเกินไปหรือเปล่า?

แม้ว่าเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางจะมีทักษะแฝงเร้นหมากรุกที่ไร้เทียมทาน แม้แต่นักสู้ระดับเทพที่เข้ามาอยู่ในเกมหมากรุกก็ยังถูกเขาควบคุมได้  แต่เทียนกุ่ยไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้  ไม่ได้หมายความว่าเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางจะไม่ชนะ  เรื่องชนะนั้นเขาชนะได้แน่นอน  แต่ถ้าต้องฆ่าเย่ว์ไตตัน เขาเกรงว่าจะมีพลังไม่เพียงพอ  ถ้าสามารถฆ่าเย่ว์ไตตันได้ง่ายๆ   ทำไมเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางจึงเชิญตัวเล่นที่ทรงพลังมาถึงแปดคนด้วยเล่า?  เหตุใดจึงต้องจัดสรรปันส่วนสมบัติแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเอามาใช้วางแผนเล่นงานเย่ว์ไตตัน?  นอกนี้เจ้าตำหนักสูงสุดยังไม่มีความแน่นอน เขายังคงแฝงตัวอยู่ข้างหลังไม่ได้ส่งเสียง แสดงว่าชะตากรรมของเย่ว์ไตตันยังไม่อ่อนประกายและไม่สามารถทำลายลงอย่างง่ายดายจากการต่อสู้ที่รุนแรงนี้  เย่ว์ไตตันผู้นี้เป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ เป็นศิษย์ของนางพญาผู้พิชิต จะไม่มีใครอยู่เบื้องหลังเขาเชียวหรือ?  หากนางพญาผู้พิชิตปรากฏตัวอีกครั้ง  และจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อผู้ถือว่าเป็นพันธมิตรใหญ่ นั่นคงเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสถึงขั้นพังทลายได้  ดังนั้นสถานการณ์จึงไม่ชัดเจน เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นศัตรูกับเย่ว์ไตตัน 

สตรีของเย่ว์ไตตันถูกฆ่า  เย่ว์ไตตันจะต้องเกลียดและตามไล่ฆ่าเขาเป็นหมื่นปี ขุนพลเทพเทียนกุ่ยรู้สึกว่าถ้าสมองเขาไม่ตาย ไม่มีทางที่เขาจะยอมทำ

 “อ๋า?”

เมื่อขุนพลเทพเทียนกุ่ยมาถึงตำหนักซัคคิวบัสในหุบเขาปริศนา เขาประหลาดใจว่าขุนพลเทพเทียนเฉิงที่ควรถูกสังหารที่นี่หายไป

แปลก!  เทียนเฉิงถูกเทียนฟาคนรักของเย่ว์ไตตันฆ่าไปแล้วหรือ?  แต่เจ้าคนขี้ขลาด เก็บตัวและรอบคอบนั้นดูไม่เหมือนเป็นคนบุ่มบ่าม ตอนแรกเขาตั้งใจจะร่วมมือกับเขา เขาไม่คาดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้... เกิดอะไรขึ้น

มีนักสู้หนุ่มไม่กี่คนในสนามรบที่พังทลายนี้

ก่อนหน้านี้ขุนพลเทพเทียนกุ่ยได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสหายร่วมกลุ่มของเย่ว์ไตตันมาก่อน สหายร่วมกลุ่มของเย่ว์ไตตันคือ คนอ้วนชื่อว่าไห่ต้าฟู่  คนผอมชื่อเย่คง คนที่เหมือนกับน้ำแข็งชื่อเสวี่ยทันหลาง  เป็นน้องชายของเสวี่ยอู๋เสียคู่หมั้นเย่ว์ไตตันผู้ส่งผลต่อเขามากที่สุดและเป็นนักวางกลยุทธ์ในกลุ่ม  เด็กหนุ่มที่งดงามเหมือนหยกชื่อหัวจื่ออี้เป็นองค์ชายน้อยแห่งอาณาจักรเทียนหลัว  อีกสองคนเป็นพี่น้องฝาแฝดน่าจะเป็นพี่น้องตระกูลหลี่

การปรากฏตัวของคนเหล่านี้ ไม่ต้องคำนึงถึงภูมิหลังของพวกเขา หลังจากการนำและชี้แนะของเย่ว์ไตตัน พวกเขาเติบโตและกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ควรมองข้าม

ถ้าไม่ใช่เพราะการต่อสู้ครั้งนี้มาถึงเร็วเกินไป  ปล่อยให้เด็กหนุ่มเหล่านี้เติบโตต่อไปอีกหลายร้อยปี  ไม่อยากจะคาดคิดเลยจริงๆ

แค่พลังปัจจุบันของพวกเขา

ยังไม่เพียงพอจะฆ่าขุนพลเทพเทียนเฉิง ในหมู่คนพวกนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

 “แมลงเกราะทองอีกตัวหนึ่ง  ทุกคนไม่ต้องแย่งข้า ให้ข้าลงมือเอง ข้าจะระเบิดไข่เจ้าผู้นี้จนหมดความรู้สึกไปเลย!  เจ้าอ้วนไห่ตะโกนพร้อมกับใช้หมัดฮิปโปดาวตกเล่นงานขุนพลเทพเทียนกุ่ย

 “คุยโม้ไร้ยางอาย!” ขุนพลเทพเทียนกุ่ยรู้สึกว่าพลังนี้ แม้แต่ทหารแดนสวรรค์ก็ใช้ได้ คิดจะเอามาใช้ระเบิดเขาน่ะหรือ?  ล้อเล่นหรือเปล่า?

เขาไม่ได้ดูถูกคู่ต่อสู้ของเขาเหมือนขุนพลเทพไท่หยาง ไม่คิดจะใช้นิ้วเดียวเพื่อต่อต้านพลังหมัดโจมตีราวกับสายฟ้าฟาด  แม้ว่าใช้นิ้วเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนั้น ขุนพลเทพเทียนกุ่ยตื่นตัว  เขารั้งพลังเทพไว้สามส่วนและสลายพลังหมัดฮิปโปดาวตกและสะท้อนกลับไปที่หน้าของเจ้าอ้วนไห่

หนึ่งหมัด สองหมัด สามหมัด

ฝนดาวตกรูปหมัดทั้งหมดกลับไปลงที่หน้าของเจ้าอ้วนไห่

ก่อนที่เจ้าอ้วนไห่จะร่วงลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ขุนพลเทพเทียนกุ่ยเหยียดมือป้องกันเย่คงและคนอื่นๆ  เขาปล่อยหมัดออกไปราวกับสายฝนเหมือนหมัดฮิปโปดาวตกของเจ้าอ้วนไห่

ตุ้บ ตุ้บ... เจ้าอ้วนไห่ถูกทุบทั้งลำตัวไม่สามารถบินหนีออกมาได้ขณะที่เงาหมัดครอบคลุมเต็มตัว

เทียบกับหมัดของเจ้าอ้วนไห่แล้วหมัดของขุนพลเทพเทียนกุ่ยไวกว่าและหนาแน่นมากกว่า

เย่คงและพวกมองดูด้วยความงงงวย นี่เป็นไม้ตายของเจ้าอ้วนไห่ไม่ใช่หรือ?  ขุนพลเทพผู้นี้ใช้ออกได้อย่างไร?  หรือว่าทักษะแฝงเร้นของคนผู้นี้คือการลอกเลียนแบบ?  ต้องทราบว่าหมัดฮิปโปดาวตกคือวิทยายุทธ์ที่เย่ว์หยางบัญญัติสร้างตามบุคลิกลักษณะของเจ้าอ้วนไห่ ยกเว้นเจ้าอ้วนไห่ ทุกคนไม่สามารถใช้งานได้ดี ต่อสู้ร่วมกับกับเจ้าอ้วนไห่มานาน พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่สามารถใช้หมัดฮิปโปดาวตกโจมตีได้  ขุนพลเทพผู้นี้สามารถใช้วิทยายุทธ์นี้ได้เหมือนเจ้าอ้วนไห่ ทั้งใช้ได้รวดเร็วกว่าหนักแน่นกว่า นับเป็นความจริงที่คาดไม่ถึง!

ถ้าไม่เห็นกับตาตนเองคงไม่มีใครเชื่อ

เจ้าอ้วนไห่ยังคงสับสน

เขารีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น และยังไม่ทันมีเวลาได้พูด ก็มองเห็นหมัดเหมือนดาวตกนับไม่ถ้วนครอบคลุมแน่นเหมือนฝน

เขาไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าใด แต่เจ้าอ้วนไห่โดนหมัดไปอย่างน้อยสิบครั้ง  ขุนพลเทพเทียนกุ่ยจึงหยุดมือชั่วคราว

 “เจ้ามิอาจต่อยตีที่หน้าของข้า!  เจ้าอ้วนไห่ตอนนี้หน้าบวมเป็นหมูไปแล้ว

ขุนพลเทพเทียนกุ่ยโจมตีเพียงเป้าหมายเดียว

นั่นคือเจ้าอ้วนไห่เท่านั้น

ส่วนเย่คงและคนอื่นๆ

ได้แต่ยืนตะลึงมองไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้  เหมือนกับผู้ชมที่ผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์เท่านั้น

 “เทียนเฉิง เจ้าผู้นั้นเป็นยังไงบ้าง?”  ขุนพลเทพเทียนกุ่ยมองดูเจ้าอ้วนไห่ที่หันหลังหนี เขาปล่อยหมัดสะท้านฟ้าสะเทือนดินใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที  ดูเหมือนเขาไม่สามารถถามเพื่อเอาคำตอบตามต้องการโดยไม่อาจฆ่าเจ้าอ้วนไห่  ใช้หมัดของเขาฟาดใส่เจ้าอ้วนไร้ยางอาย ต่อให้เจ้าอ้วนไห่หนังหนาหน้าด้านก็อาจกลายเป็นหมูตายมิอาจต่อต้านได้

ที่สำคัญที่สุดขุนพลเทพเทียนกุ่ยเน้นทำร้ายที่ใบหน้าเจ้าอ้วน

แม้ไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ยังเน้นต่อยตีด้วยหมัดเลือดเนื้อ

เจ้าอ้วนไห่จนปัญญาจะหนี

จะขอร้องก็ทำไม่ได้

 “หยุดได้แล้ว!  ในที่สุดเจ้าอ้วนไห่โกรธ  เมื่อเขาลุกขึ้นอีกครั้งเขายืดอกทันที และใช้มืออีกข้างหนึ่งปัดสะโพก และสบถด่า  “พอได้แล้ว ถึงแม้ว่าเจ้าจะอิจฉาใบหน้าหล่อเหลาของเราคุณชาย แต่เรื่องไม่ได้เป็นเช่นนั้นสักหน่อย!  ข้ารู้ว่าเจ้าเศร้าและอิจฉาข้าแค่ไหน แต่มันไม่ใช่ความผิดของข้าที่เกิดมาหล่อ เจ้าทำกับหน้าข้าแบบนี้ได้อย่างไร?  ข้าอุตส่าห์คิดว่าเจ้าเป็นคนดีแท้ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะใจคับแคบ...”

ขุนพลเทพเทียนกุ่ยได้ยินเช่นนั้น เขาไม่สนองตอบแต่เย่คงและเสวี่ยทันหลางสีหน้าเปลี่ยนไป เหมือนคนอยากอาเจียนแต่ทำไม่ได้

เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

ผู้มีความอดทน

เย่คงกำหมัดแน่นและตัดสินใจทำเป็นหูหนวกเหมือนไม่ได้ยินอะไร

แต่คำพูดต่อไปของเจ้าอ้วนไห่ทำให้เขาทนไม่ได้จริงๆ เพราะเจ้าอ้วนไห่บ่นต่อ  “เจ้าไม่มีความรู้ด้วยตัวเอง ก็สามารถเรียนรู้จากเจ้าลิงที่เหมือนตัวตลกข้างๆ ข้า!  ผู้พิทักษ์คุ้มครองนั้นจะต้องน่าเกลียดมากๆ  เป็นเวลานานพอจนสวรรค์ขุ่นเคือง  ผู้คนต้องตำหนิโลก ไม่ใช่มาขู่มาเกลียดข้า  เจ้ามีรสนิยมอะไร!  ถ้าเจ้าลักษณะดูไม่ดี เจ้าควรสำรวจตรวจสอบตัวเองและศึกษาอย่างนอบน้อม  เจ้าควรปรับปรุงตัวเองเพื่อชดเชยสิ่งที่ตนเองขาด เจ้ามาทำตัวเหมือนคนขายเนื้อ หากคนอื่นไม่รู้ เขาอาจเรียกเจ้าว่าคนขายหมูได้  เจ้าเคยดูตัวเองหรือเปล่า ทำไมเจ้าไม่มีสติ เจ้าคือหินที่กองอยู่ตามข้างถนนถูกมองข้ามหรือถูกเตะออกไป...”

เย่คงหัวเสียกางมือกางเท้า

เสวี่ยทันหลางมืออุดหู

องค์ชายเทียนหลัว

หันหน้ามองไปทองอื่นทำนองว่า เราไม่รู้จักกัน

ปรากฏว่าขุนพลเทพเทียนกุ่ยซึ่งไม่แสดงออกทางสีหน้า ใบของเขาเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง ในที่สุดก็เปลี่ยนสีหน้า เขาต่อยเจ้าอ้วนไห่ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นกระโจนสูงหมุนตัวเตะกลางตัวเจ้าอ้วนไห่ เจ้าอ้วนไห่กระแทกกับพื้นหินแตกกระจาย

ไม่รอให้เจ้าอ้วนไห่ดิ้นรน ขุนพลเทพเทียนกุ่ยคว้าหลังคอเจ้าอ้วนไห่และต่อยใส่ศีรษะของเขาอีกหนึ่งหมัด

เสร็จแล้วเขารู้สึกว่ายังไม่หายโมโห

เขาตบเจ้าอ้วนไห่ลงไปคลุกฝุ่นอีกครั้งและกระทืบอีกหลายร้อยเท้า

รอจนกระทั่งบนพื้นเละเทะราวกับมีวัวกระทิงแสนตัววิ่งไปมาไม่อยู่ เขาจึงค่อยพักหยุดหายใจ

ขุนพลเทพเทียนกุ่ยสูดหายใจลึกพยายามข่มความโกรธและสงบใจ  “เจ้ารู้ไหมทำไมข้าถึงตั้งใจทุบตีเจ้าก่อน?  เป็นเพราะเจ้าอิจฉา เจ้าไม่สามารถอธิบายได้ด้วยปากได้ เจ้าเกิดมาเพื่อถูกข้าทุบตี นั่นเป็นการพิทักษ์ความยุติธรรมสวรรค์!  ถ้าข้าไม่ทำอย่างนี้หรือว่าลงมือกับเจ้าเบาไป นั่นจะเป็นการขัดเจตนารมณ์สวรรค์..  ตลอดชีวิตข้านี้ ไม่เคยเห็นคนอย่างเจ้าที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความเป็นความตาย   คนอย่างเจ้าถ้าไม่ฆ่าให้ตายถือว่าฟ้าไม่มีความยุติธรรม!  ข้าน่ะหรือเกลียดชังอิจฉาเจ้า?  ข้าหล่อกว่าเจ้าตั้งร้อยเท่ารู้ไว้ด้วย

 “อย่าเพิ่งโกรธ โกรธกับคนหน้าตาแบบนี้นับว่าไม่คู่ควรเลย!  เย่คงเกลี้ยกล่อมอย่างเห็นอกเห็นใจ

 “บัดซบ! พวกเจ้าเอาแต่ดูข้าคุณชายถูกทุบตี  นี่จะไม่ช่วยกันเลยบ้างหรือ?”  เจ้าอ้วนไห่ถ่มเลือด และลุกขึ้นมาพูดกับเย่คงอย่างโมโห “นี่เป็นพวกเดียวกันประสาอะไร?”

 “ก็มันช่วยไม่ได้!  เย่คงแบมือทั้งและพูดเหมือนกับว่าสหายร่วมกลุ่มของเขาไม่คู่ควรช่วย

 “เจ้าเป็นใคร?”  พี่น้องตระกูลหลี่ทำเป็นมองซ้ายมองขวาเหมือนกับจำไม่ได้ว่าเจ้าหัวหมูผู้นี้เป็นใคร

 “อิจฉา, พวกเจ้าอิจฉาข้าคุณชาย!  เจ้าอ้วนไห่แค่นเสียงและคิดออกในที่สุดว่า วันนี้เป็นความจริงที่ว่าสหายร่วมก๊วนของเขาไม่เชื่อว่าเขาหล่อกว่าหรือ?  ถึงได้กล้ายืนมองเฉยๆ โดยไม่ยื่นมือช่วยเลย?

 “งั้นข้าจะฆ่าเจ้า แล้วเจียวเอาน้ำมันหมูดีไหม?”  ขุนพลเทพเทียนกุ่ยรู้สึกจะบ้า มีคนไร้ยางอายแบบนี้ในโลกได้อย่างไร?

 “ลงมือได้เลย ไม่ต้องเกรงใจเรา!  เย่คงโบกมือ

 “อย่าลืมแบ่งน้ำมันหมูให้เราครึ่งโล”  พี่น้องตระกูลหลี่รู้สึกว่าชีวิตเจ้าอ้วนไห่มีค่าเท่านั้น

 “ประเมินเราคุณชายผู้นี้ต่ำไปแล้ว แค่สองหมัดสามเท้า เจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าที่เป็นที่รู้จักในฐานะเสาหลักแรกของหอเทียนหรือ?  เมื่อครู่นี้ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นอาคันตุกะจากแดนไกล ก็เลยต่อให้สามท่า เจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้จริงๆ หรือ?  หากเจ้ากล้าตีใบหน้าอันหล่อเหลาของเราคุณชาย คนแก่อย่างเจ้าคงยากจะมีชีวิตอยู่ได้ ฮู้วว.. เจ้าไม่มีทางเล่นลูกไม้กับข้าได้แล้ว....”  ร่างเจ้าอ้วนไห่เปล่งรัศมีสีทองเจิดจ้าราวกับจะกลับโลกไว้ทั้งโลก

 “.....”  ขุนพลเทพเทียนกุ่ยใจสั่นสะท้าน เขาไม่กล้าประมาท และเร่งเร้าพลังเพ่งมองทันที

เจ้าอ้วนไห่พุ่งขึ้นท้องฟ้า

ดูเหมือนว่าเขาต้องการใช้ไม้ตายที่มีพลังถล่มฟ้าทลายโลก

ขุนพลเทพเทียนกุ่ยเป็นกังวลมาก ตอนนี้เขาจับตามองดูลูกไม้ของเจ้าอ้วนไห่ และยังต้องระวังเย่คงและคนอื่น สีหน้าของเขายังจริงจังเหมือนตอนแรก

ไม่ว่าเจ้าอ้วนงี่เง่าจะใช้ไม้ตายที่น่าทึ่งอะไร  เขาจะใช้สู้กับตัวเขาได้อย่างไร?

ในวัยหนุ่ม เขาก็เข้าใจถึงเจตจำนงราชันย์และสนามพลังแล้วหรือ?

แม้ว่าจะปากไม่ดี แต่พลังของเจ้าอ้วนบ้านี่และทักษะแฝงเร้นของเขาไม่เลว ไม่อย่างนั้นจะเป็นสหายร่วมกลุ่มของเย่ว์ไตตันได้อย่างไร?  ทั้งเย่คงและเสวี่ยทันหลางก็ได้รับการยอมรับ แสดงว่าคนเหล่านี้เป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา  ต่อให้เจ้าอ้วนไห่ไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ก็อนุโลมเรียกอัจฉริยะได้เหมือนกัน เขาต้องไม่ประมาท

ท่านี้ต้องรับได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!

มาได้เลย!

ไม่ว่าเจ้ามีความสามารถใด เจ้าไม่มีทางทำลายแนวป้องกันของขุนพลเทพอย่างเขาได้

ขุนพลเทพเทียนกุ่ยมีจิตวิญญาณนักสู้สูง  แน่นอนว่าเขาไม่ประมาทและระวังตัวอยู่เสมอ ถ้าสถานการณ์ไม่ดี เขาจะไม่ยอมตายเพียงเพราะเขาเป็นขุนพลเทพ

ข้าจะรับกระบวนท่าเจ้าเอง!

ขุนพลเทพเทียนกุ่ยรู้สึกตัวว่าเขามีสมาธิจ้องมองเจ้าอ้วนไห่ด้านบนอย่างเต็มที่... ใครจะรู้ว่าเจ้าอ้วนไห่เหมือนกับเป็ดอ้วนที่แสนเทอะทะ เขาตบมือบิดสะโพกและบินออกไปพร้อมกับส่งเสียงร้องโดยไม่สนใจว่าคนที่เห็นจะคิดยังไง  เมื่อเห็นฉากภาพแปลกประหลาดขุนพลเทพเทียนกุ่ยรู้สึกเหมือนในหัวใจของเขามีสัตว์ประหลาดในตำนานสามพันตัววิ่งสับสนไปมา

นี่มันท่าบ้าอะไร?

เจ้าบ้านี่เป็นนักรบประสาอะไร? โอว ไม่ นี่ยังนับว่าเป็นคนหรือไม่?

เจ้าอ้วนไห่หน้าด้าน  เขาจะกล้าหน้าด้านเลียนแบบอีกหรือ?

เขาตะลึงลานอยู่นาน

ขุนพลเทพเทียนกุ่ยหันกลับไปมองเย่คงด้วยความเห็นใจและคิด  “นี่, ข้าเข้าใจความรู้สึกพวกเจ้าแล้ว เป็นเรื่องเจ็บปวดใจที่ได้เพื่อนร่วมกลุ่มอย่างนี้ ถ้าเป็นข้าได้เพื่อนร่วมกลุ่มแบบนี้ข้าคงฆ่ามันจะใกล้ตาย จากนั้นช่วยชีวิตมัน แล้วค่อยฝังทั้งเป็น แล้วเผาจากนั้นฉี่ราดขี้เถ้าแล้วโปรยลงทะเลให้ปลากิน!

หลังจากคิดเสร็จ เขาอาจคิดว่าทำอย่างนี้ยังไม่พอบรรเทาความโกรธเกลียด  แต่เขาไม่สามารถคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ได้  ดังนั้นเขาอดถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้  “บางทีข้าอาจจะร้องไห้สามวันสามคืน น่าปวดหัวจริงๆ!

 “ความจริง ความรู้สึกที่แท้จริงก็คือร้องไห้ไร้น้ำตา”  เย่คงพูดความจริงตามตรง

 “....” ขุนพลเทพเทียนกุ่ยพูดไม่ออก

เขายินดีที่เขาโชคดีมากที่ไม่มีเพื่อนร่วมงานแบบนี้อยู่ด้วย มิฉะนั้นเขาคงได้แขวนคอตาย

หลังจากแลกเปลี่ยนทัศนะกันสั้นๆ แล้ว ขุนพลเทพเทียนกุ่ยไม่ลืมธุระของตนเอง  เขามองเย่คงและมองดูเสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัว ก็รีบคืนสภาพเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งทันที  “บอกข้าได้ไหม? ใครสู้กับขุนพลเทพเทียนเฉิงที่นี่?”

เย่คงเงียบ

เสวี่ยทันหลางที่นั่งอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืน

เดินตามทางทีละก้าว และประทับรอยเท้าลึกบนพื้น

ทุกครั้งที่ก้าวเท้าลมหายใจของเขาจะเพิ่มแรงกล้าอีกหนึ่งจุด  เมื่อเขายืนอยู่ข้างเย่คงและอยู่ข้างหน้าขุนพลเทพเทียนกุ่ย ด้านหลังของเขากลายเป็นภูเขาน้ำแข็งมีหิมะปกคลุมราวกับอยู่ขั้วโลก

*** *** ***

11 ความคิดเห็น:

oBABYVOXo กล่าวว่า...

หน้าหนาซะจริง 555++

Popcorn กล่าวว่า...

เอาแล้วใงทักษะแปลงร่างกำเริบ

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

ขออีก

Failz กล่าวว่า...

เจ้าอ้วนเกิดมาเพื่อโดนทุบจิงๆ

CHANTANA กล่าวว่า...

ตายแน่ฯ5555

Unknown กล่าวว่า...

จุใจเลยวันละ2ตอน

BlackFire กล่าวว่า...

เอาแล้วน้องก็เมียโชว์หน่อย

Lady gaga กล่าวว่า...

สนุกมาก

Lazykuma กล่าวว่า...

สงสารนะครับ เจ้าอ้วนไห่หรอ เปล่าพวกเย่คงนะ

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

อ่านละฮาลั่นตอนบิน 5566

แสดงความคิดเห็น