วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 412 อานุภาพของทักษะลวง



ตอนที่  412  อานุภาพของทักษะลวง
“เป็นไปตามคาด เพิ่งจะผ่านไปได้หกพันปีเอง คนทั่วไปก็ลืมข้าเสียแล้ว ช่างน่าเศร้าใจเสียจริง”  หญิงสาวผู้งดงามบาดตาหัวเราะ  น้ำเสียงของนางไม่ได้แสดงร่องรอยว่ามีอารมณ์หดหู่ แต่กลับให้ความรู้สึกว่าผู้คนลืมความดำรงคงอยู่ของนางไปแล้ว  เป็นความผิดพลาดที่โง่และน่าสงสารที่สุด

 “ขอถามนามที่ยิ่งใหญ่ของผู้อาวุโส...”  ซุ่นเทียนประหลาดใจปนดีใจ เมื่อเขาพบว่าสตรีนางนี้มีพลังพอๆ กับเขา  แม้ว่านางจะอยู่ในสภาพอ่อนแอหลังจากหลุดออกมาจากผนึก  ถ้าเขาสามารถเอาชนะสตรีนางนี้และได้นางมาอยู่ฝ่ายเขาได้รับประสบการณ์ความรู้ของยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดเมื่อหลายพันปีที่แล้ว  ในอนาคต ต่อให้เป็นจื้อจุนผู้มีชื่อเสียงและทรงอำนาจก็คงไม่เป็นปัญหาต่อเขา
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าองค์ชายเงาดำที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดกำลังคิดอะไร
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ชัดเจนอย่างหนึ่งก็คือ องค์ชายเงาดำคงไม่เป็นศัตรูกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดโบราณอย่างสนมชื่อเฟยเป็นแน่
หญิงงามบาดตานามชื่อเฟยหัวเราะคิก “ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรที่ผู้คนจะลืมเรื่องข้า.. พ่อหนุ่มรูปงาม เจ้าชื่อว่าซุ่นเทียนใช่ไหม? ชื่อเพราะดี  เจ้าก็มีศักยภาพเช่นกัน ถ้าได้รับคำแนะนำบ้าง บางทีเจ้าจะสามารถไปแดนสวรรค์ก็เป็นได้”
 “แดนสวรรค์?  ท่านเคยไปแดนสวรรค์มาก่อนหรือ?”  หน้าของซุ่นเทียนไม่ได้แสดงความตื่นเต้น  อย่างไรก็ตาม  ใจของเขากลับมีความยินดีปรีดา
แดนสวรรค์กลายเป็นตำนานไปแล้ว
แม้แต่จื้อจุนที่น่ากลัวก็ยังไม่สามารถเข้าแดนสวรรค์ได้  เป็นไปได้ไหมว่าสตรีนางนี้เคยไปเยือนแดนสวรรค์ในอดีตที่ผ่านมา?
แม้แต่เหล่านักผจญภัยผู้ตกอยู่ในอันตรายเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตก็ยังเงี่ยหูรับฟัง อย่าว่าแต่ซุ่นเทียนเลย  หลายพันปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่นักรบจากหอทงเทียนมีโอกาสได้ฟังข้อมูลเกี่ยวกับแดนสวรรค์  แล้วจะไม่สนใจเรื่องนี้ได้อย่างไร?  ทุกคนนอกจากเย่ว์หยางต่างก็ตั้งใจฟัง  เย่ว์หยางรู้ว่าเมื่อหกพันปีที่แล้ว  พวกนักรบสามารถไปมาได้ตามที่พวกเขาปรารถนา  เป็นเรื่องง่ายๆ ที่คนจากชั้นหนึ่งจะขึ้นไปที่หอทงเทียนชั้นสองและจากชั้นสองขึ้นไปที่ชั้นสาม  แต่พอหลังจากจักรพรรดิอวี้สู้ตายกับสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์  ประตูแดนสวรรค์ก็ถูกปิดโดยนักรบแดนสวรรค์  แม้ว่าในตำนานจะบอกไว้ว่าประตูเข้าแดนสวรรค์จะเปิดร้อยปีต่อหนึ่งครั้ง  แต่ในความเป็นจริง  ไม่มีใครเข้าไปในแดนสวรรค์  แน่นอน ว่าอาจมีก็ได้  แต่ไม่มีใครรู้
เย่ว์หยางสงสัยว่าเหตุผลที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารหายสาบสูญไป ก็เพราะเข้าไปในแดนสวรรค์
การเข้าประตูแดนสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย หรือบางทีอาจมีทางอื่น
อย่างเช่น บันไดสวรรค์?
 “โอ, แดนสวรรค์เป็นสถานที่น่าสนใจ  มีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวทุกชนิด  แต่พวกมันไม่ค่อยได้เป็นเจ้าของคัมภีร์  ถ้านักสู้ปราณก่อกำเนิดในแดนสวรรค์ได้ทำสัญญากับคัมภีร์  พวกเขาจะถูกส่งไปยังสำนักนิกายและฝึกอบรมโดยเฉพาะ  ชายหนุ่มรูปงามอย่างเจ้า ซุ่นเทียน  ข้าเชื่อว่าเจ้าจะเป็นตัวเลือกยอดนิยม  ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้ามีพลังปราณก่อกำเนิดระดับเก้าเท่านั้น  ต่อให้เจ้าไม่มี  เจ้าก็ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง เจ้าจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี  จากคำที่พวกเขาว่ากัน แม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้นก็มีพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดเสียแล้ว  เพียงแต่ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญ  พวกเขาถูกมองว่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียม  แน่นอนว่าในแดนสวรรค์ไม่มีที่ให้คนอย่างนั้นอยู่  พวกเขาจะถูกเรียกว่านักรบปราณก่อกำเนิดดิน  จะแตกต่างจากนักรบปราณก่อกำเนิดฟ้า” ชื่อเฟยเริ่มแนะนำเรื่องราวในแดนสวรรค์ทั้งหมด
 “นักรบชั้นดิน?  นักรบชั้นฟ้า?”  ซุ่นเทียนประหลาดใจ  แต่หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้ดู  เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา  แน่นอนว่าแดนสวรรค์ย่อมมีวิธีการคงอยู่ของพวกเขา  ไม่มีอะไรแปลกประหลาดในเรื่องเช่นนั้น
 “ถูกแล้ว, ปกติในแดนสวรรค์นักรบปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งของเราก็จะเทียบได้กับนักรบชั้นดินระดับหนึ่ง มาตรฐานฝีมือไม่ต่างกัน แต่นักรบชั้นดินไม่ได้เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญ  ในแดนสวรรค์  สิ่งมีชีวิตจำนวนมากเกิดมาก็มีความน่ากลัว  ตัวอย่างเช่น แมลงน่าเกลียด มันมีลักษณะที่น่ากลัวและทรงพลังในโลกมนุษย์  แม้เจ้าพวกนั้นจะโง่และไม่มีสมอง แต่พวกมันไม่อาจเทียบได้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แท้จริง  ดังนั้น แม้ว่านักรบชั้นดินจะมีพลังถึงระดับสิบและครอบครองพลังนั้นได้  พวกเขาก็ยังถูกดูหมิ่นดูแคลนอยู่ดี  คัมภีร์อัญเชิญจะทำหน้าที่เหมือนเป็นบัตรผ่านเข้าแดนสวรรค์  ถ้าเจ้ามีมัน  แดนสวรรค์ยินดีต้อนรับพวกเจ้าได้ทุกเมื่อ  เมื่อนักรบกับคัมภีร์อัญเชิญจากโลกมนุษย์เข้าดินแดนสวรรค์  พวกเขาจะได้รับคัดเลือกให้เข้าสำนักนิกายและรับการฝึกอบรมเต็มรูปแบบ  แทบจะเป็นการบังคับให้ผู้ทำสัญญากับคัมภีร์กลายเป็นนักรบชั้นฟ้า!  คำพูดของชื่อเฟยนับว่าทำให้หัวใจของซุ่นเทียนสั่นไหวได้  ตามที่คาดว่า แดนสวรรค์เป็นแดนงดงามมากกว่าตำนาน  ถ้าเขาสามารถไปถึงที่นั่นได้  ที่นั่นยังมีโอกาสที่ไม่มีสิ้นสุดรอเขาอยู่
 “นักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้ามีลักษณะเช่นใด?”
 “อืม..ถ้าเจ้ากลัวพ่ายแพ้ ข้าบอกเจ้าได้ตามตรงนะ เจ้า..หนุ่มหล่อนามซุ่นเทียนยังไม่มีพลังปราณก่อกำเนิดฟ้า  แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในระดับใกล้เคียง  แต่เจ้าก็ยังติดอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดดิน  ยิ่งกว่านั้น  เจ้ายังมีอุปสรรคใหญ่  ถ้าเจ้าไม่สามารถเอาชนะได้  อย่างนั้นเจ้าก็จะติดอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดดินไปตลอดชีวิต  สำหรับคำถามเกี่ยวกับปราณก่อกำเนิดฟ้า นั่นเป็นจุดสูงสุดในชีวิตข้า  ข้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า  ในวันเก่าก่อนนั้น ข้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง  ตอนนี้ข้าอ่อนกำลังลงและพลังตกลงมาอยู่ที่ปราณก่อกำเนิดดินระดับเก้า  ถูกแล้ว นักสู้ปราณก่อกำเนิดชั้นฟ้า มักจะเรียกกันว่าสุดยอดปราณก่อกำเนิด หรือจื้อจุนนั่นเอง  หลังจากผ่านมา 2-3 พันปีพวกเจ้ามีคนที่ได้ระดับจื้อจุนบ้างไหม? ถ้ามีอย่างนั้นจื้อจุนนั่นแหละที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า”  ชื่อเฟยใช้สายตามองดูซุ่นเทียน  เขาไม่รู้แม้แต่เรื่องเช่นนี้  ดูเหมือนสองสามพันปีที่ผ่านมา พวกนักรบมีการพัฒนาสะดุดหยุดลงไปมาก
 “จื้อจุนน่ะหรือ?”  ซุ่นเทียนประหลาดใจ  เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่ามีช่องว่างห่างขนาดนั้นระหว่างเขากับจื้อจุน  มิน่าเล่าจื้อจุนถึงไม่เห็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดทุกคนอยู่ในสายตา  กลับกลายเป็นว่านางอยู่เหนือโลกมนุษย์ไปมากมายแล้ว  ใบหน้าของชื่อเฟยยังคงคลางแคลงใจ  สายตาของซุ่นเทียนเป็นประกายและตอบว่า “มีเหมือนกัน แต่มีเพียงคนเดียว”
 “เขาชื่ออะไร? เรียกว่าจักรพรรดิอวี้หรือเปล่า?”  เมื่อพระสนมชื่อเฟยเอ่ยชื่อจักรพรรดิอวี้ มือของนางสั่นเล็กน้อย
คนทั่วไปไม่ได้สังเกต แต่สำหรับเย่ว์หยางก็เหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดา
ดูเหมือนหกพันปีที่แล้ว จักรพรรดิอวี้เป็นบุคคลที่น่ากลัวจริงๆ
เขาตายไปหกพันปีแล้ว  ตอนนี้ในปัจจุบัน พระสนมชื่อเฟยยังคงกลัวเขาอยู่  ใครจะคิดกันเล่าในวันเหล่านั้นเขาน่ากลัวเหี้ยมหาญขนาดไหน
เมื่อซุ่นเทียนตอบว่าสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดเป็นสตรี  เย่ว์หยางสังเกตว่าพระสนมชื่อเฟยลอบถอนหายใจโล่งอก... นางหัวเราะกลบเกลื่อน  “โอวตายแล้ว, เด็กผู้หญิงได้ตำแหน่งจื้อจุนไปครอง ขณะที่เหล่าหนุ่มๆ เป็นพันคนได้แต่ยืนมอง  นี่ช่างน่าทึ่งจริงๆ  อย่างไรก็ตาม หกพันปีมาแล้ว  แม้ว่าจะไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าในโลกมนุษย์มากคนนัก  แต่อย่างน้อยก็ยังมีเป็นโหล  ใครจะคิดกันเล่าว่าหลายอย่างจะตกอยู่ในสภาพนี้ นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าโดยแท้...”
เป็นสิบเชียวหรือ?  ซุ่นเทียนพอได้ยินถึงกับพูดไม่ออก
เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า หกพันปีที่แล้ว เหตุการณ์จะเป็นเช่นไรเมื่อพันธมิตรปราณก่อกำเนิดมีจื้อจุนถึงสิบสองคน
นั่นจะเป็นโลกเช่นใดกันแน่
หอทงเทียนจะมีจื้อจุนได้เป็นสิบคนเชียวหรือ?
ตอนนี้อย่าว่าแต่ระดับจื้อจุนเลย คนที่สำเร็จปราณก่อกำเนิดระดับแปดก็มีไม่เกินสามสิบคน  ปราณก่อกำเนิดระดับเก้าก็ยิ่งหาได้ยากมาก  ยิ่งปราณก่อกำเนิดระดับสิบก็ยิ่งหาได้ยากเหมือนขนนกฟีนิกซ์และเขายูนิคอร์น  ดูเหมือนในยุคปัจจุบันนี้ไม่อาจเทียบกับเวลาในยุคเก่าก่อนได้
พอได้ยินชื่อจักรพรรดิอวี้  ทันใดนั้นองค์ชายเงาดำก็ถามขึ้น “ผู้อาวุโสชื่อเฟย ท่านเคยได้ยินนามขุนพลเทพของจักรพรรดิอวี้มาก่อนบ้างไหม?”
ชื่อเฟยปิดปากหัวเราะ “แน่นอน ข้ารู้จักขุนพลเทพจักรพรรดิอวี้ ที่เจ้าพูดถึง  อย่างไรก็ตาม เขาก็แค่กล้าคุยโวต่อหน้าพวกเจ้าเท่านั้น หึหึ  ถ้าเขาพบกับข้า  เจ้าคนรับใช้ชั้นต่ำจากคุกมืด ก็ยังต้องทักทายข้าด้วยความเคารพและเรียกข้าว่า  ราชินี”
 “อะไรนะ?”  ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำตกตะลึงสิ้นเชิง
ขุนพลเทพจักรพรรดิอวี้ถูกเรียกว่า เฮย์อวี้หวาง ตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมา
เขามักจะอาละวาดอยู่ในหอทงเทียนด้วยความหยิ่งและดื้อด้าน  ยกเว้นจื้อจุนแล้ว  แม้แต่ผู้ที่ทรงพลังอย่างมารสัมฤทธิ์ฟ้าและราชันย์จ้าวปีศาจบารุธก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเขา  คนที่อ้างว่าเขาสามารถทะยานเข้าแดนสวรรค์ได้ทันทีที่เขาฟื้นความแข็งแกร่งดั้งเดิมถูกมองว่าเป็นแค่คนรับใช้เมื่ออยู่ต่อหน้าสนมชื่อเฟยหรือ?
สายตาของชื่อเฟยเปล่งประกายแวววาว  “เฮย์อวี้ยังมีชีวิตอยู่หรือ?  ข้าไม่ได้คาดเรื่องนั้นไว้จริงๆ  แต่ข้าคงไม่สนใจเรื่องนั้น ยังมีเรื่องที่สำคัญมากกว่าให้ดูแล  พ่อหนุ่มรูปงาม ซุ่นเทียน และคนที่ตะเกียกตะกายมาจับปลากันถึงที่นี่  พวกเจ้าต้องการจะร่วมมือกับข้าไหม?  แม้ว่าข้าจะยังไม่เหลือพลังอยู่มาก  แต่ก็ไม่มีปัญหาที่จะพาพวกเจ้าไปยังดินแดนสวรรค์  แน่นอน   เงื่อนไขของพวกเจ้า ข้าพิจารณาแล้ว อย่างนั้นข้ารับรองได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีอนาคตที่สดใส”
ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำทั้งคู่ใช้ความคิดของตนเองและยังไม่ตอบรับทันที
ถ้าพวกเขาจะบอกว่าพวกเขาไม่คล้อยตาม ก็คงเป็นเรื่องโกหกแน่
อย่างไรก็ตาม  พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจำเป็นต้องทำอะไรหลังจากเห็นพ้องกับชื่อเฟย
ถ้าชื่อเฟยต้องการท้าทายจื้อจุนและยึดตำแหน่งจื้อจุน  ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำคงไม่มีทางเห็นด้วย  พวกเขาจะไม่ต่อสู้ถ้าพวกเขาไม่มั่นใจเต็มร้อย
ชื่อเฟยเป็นนักสู้ทรงพลังแน่นอน  แต่จื้อจุนไม่ใช่คนที่ใครจะคาดคิดได้
ถ้าชื่อเฟยพ่ายแพ้ในการท้าทาย  ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำเชื่อว่าจื้อจุนคงจะฆ่าพวกเขาโดยไม่ลังเล  นางเป็นคนที่รักษาคำพูดอย่างแน่นอน  พวกที่กล้ายั่วยุนางไม่เคยมีชีวิตกลับมาบอกเล่าเรื่องราว  ไม่มีเลย
 “ผู้อาวุโสต้องการให้เราทำอะไร?”  ซุ่นเทียนโค้งคำนับ “ถ้าเป็นเรื่องไม่สำคัญมากนัก ขอให้บอกพวกเราเถอะ ข้ายินดีจะช่วย”
 “ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่เกินไป “สีหน้าของชื่อเฟยเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย “สามีเรา ก็คือจักรพรรดิชื่อตี้ ผู้มีชื่อเสียงพอๆ กับจักรพรรดิอวี้  เมื่อหกพันปีที่แล้ว เขาเอาชนะนักสู้ปราณก่อกำเนิดมานับไม่ถ้วน  เขาแข็งแกร่งอยู่ยงคงกระพัน  ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าใจผิดบุกรุกเข้าไปในวงแหวนโบราณต้องห้ามและถูกบุคคลผู้ไม่ปรากฏนามผนึกเอาไว้  ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ข้าเกรงว่าวันนี้โลกมนุษย์คงถูกสามีข้าจักรพรรดิชื่อตี้พิชิตไปหมดแล้ว!  เจ้าแค่ปกป้องให้สามีข้าทำลายผนึกออกมา  หนทางสู่สวรรค์ที่แท้จริง การทำลายอุปสรรค ขึ้นสู่แดนสวรรค์ เราสามารถพบเจอสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด  แต่สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะไม่เป็นปัญหา  แม้แต่โลกมนุษย์ทั้งหมด เราก็ให้พวกเจ้าได้  ส่วนที่เหลือ เรามุ่งเป้าไปที่แดนสวรรค์”
 “จักรพรรดิชื่อตี้น่ะหรือ?”  ซุ่นเทียนลังเลเล็กน้อย  การปล่อยคนร้ายกาจอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาด
อย่างไรก็ตาม การทำลายอุปสรรคคอขวด เลื่อนขึ้นเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า  ก็เป็นสิ่งล่อใจพื้นฐานที่สุดพอๆ กับการได้เข้าแดนสวรรค์
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็แค่อยู่ใต้อำนาจคนๆ เดียวแต่อยู่เหนือคนอีกหลายล้าน   แม้ว่าจะไม่มีจักรพรรดิชื่อตี้ แต่ก็ยังมีจื้อจุน  ถ้าจักรพรรดิชื่อตี้ปรากฏตัว  เขาจะต้องได้ต่อสู้กับจื้อจุนแน่  บางทีเขาคงเป็นฝ่ายได้เก็บเกี่ยวประโยชน์
ที่สำคัญที่สุด  แม้ว่าเขาไม่ช่วยชื่อเฟยด้วยตนเองหรือกระทั่งต่อต้าน  บางทีเขาก็ยังไม่อาจหยุดการตื่นขึ้นของจักรพรรดิชื่อตี้ได้
เป็นศัตรูกับจักรพรรดิชื่อตี้ที่กำลังจะตื่นขึ้นน่ะหรือ?
หรือจะกลายเป็นพันธมิตร?
ต่อให้โง่ก็คงเลือกอย่างหลัง
องค์ชายเงาดำลอบส่งสัญญาให้ซุ่นเทียน แสดงให้เห็นว่าเขายินดีจะยอมรับข้อตกลงนี้  อย่างไรก็ตาม เขาให้ซุ่นเทียนพูดขณะที่เขาเองยังคงซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเขา
 “เป็นเกียรติยิ่งนักที่สามารถรับใช้ผู้อาวุโสได้  เราจะกล้าอาจเอื้อมร้องขอมากเกินไปได้ยังไง”  ซุ่นเทียนไม่มีทางพอใจกับการอยู่ใต้บังคับใคร  แต่เขาเป็นคนฉลาด  ไม่ว่าในใจจะคิดยังไง  แต่การแสดงออกของเขาจะสุภาพเหมือนสุภาพบุรุษ
 “ผู้อาวุโสจะให้เราทำอะไรบ้าง?”  องค์ชายเงาดำถาม
 “แค่คุ้มกันที่นี่  พวกเจ้าไม่ต้องทำอะไรต่อ  ถ้ามีใครทำลายพิธีอัญเชิญของข้า  อย่างนั้นพวกเจ้าต้องหยุดมันไว้”  ชื่อเฟยยิ้มเล็กน้อย  นางรู้คำตอบแล้ว ได้ทำลายอุปสรรคคอขวด ที่ขัดขวางการยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า และเส้นทางสู่แดนสวรรค์  เงื่อนไขล่อใจทั้งสามข้อนี้นักรบใดๆ ก็ยากต้านทานได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดเป็นอย่างอื่น  แต่ก็เห็นพ้องกับการผูกมิตรเพื่อรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
 “ง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ?”  ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำตะลึง  ไม่มีผู้ใดรู้จักสถานที่นี้  ใครจะมาได้เล่า?
 “จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายนัก”  ชื่อเฟยสีหน้าเข้ม “ข้ารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก  แม้ว่าจะไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ใกล้ๆ นี้  แต่ก็มีกลิ่นอายที่ไม่อี  หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เป็นแค่เรื่องคิดไปเอง  หลังจากพิธีอัญเชิญเริ่ม พวกเจ้าต้องคอยจับตาดูคนให้ดี อย่าให้ใครเข้ามาทำลายพิธีของข้าได้...”
สายตาของชื่อเฟยกวาดผ่านเขาเงิน, ระเบิดเพลิงและสลาตัน
บรรดาคนเหล่านั้นมีเพียงคนสามคนนี้ที่มีพลังพอขัดขวางพิธีกรรมได้
สำหรับนักผจญภัยอื่นๆ ชื่อเฟยไม่ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย  นางสามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดเมื่อใดก็ได้ที่นางต้องการ  พวกนี้ก็ไม่ต่างจากมดแมลง ไม่มีทางทำลายพิธีกรรมได้
ถึงเป็นอย่างนั้น ชื่อเฟยก็ยังหัวเราะคิกและสบสายตากับพวกเขา  “หนุ่มหล่อทุกๆ คนที่อยู่ตรงนั้น ข้าจะเริ่มพิธีอัญเชิญแล้วนะ  พวกเจ้าทุกคนต้องประพฤติตัวให้ดี  เมื่อสามีข้าตื่นขึ้น  ทุกคนจะได้รับสมบัติหรืออสูรระดับทอง  ทุกคนจะได้รับอย่างหนึ่ง  ข้าจะไม่กลับคำพูดแน่  อย่ากังวลไปเลย  ไม่จำเป็นต้องใช้เลือดเนื้อในพิธีกรรม ไม่ต้องใช้ชีวิตมนุษย์อีกด้วย  ข้าแค่ต้องการติดต่อทางจิตระหว่างข้ากับสามี และเขาก็จะตื่นขึ้นแล้วทำลายผนึกใต้ดิน  คนที่ต้องการติดตามเราและก้าวเข้าสู่ดินแดนสวรรค์  ตอนนี้เป็นโอกาสแสดงความภักดีแล้ว อย่าปล่อยให้ข้าผิดหวังเสียล่ะ”
ซุ่นเทียนพบว่าเป็นเรื่องแปลกทำไมชื่อเฟยจึงไม่ฆ่านักผจญภัย  อย่างไรก็ตาม พอเห็นนางเผาคราบเลือดบนพื้นออกไปอย่างระมัดระวังและสลายกลิ่นเลือดในอากาศ  เขาก็เข้าใจได้ลางๆ ว่าวงเวทผนึกนี้จะปลอดภัยมากขึ้นเพราะเลือดเนื้อ  ขณะนี้ไม่สามารถฆ่าคนได้  มิฉะนั้นจักรพรรดิชื่อตี้ระเบิดผนึกออกมาจากนั้นก็จะหมดเรี่ยวแรงได้ในระยะไม่นาน
สำหรับเหตุผลที่ไม่ตะเพิดพวกนักผจญภัยให้หนีไป  ก็เพราะมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของจักรพรรดิชื่อตี้และทำให้พวกเขายุ่งยาก
นั่นคือเหตุผลที่ชื่อเฟยตั้งใจจะชักชวนพวกนักผจญก่อน...แน่นอน นี่ก็ยังคงเหมือนการโน้มน้าวนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำ เพื่อให้รู้ว่านางไม่ใช่คนที่เผาสะพานทิ้งหลังจากข้ามสะพานได้แล้ว
เย่ว์หยางยังรอคอยอย่างเงียบงัน
รอช่วงเวลาที่จักรพรรดิชื่อจะทำลายผนึกออกมา
การเริ่มโจมตีพระสนมชื่อเฟยตอนนี้เป็นทางเลือกที่เขลาที่สุด  มีทั้งชื่อเฟย, ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำที่เป็นนักสู้ที่ทรงพลังถึงสามคน  แม้ว่าจะมีคนที่หยุดพวกเขาไว้ได้ชั่วคราว  แต่ทางออกที่ดีที่สุด ก็คือลงมือจู่โจมจักรพรรดิชื่อทันทีที่ทำลายผนึกออกมา  นั่นเป็นช่วงที่เขาอ่อนแอที่สุด  แม้ว่าเขาจะไม่ถูกฆ่าตายทันที  แต่ก็ยังอาจสร้างความเสียหายได้มากมายกับจักรพรรดิชื่อตี้  จากนั้นเขาก็จะหนีไป  หลังจากตามหาจื้อจุน, จักรพรรดินีราตรีและนางเซียนหงส์ฟ้าและบางทีอาจชักชวนผู้เฒ่าหนานกงระดมนักสู้ปราณก่อกำเนิดให้ไล่ตามจักรพรรดิชื่อตี้ที่บาดเจ็บอีกครั้งก็ได้
สำหรับคนอย่างจักรพรรดิชื่อตี้จะฟื้นฟูพลังได้อย่างปลอดภัยในโลกนี้ นั่นก็คงต้องให้หอทงเทียนพังทลายทั้งหมดก่อน
จักรพรรดิอวี้ตายไปแล้ว  เย่ว์หยางตัดสินใจว่าเขาเองจะขอกลายเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่
ไม่ว่ายังไง จักรพรรดิชื่อตี้จะต้องถูกข่มไว้
 “ข้าจะทำให้สำเร็จ”  คงเป็นเรื่องโกหก ถ้าจะบอกว่าเขาไม่กังวล  เย่ว์หยางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อยับยั้งความกังวลใจในส่วนลึกและคอยอยู่เงียบๆ  ปราณของเขาถูกกดไว้ในตัวโดยไม่รั่วไหลออกมา  เขาแสดงตัวออกมาเหมือนกับนักสู้ระดับหกธรรมดา  ในขณะนี้เอง ทักษะลวงของเย่ว์หยางถูกใช้ในระดับสูงสุด  บางทีอาจเกินขีดจำกัดไปแล้ว
ชื่อเฟยที่มีประสาทรับรู้ไวก็ระมัดระวังรอบคอบ และซุ่นเทียนก็เหมือนกันกลับกลอกตาและระแวง  องค์ชายเงาดำก็ถูกทักษะลวงเล่นงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าทักษะลวงที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์จะกลายเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในอนาคต
ไม่มีความสามารถใดๆ ที่ไร้ประโยชน์  นอกจากคนที่ไร้ประโยชน์  เรื่องนี้จริงแท้แน่นอน
 

10 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

บ่นทั้งตอน 555 ตอนที่แล้วก็พอกันคิดในใจ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Lucky กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

โอ้วว พี่เยว่จิเสี่ยงดวงโจมตี

aloha777 กล่าวว่า...

ตอนหน้าก็เริ่มพิธี ตอนต่อไปค่อยเริ่มโจมตีมั้ง ใจร่มๆไว้พวกเรา ฮ่าๆ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

ทักษะแสร้งทำตัวอ่อนแอ ได้พัฒนาถึงจุดสุดยอดแล้วสินะ! ฮิฮิ รอคอยช่วงเวลาปล่อยอัลติ ~

Unknown กล่าวว่า...

พี่ท่านจะลอบสังหารแล้วชักปืนมาส่องอะไม่ใช่

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น