วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1281 เราต้องชนะ!

 

ตอนที่  1281  เราต้องชนะ!

การเข้าร่วมกบฏของขุนพลเทพเทียนกุ่ยอย่างกะทันหันด้วยความตั้งใจของตัวของขุนพลเทพเทียนกุ่ย ทำให้ทุกคนไม่อยากจะเชื่อ

 

มันยากจะยอมรับได้

เจ้าอ้วนไห่คาดเดาเจตนาไปทางร้าย

ขุนพลเทพเทียนกุ่ยผู้นี้ต้องการใช้ประโยชน์จากการเข้าร่วมเป็นกบฏแทรกซึมมาในกลุ่มหรือไม่  จากนั้นก็คอยแจ้งข่าวให้เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางพบเจอข้อบกพร่องโจมตีเย่ว์หยางหรือไม่? ไม่อย่างนั้นขุนพลเทพเทียนกุ่ยผู้นี้คงไม่มีเหตุผลที่จะมาเข้าร่วมกับพวกเขา!  ตอนแรกเป็นขุนพลเทพเทียนเฉิงผู้มีกำลังพลเป็นหมื่นคน  นอกจากความภักดีต่อเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางไม่ต้องมองหน้าคนอื่นก็เห็นได้ว่าเขามีความสุขเพียงไหน  หากเขาต้องการกบฏต่อตงฟางก็เท่ากับเขาต่อต้านตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่สิ่งแรกที่เขาห่วงคือกังวลต่อชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเขาทุกคนจะต้องต่อสู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากเย่ว์หยางสามารถเอาชนะตงฟางได้เร็ว พลิกสถานการณ์ได้หมด ขุนพลเทพเทียนกุ่ยผู้นี้บอกไว้ก่อนก่อการกบฏนั่นไม่ใช่เรื่องแปลก ปัญหาคือปัจจุบันนี้ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ยังสร้างแรงกดดันและโจมตีได้เปรียบหอทงเทียน  ต่อให้เย่ว์หยางพลิกกลับมาได้ ก็ยังมองไม่เห็นความหวัง ก่อนที่ขุนพลเทพเทียนกุ่ยจะบอกเขาร่วมกบฏก่อนการต่อสู้ นั่นจะไม่เร็วเกินไปหรือ?

เว้นแต่เขาโง่ไร้สมอง ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ทำอย่างนี้โดยไม่มีโอกาสชนะ

ก่อนหน้านี้ขุนพลเทพเทียนเฉิงกล่าวในนาทีสุดท้ายจะร่วมมือกับทุกคนหลอกตงฟาง เจ้าอ้วนไห่ยังคงสงสัยและสอบสวนดูจนกระทั่งพอใจ

ตอนนี้ขุนพลเทพเทียนกุ่ยไม่มีเหตุผลใดในการเข้าร่วมและเป็นกบฏต่อตงฟางและตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์

คิดจะโกหกใครกันแน่?

เจ้าอ้วนไห่เป็นคนแรกที่ไม่ยอมเชื่อ

 “ทำไมกัน?”  อย่าว่าแต่เจ้าอ้วนไห่สงสัยเลย  แม้แต่ขุนพลเทพเทียนเฉิง ก็ยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง!

 “เจ้ากบฏได้ ทำไมข้าจะกบฏบ้างไม่ได้?” ขุนพลเทพเทียนกุ่ยหัวเราะ และย้อนถามเทียนเฉิง “ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ข้าคงจะฆ่าพวกเจ้ารวดเดียวทั้งหมดแล้ว พวกเจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะยอมให้พวกเจ้าหลอกลวงกลั่นแกล้งอย่างนั้นหรือ? น่าขัน! ข้าจะได้ประโยชน์อะไรจากพวกเจ้า?   ให้พวกเจ้าช่วยหาตัวเย่ว์ไตตันหรือคู่หมั้นของเขาและร่วมสงครามระดับสูงอย่างควบคุมไม่ได้น่ะหรือ?  ข้าไม่โง่ขนาดนั้น บอกกับเจ้าก็ได้ ข้าเคยลอบติดตามองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้พกดาบเทพวิเศษตลอดทาง  ข้าจะไม่รบกับนาง จะไม่สู้กับเย่ว์ไตตัน  เจ้าผู้นั้นจะทำสงครามระดับสูง ย่อมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า  ข้าเป็นแค่ขุนพลเทพคนหนึ่ง  ข้ารู้ตัวเองดี ระดับของตัวข้าเองทำได้ดีแค่นี้

 “คำอธิบายเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอ บางทีเจ้าอาจแกล้งทำผิดเพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง  บางทีเจ้าอาจต้องการให้เราไว้วางใจ จากนั้นจึงค่อยรู้ความทะเยอทะยานของตนเองในหอทงเทียน”  เจ้าอ้วนไห่คิดว่าเขาจะไม่เชื่อคนผู้นี้อีกต่อไป

 “แต่ข้าเชื่อเขา!  คนแรกที่ยินยอมเชื่อขุนพลเทพเทียนกุ่ยกลับเป็นสาวนางนวลสายลม

นางมีความฉลาด

แม้ว่านางจะไม่มีความสามารถพิเศษมองเห็นหัวใจมนุษย์ได้ แต่นางมีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่ง

ถ้าขุนพลเทพเทียนกุ่ยต้องการทำเป้าหมายให้สำเร็จร่วมกับกลุ่มนี้จริงๆ อย่างนั้นเขาไม่จำเป็นต้องสั่งสอนทุกคนทำให้ทุกคนกลัว จากนั้นค่อยบอกความตั้งใจว่าจะเข้าร่วมต่อต้านตงฟาง

เขาสามารถพูดได้ตั้งแต่แรกก่อนที่ทุกคนจะลงมือสู้ นั่นยังจะมีโอกาสลงมือหลอกได้สำเร็จมากกว่า  เหตุผลที่เขาบอกหลังจากลงมือสั่งสอนทุกคนแล้วแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาซึ่งหมายความว่าเขาบริสุทธิ์ใจ แต่ต้องการสิทธิ์ในการพูดในกลุ่มและไม่ต้องการถูกแยกออกจากกลุ่มเพราะพฤติกรรมนี้ จึงอาจสรุปได้ว่าขุนพลเทพเทียนกุ่ยต้องการเข้าร่วมด้วยความจริงใจ

เช่นเดียวกับขุนพลเทพเทียนเฉิงก่อนหน้านั้น

เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ให้เหตุผลเพียงพอที่จะโน้มน้าวใจทุกคน

 “ข้าเชื่อเขาเช่นกัน”  หลังจากน้ำแข็งผนึกละลายลง องค์ชายเทียนหลัวกลับมาเป็นปกติ เขาพยักหน้ายืนยันให้กับขุนพลเทพเทียนกุ่ยช้าๆ

 “อะไรกัน? องค์ชาย, ท่านบ้าไปแล้วหรือ, เขาเกือบจะฆ่าท่านด้วยพลังหมัดไปแล้ว ท่านยังเชื่อเขาอีกหรือ ข้าอยากจะบอกว่าคนผู้นี้คือร่างอวตารของตงฟางร้อยเปอร์เซ็นต์  เขาถือโอกาสยุยงเราให้แตกแยก จากนั้นเข้ามาแทรกแซงกลุ่มของเราเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของเขา อย่างไรก็ตามมันต้องมีเหตุผล”  เจ้าอ้วนไห่คัดค้านเต็มที่

 “ยินดีต้อนรับ”  เสวี่ยทันหลางยืนยันความคิดเห็นของตนเอง

 “หา?...”  เจ้าอ้วนไห่อ้าปากค้าง  สติปัญญาของเจ้าหน้าโลงศพนี่มีปัญหาหรือ? เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าข้างศัตรู!

 “ข้าแค่ต้องการถาม อะไรคือเหตุผลที่เป็นแรงบันดาลใจให้ท่านกบฏต่อตงฟาง?”  เย่คงยังคงตั้งคำถามอย่างระมัดระวัง เย่ว์หยางไม่ได้อยู่ที่นั่น แม้จะไม่ใช่ในนามของเขา แต่ในฐานะหัวหน้ากลุ่มภารกิจ สำหรับภัยคุกคามใดๆ  หรือมีข้อสงสัยใดๆ เขาต้องคิดอย่างใจเย็นไม่เอาอารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้งเหมือนเจ้าอ้วนไห่

 “ถูกต้องแล้ว เจ้าลิง!  ข้าเห็นด้วยกับเจ้าเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่จำเป็นต้องบอกว่าคนผู้นี้เป็นของปลอม  การเข้าร่วมของเขาก็เป็นกิริยาปลอมด้วย!   เจ้าอ้วนไห่รู้สึกในที่สุดว่าเขาพบสหายและเขาโล่งใจทันที

 “เจ้าโง่  เจ้าเงียบไปเลย!  เย่คงคิดว่าพอเจ้าผู้นี้อยู่ที่นี่นอกจากก่อกวนแล้ว ไม่มีความคิดสร้างสรรค์อะไรเลย

พี่น้องตระกูลหลี่สนับสนุนความคิดเย่คง

ทั้งสองคนยืนขึ้น

แม้จะรู้ว่าสู้ไม่ได้ แต่ก็ยังรักษาท่าจู่โจมไว้

ตราบเท่าที่เหตุผลของขุนพลเทพเทียนกุ่ยไม่ผ่าน  อย่างนั้นถ้าพวกเขาจะโจมตีด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาก็จะรีบลงมือโดยไม่ประมาทเหมือนดาวหางระเบิดเมื่อก่อนหน้านี้ แม้จะเป็นการเอาไข่ไปกระทบหินก็ตาม  ตามมุมมองของเย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่นั้นต่างจากเจ้าอ้วนไห่และเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัว พวกเขาวางตัวเป็นกลางไม่ยอมรับขุนพลเทพเทียนกุ่ยเป็นพันธมิตรทันที

สีหน้าของขุนพลเทพเทียนกุ่ยค่อยจริงจังมากขึ้น

เจ้าอ้วนไห่คิดว่าเขากำลังจะหันหน้าหนี ใครจะคิดว่าวินาทีต่อมาขุนพลเทพเทียนกุ่ยหัวเราะลั่น ทำให้ทุกคนงงงวย

มีอะไรขำนักหนา?

แปลก!                                                                                    

ขณะที่ทุกคนยังคงงงหลังจากไตร่ตรองหลายครั้ง ขุนพลเทพเทียนกุ่ยหันไปมองเทียนเฉิง  “เจ้าอาจจะรู้ว่าทักษะแฝงเร้นของข้าคือท่าเท้าดาวตก ในความทรงจำของเจ้า ข้าเทียนกุ่ยเก่งในเรื่องใช้ดาวหางโจมตี  เมื่อโจมตีเสร็จสิ้นศัตรูก็ไม่รอดชีวิต นั่นคือพลังที่มีอยู่จริงๆ  นี่คือความประทับใจที่ทุกคนมีต่อข้ารวมทั้งตงฟางก็คิดเช่นนี้  อย่างก็ตาม ความจริงแล้วนั่นคือผลที่ข้าจงใจสร้างขึ้น ทักษะแฝงเร้นของข้าที่แท้จริงไม่ใช่ ท่าเท้าดาวตก แต่เป็นทักษะชัยชนะ”

 “ทักษะแฝงเร้นชัยชนะน่ะหรือ?”  ขุนพลเทพเทียนเฉิงเมื่อได้ยิน เขาตะลึงงัน นี่คือความสามารถพิเศษอะไรกัน?

 “ทักษะแฝงเร้นชนะของข้ามีรูปแบบอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือการใช้ศัตรูเพื่อเอาชนะ ถ้าใช้แล้วข้าชนะแน่นอน ประการที่สอง ถ้าไม่มีความมั่นคงอย่างนั้นข้าจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย  แต่ข้าสามารถเลือกรูปแบบที่สองและชนะรูปแบบแรกได้ด้วยตัวเอง และข้ายังสามารถถ่ายเทชัยชนะให้ผู้อื่นได้และมอบให้กับผู้ชนะคนสุดท้าย อย่างเช่นยกให้เย่ว์ไตตันในการต่อสู้ครั้งนี้เป็นต้น!  เมื่อขุนพลเทพเทียนกุ่ยกล่าว เทียนเฉิงตระหนักได้ทันที

ปรากฏว่าเทียนกุ่ยผู้นี้ ในขณะที่สู้รบได้เลือกชัยชนะให้เย่ว์ไตตัน

เขาพบว่าตนเองไม่สามารถทำได้สำเร็จ

ภายใต้ลางสังหรณ์ถึงชัยชนะ เขาไม่มีความลังเลหันอาวุธกลับไปโดยไม่ลังเล เขาทรยศและเข้าร่วมกับเย่ว์ไตตันด้วยการริเริ่มของตนเอง เพื่อให้ทักษะแฝงเร้นชนะของเขาได้ดำเนินต่อไป

มิน่าเล่าขุนพลเทพเทียนกุ่ยถึงได้ไม่มีทางแพ้ ปรากฏว่าเขามีตัวเลือกให้เลือกนี่เอง

ประการแรก เขาสามารถเอาชนะเป็นผู้ชนะเลิศเองโดยโค่นล้มศัตรูโดยตรง

ประการที่สองในกรณีที่ไม่สามารถชนะการแข่งขันได้ เขาก็เลือกข้างที่ประสบความสำเร็จโดยไม่ลังเล  ด้วยวิธีนี้ขุนพลเทพเทียนกุ่ยไม่มีทางจะล้มเหลวได้เลย!  ก่อนที่เขาจะสู้ เขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ชนะสุดท้าย ดังนั้นเขาจึงกังวลเกี่ยวการยืนอยู่ในกลุ่มหรือไม่?   แผนเอาชนะของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางมีเค้าโครงและการประสานงานอย่างดี ไม่ใช่เกมง่ายๆ แต่เทียนกุ่ยได้ทรยศต่อเขาหันไปร่วมกับเย่ว์ไตตันที่ยังดิ้นรนต่อสู้ เหตุผลก็คือบุรุษผู้นี้รู้ว่าเย่ว์ไตตันจะได้รับชัยชนะสุดท้ายในการต่อสู้ครั้งนี้แน่นอน  เขาเลือกเย่ว์ไตตันในขณะที่สถานการณ์ในหอทงเทียนยังอยู่ในภาวะสิ้นหวัง แต่นั่นจะสำคัญอะไร?

ตราบเท่าที่เย่ว์ไตตันพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะในการรบได้ในที่สุด

ทักษะแฝงเร้นของขุนพลเทพเทียนกุ่ยนับว่าฉลาดแกมโกง ทักษะแฝงเร้นของคนผู้นี้นับว่าเป็นสิ่งคงอยู่ที่ไร้เหตุผล!

ขุนพลเทพเทียนเฉิงอดนึกอิจฉาไม่ได้

หากท่านมีทักษะแฝงเร้นเช่นนั้น ท่านจะถูกขู่ให้กลัวตายง่ายๆ หรือไม่?

 “กลับมาที่หัวข้อดั้งเดิม โดยวิธีการที่เจ้ากล้าที่จะไขว่คว้าหาชัยชนะโดยไม่ต้องทำนายใดๆ อย่างน้อยข้าก็ยังไม่มีความกล้าเหมือนกับเจ้า บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงได้เป็นขุนพลเทพ! แน่นอนว่าข้าไม่ใช่คนเดียวที่มีความสามารถที่จะเห็นผลลัพธ์ที่น่าสนใจของการต่อสู้ในครั้งต่อไป” ขุนพลเทพเทียนกุ่ยหัวเราะลั่น

 “เจ้า เจ้าพูดถึงเทียนจีหรือ?”  ขุนพลเทพเทียนเฉิงรู้สึกตื่นเต้น

เป็นไปได้ไหมที่ขุนพลเทพเทียนจีผู้มีความสามารถในการสังเกตเห็นลางแห่งชัยชนะเหมือนกับเทียนกุ่ยจะเข้าร่วมต่อต้าน?

ขุนพลเทพเทียนกุ่ยได้ยินเช่นนั้น

ได้แต่หัวเราะโดยไม่พูดอะไร

 “เฮอะ, ต่อให้เจ้าพูดอย่างนี้ เจ้าก็ยังกำจัดความสงสัยได้ไม่หมด”  เจ้าอ้วนไห่พบว่ามีคนเข้าใจผิด ขุนพลเทพเทียนกุ่ยผู้นี้เหมือนกับว่าต้องการเข้าร่วมต่อต้านตงฟางด้วยความจริงใจ การร่วมมือกับผู้เป็นเรื่องที่ดี ปัญหาก็คือคำพูดของตัวเขาเอง เขาไม่เคยยอมลดราวาศอกด้วยตนเองก่อน

 “ด้วยสติปัญญาของเจ้า เจ้าสามารถสงสัยได้ต่อไป...”  เย่คงบอกว่าเขาใจกว้างยกโทษให้เจ้าอ้วนไห่

 “ข้าว่าการพูดทุกอย่างเป็นเรื่องดี แต่ข้ามีสติปัญญาสูงส่งเป็นพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย  เจ้าลิง เจ้าพูดแบบนี้มันหักหน้าข้า!  เจ้าอ้วนไห่โกรธ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของลูกผู้ชายอีกอย่างหนึ่งก็คือสติปัญญา

 “ก็แล้วแต่เจ้า”  เย่คงไม่สนใจแนวคิดของเจ้าอ้วนไห่

 “ฮะฮะ!  องค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่เห็นเช่นนี้อดหัวเราะไม่ได้ แม้แต่เสวี่ยทันหลางที่มีจิตใจเยือกเย็นก็ยังอดยิ้มมุมปากไม่ได้ ความสุขยินดีกลับคืนมาเหมือนฤดูใบไม้ผลิ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แดนสวรรค์เข้ารุกรานที่ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น!  ความจริงแล้วขุนพลเทพเทียนกุ่ยเข้าร่วมสู้ ไม่ใช่เหตุผลหลักที่พวกเขาดีใจ แต่เป็นทักษะแฝงเร้นชนะของคนผู้นี้ที่ทำให้ทุกคนหัวใจพองโต

พวกเขาทุกคนเชื่อมั่นในเย่ว์หยาง

เชื่อว่าเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์

อย่างไรก็ตามถ้าจุดนี้ได้รับการยืนยันโดยฝ่ายศัตรู นั่นเป็นเรื่องโชคดีที่สุดอย่างมิต้องสงสัย!

ความพยายามอย่างหนักได้รับผลตอบแทน  ความมั่นใจในตนเองได้รับการยืนยันในทันที  ความหวังที่ใกล้จะสูญสลายกลับฉายประกายเหมือนฟ้ายามรุ่งสางอีกครั้ง...  แน่นอนว่านี่สมควรเป็นความสุขของทุกคน

ต้องชนะ!

เย่คงเหยียดมือไปที่เจ้าอ้วนไห่ ขณะที่พี่น้องตระกูลหลี่ องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางก็ยื่นมือออกจับซ้อนกันเป็นชั้น และในที่สุดมีมือขาวเหมือนหยก(นางนวล)กดลงด้านบน ทุกคนมองหน้ากันเองและส่งเสียงหัวเราะ และส่งเสียงคำรามประกาศชัยชนะ  “หอทงเทียนต้องชนะ  เราต้องชนะ!

 

9 ความคิดเห็น:

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ทักษะโกงแฮะ แต่เลือกแล้วเปลี่ยนไม่ได้ใช่ไหม

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

zen zen กล่าวว่า...

ก็ไม่เชิงเลือกนะเค้าบอกว่าไอ่่่สามสุดท้ายต้องชนะเขาเลยเลือกฝั่งใว้ก่อนแต่น่าจะยังไม่ได้ใช้ทักษะ

Failz กล่าวว่า...

ขอบคุณ​คับ

blakaros กล่าวว่า...

จะเรียกว่าทักษะเอาตัวรอดก็คงได้

BJ กล่าวว่า...

โกงสุด

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

ยังไม่รับน้องเลย

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

รอดการรับน้องได้ไง สงสัยรอไอ้สามเปิดงาน

แสดงความคิดเห็น