ตอนที่ 1312 จะตัวต่อตัว หรือใช้พวกมาก?
“เจ้าไม่สมควรได้มัน!” เย่ว์หยางตอบเบาๆ แม้ว่าน้ำเสียงจะเบามาก แต่เขารู้สึกได้จากกระดูกว่าเขาแสดงการดูถูก
“....” มือสังหารเทพถูซื่อเมื่อได้ยินก็เงียบลง
“เฮ้, เด็กน้อย เจ้าไม่คู่ควร เจ้าไม่กล้าหรอก” เสียงนั้นดังมาจากคนที่ถูซื่อเรียกว่าเทพทวารบาล “นางพญาผู้พิชิตยังไม่ได้ทำลายผนึกออกมาใช่ไหม? ผนึกอมฤตไม่ใช่ว่าจะทำลายออกมาได้ง่ายๆ เจ้าแขวนป้ายชื่อศิษย์ของนางพญาผู้พิชิตเพื่อขู่ขวัญให้คนอื่นกลัว นักรบแดนสวรรค์ธรรมดาฟังแล้วบางทีอาจจะถูกเจ้าหลอกได้ เมื่อเราได้ยินชื่อของนางพญาผู้พิชิตพวกเราอาจจะสั่นกลัวแข้งขาอ่อนแรง แต่เจ้าคิดว่าการใช้ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ ที่น่าเบื่อและไร้สาระนี้จะทำให้เราหวาดกลัวได้จริงหรือ? อัจฉริยะที่ไม่เคยพบเจอมาในรอบหลายพัน ฮ่าฮ่า ช่างน่าขันเสียจริง เจ้าคิดว่าตงฟางและถูซื่อรวมทั้งราชันย์ไร้ใจและนักสู้ระดับเทพอื่นๆ จะกลัวเจ้าจริงๆ หรือ ไม่เลย นักสู้ระดับเทพทั้งหมดแค่กลัวนางพญาผู้พิชิตซึ่งนางอาจตายไปนานแล้ว หรือถ้าไม่ตายก็ยังไม่มีทางทำลายผนึกออกมา! อาศัยเจ้าน่ะหรือ? ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้าง เจ้ามีค่าพอที่จะให้ยอดฝีมือระดับเทพมองเจ้าอวดอ้างฝีมือหรือ? ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวก็สามารถบดขยี้มดอย่างเจ้าให้เละเป็นจุลได้ เจ้ามนุษย์อ่อนแอ!”
“ข้าน่ะหรือ? อย่างนั้นทำไมเจ้าไม่เข้ามาลองเองเล่า?” เย่ว์หยางถาม
เขายังคงสงบ
ไม่แสดงอาการโกรธ
มุมปากยิ้มเยาะเย้ยเลือนราง แต่ไม่มีความหมายอะไร
“แน่นอนว่าการฆ่าเจ้าเป็นสิ่งที่เราผู้เป็นเทพชอบทำที่สุด โดยเฉพาะฆ่าอัจฉริยะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในรอบพันปี อย่างไรก็ตามข้าอดทนรอได้ ฟังมือสังหารเทพถูซื่อที่ลูกชายเขาถูกเจ้าสังหาร ปล่อยให้คนอื่นข่มขี่จนไม่กล้าส่งเสียงยั่วยุ ดูสิว่าเขาจะพูดอะไร” เทพประตูมังกรวิจารณ์ถูซื่อเพื่อยุยั่วให้เขาเกิดความเกลียดชัง
“ความเกลียดชังที่ศัตรูฆ่าลูกเป็นเรื่องขัดข้องส่วนตัวที่ไม่สำคัญ ข้าถูซื่อมาที่นี่เพื่อคลี่คลายความเข้าใจผิดระหว่างผู้อาวุโสในตระกูลและนางพญาผู้พิชิตเป็นหลัก” มือสังหารเทพถูซื่อกล่าวอย่างไม่เห็นแก่ตัวไม่ว่าบุตรของเขาจะตายหรือไม่
“จะเกิดอะไรขึ้น ถ้านางพญาผู้พิชิตไม่ปรากฏตัว?” เด็กหนุ่มหัวดื้อเผ่าอสูรเห็นอย่างชัดเจน กลุ่มนักสู้ระดับเทพเหล่านี้มีศักดิ์ฐานะ แต่กลับข่มเหงผู้อ่อนแอหวั่นเกรงผู้แข็งแกร่ง
“พวกเขาพูดมากเกินไป”
ก็แค่ถ่วงเวลาตรวจสอบเพื่อความแน่ใจ
ตราบใดที่พวกเขามั่นใจเต็มร้อยว่า นางพญาผู้พิชิตยังคงอยู่ในผนึกอมฤต บางทีพวกเทพเหล่านี้อาจจะอ้างคุณธรรมเพื่อส่วนรวมรุมล้อมเข่นฆ่าเย่ว์ไตตันก็ได้ พวกเขาเหมือนกับสตรีลิ้นยาว ทำเป็นพูดคุยถ่วงเวลา ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพื่อทดสอบว่านางพญาผู้พิชิตทำลายผนึกออกมาแล้วหรือไม่ ด้วยนิสัยและอารมณ์ของนางพญาผู้พิชิต นางคงไม่ปล่อยให้เย่ว์หยางต่อสู้โดยลำพังแน่นอน
ถ้าสุดท้ายนางพญาผู้พิชิตไม่ปรากฏตัว อย่างนั้นนักรบระดับเทพแห่งแดนสวรรค์บนก็จะแน่ใจว่านางพญาผู้พิชิตยังไม่ออกมาจากผนึก
ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขาจะโจมตีอย่างไม่มียั้ง
ละเว้นแค้นส่วนตัวเพื่อส่วนรวม เป็นเรื่องไร้สาระ
...มีแต่พลังเท่านั้น....
มีพลังอำนาจก็เป็นราชันย์ เป็นกุญแจไขทุกอย่าง
“นางพญาผู้พิชิตน่ะหรือ? นางจะปรากฏตัวแน่ แต่อาจไม่ใช่ตอนนี้ บางทีอาจเป็นสักวันในอนาคต แต่เรามีความอดทนพอรอให้นางกลับมาได้ อย่างไรก็ตามที่อยู่ข้างหน้านี้ เป็นศิษย์คนเดียวของนางพญาผู้พิชิต รู้จักกันทั่วหอทงเทียนในชื่อว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ และพวกเรากำลังรออยู่ด้วยกัน ตราบใดที่เย่ว์ไตตันเห็นด้วย เราผู้เป็นเทพสามารถรับประกันความปลอดภัยให้ได้ และรับรองว่าเขาจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ในขณะเดียวกันเราผู้เป็นเทพยังเชื่อว่า ไม่ว่าระหว่างหอทงเทียนและตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะมีความเข้าใจผิดกันมากมายเพียงไหน ตราบเท่าที่ทั้งสองฝ่ายกลับไปสู่จุดเริ่มต้นและดำเนินการเจรจาสื่อสารกันอย่างจริงใจและไว้วางใจกัน การบุกหอทงเทียนไม่ใช่ความปรารถนาของเรา เรามาที่นี่ด้วยความปรารถนาดี สิ่งที่ดีที่สุดก็คือตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะแบ่งปันความเจริญรุ่งเรืองกับหอทงเทียน” เสียงราชันย์ไร้เทียมทานที่เคยต่อสู้กับจักรพรรดินีราตรีดังก้องทั้งท้องฟ้าขณะเข้าร่วมสนทนา
“บัดซบ คำพูดเหลวไหลนี้ทำให้ข้าอยากจะอ้วกสามวันสามคืน” เด็กหนุ่มหัวดื้อจากเผ่าอสูรพูดไม่ออก เกรงว่าคงมีแต่พวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่พูดจาหยิ่งยโสอย่างนี้
“นี่เป็นวิธีการโจมตีเช่นกัน!” เผ่าเก้าหัวหัวเราะอารมณ์ดี
“ดี ข้าไม่เคยได้เรียนรู้การโจมตีมาก่อนในชีวิต” เด็กหนุ่มหัวดื้อถ่มน้ำลายลงพื้น
“หากเขาต้องมีพลังเหนือกว่านักสู้ระดับเทพ เขาจะช่วยเย่ว์หยางแน่นอน แต่เขาทำไม่ได้ เขาต้องมีพลังแข็งแกร่งเพียงพอจะเป็นองครักษ์อันดับหนึ่งแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เทพประตูมังกรจางเว่ย มือสังหารเทพถูซื่อ ราชันย์ไร้เทียมทาน ฯลฯ นักรบระดับเทพเหล่านั้นไม่มองข้ามทักษะที่เป็นลบของเขา น่าเสียดายที่เขาไม่มีพลังเช่นนั้น
ในฐานะที่เป็นนักรบระดับเทพ ไม่ว่าจางเว่ยหรือราชันย์ไร้พ่ายจะมีความคิดเช่นไร พวกเขาเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของเด็กหนุ่มดื้อรั้น
ในสายตาพวกเขา เด็กนี่โตกว่ามดเล็กน้อย
ใช้นิ้วเดียวก็สามารถขยี้บี้แบนได้
ไม่มีความจำเป็นต้องโกรธแม้แต่น้อย
แม้แต่การเหลียวมองเจ้าเด็กนี่แม้แต่น้อย พวกเขาก็รู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรี
คนที่พวกเขาเห็นอยู่ในสายตาตอนนี้มีเพียงคนเดียวซึ่งยืนอยู่กลางแท่นบูชายัญ เป็นนักรบชาวหอทงเทียนคนสุดท้ายที่ยังต่อต้านอยู่ เขาคือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ เย่ว์ไตตันแห่งทวีปมังกรทะยาน
เย่ว์หยางไม่โกรธ และไม่โต้เถียง
บางครั้งถ้าการโต้เถียงเป็นเรื่องไร้ประโยชน์สิ้นเชิง อย่างนั้นท่านไม่ต้องเสียเวลาเปลืองน้ำลาย
ตอนนี้ สถานการณ์เป็นอย่างนี้... ศัตรูทราบข่าวแล้วและรุมล้อมมาจากทั่วทุกทิศ พวกเขาไม่รีบร้อน ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่รีบร้อนทำลายหอทงเทียน ตรงกันข้ามพวกเขาเหมือนหมาป่าหิวโหยที่มีเขี้ยวเล็บและกระหายเลือดพวกเขาหิวกระหายมานานแล้ว แต่พวกเขาเป็นนักรบระดับเทพ แข็งแกร่ง มากไปด้วยประสบการณ์การต่อสู้มาอย่างยาวนาน พวกเขามีความมั่นคงไม่หวั่นไหวไม่ว่าจะหิวแค่ไหน พวกเขาก็ยังอดทนและรอคอยโอกาสที่ดีที่สุดในการลงมือ พวกเขาจะสังหารเหยื่อด้วยการโจมตีครั้งเดียว
สิ่งเดียวที่พวกเขากลัวก็คือนางพญาผู้พิชิตซึ่งสาบานว่าจะต้องพิชิตแดนสวรรค์
ถ้านางไม่อยู่ที่นั่น
อย่างนั้นพวกจะอ้าปากกระหายเลือดเผยให้เห็นเขี้ยวเล็บอันแหลมคมและตะครุบเหยื่ออย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ทั้งหมดนี้อยู่ในความคาดหมายของเย่ว์หยาง เขาคิดเรื่องนี้มานานก่อนจะวิ่งออกมาจากบันไดสวรรค์ แต่เมื่อเขาออกมายังแท่นบูชายัญ เขาพบว่ามีผู้คนมากมายเช่น ถูอี้ เทพรุ่นลูกและคนอื่นๆ อยู่ในพื้นที่ แต่หากไม่มีความช่วยเหลือเหลือข้างนอกจากมังกรปีศาจ ในที่สุดเขาตระหนักว่าหลายอย่างเปลี่ยนไป ความคิดของตัวเขาเองยังไม่สมบูรณ์
ตงฟางไม่ทำอะไรง่ายๆ อย่างนั้น
ไม่ต้องพูดถึงตงฟาง แต่ยังมีราชันย์ไร้ใจที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ และยังมีเทียนอี้ซึ่งยังคงไม่ปรากฏตัว
มองอย่างผิวเผินเย่ว์หยางสงบ และแม้จะใช้คำพูดและการกระทำที่ยโสเล็กน้อย แต่ความจริงเขาไม่ได้ดูถูกแต่ตื่นตัวอยู่เสมอ
“ตงฟาง, ราชันย์ไรใจและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ยังคงใช้อุบายเล็กน้อยแน่ นักรบระดับเทพไม่ใช่ว่าไร้สมอง ถ้าไม่มีใครคิดว่าปีศาจเฒ่าที่มีชีวิตยืนยาวมานานเป็นหมื่นปีไม่มีความคิดอะไร คนผู้นั้นสมองพิการอย่างแท้จริง!” เย่ว์หยางคิดจะดำเนินการอย่างลับๆ ในสนามรบ การต่อสู้ แต่สถานการณ์ที่ดูเหมือนปกติ กลับมีสิ่งผิดปกติเกินคาด
ในการเอาชนะคุณชายถูอี้และพวกจางหู่นั้น
เขาทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่พบความผิดปกติอะไร
แต่ต้องมีความเชื่อมั่น จากนั้นก็พิสูจน์ให้เห็นว่าสถานการณ์และทิศทางการต่อสู้ดูผิดปกติมากขึ้น ตงฟางไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำอะไร!
แต่ที่มองเห็นผิวเผินอยู่นี้เหมือนกับไม่มีอะไร เกิดอะไรขึ้นรอบๆ นี้กันแน่? ก่อนหน้านี้ยังไม่ทราบถึงต้นตอและเหตุผล การต่อสู้ครั้งนี้ยังอยู่ในการวางแผนและทักษะแฝงเร้นหมากรุกของตงฟาง... สถานการณ์ในตอนนี้เป็นเช่นไร
จะสามารถทำลายเกมได้หรือไม่?
เดี๋ยวก่อน.... “นี่ก็เป็นวิธีโจมตีเช่นกัน!” เขาระลึกนึกถึงคำพูดของคนเผ่าเก้าหัว นั่นดูเหมือนจะไม่มีความหมาย
“จะเป็นไปได้หรือ?” เย่ว์หยางตกใจสั่นเล็กน้อย ไม่ทันรั้งสายตากลับแต่เมื่อมองไปยังทิศทางเสียงของมือสังหารเทพถูซื่อและหันกลับมาที่ฮุยไท่หลางที่อยู่ข้างหลังเขา มองดูอีกสองเสียงที่มาจากเทพประตูมังกรผู้หยิ่งผยองและราชันย์ไร้พ่าย เขาเข้าใจได้อย่างแจ่มชัดทันที ประกายความคิดหนึ่งผุดขึ้นในท่ามกลางความคิดวุ่นวายปั่นป่วนของเขา
เย่ว์หยางเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ
เขาหมุนตัวเตะกวาดขา
มีเสียงปังดังมาจากฮุยไท่หลางที่ด้านหลังของเขา
ภาพฮุยไท่หลางที่กำลังส่ายหัวผงกหัวเชิดชูถูกเท้าของเขาเตะใส่ ภาพเงาหายไป
ในท่ามกลางความว่างเปล่า ฝ่ามือสีทองประทับลงที่หน้าผากเย่ว์หยาง จะว่าเร็วก็ไม่เร็ว แต่ไม่ว่าเย่ว์หยางจะหลบอย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถหลบการโจมตีจากฝ่ามือทองนั้นได้
“บัดซบ! ไสหัวไป!” เย่ว์หยางไม่ได้ต่อสู้อย่างไร้ความหมาย เขาโน้มศีรษะไปข้างหน้าและคว้ามือที่ตั้งใจฟาดที่หน้าผากเขาอย่างหนัก เขาคว้าหลังมือทองไม่ยอมให้อีกฝ่ายดึงมือกลับได้ทัน ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีทุบกระดูกแขนอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง
และใช้มือทั้งสองบิดฝ่ามือนั้นหลายรอบหมุนเป็นเกลียวและบิดเอวตัวลำดับ
ไหล่ข้างหนึ่งตกลง
เงาทองที่พยายามดิ้นรนถูกดึงออกมาจากมิติว่างและถูกทุ่มลงบนพื้นแท่นบูชายัญต่อหน้าเขา
แท่นบูชายัญสีแดงเลือดสั่นสะเทือนไปหมด แท่นบูชายัญนี้ที่มีความทนทานไม่มีที่ใดเทียบมีรอยร้าวแผ่ขยายไปเหมือนใยแมงมุม เงาร่างสีทองที่แข็งแกร่งพุ่งเข้ามาทันที ท่ามกลางการระดมเตะอย่างหนักต่อเนื่องจากเย่ว์หยาง มันกลายร่างเป็นควันสีทองหายตัวหลบออกมาจากระยะโจมตีของเย่ว์หยางได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าเห็นได้ยังไง?” เงาร่างทองถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“ในระหว่างการต่อสู้ครั้งสำคัญ ฮุยไท่หลางไม่เคยมายืนอยู่ข้างหลังข้า มันคือหมาป่าปีศาจล้างโลก มีความภูมิใจและหยิ่งในตัวของมันเอง ยิ่งไปกว่านั้นมันได้ต่อสู้กับเทพประตูมังกรจางเว่ย เมื่อมันปรากฏตัวและไม่ได้ส่งเสียงอะไรนั่นเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก นี่ไม่ใช่นิสัยของมัน สุดท้ายก็คือแม้ว่าฮุยไท่หลางจะไม่ใช่อสูรศึกที่ทำสัญญากับข้า แต่มันสนิทใกล้ชิดกับข้ายิ่งกว่าอสูรที่ทำสัญญาเสียอีก แม้ว่าเจ้าจะสามารถพรางตัวไม่ให้มีรังสีฆ่าฟันได้ แต่เจ้าไม่สามารถปลอมกลิ่นอายพิเศษเฉพาะตัวของมันได้” เย่ว์หยางค่อยๆ ลูบพลังเย็นกัดกร่อนที่หน้าผากออกไปเบาๆ เขาจ้องมองไปที่มือสังหารเทพถูซื่อที่อยู่ในท้องฟ้าห่างไกลกำลังลอยตัวลงมาเรื่อยๆ “แม้ว่าข้าจะไม่เคยพบเห็นมือสังหารเทพถูซื่อมาก่อน แต่ในแดนสวรรค์บนนักรบระดับเทพที่ทำตัวต่ำไม่โดดเด่น จะต้องเป็นแผนกมือสังหารมีความเป็นผู้ใหญ่ หนักแน่นมั่นคงเหมือนเจ้า เจ้าซ่อนความเลือดเย็นและความอำมหิตเมื่อบุตรตายได้เรื่องนี้ทำให้ข้าสงสัยอย่างแน่นอน ความจริงเจ้าคือตงฟางที่วางแผนการรบและควบคุมทุกอย่างได้ เจ้าพูดจ้อไม่หยุดประกอบกับการพูดยั่วยุของจางเว่ยและราชันย์ไร้พ่ายก็เพียงแค่เพื่อปกปิดถูซื่อที่ลอบซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังข้า เจ้ารู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะปรากฏตัวออกมาสนับสนุนข้า ถ้านางมาได้เกรงว่าเจ้าคงไม่กล้าแม้แต่จะผายลม คงฉี่ราดเผ่นหนีไปแล้ว เจ้าใช้ประโยชน์จากความช่างสงสัยของคนอื่นทำให้กลอุบายนี้ซับซ้อนขึ้น เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นนัก”
“น่าเสียดาย ถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิอสูรที่ไม่ปรากฏตัว เอ่ยปากบอกใบ้เจ้า บางทีแผนการของข้าคงจะสำเร็จ” ทันใดนั้นเสียงที่หนักแน่นเต็มไปด้วยความอำมหิตของถูซื่อเปลี่ยนเป็นเป็นเสียงที่สงบเยือกเย็นของตงฟางทันที
“เมื่อจะปรักปรำกัน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะพูด เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?” คนเผ่าเก้าหัวหัวเราะ แต่ดวงตาของเขาไม่มีความสุข
ในสายตาที่หวาดกลัวของมังกรสองหัว พวกเขาจำสถานะที่แท้จริงของพวกเขาได้
เขาคือจักรพรรดิอสูรที่แท้จริง
ว่านกูซูและนักสู้แดนสวรรค์คนอื่นๆ ในตอนนี้เริ่มกลัวกันแล้ว
นางไม่รู้มาก่อน แต่ตอนนี้นางคิดได้ว่า ตนเองอยู่กับนักสู้ระดับเทพผู้อันตรายมานาน และนางก็ยังเยาะเย้ยเหน็บแนมเขาหลายครั้ง โชคดีที่ไม่ได้ต่อสู้กัน มิฉะนั้นแค่เพียงนิ้วเดียวเขาอาจฆ่าทุกคนได้
“เป็นความเข้าใจผิดอย่างแน่นอน จักรพรรดิอสูรดำรงความเป็นกลางมาโดยตลอด เขาจะเอนเอียงเข้าข้างคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่ไม่ใช่ญาติอย่างไม่มีเหตุผลได้อย่างไร!” ราชันย์ไร้พ่ายเอ่ยปากกลางครัน บางทีเขาอาจไม่พอใจกับการเอ่ยปากขึ้นโดยไม่ตั้งใจของจักรพรรดิอสูร แต่เขารู้ดีก่อนจะล้อมสังหารเย่ว์ไตตันได้สำเร็จ ห้ามมิให้เป็นศัตรูกับนักรบชั้นเทพอย่างจักรพรรดิอสูร มิฉะนั้นสถานการณ์การสู้รบจะอันตรายมากยิ่งขึ้น
“ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิดก็ไม่เป็นไร ข้าจะไม่พูดอะไร พวกเจ้าสู้กันได้อย่างสบายใจ ข้าจะไม่ช่วยไม่ว่าฝ่ายไหนทั้งนั้น” ประโยคสุดท้าย จักรพรรดิอสูรดูเหมือนจะพูดกับเย่ว์หยางโดยตรง
“ขอบคุณ” เย่ว์หยางคำนับให้จักรพรรดิอสูรด้วยความจริงใจ
เขารู้สึกว่าจักรพรรดิอสูรไม่สามารถลงมือช่วยอะไรได้ในตอนนี้
แทนที่จะสร้างปัญหา
เขากลับวางตัวห่างไกลเกินกว่าที่เขาคาดไว้มาก
“ทำธุระให้คนอื่นมันช่างน่าเบื่อ ข้าเป็นคนที่ชอบความครึกครื้นอยู่เสมอ แต่น่าเสียดายข้าเป็นหนี้บุญคุณคนอื่น จึงต้องทำตัวเหมือนเต่า” จักรพรรดิอสูรยิ้มเยาะเย้ยตนเอง ทุกคนมีความลำบากใจเป็นของตนเอง เย่ว์หยางเข้าใจ และนี่ก็เป็นสงครามของเขาเอง เขาไม่ต้องการให้จักรพรรดิอสูรลงมือ ตราบเท่าที่เขาดำรงความเป็นกลาง แค่นั้นก็ดีพอแล้ว
เย่ว์หยางพยักหน้าให้จักรพรรดิอสูร
เขาเตรียมพร้อมรับการรุมล้อมโจมตีจากยอดฝีมืออย่างตงฟาง ถูซื่อและราชันย์ไร้พ่าย
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขายังไม่เข้าใจก็คือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ผู้ลึกลับที่ยังคงอยู่เบื้องหลัง... เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ทำอะไร!
“ในเมื่อนางพญาผู้พิชิตยังไม่สามารถออกมาได้ อย่างนั้นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ นี่นับเป็นเรื่องดีที่เราจะขอเชิญคุณชายสามตระกูลเย่ว์ไปเยือนตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สักสองสามวัน เราขอเชิญเจ้าด้วยความจริงใจ ก่อนนางพญาผู้พิชิตจะมาถึง จะต้องต้อนรับแขกผู้มีเกียรติโดยมิอาจละเลยได้” ราชันย์ไร้พ่ายค่อยๆ ปรากฏตัวจากในท้องฟ้า และร่างเทพสูงยี่สิบเมตรขนาดพอๆ กับภูเขามีแรงกดดันที่คาดเดาไม่ถูก
“เจ้าต้องการสู้แบบตัวต่อตัวหรือใช้พวกมากรุมต่อสู้?” เทพประตูมังกรจางเว่ยผู้ได้สู้กับฮุยไท่หลางก่อนนั้นปรากฏตัวในอีกด้านหนึ่ง
11 ความคิดเห็น:
ตัวหมากมาเกือบครบแล้ว ขาดแค่ไม่กี่คน
พี่ฮุ่ยแพ้เหรอ
เอ้าแล้วหมาคนร่วมกันลุยศึก
แค่หมายังจัดการไม่ได้โดนเจ้าของตบตายแน่ๆ
อ้าว หมาไม่ใช่อยู่ในยักษ์ชะตาไม่ใช่เหรอ ตัวปลอมออกมาพร้อมพี่เย่ได้ไง แล้วหมาไปไหน
มันมาช่วยแบกชะตาก่อน
ขอบคุนคับ
ขอบคุณครับ เหมือนดูจอนวิกเวอร์ชัน นิยายจีน
มันเดียวบันดาเมียก็มา
ขอบคุณครับ
ฮุ่ยแพ้ไม่จริงมั้ง
แสดงความคิดเห็น