วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 383 อาวุธร้ายแรงของสาวลูกครึ่งเอลฟ์


ตอนที่  383  อาวุธร้ายแรงของสาวลูกครึ่งเอลฟ์
 ห้องนอนเจ้านายที่เย่ว์หยางกำลังจะไปใช้ยังสร้างไม่เสร็จดี  เนื่องจากมีของหลายอย่างที่แอนตันเคยใช้มาก่อน

ความจริง ทันทีที่เย่ว์หยางเข้าถือครองทรัพย์สิน  จั๊ดด์จะเปลี่ยนของใหม่ที่สามารถเปลี่ยนให้ได้ทันที เพราะหวังจะรับใช้เจ้านายเขาอย่างจริงใจ

ที่สำคัญที่สุด ในตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของหอการค้าไตตัน  แม้ว่าจะเพิ่งจัดตั้ง ยังไม่เป็นที่รู้จักดีในโลก  แต่จั๊ดด์รู้ก่อนนานแล้ว หอการค้าไตตันจะติด 100 อันดับแรกแน่นอน ไม่ใช่สิ อาจติดถึงหนึ่งในสิบสุดยอดหอการค้าก็ได้  พอเห็นทัศนคติของท่านไตตันที่มีต่อหอการค้าร้อยศึก  จั๊ดด์รู้ว่าเย่ว์หยางไม่ให้ความเกรงใจเสิ่นพ่านที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 เลย  หากไม่มั่นใจในระดับนักสู้ของตน  เขาจะกล้าเข้ามาในป้อมสายฟ้าและชิงสมบัติที่มีค่าหรือ?  ต้องรู้ว่าเจ้าของรังโจร ป้อมสายฟ้าแห่งนี้ก็คือ ฉงนี่เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่ง  มีพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8
น่าแปลกที่ แม้หลังจากเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ถูกสังหาร  เยาถงที่น่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยังไม่กล้าแม้แต่จะผายลม
เขายังแสดงท่าทีกลายๆ ว่าจะคืนทรัพย์สินที่เป็นของไตตันที่เขาได้ชิงไป
ได้เจ้านายที่สง่างามอย่างนั้น ทำไมจั๊ดด์จะต้องกลัวว่าจะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคตด้วยเล่า?
ทางเข้าห้องนอนถูกตกแต่งไว้อย่างฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น  สาวใช้หน้าตาหมดจดยืนรออย่างใจจดใจจ่อ  เมื่อพวกนางเห็นเย่ว์หยางกำลังมา  พวกนางโค้งคำนับและขอตัวจากมา  มีสาวใช้หน้าตาดีสองคนอยู่ในห้อง ก็รีบขอตัวและปิดประตูไม้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เตียงงาช้างกว้างมีเพดานประดับด้วยผ้าไหมลายดอกกุหลาบดิ้นทอง บนเตียงมีรอยนูนเล็กน้อยคลุมด้วยผ้าห่มกำมะหยี่ เหมือนกับว่ามีร่างน้อยๆ อยู่ใต้ผ้าห่มนั้น
พวกนางคงไม่จับหญิงสาวแก้ผ้าจนเปลือย ก่อนปล่อยนางไว้ที่นี่กระมัง?
เย่ว์หยางจำได้ในยุคราชวงศ์ชิง เมื่อใดก็ตามที่ฮ่องเต้ต้องการบรรทมร่วมกับพระสนม  นางจะถูกขันทีจับเปลือยกายและคลุมผ้าห่มไว้ จากนั้นจึงให้ฮ่องเต้ขึ้นเตียงบรรทม  กล่าวกันว่า ถ้าพวกพระสนมไม่ติดสินบนพวกขันที  พวกนางก็จะผ่านเวลาอย่างยากลำบาก  ยกตัวอย่างเช่น ขันทีจะคอยกวนพระทัยฮ่องเต้ให้ทรงงานกลางคืน  ทำให้พระองค์สูญเสียความสนใจจนไม่มีโอกาสเลือกนางสนม  หรือบางทีนางสนมที่ได้รับการโปรดปราน  ขันทีก็จะหาเรื่องปลุกฮ่องเต้แต่เช้า  เพื่อที่ว่านางสนมจะได้พลาดโอกาสสนทนากับฮ่องเต้ นอกจากนี้ก็ยังคงมีเรื่องราวที่ไม่ดี เช่น ทันทีที่นางสนมไม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้  พวกขันทีจะถือโอกาสแก้แค้นโดยใช้วิธีกลั่นแกล้งทรมานที่น่ากลัว ถึงขนาดทำให้คนผมลุกตั้งชันได้
ในความคิดเห็นของเย่ว์หยาง  จักรพรรดิเหล่านี้โง่เขลา
ใครจะรู้กันว่า พวกขันทีมีรสนิยมชมชอบนางสนมไปพร้อมกันหรือไม่?  แม้ว่าพวกขันทีจะใช้การไม่ได้  แต่พวกมันยังจัดสตรีที่พวกมันมีสัมพันธ์กันแล้วไปใกล้ชิดกับฮ่องเต้  ถ้าเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ฮ่องเต้มิถูกสวมหมวกเขียวหรอกหรือ? (เทียบกับสำนวนไทยคือ ถูกสวมเขา)
ถ้าสนมเหล่านี้ปฏิเสธรับใช้ขันที ชีวิตของพวกนางจะจบลงอย่างอนาถ  ด้วยระดับปัญญาของพวกมัน  ทำไมพวกมันจะทำไม่ได้เล่า?
ภายใต้กฎเช่นนี้  ฮ่องเต้ก็เป็นแค่เพียงคนโง่ที่ถูกสวมหมวกเขียว
ดูวิธีที่คนผู้มาจากมิติอื่นกำลังทำ  พวกขันทีถือว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์   ในมิตินี้ ทาสหญิงจะได้รับการฝึกฝนตั้งแต่ยังเป็นทารก  พวกนางจะถูกฝึกให้เป็นทาสหญิงและไม่เคยพบกับบุรุษใดมาก่อนในชีวิตนาง  พวกนางจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในที่ๆ มีแต่สตรีล้วน  และเมื่อพวกนางเติบโตขึ้น  พวกนางจะถูกขายไปพร้อมกับสตรีที่ฝึกฝนพวกนางมารวมเป็นชุดเดียวกัน  บุรุษคนแรกที่พวกนางพบจะเป็นเจ้านายของนาง  และกระบวนการนี้เรียกว่า “เปิดตา”  วิธีรับนางบำเรอเช่นนี้มีประสิทธิภาพมาก ยังดีกว่าพิธีเลือกนางสนมของฮ่องเต้มากมายนัก  ตามหลักการ แม้ว่านางบำเรอยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์  พวกนางก็ยังจะต้องได้รับการฝึกฝนทักษะอื่นๆ  ดังนั้น ฮ่องเต้ในยุคเก่าก่อนจึงตกเป็นเหยื่อสวมหมวกเขียวอย่างน่าเศร้า
 “นายท่านหรือเปล่า?  บ่าวง่วงนอนจึงเผลอหลับไป” น้ำเสียงที่ใสชัดเจนดังออกมาจากใต้ผ้าห่ม
หลังจากนั้น ร่างที่มีผิวขาวดุจหิมะลุกขึ้นนั่งบนเตียง
ทาสสตรีหมอบกราบเย่ว์หยางด้วยความเคารพ  แม้ว่าร่างของนางจะมีผ้าคลุม  แต่เย่ว์หยางก็มองเห็นอาวุธร้ายแรงมหึมาทรงพลังของนางได้ชัดเจน
ขณะที่นางกำลังหมอบนอบน้อมอยู่บนเตียง  อาวุธมนุษย์ที่ร้ายแรงกดทับกับเตียงมองเห็นเป็นร่องลึก
แม้แต่คนที่ใจเย็นอย่างเย่ว์หยางก็ยังทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก
อาวุธร้ายแรงนี้สามารถฆ่าคนได้แน่นอน
เย่ว์หยางไม่รู้จะทำยังไงในตอนแรก  แต่ก็เริ่มปลดผ้าคลุมหน้าของนาง ต้องการดูสาวลูกครึ่งเอลฟ์หน้าเด็กอกโตที่จัดมาเพื่อเขา  ผิวเปล่งปลั่งของนางขาวจัดพอๆ กับผ้าห่มสีขาวหิมะที่ทำจากขนหงส์ขาว เป็นประกายและแทบจะโปร่งแสง ไม่มีตำหนิอยู่บนผิวนาง ดูแล้วเปราะบางเหมือนจะแตกหักได้ทุกเมื่อ  ดูเหมือนสตรีที่จัดการฝึกฝนทาสหญิงผู้นี้จะเข้าใจวิธีที่ทำให้สตรีแสดงออกอย่างมีเสน่ห์จริงๆ ถ้าพวกนางฝึกฝนสาวลูกครึ่งเอลฟ์นี้ให้เปลือยกายอย่างเดียว  เสน่ห์ของนางคงลดลงอย่างมาก  อาจจะทำให้เย่วหยางสุดยอดบุรุษลามกขัดใจได้ง่ายดาย   เสน่ห์ที่แท้จริงจะอยู่ภายในสิ่งที่ละเอียดอ่อน  ตรงจุดนี้สาวลูกครึ่งเอลฟ์ได้นำมาใช้เป็นอย่างมาก
นางไม่มีเสื้อผ้าปกปิดกาย  แต่มีผ้าแพรบางแนบเนื้อนาง ปกปิดส่วนลับส่วนสำคัญของร่างกาย
ภายใต้การปกปิดของผ้าแพร  ร่างของสาวลูกครึ่งเอลฟ์มิเพียงเพิ่มเสน่ห์ขึ้นเท่านั้น  แต่นางยังดูน่าหลงใหลถึงสิบเท่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาวุธมหาประลัยคู่นั้นตรงหน้าอกนาง ที่เห็นมันถูกผ้าแพรรัดไว้แน่นสามารถพอจะฆ่าบุรุษได้
เย่ว์หยางมองเห็นหน้าอกที่เด้งหรือสั่นไหวเมื่อเขาต้องการ
สองเต้าคู่นั้นมีพลังอำนาจแน่นอน ถึงขนาดจัดเป็นดินแดนสูงสุด
เรือนร่างเพรียวบางของนางเอลฟ์, มีสัดส่วนเว้าโค้งอย่างมนุษย์ และมีใบหน้าดุจเทพธิดา  ทั้งหมดนี้ประสมประสานรวมกันอยู่ในตัวสาวลูกครึ่งเอลฟ์
สาวลูกครึ่งเอลฟ์ที่มีผ้าแพรบางคลุมหน้าย่นจมูกนางเล็กน้อย  นางมีใบหน้าที่หวานและไร้เดียงสา ริมฝีปากที่อวบอิ่มคลี่ยิ้มกล่าวว่า “ท่านคือนายของข้าใช่ไหม? ข้ามีความสุขจริงๆ ที่เจ้านายข้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ท่านมีกลิ่นดียิ่ง  ข้าจะจดจำไว้ในใจและจะไม่มีวันลืม”
 “รู้ได้ยังไงว่าข้าคือนายของเจ้า? รู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด?”  เย่ว์หยางประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินนางพูด  เด็กสาวคนนี้มีความสามารถรู้จักเขาโดยผ่านกลิ่นกระนั้นหรือ?
 “ท่านยายข้าจากตำหนักนารีบอกข้าว่า ข้าจะต้องจากตำหนักไปวันนี้  เจ้านายข้าเป็นบุรุษที่ใจดี ไม่ย่อท้อเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด  นายท่าน, ท่านซ่อนความสามารถไว้ได้ดีจริงๆ  ข้ามีทักษะแฝงเร้นรับรู้กลิ่น  ดังนั้นข้าจึงจำแนกท่านได้  แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจขอบเขตพลังเต็มที่ของท่าน  แต่ข้าเห็นว่านายท่านเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แข็งแกร่ง  ไม่ว่าท่านจะใช่เจ้านายของข้าจริงๆ หรือไม่  ตั้งแต่วันที่ข้าจดจำกลิ่นของท่านไว้  ท่านจะเป็นเจ้านายของข้าตลอดไป  ความทรงจำนายบ่าวจะใช้งานได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต  บางคนเลือกความทรงจำผ่านสายตา  แต่ข้ารู้สึกว่าบางครั้งสายตาก็หลอกตัวเองได้  ดังนั้นข้าตัดสินใจใช้ความทรงจำจากกลิ่น  กลิ่นจะไม่มีทางหลอกลวงคนอื่นได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม  เพราะมันออกมาจากร่างของผู้นั้น  นอกจากนี้มันยังประเมินความแข็งแกร่งของคนได้ และอื่นๆ อีกมาก”  สาวลูกครึ่งเอลฟ์ที่ถูกคลุมตาดูเหมือนจะครอบครองทักษะแฝงเร้นเช่นนั้น  อย่างน้อยที่สุด ทักษะประจำตัวของนางไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีได้
 “เจ้ารู้จักชื่อข้าไหม?”  เย่ว์หยางถาม
 “ไม่เลย แต่กลิ่นของนายท่าน เป็นเหมือนชื่อสำหรับข้า”  สาวลูกครึ่งเอลฟ์คำนับอย่างสุภาพ  เมื่อนางหมอบตัวลง ปรากฏเห็นหลังที่เรียบลื่นโค้งเป็นประกายของนาง  นางงดงามมาก แม้แต่บุรุษเรื่องมากที่สุดในโลก ก็ยังไม่อาจหาข้อบกพร่องบนร่างกายนาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบั้นท้ายที่กลมกลึงเหมือนดวงจันทร์ของนาง  เมื่อนางหมอบตัวลง บั้นท้ายก็หกสูงขึ้นขับเน้นให้นางดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น
ผ้าเบาบางที่พันรอบตัวนางนั้น พันรอบสะโพกและปิดบังส่วนลับของร่างกายข้างหน้า  ส่วนที่เหลือให้จินตนาการอาจทำให้บุรุษที่คิดจริงจังถึงกับเลือดเดือดได้
กลิ่นอะไรก็สู้กลิ่นสาวบริสุทธิ์ไม่ได้  จู่ๆ ทั้งห้องก็ให้ความรู้สึกที่แสนวิเศษ  เหมือนกับว่าวิญญาณของเย่ว์หยางถูกจุดไฟลุกลามไปทั้งตัว... เย่ว์หยางแม้มีความอดกลั้นสูงมาก เขายังไม่ทำอะไร ได้แต่กำหมัดแน่น พยายามสงบใจที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งของเขา
ถ้ามีใครบอกว่าสาวลูกครึ่งเอลฟ์ไม่มีความเย้ายวนพอ แสดงว่าพวกเขากำลังโกหก
ใบหน้าที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาควบคู่กับเรือนร่างที่มีเสน่ห์มีความแตกต่างชัดเจนมาก กลายเป็นสิ่งที่น่าลุ่มหลงไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม  เย่ว์หยางไม่ใช่คนโง่ที่กระโดดตะครุบสตรีคนใดก็ได้ที่คนอื่นจัดหามาให้  เขาจะค้นหาแรงจูงใจของสตรีนางนั้นจนถึงที่สุด
 “เจ้ามีคัมภีร์อัญเชิญไหม?”   เย่ว์หยางต้องการถามเกี่ยวกับผู้ที่เป็นยายจากตำหนักนารี  แต่หลังจากคิดได้ เขาเปลี่ยนคำถามเป็นถามถึงคัมภีร์อัญเชิญแทน
 “ไม่, แต่ท่านยายจะค้นหาทักษะแฝงเร้นของพวกเราแต่ละคนและฝึกพวกเรา  ทักษะแฝงเร้นของข้าคือประสาทรับรู้กลิ่นและอสูรของข้าคือผีเสื้อเจ้าเสน่ห์ อสูรทองแดงระดับ 2  แม้ว่าจะไม่ค่อยมีพลังมากนัก แต่มันสามารถช่วยให้ข้าบินได้ในช่วงเวลาสั้นๆ มันช่วยให้ข้าทำอะไรอย่างอื่นอีกมาก”  สาวลูกครึ่งเอลฟ์พยักหน้าตอบเย่ว์หยางอย่างว่าง่าย
 “ถ้าข้าให้เจ้าเลือกได้หนึ่งข้อ  เจ้าจะเลือกเป็นอิสระหรือจะเป็นทาสหญิงที่คอยรับใช้ข้าตลอดไป?”  จู่ๆ เย่ว์หยางก็ถามทันที
 “ท่านคือเจ้านายข้าเรียบร้อยแล้ว  ถ้าข้าถูกทอดทิ้ง  ข้าจะฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของข้า  มีคำพูดกล่าวกันในหอทงเทียนว่า “สตรีมีชื่อจะไม่แต่งงานครั้งที่สอง  ผู้รับใช้ที่ภักดี จะไม่รับใช้เจ้านายคนที่สอง” ถ้านายท่านไม่เชื่อใจบ่าวผู้นี้  โปรดฆ่าบ่าวเถิด”  สาวลูกครึ่งเอลฟ์ยื่นแขนเรียวงามของนางออกมาข้างหน้า
นิ้วมือละเอียดอ่อนของนางเหมือนกับดอกลิลลี่
แม้ว่ามือคู่มือจะไม่ได้สวยที่สุดในโลก  แต่ก็เป็นคู่มือที่ดีที่สุดแน่นอน
เป็นไปได้อย่างไรที่มือคู่นี้จะสามารถปรุงอาหารได้?
นางยังมีความสามารถในการตัดเย็บและทำหัตถกรรมด้วยหรือ?
รังสีอำมหิตปรากฏวาบในดวงตาของเย่ว์หยาง  เขาชักดาบจันทร์เสี้ยวออกมา และสะบัดดาบฟันใส่ศีรษะของสาวลูกครึ่งเอลฟ์
ด้วยพลังดาบจันทร์เสี้ยวชั้นแพลตตินัม อย่าว่าแต่สาวลูกครึ่งเอลฟ์ที่อ่อนแอมีพลังเทียบเท่านักสู้ระดับ 3 เลย  ต่อให้เป็นชั้นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็คงถูกฟันเสียชีวิตทันที
อย่างไรก็ตาม สาวลูกครึ่งเอลฟ์ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวให้เห็น
แม้เมื่อรังสีฆ่าฟันของเย่ว์หยางจะแทรกเข้าไปในตัวนางจนทำให้นางหายใจไม่ออก
คุณลักษณะที่ละเอียดอ่อนของนางปรากฏอยู่ในสีหน้าที่จริงใจ  ขณะที่นางค่อยๆ เผยรอยยิ้ม เหมือนกับว่านางต้องการจากเจ้านายนางไปด้วยรอยยิ้มสุดท้ายที่งดงามที่สุด  ต่อให้ฆ่านางตายทันทีก็ตาม ดูเหมือนนางจะไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด  ดาบจันทร์เสี้ยวเป็นประกาย  แต่แทนที่จะปรากฏเลือดสาดกระจายทั่วเตียง  มันแค่ตัดผ้าที่คลุมปิดตานางออกอย่างนุ่มนวล  ผ้าแพรไหมฉีกขาดครึ่งตกอยู่บนเตียง
สาวลูกครึ่งเอลฟ์ใช้นิ้วปิดตานางและค่อยๆ ลูบนัยน์ตานาง
นางค่อยๆ เผยยิ้มที่บริสุทธิ์เหมือนกับดอกไม้ที่ค่อยๆ คลี่บานในยามเช้า  จากนั้นหัวเราะเสียงใสชัดเจนเหมือนน้ำพุ “ขอบคุณนายท่านที่เปิดนัยน์ตาข้า บ่าว, บ่าวของท่านสามารถเห็นรูปร่างท่านในเดี๋ยวนี้แล้ว แม้ว่าท่านจะสวมหน้ากาก  แต่บ่าวก็เห็นลักษณะของท่านได้ในที่สุด  ลักษณะของท่านดูเหมือนกับกลิ่นของท่าน”
 “เจ้าจะจดจำลักษณะปัจจุบันของข้าตลอดไปหรือ?”  เย่ว์หยางเคาะหน้ากากเจมินี่ขณะถามนาง
 “ไม่, ระหว่างเปิดดวงตา ลักษณะทั้งหมดของนายท่านจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำของบ่าว  ต่อให้นายท่านแต่งหน้าปลอมตัวหรือสวมหน้ากากก็ไม่มีประโยชน์”   สาวลูกครึ่งเอลฟ์ใช้ดวงตากลมโตสีฟ้ามองดูเย่ว์หยางโดยไม่กระพริบตา  นางเก็บเศษผ้าแพรไหมที่ถูกฟันขาด และคืนให้เย่ว์หยางดู  เมื่อเย่ว์หยางดู เขาพบว่ามีวงเวทอักษรรูนสวรรค์เขียนอยู่บนผ้าแพรไหมนั้น  เขาอึ้งทำอะไรไม่ถูก  ดูเหมือนในหอทงเทียนจะมีคนที่มีความสามารถอยู่มาก  แม่เฒ่าผู้นั้นฝึกสาวใช้ผู้นี้ให้เข้าใจภาษารูนสวรรค์ได้  ดูเหมือนนางคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา
 “เจ้าชื่ออะไร?”  เย่ว์หยางเก็บแพรไหมที่ถูกฟันขาดโยนออกไป  เขาสามารถจดจำวงเวทอักษรรูนสวรรค์ได้ทั้งหมด  แต่จัดเรียงตรงไปตรงมา คุ้มค่าต่อการค้นคว้าในอนาคต
 “เราหญิงรับใช้ในตำหนักนารี ไม่มีชื่อ โปรดประทานชื่อให้บ่าวเถิด นายท่าน!” สาวลูกครึ่งเอลฟ์เงยหน้ามองเย่ว์หยาง ดูเหมือนแมวที่เชื่องเชื่อต้องการความเอาใจใส่จากเจ้านายมัน
แม้ว่าเย่ว์หยางพยายามหักห้ามความต้องการของเขาอย่างหนัก  เขาเกือบจะยื่นมือออกไปลูบคอนางเสียแล้ว
ถ้าเขาแตะต้องนางแม้แต่นิดเดียว ก็คงมิอาจข่มกลั้นได้ง่ายๆ อีกต่อไป
เป็นเรื่องง่ายที่จะตั้งชื่อให้นาง  เย่ว์หยางเกือบตะโกนออกไปว่า “แต่นี้ไปเจ้าชื่อ โซระ อาโออิ” แต่หลังจากคิดดูแล้ว เขาตัดสินใจเก็บชื่อ “โซระ อาโออิ” เอาไว้ในความทรงจำของเขา
ถ้านางไม่ใช่ชื่อโซระ อาโออิ อย่างนั้นเขาควรตั้งชื่อให้นางว่าไงดี?
สิบนาทีต่อมา
เย่ว์หยางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์กอดหญิงงามอู๋เหินทันทีที่กลับมาและรีบอุ้มนางไปที่เตียง
หญิงงามอู๋เหินบอกใบ้ว่าเย่ว์ซวงยังไม่หลับสนิทดี  เมื่อนางเห็นว่าเสื้อผ้าของนางหลุดลุ่ยหมดแล้ว  นางถามเย่ว์หยางอายๆ ว่า “เจ้าไปถูกใครยั่วยวนมา?”
เย่ว์หยางโน้มตัวลงจูบสาวงาม “ข้ายังไม่มีเวลาบอกเล่าตอนนี้...”

17 ความคิดเห็น:

serialnu กล่าวว่า...

สติแตกเลยละสิอีนังเย่ว

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

เปา กล่าวว่า...

555. โอ้ย

Minamoto กล่าวว่า...

555+ ขอบคุณครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nekobaka กล่าวว่า...

ชื่อที่ตั้งนี่แบบ....=3=

Art กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

เสี่ยนเลยไอ้ใส้ตัน.....

Unknown กล่าวว่า...

เสี่ยนเลยไอ้ใส้ตัน.....

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Lucky กล่าวว่า...

อดทนอดกลั้นได้สุดยอดมากเฮียหยาง. ถึงกับรีบกลับมาจัดอู๋เหินเลยทีเดียว55555

8lek8 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

555555 เมียนี้ก็รู้ใจจริงๆ มาแนวนี้รู้เลย 555

Nopanser Kung กล่าวว่า...

โอ้ ~ ได้เอลฟ์โนตมมาเป็นสมาชิกใหม่แล้วสินะ เย่ว์หยางยังไม่ทันได้ทำอะไร
เธอก็ปักธงตัวเองซะเรียบร้อยมิดด้ามยันใบธงขนาดนี้ สุดยอดไปเลย~ ฮิฮิ

ป.ล. 55555+ งานเข้าอู๋เหินซะแล้ว โดนจัดหนัก!! แน่เธอ ~

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น