วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 1-23 ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน (2)


ตอนที่  1-23  ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน (2)
 “ลินลี่ย์!  เจ้ารู้สึกได้หรือเปล่า?”  เสียงของเดลิน โคเวิร์ทดังขึ้นในใจของลินลี่ย์อย่างนุ่มนวล

 “ปู่เดลิน!  ข้ารู้สึกได้ มีจุดแสงสีธาตุดินอยู่มากมาย มากเหลือเกิน  มันรวมกลุ่มหนาแน่นหลายพัน ไม่สิ หลายหมื่น  จุดแสงสีดินนับร้อยลอยผ่านมือข้าไป  มีมากมายเหลือเกิน”  ขณะที่รู้สึกได้ถึงจุดแสงสีดินจำนวนมหาศาลลอยอยู่รอบๆ ตัวเขา  ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุขมาก

พอได้ยินข่าวเช่นนี้ เดลิน โคเวิร์ทมีความสุขทันที
 “ดีมาก, ตอนนี้ ค่อยๆ ทำตามที่ข้าพูด อย่าเพิ่งคิดถึงอะไรอื่น สงบนิ่งไว้...”  เดลิน โคเวิร์ททำเสียงงึมงำเกือบจะคล้ายสะกดจิต ช่วยให้ลินลี่ย์อยู่ในสภาวะเป็นสมาธิ  ขณะเดียวกันเขาปล่อยการควบคุมที่เขาควบคุมธาตุดินอยู่  ทันใดนั้น ธาตุดินรอบๆ ตัวพวกเขากลับคืนสู่สภาวะปกติ
หลังจากออกจากสมาธิแล้ว  ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาเต็มไปด้วยพลังงาน แตกต่างจากเมื่อก่อน  แม้ขณะที่ตื่นเต็มตัวแล้ว  ลินลี่ย์ยังรู้สึกเหมือนกับว่าเขายังสามารถรู้สึกถึงความแนบแน่นจากแก่นธาตุดินรอบๆ ตัว  แม้ว่าเขาจะไม่สามารถรู้สึกถึงแก่นธาตุดินเหล่านั้นได้ชัดเหมือนเมื่อตอนเข้าสมาธิก็ตาม
 “ปู่เดลิน!  ข้ายังคงรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของจุดแสงสีดินเหล่านั้นได้  จริงๆ นะ!  แม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ชัดก็เถอะ  แต่ข้ายังรู้สึกถึงพวกมันได้”  ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นมาก
นี่คือก้าวแรกเข้าสู่โลกเวทมนตร์ของเขา  ลินลี่ย์เต็มไปด้วยความรู้สึกอัศจรรย์
 “เจ้าพูดอะไร?  เจ้ายังรู้สึกถึงมันได้หรือ?”  เดลิน โคเวิร์ทประหลาดใจมาก  เพราะตอนนี้ความหนาแน่นของธาตุดินบริสุทธิ์กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว  และลินลี่ย์ไม่ได้อยู่ในสภาวะทำสมาธิต่อไปแล้ว  ถ้าเขายังสามารถรู้สึกถึงธาตุดินบริสุทธิ์ใกล้เคียงได้  ทั้งที่ยังตื่นอยู่... อย่างนั้นเขาก็มีความผูกพันกับธาตุดินแน่นอน
 “ปู่เดลิน!  ทำไมท่านไม่พูดล่ะ?  พลังความสัมพันธ์ของข้าที่มีต่อธาตุดินบริสุทธิ์เป็นอย่างไร?”  ลินลี่ย์ชักประหม่า
ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าเขาทำได้ดีหรือไม่ดี
 “ดีสิ, ดีมากเลย, ความสัมพันธ์ของเจ้ากับธาตุดินบริสุทธิ์อยู่ในระดับที่สูงมาก”  หน้าของเดลิน โคเวิร์ทประดับด้วยรอยยิ้ม  “เท่าที่ข้ารู้  บางทีอาจมีนักเวทเพียงหนึ่งในพันที่มีความสัมพันธ์กับธาตุดินบริสุทธิ์เหมือนกับเจ้า”
ลินลี่ย์รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัว   เขาตื่นเต้นมากจนไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
 “แต่ว่าตามธรรมดาแล้ว ธาตุสัมพันธ์เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่ง  พลังจิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด  ถ้ามีเวลาฝึกมากพอ พลังเวท (มานา) จะเสริมความแข็งแกร่งตามธรรมชาติ  แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะพัฒนาพลังจิตวิญญาณของจอมเวทได้” เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างจริงจัง
ลินลี่ย์สูดลมหายใจลึกและพยักหน้า
 “ตอนนี้ ได้เวลาทดสอบส่วนที่สอง ก็คือทดสอบพลังจิตวิญญาณของเจ้า”  เดลิน โคเวิร์ทมองดูลินลี่ย์อย่างเคร่งขรึม
ลินลี่ย์รู้เช่นกันว่าการทดสอบพลังจิตวิญญาณเป็นส่วนที่สำคัญมาก
 “ปู่เดลิน!  ท่านต้องการทำอะไร?”  ลินลี่ย์จ้องเดลิน โคเวิร์ทเตรียมสภาพจิตใจตนเอง
 “ไม่มีอะไรเลย”  เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ
 “อื๋อ...” ลินลี่ย์สะดุ้ง
 “ข้าคือวิญญาณของแหวนมังกรขนด  ขณะที่เจ้าเป็นเจ้าของแหวนมังกรขนด  โดยรวมแล้วข้าสามารถรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณของเจ้า!  ไม่จำเป็นต้องทดสอบอะไรเลย ข้าสามารถบอกเจ้าได้เดี๋ยวนี้”  เดลิน โคเวิร์ทยิ้มให้ลินลี่ย์
 “ข้า... พลังวิญญาณข้าเป็นยังไง?  ลินลี่ย์กลั้นหายใจ
ความเข้มแข็งหรืออ่อนแอของพลังวิญญาณบุคคล สามารถกำหนดชะตากรรมผู้คนได้
 “ในเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า พลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งมากกว่าเด็กทั่วไปถึงสิบเท่า” เดลิน โคเวิร์ทยิ้มขณะพูด
ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นในใจ  สิบเท่า!
นั่นไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย
แต่เดลิน โคเวิร์ทพูดต่อ “ว่ากันโดยทั่วไป มีคนเพียงหนึ่งในพันจึงจะสามารถเป็นจอมเวทได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพราะมีความต้องการมาตรฐานที่สูง  เมื่อว่ากันถึงเรื่องพลังจิตวิญญาณ  ความต้องการขั้นต่ำสุดสำหรับคนที่จะเป็นจอมเวทได้จะต้องมีพลังจิตวิญญาณมากกว่าคนปกติในวัยเดียวกันถึงห้าเท่า  เจ้ามีสิบเท่าก็อยู่ประมาณกลางๆ พอๆ กับจอมเวทโดยทั่วไปนั่นแหละ”
ความตื่นเต้นของลินลี่ย์เมื่อก่อนนี้หดหายลงในทันใด
 “ถ้าเป็นคนอื่นมาสอนเจ้า อย่างมากเจ้าก็เป็นจอมเวทระดับห้า หรือระดับหก  อย่างไรก็ตาม... เนื่องจากคนที่สอนเจ้าก็คือข้า  สถานการณ์ย่อมแตกต่างออกไป”  เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราอย่างพอใจ มีท่าทีมั่นใจในตนเองอยู่ในสายตาเขา
ทันใดนั้นลินลี่ย์ก็สำนึกได้เหมือนกัน
ถูกแล้ว เดลิน โคเวิร์ทเป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน
 “ตราบใดที่เจ้าฝึกฝนอย่างหนัก, ลินลี่ย์! ข้ามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเจ้าสามารถไปถึงระดับแปดได้  แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าจะกลายเป็นจอมเวทระดับเก้า หรือแม้แต่จอมเวทระดับเซียน? นั่นขึ้นอยู่กับความเข้าใจและประสบการณ์ของเจ้าเอง”  เดลิน โคเวิร์ทพูดจริงจัง  “ถ้าเจ้าไม่ฝึกฝนให้หนัก ข้าเกรงว่าเจ้าอาจจะไม่ได้เป็นกระทั่งจอมเวทระดับหกด้วยซ้ำ  ถึงตอนนั้นเจ้าจะโทษใครอื่นไม่ได้”
มีอาจารย์สอนเวทที่ดีนั่นเป็นแค่ความสมดุลส่วนหนึ่ง
ส่วนที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นความเพียรพยายามของผู้ฝึกฝน
 “ปู่เดลิน, โปรดอย่ากังวล  ข้าจะไม่ทำให้ท่านหรือบิดาข้า หรือกระทั่งตระกูลบาลุคต้องผิดหวังในตัวข้า”  ตอนนี้เอง จิตใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยภาพป้ายบูชาวิญญาณของหอบรรพบุรุษเหมือนอยู่ต่อหน้า  และชื่อ ประวัติเรื่องราวของท่านถูกสลักไว้ข้างหลัง
เพื่อฟื้นฟูความรุ่งเรืองของตระกูลบาลุคในอดีตกลับคืนมา
ลินลี่ย์รู้สึกว่าในอกของเขาร้อนระอุ
 “ดีแล้ว  เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ ข้าจะเริ่มสอนเจ้า”  เดลิน โคเวิร์ทมองดูลินลี่ย์  ตาของเขาแวววาว  ตอนนี้ตัวของเดลิน โคเวิร์ทมีความมั่นใจในตนเองและความภูมิใจในฐานะที่เป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน
….
พอวันถัดมา ลินลี่ย์ก็เริ่มใช้ชีวิตที่ยากลำบากยิ่งขึ้น
เขาไม่อาจเปิดเผยความดำรงคงอยู่ของเดลิน โคเวิร์ทให้บิดาเขารู้ได้  ทุกๆ เช้าและเย็น  เขายังต้องไปฝึกฝนร่างกายตามปกติ  ขณะที่ตอนสายเขาจะเล่าเรียนกับบิดาเรื่องการเมือง, ศาสนา, พิธีกรรมทางศาสนา, สงคราม, ภูมิศาสตร์, ศิลปะและบทเรียนอื่นๆ
มีเพียงในตอนบ่าย ช่วงที่มีเวลาว่างก่อนนั้น  ลินลี่ย์จะไปภูเขาอู่ซันทางทิศตะวันออกของเมือง  ซ่อนตัวอยู่ในที่เงียบสงบ และเริ่มเรียนเวทมนตร์พื้นฐานภายใต้คำแนะนำของเดลิน โคเวิร์ท  เขาเรียนหนัก ขณะที่เข้าสมาธิเพื่อดูดซับและสร้างพลังเวท
นอกจากนี้ ในแต่ละวันหลังจากอาหารค่ำแล้ว ลินลี่ย์จะใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฝึกสมาธิ
ทุกๆ วัน ลินลี่ย์จะมีเวลานอนเพียงหกชั่วโมง  เวลาทั้งหมดเขาใช้ในการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรง, ศึกษาหาความรู้, เรียนวิชาเวทมนตร์และฝึกสมาธิ  มีเวลานอนวันละหกชั่วโมง ถ้าว่ากันตามตรงแล้วถือว่าพักผ่อนไม่พอ  ความจริง การฝึกเข้าสมาธิ ต้องใช้ความพยายามมาก มากกว่าการใช้ชีวิตปกติของคนทั้งหมด  ทุกๆวันลินลี่ย์จึงหลับสนิทในช่วงหกชั่วโมงเหล่านั้น
เขาใช้เวลาอย่างเต็มที่
เมื่อเวลาผ่านไปเช่นนี้วันแล้ววันเล่า  ลินลี่ย์มีความก้าวหน้าเด่นชัดมาก ถึงขนาดที่ไม่ใช่แค่เพียงก้าวหน้าเท่านั้น  แต่ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์กันเลยทีเดียว
ขณะที่เขาฝึกฝนอย่างหนัก....
เขามีประสบการณ์ดื่มด่ำกับการดูดซับแก่นธาตุบริสุทธิ์เข้าในตัว จากนั้นเปลื่ยนมันเป็นพลังเวท
เขามีประสบการเป็นครั้งแรกที่เข้าสมาธิในระดับลึกจนแทบขาดสำนึกรับรู้
เขามีประสบการณ์ครั้งแรกกับการแสดงเวทสายธาตุดินที่น่าตื่นเต้น  แม้จะไม่มีอะไรมากไปกว่าสร้างหลาวธาตุดินเล่มหนึ่งที่สูงเพียงยี่สิบเซนติเมตรเท่านั้นก็ตาม
…..
ฝึกฝนอย่างหนักวันแล้ววันเล่า
ความเพียรพยายามและระดับความเร็วของความก้าวหน้าของลินลี่ย์ ทำให้แม้แต่เดลิน โคเวิร์ทจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนอายุห้าพันปียังต้องถอนหายใจด้วยความอัศจรรย์ใจ
เนื่องจากลินลี่ย์ฝึกฝนออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน  ร่างกายของลินลี่ย์จึงมีแต่จะแข็งแรงมากยิ่งขึ้น  เพราะเขาเข้าสมาธิได้บ่อยและดูดซับแก่นธาตุดิน  ลินลี่ย์จึงกลายเป็นคนสงบและใจเย็นมากยิ่งขึ้น  การเปลี่ยนแปลงของลินลี่ย์ยังทำให้ฮ็อกบิดาของเขาและฮิลแมนถึงกับทึ่งและดีใจ
….
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป และฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน  ชั่วพริบตาเดียว ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
มีเวลาเหลือเพียงอีกหนึ่งเดือนก่อนที่จะมีการทดสอบความถนัดทางเวทและการสรรหาจอมเวท
ในหอบรรพบุรุษภายในคฤหาสน์ตระกูลบาลุค
 “เฮ้อ, ทำความสะอาดเสร็จหมดแล้ว ได้เวลาไปฝึกเวทเพิ่มเติมเสียที  เมื่อวานนี้ เราวิธีทำดินสั่นสะเทือนได้สำเร็จแล้ว มันยอดมาก”  ตอนนี้ ลินลี่ย์อารมณ์ดีมาก  เขารีบออกมาจากหอบรรพบุรุษและปิดประตู
พอเดินบนกระเบื้องสีฟ้า ก้าวไปตามทางเดินศิลา  ฝีเท้าของลินลี่ย์มั่นคงและรวดเร็วมาก แต่มีเสียงเล็กน้อยเท่านั้น
นี่คือความสามารถที่นักเวทสายธาตุดินทุกคนจะพึงมีกัน  เพราะพลังของพวกเขาได้มาจากธาตุดินนั่นเอง  พวกเขาสามารถซ่อนเสียงฝีเท้าของพวกเขาได้ทั้งหมด
 “เอ๊ะ?”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
หูของเขากระตุกขณะที่เขาหันไปมองอาคารที่อยู่ห่างออกไป  “เราได้ยินเสียงบางอย่าง?”  ทันใดนั้นเขาแอบย่องไปที่ตำแหน่งนั้น  ฝีเท้าของเขาแทบจะไม่มีเสียง  ปกติขณะที่เขาเดินไปตามธรรมดา  เขาก็สามารถซ่อนเสียงฝีเท้าได้อยู่แล้ว  ตอนนี้เขาจงใจปกปิดเสียงฝีเท้าโดยตรง  ก็ทำให้แทบไม่มีเสียง
เขาย่องเข้าไปใกล้ทีละก้าว
เมื่อลินลี่ย์ไปถึงประตูอาคารและแอบดูข้างใน
 “อะไรนั่น?” ตาของลินลี่ย์เบิกกว้าง
เขาเห็นหนูสีดำยาว 20 เซนติเมตรกำลังแทะกินเศษหิน  และจากนั้นในชั่วพริบตา หนูสีดำก็ปรากฏห่างออกไปอีกหลายสิบเมตรในตำแหน่งต่างและเริ่มแทะแผ่นกระเบื้องสีฟ้า  ขนของหนูดำนั้นดูนุ่มมาก  และดวงตาของมันใสซื่อ  และอุ้งเท้าของมันมีขนปกคลุม  พูดอีกอย่างก็คือ มันน่ารักมาก
มันกระโดดไปมารอบๆ ด้วยขาหลังอย่างสนุกสนาน
 “หนูตัวน้อยนี่ช่างน่ารักนัก และมันยังเร็วเหลือเชื่อ” ลินลี่ย์แอบมองที่ช่องประตู และลอบอุทานออกมา
หนูส่วนใหญ่จะไม่มีตัวขนาดนั้น  และหนูโดยส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ที่น่าขยะแขยง  แต่หนูตัวนี้ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก  ตาของมันเหมือนจะสื่อความหมายคล้ายกับพูดได้  ที่สำคัญที่สุดคือ มันเร็วเหลือเชื่อ
 “ความเร็วขนาดนั้น พนันได้เลยว่าลุงฮิลแมน นักรบระดับหกก็มิอาจจับมันได้  มันเร็วมากขนาดนั้นได้ยังไง?” พอเห็นหนูน่ารักเคลื่อนห่างออกไปหลายสิบเมตรในชั่วพริบตา  ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจ
เดลิน โคเวิร์ทลอยออกมาจากในแหวนมังกรขนาด  ยืนอยู่ข้างลินลี่ย์  เขามองดูหนูตัวสีดำด้วยความประหลาดใจ  “สัตว์อสูรเวท หนูเงาหรือนี่?  ดูจากขนาดแล้ว มันยังเป็นลูกหนูเงาอยู่เลย”
 “อสูรเวท? หนูเงา? มันใหญ่มาก! ยังจะเป็นลูกหนูได้ยังไง?”  ลินลี่ย์จ้องมองเดลิน โคเวิร์ทด้วยความประหลาดใจ
นอกจากสัตว์เวทเหล่านี้คือ กระทิงเหล็กดูดเลือด, กริฟฟิน, มังกรลมกรดและมังกรดำที่เขาเคยเห็น  นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์เห็นอสูรเวทตัวอื่น  หนูสีดำที่น่ารักตัวนี้เป็นอสูรเวทจริงๆ หรือ?  อสูรเวทกับความสามารถในการใช้เวทได้?

2 ความคิดเห็น:

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับผม

แสดงความคิดเห็น