วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1314 ถึงคราวข้าโจมตีบ้าง!

 

ตอนที่  1314  ถึงคราวข้าโจมตีบ้าง!

ในโลกกระดานหมากรุกที่ตงฟางใช้พลังเทพและเจตจำนงเทพสร้างขึ้น ไม่มีใครสามารถใช้คัมภีร์อัญเชิญและอสูรศึกได้

 

สำหรับนักรบที่มีคัมภีร์อัญเชิญ

นี่คือการข่มเหงครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

“การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว” พลังปราณของตงฟางค่อยๆ แฝงอยู่ในโลกและสวรรค์ เหลืออยู่แต่เพียงเสียงก้องอยู่ในหูของเย่ว์หยาง  “ตอนนี้ การประลองเพิ่งจะเริ่มขึ้นอย่างแท้จริง...”

เมื่ออยู่ในโลกกระดานหมากรุกของศัตรู ไม่มีใครไม่สามารถส่งข้อมูลออกไปภายนอกได้

ได้แต่สู้ตามลำพัง

นอกจากนี้ คัมภีร์อัญเชิญและอสูรอัญเชิญไม่สามารถเรียกออกมาได้

ภายใต้สภาพที่เลวร้ายเช่นนี้กดดันเย่ว์หยางอย่างหนักหนาสาหัส เขาจะพลิกสู้กับศึกนี้ได้อย่างไร?

“บัดซบ!  เด็กหนุ่มเผ่าอสูรผู้ดื้อด้านกำหมัดทั้งสองแน่น และเขาพบว่าเขากับผู้ชมดูจากเผ่าเก้าหัว เผ่ามังกรฟ้าและคนอื่นทั้งหมด  ถูกขับออกมาจากโลกกระดานหมากรุก  ราวกับถูกกีดขวางด้วยสิ่งที่มองไม่เห็นและโปร่งใส  แม้ตาจะมองเห็น และหูสามารถได้ยิน แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกพลังอำนาจออกจากกัน เพื่อหาทางสนับสนุนในโลกกระดานหมากรุกอย่างใดอย่างหนึ่ง

ดูเหมือนจะห่างกันระยะใกล้เพียงร้อยเมตร  แต่ความจริงแล้วมันคือระยะห่างระหว่างสองโลก

ตราบเท่าที่เจ้าตำหนักตงฟางยังอยู่รอดได้ กระดานหมากรุกจะคงอยู่อย่างนั้น

อย่านึกว่าจะมีใครล้ำเส้นเข้าไปได้

“ช่างเถอะ, เป็นคนสังเกตดูก็ไม่เลวเหมือนกัน”  มังกรสองหัวกู่อั๋งถอนหายใจเบาๆ และขณะนั้นเอง เขาไม่มีความทะเยอทะยานจะเข้าหอทงเทียนเพื่อขอส่วนแบ่งสมบัติแดนล่มสลายแห่งทวยเทพอีกแล้ว   เพราะเขาได้สติและตระหนักถึงความแข็งแกร่งของตัวเขา  เมื่อเทียบกับยอดฝีมือระดับเทพที่แท้จริง เขาเป็นแค่มดแมลงน้อยที่น่าสมเพช

“น่าเสียดายที่บุรุษรูปงามนี้ต้องมาตาย”  ว่านกูซูมองดูหน้าเย่ว์หยาง นางลอบเลียริมฝีมือแดงสดของนางและกลืนน้ำลาย

ตำแหน่งที่ด้านข้างของเย่ว์หยาง

มีแต่เพียงถูอี้ จางหลาง และจางหู่ที่เหลือถูกทิ้งไว้ ศพเหล่านั้นสั่นเล็กน้อย

ถูกขับออกมาจากเจตจำนงของตงฟาง ลูกชายของถูซื่อถูกจัดให้เป็นผู้ดูทั้งสามคน  ถ้าพวกเขาไม่เห็นสามคนนี้ตายด้วยตาตนเอง พวกเขาอุทาน “นี่คือพลังเทพ สามารถใช้ทักษะแฝงเร้นพิเศษได้หรือ?  พวกเขาเปลี่ยนเปลงในทางดีขึ้นได้อย่างไร?”

จักรพรรดิอสูรในฐานะผู้ชมดู ก็ให้ความสนใจเช่นกัน  “ดูเหมือนว่านี่เป็นลักษณะเฉพาะของโลกกระดานหมากรุก”

คำพูดของเขาเพิ่งพูดจบ

ในร่างของถูอี้ จางหลางและจางหู่

มีพลังเทพต่างกันสามสายพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำพุพุ่งออกมาจากพื้น

ในทันทีที่หลอมรวมกับร่างที่เหี่ยวเฉาและแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ภายใต้อิทธิพลของเจตจำนงของตงฟางและกฎสวรรค์โลกกระดานหมากรุก ร่างของเขาดิ้นรุนแรงผิดรูปและค่อยๆ รวมกันก่อเกิดเป็นรูปแบบชีวิตใหม่ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ถูอี้ จางหลางและจางหู่อีกต่อไป  ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่บิดเบี้ยวและแปลกแยก  แม้แต่จิตวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ก็ยังเปลี่ยนไปกลายเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ถูกครอบงำโดยเจตจำนงของตงฟาง  ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถูอี้ลุกขึ้นยืนต่อหน้าเย่ว์หยางอีกครั้ง

ในโลกกระดานหมากรุก ไม่มีใครสามารถเรียกคัมภีร์อัญเชิญและอสูรศึกได้

ตงฟางเองก็ยังคงอยู่ในกฏนี้

แต่

แต่เขาเจ้าเล่ห์ใช้วิธีคืนชีพถูอี้ สร้างกลุ่มนักรบแทนอสูรศึกซึ่งไม่สามารถเรียกออกมาในโลกกระดานหมากรุกได้

ตาของเย่ว์หยางทอประกายปัญญาวูบวาบ หลังจากเขาพลิกฟื้นชะตาได้ เขาสามารถใช้ตาทิพย์ระดับเทพมองทะลุอุปสรรคที่ตงฟางใช้เจตจำนงสร้าง  ในโลกกระดานหมากรุกลับนี้  ข้อมูลการฟื้นคืนชีพถูอี้กับพวกอยู่ในใจของเย่ว์หยางแล้ว

กระดานหมากรุกกู้ชีวิตทาสสงคราม ถูอี้แห่งเผ่ากลืนสวรรค์เดิม ถูกชุบชีวิตด้วยพลังเทพ  อยู่รอดได้ในกฎแห่งกระดานหมากรุกพร้อมกับทักษะพิเศษ  หุ่นดินแทนความอ่อนแอ

คุณชายถูอี้ยืนอยู่ตรงกลาง  ตอนนี้เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีเมือกทั้งตัว  ผิวหนังเป็นเหมือนดินเน่า แม้ว่าเขาจะลุกขึ้นยืนได้ก็ตาม  แต่มักจะมีของเหลวอ่อนหยุ่นหล่นแผละลงพื้น จากตามลำตัว แขนและขาของเขา เป็นหยดเมือกที่น่าขยะแขยง  เขาไม่สามารถเรียกว่ามนุษย์ได้อีกต่อไป  กลายไปเป็นสัตว์ประหลาดอย่างสมบูรณ์  เมื่อเห็นตอนนี้เกรงว่าแม้แต่บิดาของเขาถูซื่อและถูว่าน ก็ยังไม่ยอมรับว่านี่คือคุณชายถูอี้รูปงาม

ตาทิพย์ของเย่ว์หยางมองผ่านเข้าไปถึงแก่นของสัตว์ประหลาดถูอี้

แต่เย่ว์หยางเชื่อ

อย่างไรก็ตามเรื่องที่ถูอี้กลายเป็นสัตว์ประหลาด เขายังมีพลังลับอีกมากมายที่ซ่อนอยู่โดยไม่ได้แสดงอะไรออกมา

ตงฟางจะไม่สร้างทาสสงครามอย่างไร้ประโยชน์ได้ง่ายๆ   เขาจะต้องถูกใช้งานอย่างหนักและต้องถูกผู้อื่นฆ่า รวมทั้งสหายมนุษย์แมลงของเขา ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงและเป็นตัวชี้ขาดได้

พิษสีเขียวบนร่างของจางหลาง และส่วนหัวของเขาพองขึ้นเป็นทรงกลม

ร่างของเขาบวมขยายเกือบร้อยเท่า

ราวกับแมลงนางพญา

ข้างในมีไข่แปลกๆ ขนาดใหญ่และเล็กกลิ้งอยู่เหมือนกับจะแตกได้ทุกขณะ

ขณะนี้เองข้อมูลในจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางก็คือ : กระดานหมากรุกชุบชีวิตให้ทาสสงครามจางหลาง เผ่าแมลงปีกแข็ง ได้ถือกำเนิดใหม่ภายใต้กฎสวรรค์กระดานหมากรุก  ความสามารถพิเศษ : วางไข่, ปรสิต

ในอีกด้านหนึ่ง ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและไม่มีการฟื้นคืนสภาพเดิมเช่นกัน ลักษณะของร่างได้กลายพันธุ์  ข้อมูลเกี่ยวกับจางหู่แทบจะดูคล้ายกับเม่นทะเล  ถูกชุบชีวิตด้วยทักษะแฝงเร้นพลังเทพกระดานหมากรุก ภายใต้ความสามารถพิเศษหนามเข็มทะลวงเลือด

เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ใช่อสูรศึก แต่เป็นทาสสงครามที่ถูกทักษะแฝงเร้นกระดานหมากรุกชุบชีวิต ยังร้ายกาจกว่าอสูรศึกเสียอีก

เย่ว์หยางขมวดคิ้ว

นี่ไม่ใช่จัดการได้ง่ายแน่นอน

คนเจ้าเล่ห์อย่างตงฟางไม่เสียพลังเทพสร้างของไร้ประโยชน์ เมื่อถูกสร้างขึ้นมา ก็ย่อมมีแผนการอย่างแน่นอน

สิ่งที่ยากยิ่งกว่าก็คือวิธีคลี่คลายกลยุทธ์ที่ตงฟางวางเป็นชั้นในโลกกระดานหมากรุกภายใต้การรุมล้อมของนักสู้ระดับเทพอย่างถูว่าน จางเว่ย ถูซื่อและจ้าวภูผา

ฮุยไท่หลางไม่ได้อยู่ใกล้ๆ

เขาเพียงคนเดียวจะรับมือกลอุบายร้ายกาจเหล่านี้จากทุกทิศทางได้อย่างไร?

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่น่ะหรือเย่ว์ไตตันนักสู้อันดับหนึ่งของหอทงเทียน? ทำไมหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างนั้น?  จงใช้โชคและพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาของเจ้าพลิกสถานการณ์ได้เลย!  ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าไม่มีนางพญาผู้พิชิตคอยปกป้อง หากไม่ได้รับการปกป้องของหอทงเทียน เด็กอย่างเจ้าไม่ต่างอะไรกับทารก!  จางเว่ยหัวเราะเยาะ

“เมื่อเทียบกับจักรพรรดิอวี้แล้ว เจ้ายังอ่อนแอกว่า!  อย่างน้อยจักรพรรดิอวี้จ้านฟงก็ยังไม่เคยเจอกับอุบายอย่างนั้น!  จ้าวภูผาเยาะเย้ยอย่างไม่เกรงกลัว

เหมือนกับฟ้าผ่า

มีแสงเทพสายหนึ่งจากโลกกระดานหมากรุก

จากเดิมที่มองไม่เห็นแสงรุ่งอรุณยามเช้า กลับสู่ความเงียบในช่วงเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที

น่าเสียดายที่การลอบสังหารอย่างรวดเร็วและลับไม่ประสบความสำเร็จ  เย่ว์หยางเหมือนมีตาหลัง และหลบได้อย่างคาดไม่ถึงเขาขยับก้าวเท้าซ้ายเบาๆ ไปข้างหน้าอย่างมั่นคงโดยไม่ขยับเท้าขวา  และยังยืนระมัดระวังอยู่ในท่าเดิม  ด้วยความกลัวสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นเขาจะก้าวกลับตำแหน่งเดิมทันที

เย่ว์หยางไม่ได้ทำอะไร

แค่ก้าวไปข้างหน้า

แต่

วินาทีต่อมา

ทั่วทั้งโลกกระดานหมากรุกเปลี่ยนไป....  ท้องฟ้าไม่เป็นตอนกลางวันอีกต่อไป  และพื้นดินไม่มีพื้นดินให้เห็นอีก  เย่ว์หยางก้าวไปที่หนองน้ำดำมรณะอย่างไม่คาดคิด

เขาทะยานขึ้นไปในอากาศและพบว่าพื้นดินทั้งหมดกลายเป็นหนองน้ำกว้างไกลไม่สิ้นสุด ฟองอากาศแฝงด้วยความตายผุดขึ้นมาจากโคลนปุดๆ ราวกับโจ๊กเดือด

เย่ว์หยางตื่นเต้นและบินด้วยความเร็วสูงหนีออกจากหนองน้ำที่น่ากลัวนี้

ตุ้บ!

ท้องฟ้าที่กว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกับฝาที่ครอบไว้ เย่ว์หยางชนด้านบนและรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าชนผนังเหล็กกำแพงทองแดงด้วยกำลังทั้งหมดของเขา  สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ท้องฟ้านั้นราวกะว่าถูกเย่ว์หยางกระแทกเจาะเป็นรู มีแรงดึงดูดที่น่ากลัวยิ่งกว่าหลุมดำดูดกลืนทุกอย่างรอบตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง  เย่ว์หยางตกใจ รีบกระโจนออกมาอยู่ห่างระหว่างพื้นโลกและพื้นดินเล็กน้อย  เขาพบว่าทันทีที่เขายื่นมือออกไปก็สามารถแตะพื้นโคลนที่อยู่ห่างออกไปหมื่นเมตรได้

“ทำลาย!  เย่ว์หยางโกรธ ต้องการเอาชนะเขาด้วยการเล่นกลเล็กน้อยนี่หรือ? เมื่อเขาฝึกฝนพลังปัจจัยสามประการคือทำลาย สร้าง และนิรันดร์ในโลกคัมภีร์ ความเข้าใจของเขาไม่เป็นจริงหรือ?

ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริมอะไร แค่ใช้พลังเจตจำนง

พลังทำลายรอบโลกกระดานหมากรุกกลายเป็นสภาพปั่นป่วนทันที

ทุกอย่างกลายเป็นผุยผงและตกอยู่ในความว่างเปล่า  หลังจากที่โลกนี้พังทลายไปแล้ว  เย่ว์หยางพบว่าโลกกระดานหมากรุกฟื้นตัวขึ้น และเขากลับสู่สภาพเริ่มต้นในการเดินใหม่ อย่างไรก็ตามประสบการณ์ที่ผ่านมายังอยู่เหมือนเดิม  ความปวดหัวจากแรงกระแทก และแม้แต่รอยทั้งบนโลกกระดานหมากรุกยังปรากฏบนพื้นอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าเย่ว์หยางไม่เข้าใจเจตจำนงราชันย์ และอยู่ในขอบเขตเทพแท้ เชื่อได้ว่าคงถูกผนึกไว้ในอาณาจักรลวงตาเมื่อครู่นี้ และคงไม่มีทางได้เห็นท้องฟ้าอีก

แม้จะเป็นภาพลวงตา แต่ก็มีอยู่จริง

สร้างขึ้นโดยพลังของตงฟาง

และพังพินาศไปเพราะพลังทำลายของเย่ว์หยาง.... มันหายวับไป แต่ความเป็นความตายที่เข้ามาหายังคงอยู่จริงๆ

“น่าสนใจอยู่บ้าง, แต่ตงฟาง คิดจะเอาชีวิตข้าด้วยของเล่นเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้หรือ?”  เย่ว์หยางเชื่อว่าตงฟางจะต้องมีการลงมือมากกว่านี้เช่นกัน หากเผยให้เห็นความแข็งแกร่งในมือของตนเองโดยไม่ตั้งใจ บางทีอาจยากจะบรรลุผลที่ดีที่สุด มีภาษิตกล่าวไว้ว่าจะตกปลาใหญ่ต้องมีความอดทน  เย่ว์หยางแสร้งทำเป็นอ่อนแอมานานและยังคงทำตัวอ่อนด้อยเพียงเพื่อหลอกล่อตงฟาง  ถ้าเขาไม่ฉวยโอกาสจับปลาใหญ่ตัวนี้ หากตงฟางหนีไปได้ คงไม่ง่ายนักที่จะจับเขาในอนาคต

เย่ว์หยางอยากชักดาบชะตาสังหารฆ่าฟันผู้คนในทันที แต่เขากัดฟันอดทนไว้ก่อน

ตงฟางยังไม่ออกมา

ก็เล่นกับพวกเขาไปก่อน

เมื่อตงฟางมั่นใจในการลงมือมากที่สุด  ในช่วงที่เย่ว์หยางใกล้ตาย ตอนนั้นเขาค่อยลงมืออย่างคาดไม่ถึง

บางทีอาจใช้ไม่ได้ในที่อื่น  ตงฟางเจ้าเล่ห์มากเกินไป  แต่ในโลกกระดานหมากรุกนี้ ตงฟางสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง เขาต้องมั่นใจเพียงพอว่าจะชนะศึกนี้แน่  ดังนั้นเย่ว์หยางแค่รอให้ตงฟางลงมือเอง!

แน่นอนว่าก่อนช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนั้น เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาจะต้องแสดงพลังบ้างเล็กน้อย มิฉะนั้นตงฟางอาจสงสัย

“ตาข้าบ้าง!  ใบหน้าของเย่ว์หยางผ่องใสราวกับดวงจันทร์ เขายกนิ้วขึ้นชี้พยายามไปข้างหน้าใช้พลังเพิ่มเล็กน้อย  “ต่อไปนี้ข้าจะให้เจ้าพวกรุกรานจากแดนสวรรค์ได้เข้าใจว่า ความโกรธของนักรบหอทงเทียนคืออะไร!

พลังไฟเทพที่โชติช่วง

ปรากฏบนหมัดของเย่ว์หยาง

รังสีแห่งการทำลายล้างที่น่ากลัวปะทุออกมาจากร่างของเย่ว์หยาง ผมของเขาชี้ชันด้วยความโกรธ ชุดเสื้อผ้าโบกสะบัดทั้งที่ไม่มีลม ประกายไฟแตกปะทุรอบตัวอย่างดุเดือด คลื่นกระแทกพลังเทพแผ่ออกไปเป็นวงแต่นุ่มนวลเหมือนกับว่าไม่มีพลังใดๆ  ตรงข้ามกับเจตจำนงทำลายล้างของเจ้าของอย่างสิ้นเชิง

หากไม่มีการเคลื่อนไหวและการบินความเร็วสูงแฝงอยู่ในการกระทำนั้นๆ ก็เหมือนไม่มีอะไร

เขาทำเหมือนเดิม

ก้าวออกไปหนึ่งก้าว

ครั้งนี้เท้าขวาก้าวออกไปอย่างหนัก ประทับรอยลงกับพื้นเป็นรอยลึก

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นในทันที  และเย่ว์หยางก้าวข้ามช่องว่างที่ขัดขวางในระหว่างและเหยียบใส่หน้าของจางเว่ย

เผชิญหน้ากันตัวต่อตัวระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ถึงหนึ่งเมตรใกล้แค่เอื้อม เย่ว์หยางมองจางเว่ยอย่างเย็นชาราวกับแมลงที่ตัวโตบ้างเล็กน้อย

“เจ้าบัดซบ!  จางเว่ยผู้หยิ่งยโสโกรธต่อท่าทีเหยียดหยามของเย่ว์หยาง เขาใช้หมัดยักษ์อัดแน่นด้วยพลังสายฟ้าต่อยใส่เย่ว์หยางพร้อมกับย่างเท้าในอากาศอัดกระแทกอย่างรุนแรง  โลกกระดานหมากรุกเปลี่ยนไป และกลับด้านทันที แรงโน้มถ่วงพลิกกลับร่วมกับการโจมตีของจางเว่ยทำให้เย่ว์หยางจำแนกทิศทางได้ผิดเพี้ยนอย่างสิ้นเชิง

“บัดซบ!  เย่ว์หยางไม่เงยหน้า ไม่ใช้ตามอง

แค่ยื่นมือออกไปตามปกติ

ทั้งที่อยู่ในสภาพกลับหัวเขาทำท่าเหมือนตบแมลงวันในท้องฟ้า ฝ่ามือของเขาฟาดใส่หน้าของจางเว่ยโดยไม่สนใจฟ้าดินหรือสิ่งรอบข้างทั้งหมด

จางเว่ยร้องโหยหวน  ฟันหลายซี่หลุดกระเด็นเลือดกระเซ็นในอากาศ ภายใต้พลังตบของเย่ว์หยางเขาม้วนกลิ้งในอากาศอย่างช่วยไม่ได้พุ่งไปกระทบกับภูเขาที่อยู่ห่างออกไปหมื่นเมตรอย่างช่วยตัวเองไม่ได้ทั้งยังทะลุออกไปกระแทกกับภูเขาลูกที่สองซึ่งอยู่ห่างออกไป

เมื่อเขาทรงตัวได้ แต่ยังไม่ทันฟื้นฟูพลังเทพ อาการบาดเจ็บยังไม่ทันหาย ไม่ทันใช้พลังเทพฟื้นฟูสภาพ

เย่ว์หยางปรากฏตัวที่ด้านหลังเขา

เหยียดเท้า

เหยียบหลังจางเว่ยเทพประตูมังกรแห่งวิหารกลางศักดิ์สิทธิ์อย่างแรง โดยที่เขาต้านทานไม่ได้

10 ความคิดเห็น:

คมศักดิ์ กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ตอนนี้เริ่มสะใจผู้ชมบ้างแล้ว

Deils(of)darK กล่าวว่า...

สุดท้ายตงฟางก็แค่สายซัพพอร์ท

Anunaki กล่าวว่า...

อ่านไปอ่านมา สับสนชื่อตัวประกอบนิดๆ

Krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Badly กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ ได้เวลาโชว์ของสักเล็กน้อยแล้ว

Pcha กล่าวว่า...

ตื้บมับ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ยิ่งดีนัก เหยียบหน้ามันเลย

CHANTANA กล่าวว่า...

สฺดจัด

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

ใจเย็นจริงๆ

แสดงความคิดเห็น