วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1311 ถูซื่อมือสังหารเทพ!

 

ตอนที่  1311  ถูซื่อมือสังหารเทพ!

เย่ว์หยางยื่นมือออก

ผ่อนคลายนิ้วทั้งห้าสบายๆ

 

พลังเพลิงเทพพ่นออกมาจากปากร่างแปลงอสูรของคุณชายถูอี้ราวกับภูเขาไฟระเบิด พลังงานความร้อนสูงครอบคลุมเต็มทั่วท้องฟ้าแทบจะเผาผลาญโลก คนที่ชมดูเหตุการณ์ต้องรีบถอยหนี ไม่มีใครกล้าต้านรับพลังนี้  แต่เมื่อถึงหน้าเย่ว์หยางพลังที่รุนแรงกลับอ่อนโยนราวกับลูกสุนัข เพลิงรวมตัวกันอย่างอัศจรรย์ และพลังถูกบีบอัดจนกลายเป็นกระจุกก้อนกลมสีทองเล็กๆ

เล็กมาก

แกนกลางเล็กกว่ากำปั้นเสียอีก

ถ้าไม่ใช่เพราะคลื่นแสงของเพลิงเทพซึ่งเล็ดลอดออกมาจากการถูกบีบอัดอย่างแรง นั่นทำให้ผู้คนตกตะลึงสยดสยองราวกับปีศาจถูกผนึก และพวกเขาเข้าใจผิดว่านั่นคือพลังไฟเทพของจริงหรือ

เผียะ

เย่ว์หยางถือกลุ่มแสงไว้ด้วยมือข้างซ้าย

อีกมือหนึ่งเขายิงพลังออกไปเบาๆ โดยไม่มีร่องรอยของความโกรธ

ก่อนจะยิงโจมตี เย่ว์หยางอยู่ห่างจากร่างอสูรของของคุณชายถูอี้สามสิบเมตร  แต่เหมือนกับกำปั้นของเขายืดได้ไม่สิ้นสุดฝ่ามิติและต่อยเข้าที่หน้าอกของคุณชายถูอี้

เสียงไม่ดัง และดูเหมือนกับว่าเย่ว์หยางไม่ได้ใช้พลัง

อย่างไรก็ตาม คุณชายถูอี้ซึ่งมีความสูงถึงสามเมตรหลังจากแปลงร่างแล้ว เมื่อถูกกำปั้นตัวก็หดสั้นลงทันที

สีหน้าของเขาเจ็บปวดอย่างมาก แม้ว่าลักษณะจะน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนสัตว์ประหลาด แต่สามารถมองเห็นความเจ็บปวดที่มิอาจปกปิดไว้ได้

ร่างใหญ่ของคุณชายถูอี้เปลี่ยนไป แข้งขาของเขาอ่อนคุกเข่าลงต่อหน้าเย่ว์หยางอย่างควบคุมตนเองไม่ได้  นอกจากอารมณ์บ้าคลั่งกระหายเลือดแล้ว ดวงตาของเขาประหลาดใจตกตะลึง ที่ยิ่งกว่านั้นคือความเจ็บปวดไม่ยินยอมพร้อมใจ

ร่างเหมือนสัตว์ประหลาดของคุณชายถูอี้ยื่นมือออก

เหมือนกับต้องการจะจับเย่ว์หยาง

แก้แค้นคืน

อย่างไรก็ตามหลังจากชกไปแล้ว เขาพบว่าแขนของเขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย ไม่สามารถกระดิกนิ้วได้  การต่อสู้ที่เขาโหยหาในใจ เป็นเพียงจินตนาการและไร้ประโยชน์

“พลังเทพที่อยู่กับเจ้า มันถูกเหยียบย่ำยีเสียไปเปล่าๆ”  มือซ้ายของเย่ว์หยางถือกลุ่มแสงที่ถูกบีบอัดไว้  มือขวากดลงที่ศีรษะของคุณชายถูอี้  และไม่รู้ว่าเขาใช้พลังอะไรดึงพลังออกมาจากปากและจมูกของถูอี้  อวัยวะรับความรู้สึกทั้งห้าและทวารเจ็ด แม้แต่พลังงานมหาศาลที่อยู่ในร่างทั้งหมดก็ทะลักออกมาเหมือนสายน้ำพุไหลไปรวมอยู่ที่มือขวาของเย่ว์หยาง

ตอนแรกมีจุดแสงสว่างกระพริบที่ฝ่ามือ

จากนั้น

มีพลังงานอื่นเข้ามาร่วม

และมันขยายสว่างมากขึ้นสองเท่า และรอจนพลังงานเพิ่มมามากขึ้น รวมกันเป็นกลุ่ม  กลุ่มพลังงานที่เย่ว์หยางดูดซับไว้ในมือขวา ค่อยๆ กลายเป็นเหมือนบอลพลังงานที่มีคลื่นไฟเทพแผ่ออก และถูกบีบอัดจนมีขนาดเล็กเหมือนดวงอาทิตย์สองดวงลอยอยู่เหนือฝ่ามือของเขา

เย่ว์หยางดึงจุดแสงเล็กๆ ทั้งสองเข้าหากันโดยไม่มีวี่แววตกใจ

เหมือนกับว่าใช้พลังเล็กน้อยก็ทำลายมันได้

ระเบิด

กลุ่มแสงพลังงานสองกลุ่มรวมกันเป็นบอลลูกหนึ่งและมีขนาดใหญ่ขึ้นสว่างมากขึ้น ในที่สุดก็ถึงขีดจำกัด พลังไม่ด้อยไปกว่าดวงอาทิตย์บนฟ้า  ในทางตรงกันข้ามคุณชายถูอี้ถูกสูบพลังงานออกจากร่าง ร่างของเขาผอมซูบลงอย่างรวดเร็วจนเหมือนลิงผอม เหลือแต่หนังติดกระดูก... คุณชายถูอี้ยังไม่ตาย  แต่พลังงานชีวิตและพลังเทพที่บิดาเขาให้มาสูญสิ้นไปหมด  ตอนนี้เขาแทบเหมือนกับซากศพพันปีดูน่ากลัวอย่างมาก

คุณชายถูอี้ในตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าแค่ลมกระโชกก็สามารถพัดพาร่างเขาปลิวไปได้

จนอาจกลายเป็นเถ้าถ่าน

ขณะนั้นเองจางหลางและจางหู่ที่เพิ่งได้สติจากการอาเจียน ถึงกับตกใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นประจักษ์กับตาอยู่ข้างหน้า  อย่างนั้นเขาคงไม่ยอมเชื่อ ซากมัมมี่ที่อยู่ข้างหน้าที่เด็กทารกสามารถทำลายเป็นผุยผงได้ก็คือคุณชายถูอี้ผู้มีพลังเทพ!

“นี่ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้...”  จางหู่ปากสั่นไม่สามารถรับความจริงที่โหดร้ายได้

“ไม่จริง!  ต้องมีบางอย่างผิดพลาด!  จางหลางร้องลั่นเช่นกัน พวกเขาเข้ามายั่วยุท้าทายเย่ว์ไตตันตามคำสั่งของถูซื่อมือสังหารเทพ  โดยเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังทำแบบนี้ได้อย่างไร? คุณชายถูอี้เป็นบุตรคนโตของมือสังหารเทพถูซื่อ  เขาเป็นผู้สืบทอดความรุ่งโรจน์ของตระกูลในอนาคต แต่กลับพลาดท่าให้เย่ว์ไตตันผู้น่ารังเกียจนี้ได้อย่างไร?  มือสังหารเทพถูซื่อทำไมถึงไม่ลงมือ?  ต่อให้ถูซื่อพลาดไป แต่มือสังหารเทพถูว่านงอมืองอเท้าดูเฉยๆ ได้อย่างไร

เข้าใจผิดแล้ว!

ต้องมีบางอย่างผิดปกติ มิฉะนั้นผลจะไม่กลายเป็นเช่นนี้!

เย่ว์หยางชูบอลแสงสีทองในมือซ้าย มันคือพลังที่ถูกบีบอัดแรงสูงจนเหลือขนาดครึ่งเมตร จากนั้นมือขวายื่นไปหาจางหลางและจางหู่ข้างหน้าเขา

“ไม่, เราจะไม่รอถูกประหารสูญสิ้นเผ่าพันธุ์แน่นอน!  จางหู่รีบลุกขึ้นด้วยความโกรธ  เขารู้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างของพลังฝ่ายตรงข้ามและตนเอง แต่จะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้าฆ่าโดยไม่มีการดิ้นรนต่อสู้ใดๆ หรือดึงพลังออกไปทั้งหมด นั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่ยอมรับ ถ้าเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี  ถ้าอย่างนั้นอย่างน้อยเขาต้องกัดเอาชิ้นเนื้อของฝ่ายตรงข้ามมาให้ได้ 

“อย่ามาบังคับข้า!  จางหลางสหายอีกคนหนึ่งมีความคิดต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขามีแต่ความคิดเดียวคือต้องการหลบหนี แต่เขายังไม่ขยับแม้แต่มิลเดียว ก็พบว่าเย่ว์ไตตันซึ่งอยู่ห่างออกไปสิบเมตรยืนอยู่ข้างหน้าและยื่นมือมาที่อกของเขา

ในช่วงสุดท้ายระหว่างความเป็นความตาย ก็ยังไม่มีทางหลบหนีได้

เขาเลือกต่อต้าน

ต่อสู้เสี่ยงชีวิต

ท้องไส้ของเขาปั่นป่วนและบวมขึ้นสิบเท่า ภายใต้การควบคุมการทำลายตัวเอง เขากลายเป็นลูกโป่งเนื้อขนาดใหญ่เต็มไปด้วยพลังงาน

“ปล่อยเราไป และเราจะไม่กลับมารบกวนหอทงเทียนอีก เราไม่กล้า เราจะไม่มีทางกลับมาอีก ปล่อยข้าไป อย่าบังคับข้า  มิฉะนั้นข้าจะระเบิดตัวตาย มิติทั้งหลายจะกลายเป็นผุยผง.... อย่าบังคับข้า!  จางหลางเอ่ยปากขอความเมตตาหวังว่าเย่ว์หยางจะเปลี่ยนใจได้ทันเวลา

“ความจริงเมื่อหกพันปีก่อนนี้มีคนโง่เช่นเจ้าร้องขอความเมตตาจากจักรพรรดิอวี้ หมื่นปีที่แล้วนางพญาผู้พิชิตกวาดล้างแดนสวรรค์ก็มีหัวหน้านักรบมากมายคุกเข่าร้องขอชีวิตมากยิ่งกว่า...  ข้าอยากจะบอกว่าพวกเจ้าไม่เคยเรียนรู้บทเรียนเหล่านี้ในประวัติศาสตร์เลย   ดูเหมือนว่าพอพวกเจ้ากำลังจะตาย  เมื่อความตายกรายมาถึงศีรษะพวกเจ้า พวกเจ้าก็ก้มหัวร้องขอความเมตตา มันสายเกินไปไหม?  แม้ว่าข้าจะยกโทษให้เจ้าในตอนนี้ แต่ไม่ได้หมายความนักรบแดนสวรรค์อย่างพวกเจ้าจะตื่นตัวสำนึกผิดอย่างจริงใจ  การฆ่าพวกเจ้าไม่ได้หมายความว่านักรบหอทงเทียนเราไม่มีหัวใจแห่งการให้อภัย  ตั้งแต่สมัยโบราณ เราทำมามากพอแล้ว อภัยมามากพอแล้ว แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาไม่ใช่คำขอบคุณ มีแต่ความก้าวร้าวรุนแรงต่อไป...  ดังนั้นข้าตัดสินใจแล้ว เริ่มจากตนเอง ต่อไปนี้จะไม่มีการให้อภัยอีกต่อไป และเป็นไปไม่ได้ที่จะร้องขอชีวิตอีก!  ผู้รุกรานมีผลลัพธ์ประการเดียว นั่นคือตาย!

เย่ว์หยางแทงมือขวาเบาๆ

ทะลุร่างที่บวมพองเต็มที่ของจางหลาง

พลังงานพิษสีเขียวฉีดพ่นออกมา แต่ภายใต้เจตจำนงของเย่ว์หยาง มันกลายเป็นใยอ่อนนุ่มพันรอบกลุ่มพลังงานที่เย่ว์หยางถือเอาไว้

ส่วนผู้โจมตีอีกคนหนึ่งมนุษย์เผ่าแมลงจากหู่ไม่สามารถหลบหนีได้ เขาพังทลายทันที เขาไม่สามารถพยุงสภาพจิตใจได้อีกต่อไป  สมองของเขาเหมือนกับมีสายใยผูกรัดอยู่ในหัวและรัดจนแตกในทันที เขาเคลื่อนไหวฟาดฟันดาบอย่างวุ่นวายไม่เป็นกระบวนท่าใส่เย่ว์หยาง

เย่ว์หยางหลบฉากเล็กน้อยแล้วใช้นิ้วชี้แตะที่หน้าผากของเขาเบาๆ

ผลเหมือนกัน

พลังอันแหลมคมพุ่งออกมาจากรูที่หน้าผากราวกับกระแสน้ำ ภายใต้เจตจำนงของเย่ว์หยางมันกลายเป็นบอลที่มีหนามแหลมคมนับไม่ถ้วน

ชั่วเวลาจามสามครั้งก็ทำให้ยอดฝีมือกลายเป็นศพสามศพอยู่ต่อหน้าทุกคน

แม้จะเป็นนักรบระดับเทพอย่างเทพสังหารถูว่านที่มีพลังมากมายมหาศาลไม่หวั่นไหวอะไรได้โดยง่าย  แต่ตอนนี้เขาหวาดกลัวหลั่งเหงื่อพรั่งพรู ด้วยพลังเทพของเขา สามารถฆ่าคุณชายถูอี้ จางหลางและจางหู่ได้ไม่ยาก ต่อให้ถูอี้มีพลังเทพที่ได้รับมาจากบิดาของเขา แต่ไม่มีทางรับมือกับนักสู้ระดับเทพที่ผ่านการฝึกฝนได้เกินสิบท่า

อย่างไรก็ตามถูว่านรู้สึกได้

แค่เพียงยกมือ

สู้กันสามต่อหนึ่งจากนั้นถูกอีกฝ่ายดึงดูดพลังงานจากร่างจนแห้งกลายเป็นซากศพพันปีเหลือไว้แต่เพียงลมหายใจอึดสุดท้าย เป็นไปไม่ได้ที่จะภารกิจอย่างนี้จะทำให้สำเร็จได้!

บางทีอาจมีแต่เพียงพี่ชายของเขามือสังหารเทพถูซื่อที่ถึงระดับเทพแท้และมีพลังหยั่งคาดไม่ถึง อาจจะทำเช่นนั้นได้

ถูว่านต้องการช่วยเหลือเขาจริงๆ จะอย่างไรถูอี้ก็ยังเป็นหลานชายของเขา เป็นผู้มีเกียรติยศและมีสตรีมากมาย

แต่ทันใดนั้นมีความคิดหนึ่งผ่านเข้ามาในโสตประสาทของเขา

ทำให้เขาเปลี่ยนใจทันที

แน่นอนว่าความสามารถที่แปลกประหลาดและร้ายกาจของเย่ว์ไตตันที่อยู่ข้างหน้าทำให้เขาลังเล คนผู้นี้ทำให้แม้แต่เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางต้องปวดเศียรเวียนเกล้า ต้องให้เทพที่มีพลังอำนาจมากสั่งสอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์

ภายใต้หลักการเอาตัวรอดที่ชาญฉลาด เทพสังหารถูว่านนับว่ามีพลังระดับเทพยังคงยืนนิ่งเงียบไร้ความรู้สึกเหมือนรูปปั้น

“แปะๆๆๆๆๆ!

ไม่รู้ว่าบุคคลผู้นั้นมาจากไหน

มีคนผู้หนึ่งปรบมือเบาๆราวกับว่ายกย่องเย่ว์หยางที่ต่อต้านศัตรูผู้รุกรานขจัดเภทภัยให้กับทุกคน  “ดีมาก!  เยี่ยมมากเย่ว์ไตตัน ชื่อนี้ข้าได้ยินมานานแล้ว ได้พบเห็นกับตาตนเองในวันนี้นับว่าไม่ธรรมดา เทพในแดนสวรรค์บนจะได้ยินชื่อของเจ้าคนละอย่างน้อยก็สามครั้งแทบทุกวัน ข้าเองก็อยากรู้ว่าหนุ่มน้อยคนไหนกันที่น่าชื่นชมมากขนาดนี้?  ในที่สุดเราผู้เป็นเทพก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้  ข้ารู้สึกว่าสมควรเดินทางไปหอทงเทียน ดินแดนกันดารสักครั้ง  ไม่เช่นนั้นข้าคงพลาดพบเจออัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในรอบล้านปี”

น้ำเสียงของคนผู้นี้อ่อนโยน สงบไม่มีวี่แววของความโกรธแม้แต่น้อย

เหมือนกับลำธารไหลผ่านแก่งหิน

หนักแน่นและจริงใจ

แม้ว่าจะไม่เฉียบคมดุดัน แต่ไม่มีใครละเลยคนแบบนี้ได้

เย่ว์หยางได้ยินเสียงเขาแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะจะโต้ตอบ มิทราบว่าใครชิงพูดขึ้นก่อน  “ถูซื่อ  เจ้าโง่หรือเปล่า ไปกินถั่วมาหรืออย่างไร?  ลูกชายของเจ้าถูกเย่ว์ไตตันอัจฉริยะประหลาดฆ่าตาย ทำไมต้องไปสุภาพกับเขา?  ถ้าเป็นข้าจะถือว่านี่เป็นการทำลายศักดิ์ศรี  ข้าจะจับเขาถลกหนังเลาะกระดูกทุบให้เป็นผุยผงและยึดประกายเทพเสีย”

“ปรากฏว่าหัวหน้าองครักษ์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เทพประตูมังกรก็อยู่ที่นี่ด้วย และมือสังหารเทพถูซื่อก็อยู่ที่นี่เช่นกัน” เสียงของบุรุษผู้นี้พูดอย่างเนิบนาบไม่รีบร้อน ไม่มีร่องรอยของความโกรธ แต่เขายิ้มเล็กน้อย  “นี่คือสองอย่างที่แตกต่างกัน!  แม้ว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะฆ่าถูอี้ผู้น่าสงสาร หลังจากตระกูลใหญ่ถูกทำลายไปแล้ว  แต่นี่ได้แต่ตำหนิว่าฝีมือถูอี้ไม่เพียงพอ  จะตำหนิผู้นำอย่างเย่ว์ไตตันว่าโหดร้ายได้อย่างไร?  ไม่ว่าเทพจะสับสนแค่ไหน  แต่เขาไม่สามารถรับฟังความอย่างเดียวแล้วตำหนิผู้อื่นได้  ที่นี่ตระกูลอสูรกลืนฟ้าผู้มีเกียรติจะไม่ตอบโต้ความคับแค้นใจต่อคุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นหลักอย่างเด็ดขาด  ในอดีตเมื่อตระกูลและนักรบอสูรกลืนฟ้าและนักรบหอทงเทียนมีข้อพิพาทและความเข้าใจผิดมากมาย  ถูซื่อต้องการเชิญเย่ว์ไตตันและนางผู้พิชิตมาคลี่คลายปัญหาค้างคาใจด้วยกัน”

10 ความคิดเห็น:

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Kittisak Mahamart กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Failz กล่าวว่า...

คุณชายสามโดนรุมแน่ๆ

หวังปี้เจ้า กล่าวว่า...

ขอบคุณค้าบ

CHANTANA กล่าวว่า...

บันเทิงแน่งานนี้

Krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

Popcorn กล่าวว่า...

ลุยเลยสามเอาเลย

Anunaki กล่าวว่า...

ใครอีกคนอ่ะครับ

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

ที่พึ่งน้ำจิ้ม เห้ออ ปล่อยของซักที 🤣🤣🤣🤣

แสดงความคิดเห็น