วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1315 วิชาประตูล่องหน

 

ตอนที่  1315  วิชาประตูล่องหน

จางเว่ยโมโหมาก

 

ไม่เคยมีใครทำให้เขาต้องอับอายถึงขนาดนี้ แม้แต่เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ ก็ไม่มีวันโจมตีที่น่าอับอายอย่างนี้กับเขา

บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม...... แสงเทพนับพันสายระเบิดออกมาจากร่างของจางเว่ย และแสงเทพทั้งหมดนั้นรวมตัวกลายเป็นดาบเทพที่คมกล้าไม่มีใดเทียบป้องกันตัวได้โดยอัตโนมัติ  ร่างเดิมสีทองของจางเว่ยขยายอย่างบ้าคลั่งมีการเปลี่ยนแปลง  พลังเทพที่เก็บกักไว้ในส่วนลึกของร่างถูกปลดปล่อยเพราะความโกรธสุดขีด เปลี่ยนเป็นร่างรูปแบบที่สองต่อ

เขาขนาดใหญ่โค้งบิดและเขี้ยวแหลมคมเหมือนมีดสั้นยาวยื่นออกมาจากริมฝีปากของเขา

ดวงตาสีฟ้าแฝงแววกระหายเลือดเหมือนคลื่นสึนามิ

กรงเล็บขนาดยักษ์ฉีกได้ทุกอย่างยืดยาวออกมาจากเท้า

ผมขนตามร่างแหลมแข็งเหมือนหนามเม่น

ปลายชี้ตรง

ด้วยกฎพลังหนุนเสริมโลกกระดานหมากรุกของตงฟาง  พลังเทพที่ถูกปลดผนึกได้เสริมเพิ่มพลังให้กับอสูรร้ายโดยจิตใจไม่มีการเปลี่ยนแปลง  การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีสิ้นสุดก็คือความเกลียดชังที่มีต่อเย่ว์หยางคู่ต่อสู้คนนี้

มันตวัดกรงเล็บในอากาศตามปกติ

มิติที่กรงเล็บกรีดผ่านแตกเป็นเสี่ยงๆ และสิ่งที่ตามมาก็คือบานประตูที่มองไม่เห็น ด้านบนจารึกสลักลวดลายเครื่องหมายหลุมศพดูลึกลับ

ประตูหนักที่มองไม่เห็นค่อยๆ เปิดออก มีแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและรวมลงในร่างของจางเว่ยในร่างอสูรร้าย แสงเจิดจ้ายิ่งกว่าอาทิตย์ยามเที่ยงวันช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้จางเว่ยอีกสิบเท่าในทันที ก่อนที่เย่ว์หยางจะได้โจมตี ผลกระทบที่เสียหายสลายไปทันที กระดูกสันหลังที่เย่ว์หยางเพิ่งเหยียบใส่มีหนามแหลมงอกยาวขึ้นกลายเป็นเกราะหนาม  ด้านนอกประตู พลังเทพพุ่งออกมาจากในประตูและรวมกับพลังโลกกระดานหมากรุกชั่วคราว  เจตจำนงเทพของจางเว่ยและตงฟางกลายเป็นโซ่เทพที่ไม่สั่นคลอน

“หือ?” จู่ๆ เย่ว์หยางพบสิ่งผิดปกติ

ถูอี้ จางหลางและจางหู่ที่กลายเป็นหุ่นเชิด ทาสสงครามที่อยู่ห่างออกไปหลายพันเมตร ออกมาจากประตูที่มองไม่เห็นทีละตัวๆ

หลังจากที่ผ่านประตูที่มองไม่เห็นนั้นออกมา พลังของพวกมันเพิ่มขึ้น

แม้ว่าจะไม่มากถึงสิบเท่าเหมือนกับจางเว่ย แต่อย่างน้อยพลังเพิ่มขึ้นสามถึงห้าเท่า

นี่คือประตูแบบไหนกัน? ไม่ใช่อาวุธเทพ ไม่ใช่อสูรสมบัติ ไม่ใช้ทั้งทักษะแฝงเร้น  ไม่ใช่สนามพลังคัมภีร์อัญเชิญ มันคือของใดกันแน่?  เย่ว์หยางสามารถยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า เทพประตูมังกรจางเว่ยต้องเกี่ยวข้องกับประตูที่มองไม่เห็นนี้

หลังจากประตูเปิดออก คนแรกที่เริ่มโจมตีไม่ใช่จางเว่ย

แต่เป็นถูอี้

สัตว์ประหลาดทาสสงครามนี้ไม่มีความคิดเป็นของตนเองอีกต่อไป หนอนน่าสมเพชนี้แม้แต่บิดาของเขาก็ยังทิ้งให้เป็นเหยื่อของคนอื่นต่อ

ถูอี้จมลงไปกับพื้น เมื่อลุกขึ้นมาอีกครั้งกลับมีร่างเหมือนเพิ่มขึ้นมาอีกสองร่าง  เนื่องจากทั้งสามร่างมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก  คนอื่นๆ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าร่างใดเป็นร่างหลัก ร่างใดคือร่างแยก  มีแต่สัตว์ประหลาดที่แยกร่างได้ทั้งสามที่น่ารังเกียจดูเหมือนหุ่นที่ทำจากดินโคลนนี้อยู่ต่อหน้าเขา  ถูอี้และร่างแยกทั้งสองพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางพร้อมกันด้วยความเร็วไม่มากนัก   แต่ในโลกกระดานหมากรุก ก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ผ่านระยะทางหมื่นเมตรถึงหน้าเย่ว์หยาง  และส่งผลอิทธิพลต่อเย่ว์หยาง  เขาไม่สามารถถอยหนีได้  ระยะห่างจากศัตรูเพียงก้าวเดียวแต่ไม่สามารถกำจัดมันได้

“ไสหัวไป!

เย่ว์หยางพบว่ากฎของโลกกระดานหมากรุกยังใช้ได้ เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ต่อไป

เขายื่นมือซ้ายเบาๆ

และงอนิ้ว

พลังระเบิดกลมพุ่งออกไปไวกว่าแสง และพุ่งใส่ศีรษะของหุ่นร่างเหมือนหนึ่งในสามที่กำลังวิ่งเข้ามาหากระเด็นออกไปเป็นกิโลเมตร

หุ่นดินโคลนไม่ได้รับความเสียหาย เพียงแต่ไม่มีหัว แต่มีพลังสะท้อนอย่างหนึ่ง เหมือนกับมีเข็มแหลมคมทิ่มแทงร่างกาย  หลังจากที่เย่ว์หยางโจมตีเขาเจ็บปวดทันที  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ หลังศีรษะของเขาเหมือนถูกหวดอย่างแรงด้วยค้อนหมื่นตัน  ดวงตาวิงเวียนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  เย่ว์หยางยื่นมือออกมาแตะหลังศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ และพบว่าหลังศีรษะของเขามีบาดแผลเล็กๆ เกิดขึ้นไม่รู้เมื่อไหร่  ราวกับว่าถูกเทพผู้ทรงพลังโจมตี บาดแผลที่ปรากฏนั้นทำให้เขาอดสับสนไม่ได้

ฉวยโอกาสขณะที่เย่ว์หยางอยู่ในอาการมึนงงช่วงสั้นๆ  ตุ๊กตาดินโคลนอีกสองตัวโบกแขนที่น่าเกลียดร่ายรำอย่างบ้าคลั่งโจมตีเย่ว์หยางที่อยู่ข้างหน้า

“เจ้าคือถูอี้ตัวจริง!  เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์โดยถอย เขาจับหมัดที่ต่อยออกมาจากร่างถูอี้ตัวจริงได้

เผียะ

ตุ้บ

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางรั้งหมดกลับก็พบว่าร่างของเขาเหมือนกับต้องคำสาปที่ร้ายกาจอันตรายบางอย่างที่ไม่สามารถขับออกไปได้ ความอ่อนแอแผ่ไปทั่วที่เอวและขา เขาไอสองครั้งก็ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง  สายลมพัดเฉื่อยเดิมทีให้ความสดชื่นเหมือนลมพัดในฤดูร้อน  แต่ในเวลานี้เย่ว์หยางกลับรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกมีดที่มองไม่เห็นเฉือน อาการเจ็บป่วยนั้นยิ่งกว่าคนป่วยติดเตียงสิบเท่าที่ถูกลมหนาวพัดใส่

อย่าว่าเย่ว์หยางที่ถูกสาป แม้แต่คนดูการต่อสู้ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เย่ว์หยางฝืนถอยและหลบการโจมตีของร่างเหมือนอีกร่างหนึ่งของถูอี้

ที่น่าประหลาดใจคือ จางเว่ยยืนอยู่ด้านหลังของเขา

จางเว่ยที่ปลดปล่อยพลังของตนทั้งได้รับพลังสนับสนุนพิเศษผสานเข้ากับโลกกระดานหมากรุกได้อย่างสมบูรณ์  เขาไม่ได้เริ่มโจมตีอย่างรีบเร่ง  แต่มองไปที่เย่ว์หยางที่อ่อนแอมากและหลั่งเหงื่อมากมาย แม้จะยืนตัวตรงก็ตาม ราวกับนายพรานมองดูเหยื่อที่ติดกับ

“เย่ว์ไตตัน!  ข้าไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะ แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกก็คือ เจ้ายังอ่อนด้อยเกินไป!” กรงเล็บยักษ์ของจางเว่ยกระแทกใส่หลังเย่ว์หยาง ขณะเดียวกันมันส่งเสียงตะคอกจริงจัง “เจ้าได้รับการเลื่อนชั้นเพราะการเสียสละของสหายและหมู่ญาติอย่างเดียว  แต่เจ้ารู้วิธีใช้พลังเทพอย่างแท้จริงหรือ?  เจ้าเข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริงของพลังเทพหรือไม่?  เจ้าไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เลย ไม่มีเวลาทำความเข้าใจ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายพันปี  ไม่ว่าเจ้าจะฉลาดแค่ไหนก็ตาม โดยพื้นฐานแล้ว เจ้าเป็นแค่มดแมลงเจ้าเล่ห์ เจ้าไม่ใช่นักสู้ระดับเทพ เป็นแค่นักรบหอทงเทียนผู้โกรธเกรี้ยวแต่อ่อนแอ เหมือนกับเจ้าตอนนี้!

ทั้งร่างของเย่ว์หยางปลิวออกไปเหมือนกับดาวตก

ในโลกกระดานหมากรุก

ท้องฟ้าและโลกไม่เปลี่ยนแปลง แต่เส้นทางการพุ่งบินมีภูเขาสูงตระหง่านนับไม่ถ้วนขวางอยู่ข้างหน้า ยอดเขาทั้งหมดถูกเย่ว์หยางชนกระแทก

“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น!  ความกระหายเลือดและอำมหิตไม่สิ้นสุดปรากฏอยู่ในดวงตาของจางเว่ย

อสูรร้ายเข้ามาจากประตูที่มองไม่เห็นและแปลกประหลาด

เดี๋ยวก่อน

วินาทีต่อมาเขามาหยุดยืนบนยอดเขาที่เย่ว์หยางชนกระแทกและหยุดอยู่

ขณะที่เขาพร้อมจะใช้ความแข็งแกร่งในร่างทำลายสันเขา ในขณะที่เย่ว์หยางยังไม่รู้สึกตัวและกลายเป็นง่อย  จ้าวภูผาที่กำลังสังเกตการณ์ร้องเตือนขึ้นทันที  “ระวัง นั่นไม่ใช่เย่ว์ไตตัน!

พอได้ยินเช่นนั้นจางเว่ยขมวดคิ้ว

เขารั้งกรงเล็บที่เริ่มจะโจมตีกลับทันที และตั้งท่าระมัดระวัง

สันเขาที่เย่ว์หยางพุ่งชนกลายเป็นภูเขาไฟปะทุเถ้าถ่านลาวาเป็นล้านๆ ตันขึ้นในท้องฟ้าทันที หินก้อนใหญ่เท่าโรงโม่หินลอยขึ้นในอากาศพร้อมกับควันหนาทึบ...  ตงฟางระเบิดควบคุมมุมกระดานหมากรุก  แต่น่าเสียดายที่เย่ว์หยางไม่ได้อยู่ในท่ามกลางส่วนพื้นที่นั้น  ขณะมองไปที่ภูเขาไฟที่มีควันหนาทึบเป็นคลื่น บรรดาเทพและผู้ชมดูต่างสับสน

เย่ว์ไตตันพุ่งทะลุยอดเขาสิบแปดแห่งและยังไม่ออกมา เขาอยู่ไหนกันแน่?

ภูเขาไฟ?

ไม่มีทาง!

ถ้าการฆ่าเจ้าเด็กนี่มันง่ายนัก ตงฟางคงไม่รวบรวมนักสู้ระดับเทพหลายคนไม่จำเป็นต้องลากคนเข้ามาเป็นจำนวนมากก็ได้

จางเว่ยกวาดมือและประตูล่องหนประหลาดปรากฏที่ด้านหลังของเขา ตราบใดที่ยังมีประตู  ไม่ว่าศัตรูจะโจมตีหนักรุนแรงแค่ไหน เขาจะยังยืนยงคงทนได้

พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือนและมีบรรยากาศแปลกประหลาดรุนแรงมากขึ้น  จางเว่ยพบว่าพี่น้องถูซื่อถูว่าน และราชันย์ไร้เทียมทานและผู้ชมดูจากริมทั้งสองด้าน  พวกเขาทั้งหมดมองดูด้วยสายตาเย็นชา เขาอดหันกลับมาทำท่าเยาะเย้ยไม่ได้และเดินเข้าประตูแปลกประหลาดตัดสินใจออกไปก่อนชั่วคราวเพื่อไม่ให้เย่ว์ไตตันซึ่งไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ใดตอบโต้ได้  การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของเขาคนเดียว  ทำไมเขาต้องกังวลกับคนรอบข้างด้วย?  พี่น้องตระกูลถูและจ้าวภูผาต้องการเอาเปรียบเขาหรือ?  ไม่มีทาง!

ขณะที่ร่างของจางเว่ยเข้าไปในประตูล่องหนได้ครึ่งตัวและกำลังจะหายไป

ทันใดนั้นเกิดเรื่องแปลกประหลาดบางอย่าง

เงาที่เป็นไปไม่ได้ปรากฏในประตู.. จางเว่ยถึงกับตาเหลือกเมื่อพบว่าเงาร่างที่ปรากฏในประตูของเขากลับเป็นเย่ว์ไตตันที่หายตัวไปก่อนหน้านั้น  เป็นไปได้อย่างไร?  แม้ว่าจิตสำนึกครึ่งหนึ่งของเขาจะเชื่อมกับตงฟางแต่ไม่สามารถผ่านเข้าประตูไปได้ เย่ว์ไตตันเป็นศัตรูไม่ใช่หรือ?  เขาทำแบบนั้นได้อย่างไร?

สายเกินกว่าจะตั้งตัว

ไม่มีแม้แต่เวลาจะคิด

กระบี่แสงเทพที่ใช้ปกป้องร่างของจางเว่ยถูกทำลาย และเย่ว์หยางทำลายยอดเขาไปสิบยอดใช้เจตจำนงราชันย์ปล่อยสายฟ้าฟาดเข้าที่ใบหน้าของจางเว่ยอย่างรุนแรง

“แทนที่” ด้วยคำสั่งของเขา ปีศาจถูอี้ซึ่งกลายเป็นหุ่นทาสสงครามไปแล้วได้สลับตำแหน่งกับจางเว่ยที่กำลังถูกเย่ว์หยางโจมตี  แต่จ้าวภูผาและมือสังหารเทพถูซื่อได้โอกาสดีที่สุดในการโจมตีเย่ว์หยางที่กำลังทุ่มพลังโจมตีจางเว่ย  แต่กลับเป็นร่างไร้ศีรษะของถูอี้ที่อ่อนแอถูกแทนที่ตำหนักของจางเว่ย ทั้งคู่ฉวยโอกาสอย่างบ้าเลือดทุ่มเทพลังเต็มที่โจมตีเย่ว์หยางจากในประตูล่องหน

เย่ว์หยางไม่ได้ป้องกันพลังโจมตีแต่อย่างใด

แต่

แต่ใครบางคนล้มลงกับพื้นส่งเสียงร้องโหยหวน  เขาไม่ใช่เย่ว์ไตตันที่อยู่ตกอยู่ในโลกกระดานหมากรุก  แต่กลับกลายเป็นเทพสังหารถูว่านที่ไม่ทันได้ระวังตัว

ถูว่านไม่เข้าใจ เขาไม่ได้โจมตีตอแยเย่ว์ไตตันแต่อย่างใด  กระทั่งยังยืนอยู่ห่างๆ และพลังโจมตีของจ้าวภูผามาลงที่เขาได้อย่างไร?  ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?  นี่คือความจริงร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ กระดูกสันหลังหัก นี่คืออาการบ่งบอกถึงความโชคร้ายของเขา

“อ๊า...”  ถูว่านต้องการถามเหตุผล แต่พออ้าปากถามกลับเสียงร้องโหยหวนแทน

“เกิดอะไรขึ้น”  มังกรสองหัวกู่อั๋งที่ดูการต่อสู้ยังไม่เข้าใจ  ตอนแรกเย่ว์ไตตันยังอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบ หลังจากถูกถูซื่อและจ้าวภูผาโจมตีพร้อมกัน แต่ทำไมคนที่ล้มลงจึงกลายเป็นถูว่านที่เป็นคนนอก  เกิดอะไรขึ้นในช่วงวินาทีนี้?  นอกจากนี้ ทำไมเย่ว์ไตตันถึงออกมาจากประตูล่องหนของจางเว่ยได้?

ความอยากรู้อยากเห็นกัดกินหัวใจพวกเขายิ่งกว่างูพิษ  แต่น่าเสียดายที่เป็นไปไม่ได้ที่นัยน์ตาของพวกเขาจะมองเห็นความจริงได้

ผู้ชมทั้งหมด

นอกจากจักรพรรดิอสูรซึ่งแกล้งทำตัวเป็นนักสู้มือใหม่ และภายใต้ผู้ใต้บังคับบัญชา เขาซ่อนตัวจากทุกคน  ทุกคนเงยหน้ามองดูจักรพรรดิอสูร รวมทั้งจางเว่ยที่ตกใจอยู่ในสนามต่อสู้  ในฐานะของเทพประตูมังกร เขาไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ

ที่มุมปากของจักรพรรดิอสูร

มีรอยยิ้มจางๆ

เมื่อความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนกำลังจะระเบิด

เขาพูดคำประหลาดที่คาดไม่ถึง ภูตพราย!

*** *** ***

8 ความคิดเห็น:

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Kokuryu กล่าวว่า...

แหมมมมม ไอ้พวกนี้ยกพวกมาตีแล้วยังปากดี

BJ กล่าวว่า...

คือเร็วมาก?

SorathornBest กล่าวว่า...

รอโชว์เทพอยู่

CHANTANA กล่าวว่า...

ได้ตายกันหมดแน่

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

000 กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

Anunaki กล่าวว่า...

โหดนิดๆให้เหยื่อคิดว่ายังไม่เก่งเท่าไหร่

แสดงความคิดเห็น