ตอนที่ 1315 วิชาประตูล่องหน
จางเว่ยโมโหมาก
ไม่เคยมีใครทำให้เขาต้องอับอายถึงขนาดนี้ แม้แต่เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ ก็ไม่มีวันโจมตีที่น่าอับอายอย่างนี้กับเขา
บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม...... แสงเทพนับพันสายระเบิดออกมาจากร่างของจางเว่ย และแสงเทพทั้งหมดนั้นรวมตัวกลายเป็นดาบเทพที่คมกล้าไม่มีใดเทียบป้องกันตัวได้โดยอัตโนมัติ ร่างเดิมสีทองของจางเว่ยขยายอย่างบ้าคลั่งมีการเปลี่ยนแปลง พลังเทพที่เก็บกักไว้ในส่วนลึกของร่างถูกปลดปล่อยเพราะความโกรธสุดขีด เปลี่ยนเป็นร่างรูปแบบที่สองต่อ
เขาขนาดใหญ่โค้งบิดและเขี้ยวแหลมคมเหมือนมีดสั้นยาวยื่นออกมาจากริมฝีปากของเขา
ดวงตาสีฟ้าแฝงแววกระหายเลือดเหมือนคลื่นสึนามิ
กรงเล็บขนาดยักษ์ฉีกได้ทุกอย่างยืดยาวออกมาจากเท้า
ผมขนตามร่างแหลมแข็งเหมือนหนามเม่น
ปลายชี้ตรง
ด้วยกฎพลังหนุนเสริมโลกกระดานหมากรุกของตงฟาง พลังเทพที่ถูกปลดผนึกได้เสริมเพิ่มพลังให้กับอสูรร้ายโดยจิตใจไม่มีการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีสิ้นสุดก็คือความเกลียดชังที่มีต่อเย่ว์หยางคู่ต่อสู้คนนี้
มันตวัดกรงเล็บในอากาศตามปกติ
มิติที่กรงเล็บกรีดผ่านแตกเป็นเสี่ยงๆ และสิ่งที่ตามมาก็คือบานประตูที่มองไม่เห็น ด้านบนจารึกสลักลวดลายเครื่องหมายหลุมศพดูลึกลับ
ประตูหนักที่มองไม่เห็นค่อยๆ เปิดออก มีแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและรวมลงในร่างของจางเว่ยในร่างอสูรร้าย แสงเจิดจ้ายิ่งกว่าอาทิตย์ยามเที่ยงวันช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้จางเว่ยอีกสิบเท่าในทันที ก่อนที่เย่ว์หยางจะได้โจมตี ผลกระทบที่เสียหายสลายไปทันที กระดูกสันหลังที่เย่ว์หยางเพิ่งเหยียบใส่มีหนามแหลมงอกยาวขึ้นกลายเป็นเกราะหนาม ด้านนอกประตู พลังเทพพุ่งออกมาจากในประตูและรวมกับพลังโลกกระดานหมากรุกชั่วคราว เจตจำนงเทพของจางเว่ยและตงฟางกลายเป็นโซ่เทพที่ไม่สั่นคลอน
“หือ?” จู่ๆ เย่ว์หยางพบสิ่งผิดปกติ
ถูอี้ จางหลางและจางหู่ที่กลายเป็นหุ่นเชิด ทาสสงครามที่อยู่ห่างออกไปหลายพันเมตร ออกมาจากประตูที่มองไม่เห็นทีละตัวๆ
หลังจากที่ผ่านประตูที่มองไม่เห็นนั้นออกมา พลังของพวกมันเพิ่มขึ้น
แม้ว่าจะไม่มากถึงสิบเท่าเหมือนกับจางเว่ย แต่อย่างน้อยพลังเพิ่มขึ้นสามถึงห้าเท่า
นี่คือประตูแบบไหนกัน? ไม่ใช่อาวุธเทพ ไม่ใช่อสูรสมบัติ ไม่ใช้ทั้งทักษะแฝงเร้น ไม่ใช่สนามพลังคัมภีร์อัญเชิญ มันคือของใดกันแน่? เย่ว์หยางสามารถยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า เทพประตูมังกรจางเว่ยต้องเกี่ยวข้องกับประตูที่มองไม่เห็นนี้
หลังจากประตูเปิดออก คนแรกที่เริ่มโจมตีไม่ใช่จางเว่ย
แต่เป็นถูอี้
สัตว์ประหลาดทาสสงครามนี้ไม่มีความคิดเป็นของตนเองอีกต่อไป หนอนน่าสมเพชนี้แม้แต่บิดาของเขาก็ยังทิ้งให้เป็นเหยื่อของคนอื่นต่อ
ถูอี้จมลงไปกับพื้น เมื่อลุกขึ้นมาอีกครั้งกลับมีร่างเหมือนเพิ่มขึ้นมาอีกสองร่าง เนื่องจากทั้งสามร่างมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก คนอื่นๆ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าร่างใดเป็นร่างหลัก ร่างใดคือร่างแยก มีแต่สัตว์ประหลาดที่แยกร่างได้ทั้งสามที่น่ารังเกียจดูเหมือนหุ่นที่ทำจากดินโคลนนี้อยู่ต่อหน้าเขา ถูอี้และร่างแยกทั้งสองพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางพร้อมกันด้วยความเร็วไม่มากนัก แต่ในโลกกระดานหมากรุก ก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ผ่านระยะทางหมื่นเมตรถึงหน้าเย่ว์หยาง และส่งผลอิทธิพลต่อเย่ว์หยาง เขาไม่สามารถถอยหนีได้ ระยะห่างจากศัตรูเพียงก้าวเดียวแต่ไม่สามารถกำจัดมันได้
“ไสหัวไป!”
เย่ว์หยางพบว่ากฎของโลกกระดานหมากรุกยังใช้ได้ เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ต่อไป
เขายื่นมือซ้ายเบาๆ
และงอนิ้ว
พลังระเบิดกลมพุ่งออกไปไวกว่าแสง และพุ่งใส่ศีรษะของหุ่นร่างเหมือนหนึ่งในสามที่กำลังวิ่งเข้ามาหากระเด็นออกไปเป็นกิโลเมตร
หุ่นดินโคลนไม่ได้รับความเสียหาย เพียงแต่ไม่มีหัว แต่มีพลังสะท้อนอย่างหนึ่ง เหมือนกับมีเข็มแหลมคมทิ่มแทงร่างกาย หลังจากที่เย่ว์หยางโจมตีเขาเจ็บปวดทันที สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ หลังศีรษะของเขาเหมือนถูกหวดอย่างแรงด้วยค้อนหมื่นตัน ดวงตาวิงเวียนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เย่ว์หยางยื่นมือออกมาแตะหลังศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ และพบว่าหลังศีรษะของเขามีบาดแผลเล็กๆ เกิดขึ้นไม่รู้เมื่อไหร่ ราวกับว่าถูกเทพผู้ทรงพลังโจมตี บาดแผลที่ปรากฏนั้นทำให้เขาอดสับสนไม่ได้
ฉวยโอกาสขณะที่เย่ว์หยางอยู่ในอาการมึนงงช่วงสั้นๆ ตุ๊กตาดินโคลนอีกสองตัวโบกแขนที่น่าเกลียดร่ายรำอย่างบ้าคลั่งโจมตีเย่ว์หยางที่อยู่ข้างหน้า
“เจ้าคือถูอี้ตัวจริง!” เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์โดยถอย เขาจับหมัดที่ต่อยออกมาจากร่างถูอี้ตัวจริงได้
เผียะ
ตุ้บ
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางรั้งหมดกลับก็พบว่าร่างของเขาเหมือนกับต้องคำสาปที่ร้ายกาจอันตรายบางอย่างที่ไม่สามารถขับออกไปได้ ความอ่อนแอแผ่ไปทั่วที่เอวและขา เขาไอสองครั้งก็ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง สายลมพัดเฉื่อยเดิมทีให้ความสดชื่นเหมือนลมพัดในฤดูร้อน แต่ในเวลานี้เย่ว์หยางกลับรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกมีดที่มองไม่เห็นเฉือน อาการเจ็บป่วยนั้นยิ่งกว่าคนป่วยติดเตียงสิบเท่าที่ถูกลมหนาวพัดใส่
อย่าว่าเย่ว์หยางที่ถูกสาป แม้แต่คนดูการต่อสู้ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เย่ว์หยางฝืนถอยและหลบการโจมตีของร่างเหมือนอีกร่างหนึ่งของถูอี้
ที่น่าประหลาดใจคือ จางเว่ยยืนอยู่ด้านหลังของเขา
จางเว่ยที่ปลดปล่อยพลังของตนทั้งได้รับพลังสนับสนุนพิเศษผสานเข้ากับโลกกระดานหมากรุกได้อย่างสมบูรณ์ เขาไม่ได้เริ่มโจมตีอย่างรีบเร่ง แต่มองไปที่เย่ว์หยางที่อ่อนแอมากและหลั่งเหงื่อมากมาย แม้จะยืนตัวตรงก็ตาม ราวกับนายพรานมองดูเหยื่อที่ติดกับ
“เย่ว์ไตตัน! ข้าไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะ แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกก็คือ เจ้ายังอ่อนด้อยเกินไป!” กรงเล็บยักษ์ของจางเว่ยกระแทกใส่หลังเย่ว์หยาง ขณะเดียวกันมันส่งเสียงตะคอกจริงจัง “เจ้าได้รับการเลื่อนชั้นเพราะการเสียสละของสหายและหมู่ญาติอย่างเดียว แต่เจ้ารู้วิธีใช้พลังเทพอย่างแท้จริงหรือ? เจ้าเข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริงของพลังเทพหรือไม่? เจ้าไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เลย ไม่มีเวลาทำความเข้าใจ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายพันปี ไม่ว่าเจ้าจะฉลาดแค่ไหนก็ตาม โดยพื้นฐานแล้ว เจ้าเป็นแค่มดแมลงเจ้าเล่ห์ เจ้าไม่ใช่นักสู้ระดับเทพ เป็นแค่นักรบหอทงเทียนผู้โกรธเกรี้ยวแต่อ่อนแอ เหมือนกับเจ้าตอนนี้!”
ทั้งร่างของเย่ว์หยางปลิวออกไปเหมือนกับดาวตก
ในโลกกระดานหมากรุก
ท้องฟ้าและโลกไม่เปลี่ยนแปลง แต่เส้นทางการพุ่งบินมีภูเขาสูงตระหง่านนับไม่ถ้วนขวางอยู่ข้างหน้า ยอดเขาทั้งหมดถูกเย่ว์หยางชนกระแทก
“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น!” ความกระหายเลือดและอำมหิตไม่สิ้นสุดปรากฏอยู่ในดวงตาของจางเว่ย
อสูรร้ายเข้ามาจากประตูที่มองไม่เห็นและแปลกประหลาด
เดี๋ยวก่อน
วินาทีต่อมาเขามาหยุดยืนบนยอดเขาที่เย่ว์หยางชนกระแทกและหยุดอยู่
ขณะที่เขาพร้อมจะใช้ความแข็งแกร่งในร่างทำลายสันเขา ในขณะที่เย่ว์หยางยังไม่รู้สึกตัวและกลายเป็นง่อย จ้าวภูผาที่กำลังสังเกตการณ์ร้องเตือนขึ้นทันที “ระวัง นั่นไม่ใช่เย่ว์ไตตัน!”
พอได้ยินเช่นนั้นจางเว่ยขมวดคิ้ว
เขารั้งกรงเล็บที่เริ่มจะโจมตีกลับทันที และตั้งท่าระมัดระวัง
สันเขาที่เย่ว์หยางพุ่งชนกลายเป็นภูเขาไฟปะทุเถ้าถ่านลาวาเป็นล้านๆ ตันขึ้นในท้องฟ้าทันที หินก้อนใหญ่เท่าโรงโม่หินลอยขึ้นในอากาศพร้อมกับควันหนาทึบ... ตงฟางระเบิดควบคุมมุมกระดานหมากรุก แต่น่าเสียดายที่เย่ว์หยางไม่ได้อยู่ในท่ามกลางส่วนพื้นที่นั้น ขณะมองไปที่ภูเขาไฟที่มีควันหนาทึบเป็นคลื่น บรรดาเทพและผู้ชมดูต่างสับสน
เย่ว์ไตตันพุ่งทะลุยอดเขาสิบแปดแห่งและยังไม่ออกมา เขาอยู่ไหนกันแน่?
ภูเขาไฟ?
ไม่มีทาง!
ถ้าการฆ่าเจ้าเด็กนี่มันง่ายนัก ตงฟางคงไม่รวบรวมนักสู้ระดับเทพหลายคนไม่จำเป็นต้องลากคนเข้ามาเป็นจำนวนมากก็ได้
จางเว่ยกวาดมือและประตูล่องหนประหลาดปรากฏที่ด้านหลังของเขา ตราบใดที่ยังมีประตู ไม่ว่าศัตรูจะโจมตีหนักรุนแรงแค่ไหน เขาจะยังยืนยงคงทนได้
พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือนและมีบรรยากาศแปลกประหลาดรุนแรงมากขึ้น จางเว่ยพบว่าพี่น้องถูซื่อถูว่าน และราชันย์ไร้เทียมทานและผู้ชมดูจากริมทั้งสองด้าน พวกเขาทั้งหมดมองดูด้วยสายตาเย็นชา เขาอดหันกลับมาทำท่าเยาะเย้ยไม่ได้และเดินเข้าประตูแปลกประหลาดตัดสินใจออกไปก่อนชั่วคราวเพื่อไม่ให้เย่ว์ไตตันซึ่งไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ใดตอบโต้ได้ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของเขาคนเดียว ทำไมเขาต้องกังวลกับคนรอบข้างด้วย? พี่น้องตระกูลถูและจ้าวภูผาต้องการเอาเปรียบเขาหรือ? ไม่มีทาง!
ขณะที่ร่างของจางเว่ยเข้าไปในประตูล่องหนได้ครึ่งตัวและกำลังจะหายไป
ทันใดนั้นเกิดเรื่องแปลกประหลาดบางอย่าง
เงาที่เป็นไปไม่ได้ปรากฏในประตู.. จางเว่ยถึงกับตาเหลือกเมื่อพบว่าเงาร่างที่ปรากฏในประตูของเขากลับเป็นเย่ว์ไตตันที่หายตัวไปก่อนหน้านั้น เป็นไปได้อย่างไร? แม้ว่าจิตสำนึกครึ่งหนึ่งของเขาจะเชื่อมกับตงฟางแต่ไม่สามารถผ่านเข้าประตูไปได้ เย่ว์ไตตันเป็นศัตรูไม่ใช่หรือ? เขาทำแบบนั้นได้อย่างไร?
สายเกินกว่าจะตั้งตัว
ไม่มีแม้แต่เวลาจะคิด
กระบี่แสงเทพที่ใช้ปกป้องร่างของจางเว่ยถูกทำลาย และเย่ว์หยางทำลายยอดเขาไปสิบยอดใช้เจตจำนงราชันย์ปล่อยสายฟ้าฟาดเข้าที่ใบหน้าของจางเว่ยอย่างรุนแรง
“แทนที่” ด้วยคำสั่งของเขา ปีศาจถูอี้ซึ่งกลายเป็นหุ่นทาสสงครามไปแล้วได้สลับตำแหน่งกับจางเว่ยที่กำลังถูกเย่ว์หยางโจมตี แต่จ้าวภูผาและมือสังหารเทพถูซื่อได้โอกาสดีที่สุดในการโจมตีเย่ว์หยางที่กำลังทุ่มพลังโจมตีจางเว่ย แต่กลับเป็นร่างไร้ศีรษะของถูอี้ที่อ่อนแอถูกแทนที่ตำหนักของจางเว่ย ทั้งคู่ฉวยโอกาสอย่างบ้าเลือดทุ่มเทพลังเต็มที่โจมตีเย่ว์หยางจากในประตูล่องหน
เย่ว์หยางไม่ได้ป้องกันพลังโจมตีแต่อย่างใด
แต่
แต่ใครบางคนล้มลงกับพื้นส่งเสียงร้องโหยหวน เขาไม่ใช่เย่ว์ไตตันที่อยู่ตกอยู่ในโลกกระดานหมากรุก แต่กลับกลายเป็นเทพสังหารถูว่านที่ไม่ทันได้ระวังตัว
ถูว่านไม่เข้าใจ เขาไม่ได้โจมตีตอแยเย่ว์ไตตันแต่อย่างใด กระทั่งยังยืนอยู่ห่างๆ และพลังโจมตีของจ้าวภูผามาลงที่เขาได้อย่างไร? ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? นี่คือความจริงร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ กระดูกสันหลังหัก นี่คืออาการบ่งบอกถึงความโชคร้ายของเขา
“อ๊า...” ถูว่านต้องการถามเหตุผล แต่พออ้าปากถามกลับเสียงร้องโหยหวนแทน
“เกิดอะไรขึ้น” มังกรสองหัวกู่อั๋งที่ดูการต่อสู้ยังไม่เข้าใจ ตอนแรกเย่ว์ไตตันยังอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบ หลังจากถูกถูซื่อและจ้าวภูผาโจมตีพร้อมกัน แต่ทำไมคนที่ล้มลงจึงกลายเป็นถูว่านที่เป็นคนนอก เกิดอะไรขึ้นในช่วงวินาทีนี้? นอกจากนี้ ทำไมเย่ว์ไตตันถึงออกมาจากประตูล่องหนของจางเว่ยได้?
ความอยากรู้อยากเห็นกัดกินหัวใจพวกเขายิ่งกว่างูพิษ แต่น่าเสียดายที่เป็นไปไม่ได้ที่นัยน์ตาของพวกเขาจะมองเห็นความจริงได้
ผู้ชมทั้งหมด
นอกจากจักรพรรดิอสูรซึ่งแกล้งทำตัวเป็นนักสู้มือใหม่ และภายใต้ผู้ใต้บังคับบัญชา เขาซ่อนตัวจากทุกคน ทุกคนเงยหน้ามองดูจักรพรรดิอสูร รวมทั้งจางเว่ยที่ตกใจอยู่ในสนามต่อสู้ ในฐานะของเทพประตูมังกร เขาไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
ที่มุมปากของจักรพรรดิอสูร
มีรอยยิ้มจางๆ
เมื่อความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนกำลังจะระเบิด
เขาพูดคำประหลาดที่คาดไม่ถึง ภูตพราย!
*** *** ***
8 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
แหมมมมม ไอ้พวกนี้ยกพวกมาตีแล้วยังปากดี
คือเร็วมาก?
รอโชว์เทพอยู่
ได้ตายกันหมดแน่
ขอบคุนคับ
ขอบคุณครับ
โหดนิดๆให้เหยื่อคิดว่ายังไม่เก่งเท่าไหร่
แสดงความคิดเห็น