วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1291 ข้าทำได้แน่

 

ตอนที่  1291  ข้าทำได้แน่

หอทงเทียน

 

หลังจากได้ยินเสียงเรียกในใจของแม่สี่แล้ว  เจ้าอ้วนไห่เป็นคนแรกที่พรวดพราดลุกขึ้น ดูเหมือนว่าเขาเหลือเพียงครึ่งชีวิต ทุกคนที่เหลือราวกับว่าฟื้นคืนชีพในที่ซึ่งเต็มไปด้วยเลือด เขาตะโกนเสียงดังลั่น “ในฐานะพี่ใหญ่ ถึงเวลาที่ข้าจะได้แสดงฝีมือสักที  ไม่มีทางที่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิต  ต้องให้พี่ใหญ่ผู้นี้ลงมือเอง  ข้ามาแล้ว!

 “ไปตายซะไป!  เย่คงยันเจ้าอ้วนไห่กระเด็นด้วยความโมโห  โชคดีที่โทรจิตของแม่สี่สามารถเข้าถึงใจเขาได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากโลกภายนอก ไม่เช่นนั้นเขาจะถูกเจ้าอ้วนผู้นี้รบกวน

 “.....” เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวฟังด้วยสีหน้าแสดงความเคารพ

ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนี้ อย่าพลาดแม้แต่ครึ่งวินาที

เขากลัวว่าจะพลาดตกหล่นจากคำที่ได้ยิน

นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดความสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขสถานการณ์โดยรวมได้ เว้นเจ้าอ้วนไห่ที่ไร้ความคิดและไม่เกรงใจใครแล้ว ไม่มีใครที่มีอารมณ์ต่อปากต่อคำในตอนนี้

เจ้าอ้วนไห่คลานออกมา ไม่รอให้เขาได้พูด นางนวลแปลงยื่นมือน้อยๆ บิดเนื้อที่เอวเจ้าอ้วนไห่ทำให้เขาเจ็บปวดไปทั้งร่างหายใจไม่ออกสั่นไปทั้งตัว   หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก่อนนั้น คนที่ทำโทษเจ้าอ้วนไห่ได้นั้นต้องเป็นคนสวยและนั่นเป็นสิ่งที่เขาพึงพอใจเสมอ  ในเวลานี้เขาไม่กล้าแสดงความเจ็บปวดทรมานให้ปรากฏบนใบหน้า

นี่นางทำอะไรกับเจ้าหมูไม่กลัวน้ำร้อนผู้นี้กันแน่

นอกจากนี้ไม่มีใครสนใจตบตีเขาในตอนนี้

แม่สี่หยุดชั่วคราว

ราวกับว่านางไตร่ตรองจัดระเบียบคำพูดใหม่

หลังจากหยุดไปเกือบหนึ่งนาที นางค่อยเปิดเผยวิธีลับในการแบกรับพลังโชคชะตาแทนเย่ว์หยาง วิธีลับส่งผ่านไปทางใจ ยิ่งกว่านั้นต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับเย่ว์หยาง ญาติสนิทมิตรสหาย นางกลัวจริงๆ ว่าวิธีนี้จะถูกศัตรูรู้ไปได้

วิธีลับที่ว่าใช้เวลาสามวันแบกรับพลังโชคชะตาแทนเย่ว์หยางซึ่งต้องทำการเลือก

มิฉะนั้นจะพลาดโอกาสตลอดไป

โอกาสที่สูญเสียไปแล้วจะไม่ย้อนกลับมาอีก

ฉะนั้นสิ่งที่นางจะพูดในเวลานี้คือเรื่องสำคัญ

 “ข้าคือหัวซิ่วรี่จักรพรรดิแห่งเทียนหลัว ข้าจะขออธิบายวิธีแบกรับพลังชะตาของเย่ว์หยาง  ไม่ต้องกังวลมาก ทุกคนสามารถแบกรับพลังโชคชะตาให้กับเย่ว์หยางได้แม้จะเป็นคนธรรมดาก็ตาม ตราบเท่าที่พวกเขามั่นใจว่าพลังความแข็งแกร่งของตนเองจะมีส่วนร่วมได้  ในกระบวนการดำเนินการแบกรับพลังโชคชะตาจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต ทุกคนไม่ต้องจ่ายอะไรแลกมา  ต่อให้พวกเจ้าต้องถอยกลับไปหมื่นก้าว แม้ว่าเจ้าบางคนจะล้มเหลว แต่จะไม่ส่งผลกระทบการแบ่งปันแบกรับของคนอื่น นี่เป็นการกระทำที่ชอบธรรมและสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไข  ตราบใดที่พวกเจ้ายินดีจะสนับสนุนเย่ว์หยางและเชื่อมั่นในตัวเขา  อย่างนั้นก็เข้าร่วมได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสถานะสูงส่ง ไม่มีปัญหาระดับความสามารถในการแบกรับ  ในการแบกรับพลังโชคชะตา หากพวกเจ้ารู้สึกสำนึกเสียใจที่เข้าร่วม พวกเจ้ายอมแพ้ได้ตลอดเวลา ไม่มีปัญหาอะไร!  จักรพรรดิเทียนหลัวส่งเสียงดังขึ้นกะทันหัน จากนั้นเมื่อเห็นความวิตกกังวลของคนนับไม่ถ้วนจักรพรรดิหัวซิ่วรี่จึงได้ชี้ประเด็นสำคัญให้เห็นว่าการดำเนินการแบกรับพลังโชคชะตาไม่มีปัญหาในการดำเนินการ

 “หากประสบความสำเร็จในที่สุด ฮัวเซียนจะแนะนำซานเอ๋อให้ทดแทนให้กับผู้สนับสนุนทั้งหมด แน่นอนว่าทั้งนี่ต้องดูการสนับสนุนของทุกคนด้วย มิฉะนั้นฮัวเซียนจะมิกล้าพูดอะไรชั่วคราว”  แม่สี่เป็นคนใจดี นางหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากทุกคน

ความจริงทันทีที่เลื่อนระดับเป็นเทพจอมราชันย์ จะมีพลังวิเศษที่ยิ่งใหญ่

สามารถประทานอำนวยพรได้

ตอบแทนผู้สนับสนุน นั่นเป็นการกระทำที่ธรรมดามาก

แต่นางกังวลว่าสิ่งที่นางพูดอาจเกินเจตจำนงของเย่ว์หยาง หากเย่ว์หยางไม่สามารถทำให้สำเร็จได้อย่างราบรื่น  ในอนาคตจะมีผลกระทบทางลบเพราะผิดสัญญาแน่นอน ดังนั้นนางจึงไม่กล้าสัญญาเล็กๆ น้อยๆ

เทียบกับแม่สี่แล้ว หัวซิ่วรี่ตรงไปตรงมา “การตอบแทนคือสิ่งที่เย่ว์หยางคิด ไม่ใช่สิ่งที่เราคิด ทุกคนสามารถได้ยินเสียงเรียกทางจิตของเรา แสดงว่าพวกเจ้าทุกคนคือคนที่มีโชคชะตาเกี่ยวข้องกับเย่ว์หยาง หากไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง พวกเจ้าจะไม่ได้ยินเสียงเรา ตอนนี้อาเซียนไม่กล้าพูด ข้าจะพูดแทนนางเอง การช่วยสนับสนุนจะต้องไม่มีเงื่อนไข!  เราชาวหอทงเทียนต้องเคียงบ่าเคียงไหล่กันเพื่อแบกรับพลังแห่งโชคชะตาให้สหายของเรา ช่วยส่งเสริมเขาให้เข้าสู่ขอบเขตเทพจอมราชันย์  ถ้ายังจะพูดคุยเงื่อนไขของการตอบแทน ผู้รุกรานจากแดนสวรรค์และแดนสวรรค์บนคงได้หัวเราะเยาะเราเป็นแน่!  ในสายตาของพวกเขา หอทงเทียนเราเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ และตอนนี้คนของเราจะเลื่อนเป็นไประดับเทพจอมราชันย์ก็มีแต่ความยากลำบาก  นี่คือโอกาสใหญ่ในรอบพันปีหมื่นปี  พวกเราไม่มีหวังแบบนี้มาเป็นพันๆ ปีแล้ว  ในแดนสวรรค์และแดนสวรรค์บนนั้น ถ้ามีโอกาสสร้างความสำเร็จที่งดงามเช่นนี้  อาจมีนักรบที่ไม่รู้จักหลายพันคนเต็มใจเสียสละอุทิศทุกสิ่งเพื่อมอบความสำเร็จสุดท้ายด้วยศักดิ์ศรีเกียรติยศ  อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่มีโอกาสแบบนี้ ทั้งไม่สามารถคาดหวังได้ว่าจะได้รับโอกาสแบบนี้  ตอนนี้ลองเหลียวมองดู พวกเราชาวหอทงเทียนทั้งหลาย เราไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรเลย แค่สนับสนุนด้วยพลังศรัทธา จากนั้นให้สหายของเราเลื่อนไปเป็นระดับเทพ  ส่วนเงื่อนไขที่ต้องหารือกันนั่นไม่ต่างอะไรกับพ่อค้าหน้าเลือดที่คอยเอาเปรียบ นั่นเป็นตลกร้ายโลกๆ ใช่หรือไม่?”

 “ถ้าพวกเราทุกคนมีจิตใจเห็นแก่ตัว อย่างนั้นจะพูดคุยเรื่องการฟื้นฟูหอทงเทียนได้อย่างไรกัน?  การเอาเปรียบแสวงหาผลกำไร นั่นไม่ใช่นิสัยของนักรบเรา  เรากำลังไล่ตามไขว่คว้าพลังความก้าวหน้าที่สูงยิ่งกว่า  เราสร้างศรัทธาความเชื่อมั่นสนับสนุนยอดนักสู้ของเราโดยไม่มีเงื่อนไข ช่วยผลักดันพวกเขาให้ไปได้ไกลที่สุด เราจะไม่เสียอะไร มีแต่จะได้รับคืนในภายหลัง ซึ่งนั่นก็คืออนาคตที่ไม่มีใครคาดคิดได้”

 “ไม่ต้องพูดถึงการตอบแทน ไม่ต้องพูดถึงเกียรติยศศักดิ์ศรี เราสามารถแบกรับพลังชะตาได้ อาศัยความสำเร็จนี้ย่อมส่งเสริมมาถึงตนเองได้”

 “บางที พวกเจ้าไม่อาจรู้ศักยภาพและความสำเร็จในอนาคตของพวกเจ้า”

 “นี่คือความลับในการเติบโตก้าวหน้าของนักรบเสมอ”

 “ขอเพียงแต่พวกเจ้าเต็มใจเข้าร่วมแบกรับพลังโชคชะตา พวกเจ้าจะเห็นจริงในกระบวนการนั้น.. จากการอ้างอิงเป็นตัวอย่างของเทพจอมราชันย์  เจ้าจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน พอเถอะ ข้าไม่ต้องการอธิบายเรื่องอย่างนี้มากเกินไป นี่ถึงเป็นโอกาสสำหรับเย่ว์หยาง แต่ก็เป็นโอกาสสำหรับพวกเจ้าด้วยไม่ใช่หรือ? การยินดีสนับสนุนเย่ว์หยางอย่างไม่มีเงื่อนไข ยืนหยัดเท่าที่เป็นไปได้ ร่วมกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใด สถานะใดก็ตาม ตราบเท่าที่สามารถยืนยันสนับสนุนช่วงเวลาสำคัญนี้ของเราให้ได้ พวกเขานับว่าเป็นญาติเป็นมิตรที่แท้จริง...”

เมื่อคำพูดของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่จบลง เจ้าอ้วนไห่กระโดดเป็นคนแรก

เขาชูมือทั้งสองเหนือศีรษะ

และตะโกนลั่นเหมือนตนเป็นพระผู้ปลดปล่อย  “ข้ายินดีจะแบกรับพลังยักษ์ชะตาของเจ้าเด็กหยาง มาเลย มอบพลังเทพชะตาให้ข้าแบกรับสักหนึ่งกิโลเมตร แม้ว่าข้ามักชอบถ่อมตัว แต่ข้าคุณชายผู้นี้สามารถแบกรับพลังชะตาที่ระดับหนึ่งกิโลเมตรได้อย่างง่ายดาย ต้องให้ข้าบอกทุกที่หรือไม่?”

ในความเป็นจริงตามวิธีลับที่แม่สี่สอน ท่าทางที่ใช้แบกรับพลังชะตานั้นเหมือนกัน

เจ้าอ้วนไห่สำคัญตนผิดว่าตนเองเป็นพระผู้ปลดปล่อย สามารถสอนมนุษย์ได้อย่างตรงไปตรงมา

เย่คงไม่ว่างจะจัดการกับเขาในตอนนี้  ไม่เช่นนั้นเขาคงหั่นเจ้าอ้วนที่น่าตายเป็นสิบแปดชิ้นสามสิบหกท่อน

 “หุบปากไปเลย ถ้าเจ้าพล่ามอีกครั้ง  ข้าจะรีดไขมันเจ้ามาเจียวน้ำมันทอดปลาท่องโก๋” ร่างแปลงของนางนวลสายลมพอเริ่มพูด เจ้าอ้วนไห่หุบปากภายในสามวินาที

 “ได้จ้ะ, ทูนหัว!  เจ้าอ้วนไห่ตัวสั่น พลังเทพชะตาที่เขาทนแบกลับๆ มองดูเหมือนกับว่าเขาได้รับมอบมาจากเย่ว์หยางและจื้อจุน ต้องสอดคล้องกับขีดความสามารถความอดทนในการรับภาระของเป้าหมาย  กระบวนการของวิธีลับนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นช้าๆ จนถึงขีดจำกัดของผู้สนับสนุน

เจ้าอ้วนไห่ที่เพิ่งจะโอ้อวดว่าจะรับแบกภาระพลังชะตาหนึ่งกิโลเมตรแทนเย่ว์หยาง

ตอนนี้พอแบกภาระเพียงหนึ่งเมตรก็หน้าคะมำเสียแล้ว

เขาหน้าทิ่มลงไปในหลุมโคลนและค่อยโผล่ให้เห็นใบหน้าที่รู้สึกอับอาย พลังของยักษ์ชะตาไม่ส่งผลกระทบต่อโลกภายนอก เพียงแต่มีผลต่อร่างกายของผู้แบกภาระเท่านั้น เหตุผลที่เจ้าอ้วนไห่กลายเป็นเต่าคลุกเลนนั้นเป็นเพราะเขาไม่สามารถแบกรับได้เพราะเขายังไม่ทันจัดระเบียบร่างกายให้ดีเสียก่อน... อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าอ้วนไห่ผู้มีพลังชีวิตเหมือนแมลงสาบยกแบกรับพลังชะตาหนึ่งเมตรชูสูงขึ้นกลับทำให้เย่คงและเสวี่ยทันหลางตกใจ ต้องบอกว่าพลังยักษ์ชะตาขนาดนี้อยู่ในช่วงที่พวกเขาแบกรับหรอกหรือ?

ตอนแรกเย่คงและพวกเสวี่ยทันหลังคิดว่าขนาดพลังสูงหนึ่งกิโลเมตร พวกเขาเองสามารถกัดฟันแบกรับพลังชะตาของเย่ว์หยางได้สักร้อยเมตร

ใครจะรู้ว่าเจ้าอ้วนไห่กลับแบกรับพลังชะตาได้เพียงหนึ่งเมตร

สิ่งที่ทำให้พวกเขาละอายใจจนแทบเป็นบ้าก็คือ เมื่อเย่คงและพวกเสวี่ยทันหลางพยายามแบกรับพลังชะตาให้กับเย่ว์หยางด้วยวิธีการลับ พวกเขาสื่อสารทางจิตกันและกันได้ทันที และพวกเขาก็รู้สึกถึงพื้นที่ห่างไกลที่หาที่เปรียบมิได้  อี้หนานและเย่ว์ปิงสาวน้อยตัวเล็กๆ สองคนนั้นแบกรับพลังชะตา 180 และ 160 เมตรตามลำดับ นี่ฟ้าตาบอดหรือเปล่า

นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ

ด้วยร่างกายที่บอบบางอย่างพวกนางสามารถแบกรับพลังชะตาที่มีความสูงขนาดนั้นได้อย่างไร

 “น้องปิงเอ๋อสามารถแบกพลังชะตาได้สูงมากกว่าร้อยเมตร ข้าไม่ยอมแพ้แน่นอน! เอามาเพิ่มให้ข้าอีก  เพิ่มให้ข้าต่อไป  ข้าชอบแบบนี้ ข้า ข้าเป็นลูกพี่ไม่ใช่หรือ ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!  เจ้าอ้วนไห่กัดฟันพยายามอย่างยิ่งที่จะเพิ่มการแบกรับพลังโชคชะตา  แต่ความอดทนของเขาเพียงพอรองรับได้เพียงหนึ่งเมตร และเกือบสองสามเมตรก็ถึงขีดจำกัดของร่างกาย

 “ร่างพังไม่เป็นไร เอามาให้ข้าอีก ข้าเย่คงพร้อมจะสนับสนุนเย่ว์หยาง!” เย่คงคำรามอย่างบ้าคลั่ง

 “....”  เสวี่ยทันหลางพักแขนข้างหนึ่ง ดวงตาของเขาแดงเส้นเลือดสีน้ำเงินปูดโปนด้วยความโกรธสหายร่วมกลุ่ม เขาทิ้งห่างจากเย่คง เจ้าอ้วนไห่และองค์ชายเทียนหลัวถึงสิบเมตร แต่เขาไม่ได้รู้สึกพอใจเลย

ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป

โดยไม่มีขีดจำกัด

เขาคิดเอาเองว่า แม้ว่าเขาจะมีขีดจำกัด แต่ก็น่าจะอยู่ในระดับสิบเมตร

อี้หนานกับเย่ว์ปิงเป็นสตรีสามารถแบกรับเพื่อเย่ว์หยางได้มากกว่าร้อยเมตร  ถ้ากลุ่มพวกเขาที่เป็นบุรุษทำได้ไม่ดีเท่าพวกนาง ยังจะมีคุณสมบัติอะไรที่พวกเขาจะบอกว่าเป็นสหายร่วมกลุ่มของเย่ว์หยาง? นอกจากนี้ขีดจำกัดของเขาเองไม่ควรอยู่ที่สิบเมตร แต่ควรจะสูงยิ่งกว่า... หากมีศักยภาพใดๆ ในร่างกายของเขาอยู่  ศักยภาพนั้นควรจะระเบิดออกมา!

ตอนนี้ไม่มีอะไรอื่นจะขออีกแล้ว!

ขอเพียงระเบิดพลังออกมาอีกครั้งด้วยความสามารถของตนเองขอแบกรับเกียรติยศเพื่อตนเอง!

ข้าคือใคร? ข้า ข้าคือเสวี่ยทันหลาง!  ครั้งหนึ่งข้าเคยถูกเรียกว่าอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่สุดแค่เป็นรองเย่ว์หยางที่โลกรู้จัก นี่คือขีดจำกัดของข้างั้นหรือ? ไม่ ไม่แน่ๆ!

 “บ้าจริงๆ... เจ้าอ้วนไห่ เจ้าคือลูกพี่ เจ้าคือหัวหน้า แต่กลับแบกรับพลังเทพชะตาได้เพียงไม่กี่เมตรเองหรือ รู้จักอายบ้างไหม?   เจ้าจะขี้ขลาดแบบนี้ตลอดไป ซ่อนตัวมีชีวิตอยู่หลังคนอื่นอยู่อย่างอดสูอย่างนั้นหรือ?  เจ้าไม่สามารถยืนหยัดพิสูจน์ความสามารถของเจ้าหรือ? ไม่, ข้าคือไห่ต้าฟู่ผู้มีพรสวรรค์  ข้าไม่ใช่เจ้างี่เง่าไห่ต้าฟู่  ไม่ใช่เจ้าขี้ขลาดไห่ต้าฟู่.. ต้องยืนหยัด  ข้าต้องทนให้ได้!  เจ้าอ้วนไห่เห็นว่าเย่คง เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวต่างแบกรับพลังโชคชะตาสูงกว่าตนเอง  โดยเฉพาะเสวี่ยทันหลางซึ่งตอนนี้แบกรับมากกว่าสิบเมตร ทันใดนั้นเขาทิ้งความอายเหยียดมือด้วยความเมื่อยล้าตบหน้าตนเอง ค่อยคุกเข่าหลั่งน้ำตาและใช้มือกุมหัวใจบริเวณหน้าอกเหมือนกำลังกำถือเกียรติยศศักดิ์ศรีที่สำคัญที่สุดในชีวิตตนเองขณะที่พูดพึมพำกับตนเอง และประคองตนเอง ใช้วิธีลับเพื่อเพิ่มการแบกรับพลังชะตา

สิบเมตร เจ้าลิง องค์ชาย เจ้าหน้าโลงศพ..ข้า ข้ายังเป็นพี่ใหญ่ ข้าต้องดูดีเป็นพี่ใหญ่  ไม่เพียงแค่สิบเมตรเท่านั้นข้าสามารถแบกรับได้มากขึ้น ข้าระดับไหนแล้ว ข้าคือลูกพี่ของเย่ว์หยางอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา... ข้าไม่ใช่ไอ้ขี้ขลาด  ไม่ใช่คนขี้ขลาด  ข้าสามารถค้ำโลกและค้ำฟ้าได้  ข้าต้องใช้ความสามารถให้ประสบความสำเร็จมากมาย  ข้าจะต่อสู้เพื่อตระกูลและตัวข้า  ใช่ข้าต้องการเป็นเจ้านายที่เหมาะสม  ข้าต้องทำได้แน่นอน

15 ความคิดเห็น:

Pcha กล่าวว่า...

สิบกับร้อยช่างต่างกันจริงๆ

kamine กล่าวว่า...

แชร์บอลเกงกิแบบย้อนกลับ

Popcorn กล่าวว่า...

เอาล่ะสิทีนี้ ชาวดาวนาเม็กจะรอดใหมน่ะ

Krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ช่างมีความแตกต่างจริงๆ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

CHANTANA กล่าวว่า...

ไอ้อ้วนเอาไม้ตายออกมาเลย

หวังปี้เจ้า กล่าวว่า...

สู้เขาพี่ใหญ่ !

Failz กล่าวว่า...

ขอบคุณ​คับ

Unknown กล่าวว่า...

55555

blakaros กล่าวว่า...

ความต่างนี่มันอะไร ทางนั้นเป็นร้อย ทางนี้แค่สิบเมตร

OTO_boy กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ผมสนับสนุนเสมอ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

Unknown กล่าวว่า...

กูให้เมตรครึ่งเลยไอ้อ้วน..

Anunaki กล่าวว่า...

ขนาดเจ้าอ้วนยังได้แค่เมตร คนอื่นจะได้เท่าไหร่เนี้ย

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

สู้ๆเดอะแก๊งของไอ้สาม

อ่าห้า กล่าวว่า...

ต้องเข้าใจว่าปิงเอ๋อกับอี้หนานเป็นเทพแล้ว

แสดงความคิดเห็น