ตอนที่ 412 อานุภาพของทักษะลวง
“เป็นไปตามคาด เพิ่งจะผ่านไปได้หกพันปีเอง
คนทั่วไปก็ลืมข้าเสียแล้ว ช่างน่าเศร้าใจเสียจริง” หญิงสาวผู้งดงามบาดตาหัวเราะ
น้ำเสียงของนางไม่ได้แสดงร่องรอยว่ามีอารมณ์หดหู่
แต่กลับให้ความรู้สึกว่าผู้คนลืมความดำรงคงอยู่ของนางไปแล้ว เป็นความผิดพลาดที่โง่และน่าสงสารที่สุด
“ขอถามนามที่ยิ่งใหญ่ของผู้อาวุโส...” ซุ่นเทียนประหลาดใจปนดีใจ
เมื่อเขาพบว่าสตรีนางนี้มีพลังพอๆ กับเขา
แม้ว่านางจะอยู่ในสภาพอ่อนแอหลังจากหลุดออกมาจากผนึก
ถ้าเขาสามารถเอาชนะสตรีนางนี้และได้นางมาอยู่ฝ่ายเขาได้รับประสบการณ์ความรู้ของยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดเมื่อหลายพันปีที่แล้ว ในอนาคต ต่อให้เป็นจื้อจุนผู้มีชื่อเสียงและทรงอำนาจก็คงไม่เป็นปัญหาต่อเขา
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าองค์ชายเงาดำที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดกำลังคิดอะไร
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ชัดเจนอย่างหนึ่งก็คือ
องค์ชายเงาดำคงไม่เป็นศัตรูกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดโบราณอย่างสนมชื่อเฟยเป็นแน่
หญิงงามบาดตานามชื่อเฟยหัวเราะคิก
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรที่ผู้คนจะลืมเรื่องข้า.. พ่อหนุ่มรูปงาม
เจ้าชื่อว่าซุ่นเทียนใช่ไหม? ชื่อเพราะดี
เจ้าก็มีศักยภาพเช่นกัน ถ้าได้รับคำแนะนำบ้าง
บางทีเจ้าจะสามารถไปแดนสวรรค์ก็เป็นได้”
“แดนสวรรค์?
ท่านเคยไปแดนสวรรค์มาก่อนหรือ?”
หน้าของซุ่นเทียนไม่ได้แสดงความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม
ใจของเขากลับมีความยินดีปรีดา
แดนสวรรค์กลายเป็นตำนานไปแล้ว
แม้แต่จื้อจุนที่น่ากลัวก็ยังไม่สามารถเข้าแดนสวรรค์ได้
เป็นไปได้ไหมว่าสตรีนางนี้เคยไปเยือนแดนสวรรค์ในอดีตที่ผ่านมา?
แม้แต่เหล่านักผจญภัยผู้ตกอยู่ในอันตรายเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตก็ยังเงี่ยหูรับฟัง
อย่าว่าแต่ซุ่นเทียนเลย
หลายพันปีที่ผ่านมา
นี่เป็นครั้งแรกที่นักรบจากหอทงเทียนมีโอกาสได้ฟังข้อมูลเกี่ยวกับแดนสวรรค์ แล้วจะไม่สนใจเรื่องนี้ได้อย่างไร? ทุกคนนอกจากเย่ว์หยางต่างก็ตั้งใจฟัง เย่ว์หยางรู้ว่าเมื่อหกพันปีที่แล้ว พวกนักรบสามารถไปมาได้ตามที่พวกเขาปรารถนา เป็นเรื่องง่ายๆ
ที่คนจากชั้นหนึ่งจะขึ้นไปที่หอทงเทียนชั้นสองและจากชั้นสองขึ้นไปที่ชั้นสาม แต่พอหลังจากจักรพรรดิอวี้สู้ตายกับสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ ประตูแดนสวรรค์ก็ถูกปิดโดยนักรบแดนสวรรค์
แม้ว่าในตำนานจะบอกไว้ว่าประตูเข้าแดนสวรรค์จะเปิดร้อยปีต่อหนึ่งครั้ง แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครเข้าไปในแดนสวรรค์ แน่นอน ว่าอาจมีก็ได้ แต่ไม่มีใครรู้
เย่ว์หยางสงสัยว่าเหตุผลที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารหายสาบสูญไป
ก็เพราะเข้าไปในแดนสวรรค์
การเข้าประตูแดนสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย หรือบางทีอาจมีทางอื่น
อย่างเช่น บันไดสวรรค์?
“โอ, แดนสวรรค์เป็นสถานที่น่าสนใจ
มีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวทุกชนิด
แต่พวกมันไม่ค่อยได้เป็นเจ้าของคัมภีร์
ถ้านักสู้ปราณก่อกำเนิดในแดนสวรรค์ได้ทำสัญญากับคัมภีร์
พวกเขาจะถูกส่งไปยังสำนักนิกายและฝึกอบรมโดยเฉพาะ ชายหนุ่มรูปงามอย่างเจ้า ซุ่นเทียน ข้าเชื่อว่าเจ้าจะเป็นตัวเลือกยอดนิยม
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้ามีพลังปราณก่อกำเนิดระดับเก้าเท่านั้น ต่อให้เจ้าไม่มี เจ้าก็ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง
เจ้าจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
จากคำที่พวกเขาว่ากัน
แม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้นก็มีพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดเสียแล้ว เพียงแต่ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญ พวกเขาถูกมองว่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียม แน่นอนว่าในแดนสวรรค์ไม่มีที่ให้คนอย่างนั้นอยู่ พวกเขาจะถูกเรียกว่านักรบปราณก่อกำเนิดดิน จะแตกต่างจากนักรบปราณก่อกำเนิดฟ้า”
ชื่อเฟยเริ่มแนะนำเรื่องราวในแดนสวรรค์ทั้งหมด
“นักรบชั้นดิน? นักรบชั้นฟ้า?” ซุ่นเทียนประหลาดใจ แต่หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้ดู เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา แน่นอนว่าแดนสวรรค์ย่อมมีวิธีการคงอยู่ของพวกเขา ไม่มีอะไรแปลกประหลาดในเรื่องเช่นนั้น
“ถูกแล้ว, ปกติในแดนสวรรค์นักรบปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งของเราก็จะเทียบได้กับนักรบชั้นดินระดับหนึ่ง
มาตรฐานฝีมือไม่ต่างกัน แต่นักรบชั้นดินไม่ได้เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญ ในแดนสวรรค์
สิ่งมีชีวิตจำนวนมากเกิดมาก็มีความน่ากลัว
ตัวอย่างเช่น แมลงน่าเกลียด มันมีลักษณะที่น่ากลัวและทรงพลังในโลกมนุษย์ แม้เจ้าพวกนั้นจะโง่และไม่มีสมอง
แต่พวกมันไม่อาจเทียบได้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แท้จริง ดังนั้น
แม้ว่านักรบชั้นดินจะมีพลังถึงระดับสิบและครอบครองพลังนั้นได้ พวกเขาก็ยังถูกดูหมิ่นดูแคลนอยู่ดี
คัมภีร์อัญเชิญจะทำหน้าที่เหมือนเป็นบัตรผ่านเข้าแดนสวรรค์ ถ้าเจ้ามีมัน
แดนสวรรค์ยินดีต้อนรับพวกเจ้าได้ทุกเมื่อ
เมื่อนักรบกับคัมภีร์อัญเชิญจากโลกมนุษย์เข้าดินแดนสวรรค์
พวกเขาจะได้รับคัดเลือกให้เข้าสำนักนิกายและรับการฝึกอบรมเต็มรูปแบบ
แทบจะเป็นการบังคับให้ผู้ทำสัญญากับคัมภีร์กลายเป็นนักรบชั้นฟ้า!” คำพูดของชื่อเฟยนับว่าทำให้หัวใจของซุ่นเทียนสั่นไหวได้ ตามที่คาดว่า
แดนสวรรค์เป็นแดนงดงามมากกว่าตำนาน
ถ้าเขาสามารถไปถึงที่นั่นได้
ที่นั่นยังมีโอกาสที่ไม่มีสิ้นสุดรอเขาอยู่
“นักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้ามีลักษณะเช่นใด?”
“อืม..ถ้าเจ้ากลัวพ่ายแพ้
ข้าบอกเจ้าได้ตามตรงนะ
เจ้า..หนุ่มหล่อนามซุ่นเทียนยังไม่มีพลังปราณก่อกำเนิดฟ้า แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในระดับใกล้เคียง
แต่เจ้าก็ยังติดอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดดิน ยิ่งกว่านั้น
เจ้ายังมีอุปสรรคใหญ่ ถ้าเจ้าไม่สามารถเอาชนะได้
อย่างนั้นเจ้าก็จะติดอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดดินไปตลอดชีวิต สำหรับคำถามเกี่ยวกับปราณก่อกำเนิดฟ้า
นั่นเป็นจุดสูงสุดในชีวิตข้า ข้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า ในวันเก่าก่อนนั้น
ข้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง
ตอนนี้ข้าอ่อนกำลังลงและพลังตกลงมาอยู่ที่ปราณก่อกำเนิดดินระดับเก้า ถูกแล้ว นักสู้ปราณก่อกำเนิดชั้นฟ้า มักจะเรียกกันว่าสุดยอดปราณก่อกำเนิด
หรือจื้อจุนนั่นเอง หลังจากผ่านมา 2-3
พันปีพวกเจ้ามีคนที่ได้ระดับจื้อจุนบ้างไหม?
ถ้ามีอย่างนั้นจื้อจุนนั่นแหละที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า” ชื่อเฟยใช้สายตามองดูซุ่นเทียน เขาไม่รู้แม้แต่เรื่องเช่นนี้ ดูเหมือนสองสามพันปีที่ผ่านมา
พวกนักรบมีการพัฒนาสะดุดหยุดลงไปมาก
“จื้อจุนน่ะหรือ?” ซุ่นเทียนประหลาดใจ
เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่ามีช่องว่างห่างขนาดนั้นระหว่างเขากับจื้อจุน มิน่าเล่าจื้อจุนถึงไม่เห็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดทุกคนอยู่ในสายตา
กลับกลายเป็นว่านางอยู่เหนือโลกมนุษย์ไปมากมายแล้ว ใบหน้าของชื่อเฟยยังคงคลางแคลงใจ สายตาของซุ่นเทียนเป็นประกายและตอบว่า
“มีเหมือนกัน แต่มีเพียงคนเดียว”
“เขาชื่ออะไร? เรียกว่าจักรพรรดิอวี้หรือเปล่า?” เมื่อพระสนมชื่อเฟยเอ่ยชื่อจักรพรรดิอวี้
มือของนางสั่นเล็กน้อย
คนทั่วไปไม่ได้สังเกต แต่สำหรับเย่ว์หยางก็เหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดา
ดูเหมือนหกพันปีที่แล้ว จักรพรรดิอวี้เป็นบุคคลที่น่ากลัวจริงๆ
เขาตายไปหกพันปีแล้ว ตอนนี้ในปัจจุบัน
พระสนมชื่อเฟยยังคงกลัวเขาอยู่
ใครจะคิดกันเล่าในวันเหล่านั้นเขาน่ากลัวเหี้ยมหาญขนาดไหน
เมื่อซุ่นเทียนตอบว่าสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดเป็นสตรี
เย่ว์หยางสังเกตว่าพระสนมชื่อเฟยลอบถอนหายใจโล่งอก...
นางหัวเราะกลบเกลื่อน “โอวตายแล้ว,
เด็กผู้หญิงได้ตำแหน่งจื้อจุนไปครอง ขณะที่เหล่าหนุ่มๆ เป็นพันคนได้แต่ยืนมอง นี่ช่างน่าทึ่งจริงๆ อย่างไรก็ตาม หกพันปีมาแล้ว
แม้ว่าจะไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าในโลกมนุษย์มากคนนัก แต่อย่างน้อยก็ยังมีเป็นโหล ใครจะคิดกันเล่าว่าหลายอย่างจะตกอยู่ในสภาพนี้
นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าโดยแท้...”
เป็นสิบเชียวหรือ?
ซุ่นเทียนพอได้ยินถึงกับพูดไม่ออก
เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า
หกพันปีที่แล้ว เหตุการณ์จะเป็นเช่นไรเมื่อพันธมิตรปราณก่อกำเนิดมีจื้อจุนถึงสิบสองคน
นั่นจะเป็นโลกเช่นใดกันแน่
หอทงเทียนจะมีจื้อจุนได้เป็นสิบคนเชียวหรือ?
ตอนนี้อย่าว่าแต่ระดับจื้อจุนเลย
คนที่สำเร็จปราณก่อกำเนิดระดับแปดก็มีไม่เกินสามสิบคน ปราณก่อกำเนิดระดับเก้าก็ยิ่งหาได้ยากมาก
ยิ่งปราณก่อกำเนิดระดับสิบก็ยิ่งหาได้ยากเหมือนขนนกฟีนิกซ์และเขายูนิคอร์น ดูเหมือนในยุคปัจจุบันนี้ไม่อาจเทียบกับเวลาในยุคเก่าก่อนได้
พอได้ยินชื่อจักรพรรดิอวี้
ทันใดนั้นองค์ชายเงาดำก็ถามขึ้น “ผู้อาวุโสชื่อเฟย ท่านเคยได้ยินนามขุนพลเทพของจักรพรรดิอวี้มาก่อนบ้างไหม?”
ชื่อเฟยปิดปากหัวเราะ “แน่นอน ข้ารู้จักขุนพลเทพจักรพรรดิอวี้
ที่เจ้าพูดถึง อย่างไรก็ตาม
เขาก็แค่กล้าคุยโวต่อหน้าพวกเจ้าเท่านั้น หึหึ
ถ้าเขาพบกับข้า เจ้าคนรับใช้ชั้นต่ำจากคุกมืด
ก็ยังต้องทักทายข้าด้วยความเคารพและเรียกข้าว่า
ราชินี”
“อะไรนะ?”
ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำตกตะลึงสิ้นเชิง
ขุนพลเทพจักรพรรดิอวี้ถูกเรียกว่า เฮย์อวี้หวาง ตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมา
เขามักจะอาละวาดอยู่ในหอทงเทียนด้วยความหยิ่งและดื้อด้าน ยกเว้นจื้อจุนแล้ว
แม้แต่ผู้ที่ทรงพลังอย่างมารสัมฤทธิ์ฟ้าและราชันย์จ้าวปีศาจบารุธก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเขา คนที่อ้างว่าเขาสามารถทะยานเข้าแดนสวรรค์ได้ทันทีที่เขาฟื้นความแข็งแกร่งดั้งเดิมถูกมองว่าเป็นแค่คนรับใช้เมื่ออยู่ต่อหน้าสนมชื่อเฟยหรือ?
สายตาของชื่อเฟยเปล่งประกายแวววาว
“เฮย์อวี้ยังมีชีวิตอยู่หรือ?
ข้าไม่ได้คาดเรื่องนั้นไว้จริงๆ
แต่ข้าคงไม่สนใจเรื่องนั้น ยังมีเรื่องที่สำคัญมากกว่าให้ดูแล พ่อหนุ่มรูปงาม ซุ่นเทียน
และคนที่ตะเกียกตะกายมาจับปลากันถึงที่นี่
พวกเจ้าต้องการจะร่วมมือกับข้าไหม?
แม้ว่าข้าจะยังไม่เหลือพลังอยู่มาก
แต่ก็ไม่มีปัญหาที่จะพาพวกเจ้าไปยังดินแดนสวรรค์ แน่นอน
เงื่อนไขของพวกเจ้า ข้าพิจารณาแล้ว
อย่างนั้นข้ารับรองได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีอนาคตที่สดใส”
ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำทั้งคู่ใช้ความคิดของตนเองและยังไม่ตอบรับทันที
ถ้าพวกเขาจะบอกว่าพวกเขาไม่คล้อยตาม ก็คงเป็นเรื่องโกหกแน่
อย่างไรก็ตาม
พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจำเป็นต้องทำอะไรหลังจากเห็นพ้องกับชื่อเฟย
ถ้าชื่อเฟยต้องการท้าทายจื้อจุนและยึดตำแหน่งจื้อจุน
ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำคงไม่มีทางเห็นด้วย พวกเขาจะไม่ต่อสู้ถ้าพวกเขาไม่มั่นใจเต็มร้อย
ชื่อเฟยเป็นนักสู้ทรงพลังแน่นอน
แต่จื้อจุนไม่ใช่คนที่ใครจะคาดคิดได้
ถ้าชื่อเฟยพ่ายแพ้ในการท้าทาย
ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำเชื่อว่าจื้อจุนคงจะฆ่าพวกเขาโดยไม่ลังเล นางเป็นคนที่รักษาคำพูดอย่างแน่นอน
พวกที่กล้ายั่วยุนางไม่เคยมีชีวิตกลับมาบอกเล่าเรื่องราว ไม่มีเลย
“ผู้อาวุโสต้องการให้เราทำอะไร?”
ซุ่นเทียนโค้งคำนับ “ถ้าเป็นเรื่องไม่สำคัญมากนัก ขอให้บอกพวกเราเถอะ
ข้ายินดีจะช่วย”
“ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่เกินไป “สีหน้าของชื่อเฟยเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย
“สามีเรา ก็คือจักรพรรดิชื่อตี้ ผู้มีชื่อเสียงพอๆ กับจักรพรรดิอวี้ เมื่อหกพันปีที่แล้ว เขาเอาชนะนักสู้ปราณก่อกำเนิดมานับไม่ถ้วน เขาแข็งแกร่งอยู่ยงคงกระพัน ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าใจผิดบุกรุกเข้าไปในวงแหวนโบราณต้องห้ามและถูกบุคคลผู้ไม่ปรากฏนามผนึกเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้
ข้าเกรงว่าวันนี้โลกมนุษย์คงถูกสามีข้าจักรพรรดิชื่อตี้พิชิตไปหมดแล้ว! เจ้าแค่ปกป้องให้สามีข้าทำลายผนึกออกมา หนทางสู่สวรรค์ที่แท้จริง การทำลายอุปสรรค
ขึ้นสู่แดนสวรรค์ เราสามารถพบเจอสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด แต่สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะไม่เป็นปัญหา แม้แต่โลกมนุษย์ทั้งหมด
เราก็ให้พวกเจ้าได้ ส่วนที่เหลือ
เรามุ่งเป้าไปที่แดนสวรรค์”
“จักรพรรดิชื่อตี้น่ะหรือ?” ซุ่นเทียนลังเลเล็กน้อย การปล่อยคนร้ายกาจอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาด
อย่างไรก็ตาม การทำลายอุปสรรคคอขวด เลื่อนขึ้นเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า ก็เป็นสิ่งล่อใจพื้นฐานที่สุดพอๆ
กับการได้เข้าแดนสวรรค์
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็แค่อยู่ใต้อำนาจคนๆ
เดียวแต่อยู่เหนือคนอีกหลายล้าน
แม้ว่าจะไม่มีจักรพรรดิชื่อตี้ แต่ก็ยังมีจื้อจุน ถ้าจักรพรรดิชื่อตี้ปรากฏตัว เขาจะต้องได้ต่อสู้กับจื้อจุนแน่ บางทีเขาคงเป็นฝ่ายได้เก็บเกี่ยวประโยชน์
ที่สำคัญที่สุด
แม้ว่าเขาไม่ช่วยชื่อเฟยด้วยตนเองหรือกระทั่งต่อต้าน
บางทีเขาก็ยังไม่อาจหยุดการตื่นขึ้นของจักรพรรดิชื่อตี้ได้
เป็นศัตรูกับจักรพรรดิชื่อตี้ที่กำลังจะตื่นขึ้นน่ะหรือ?
หรือจะกลายเป็นพันธมิตร?
ต่อให้โง่ก็คงเลือกอย่างหลัง
องค์ชายเงาดำลอบส่งสัญญาให้ซุ่นเทียน แสดงให้เห็นว่าเขายินดีจะยอมรับข้อตกลงนี้ อย่างไรก็ตาม
เขาให้ซุ่นเทียนพูดขณะที่เขาเองยังคงซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเขา
“เป็นเกียรติยิ่งนักที่สามารถรับใช้ผู้อาวุโสได้
เราจะกล้าอาจเอื้อมร้องขอมากเกินไปได้ยังไง” ซุ่นเทียนไม่มีทางพอใจกับการอยู่ใต้บังคับใคร แต่เขาเป็นคนฉลาด ไม่ว่าในใจจะคิดยังไง แต่การแสดงออกของเขาจะสุภาพเหมือนสุภาพบุรุษ
“ผู้อาวุโสจะให้เราทำอะไรบ้าง?” องค์ชายเงาดำถาม
“แค่คุ้มกันที่นี่
พวกเจ้าไม่ต้องทำอะไรต่อ
ถ้ามีใครทำลายพิธีอัญเชิญของข้า
อย่างนั้นพวกเจ้าต้องหยุดมันไว้”
ชื่อเฟยยิ้มเล็กน้อย
นางรู้คำตอบแล้ว ได้ทำลายอุปสรรคคอขวด
ที่ขัดขวางการยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า และเส้นทางสู่แดนสวรรค์ เงื่อนไขล่อใจทั้งสามข้อนี้นักรบใดๆ
ก็ยากต้านทานได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดเป็นอย่างอื่น
แต่ก็เห็นพ้องกับการผูกมิตรเพื่อรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
“ง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ?”
ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำตะลึง
ไม่มีผู้ใดรู้จักสถานที่นี้
ใครจะมาได้เล่า?
“จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายนัก”
ชื่อเฟยสีหน้าเข้ม “ข้ารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ใกล้ๆ นี้ แต่ก็มีกลิ่นอายที่ไม่อี หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
เป็นแค่เรื่องคิดไปเอง
หลังจากพิธีอัญเชิญเริ่ม พวกเจ้าต้องคอยจับตาดูคนให้ดี
อย่าให้ใครเข้ามาทำลายพิธีของข้าได้...”
สายตาของชื่อเฟยกวาดผ่านเขาเงิน, ระเบิดเพลิงและสลาตัน
บรรดาคนเหล่านั้นมีเพียงคนสามคนนี้ที่มีพลังพอขัดขวางพิธีกรรมได้
สำหรับนักผจญภัยอื่นๆ ชื่อเฟยไม่ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย
นางสามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดเมื่อใดก็ได้ที่นางต้องการ พวกนี้ก็ไม่ต่างจากมดแมลง
ไม่มีทางทำลายพิธีกรรมได้
ถึงเป็นอย่างนั้น ชื่อเฟยก็ยังหัวเราะคิกและสบสายตากับพวกเขา “หนุ่มหล่อทุกๆ คนที่อยู่ตรงนั้น
ข้าจะเริ่มพิธีอัญเชิญแล้วนะ
พวกเจ้าทุกคนต้องประพฤติตัวให้ดี
เมื่อสามีข้าตื่นขึ้น
ทุกคนจะได้รับสมบัติหรืออสูรระดับทอง
ทุกคนจะได้รับอย่างหนึ่ง ข้าจะไม่กลับคำพูดแน่ อย่ากังวลไปเลย ไม่จำเป็นต้องใช้เลือดเนื้อในพิธีกรรม
ไม่ต้องใช้ชีวิตมนุษย์อีกด้วย
ข้าแค่ต้องการติดต่อทางจิตระหว่างข้ากับสามี
และเขาก็จะตื่นขึ้นแล้วทำลายผนึกใต้ดิน
คนที่ต้องการติดตามเราและก้าวเข้าสู่ดินแดนสวรรค์ ตอนนี้เป็นโอกาสแสดงความภักดีแล้ว
อย่าปล่อยให้ข้าผิดหวังเสียล่ะ”
ซุ่นเทียนพบว่าเป็นเรื่องแปลกทำไมชื่อเฟยจึงไม่ฆ่านักผจญภัย อย่างไรก็ตาม
พอเห็นนางเผาคราบเลือดบนพื้นออกไปอย่างระมัดระวังและสลายกลิ่นเลือดในอากาศ เขาก็เข้าใจได้ลางๆ
ว่าวงเวทผนึกนี้จะปลอดภัยมากขึ้นเพราะเลือดเนื้อ
ขณะนี้ไม่สามารถฆ่าคนได้
มิฉะนั้นจักรพรรดิชื่อตี้ระเบิดผนึกออกมาจากนั้นก็จะหมดเรี่ยวแรงได้ในระยะไม่นาน
สำหรับเหตุผลที่ไม่ตะเพิดพวกนักผจญภัยให้หนีไป ก็เพราะมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของจักรพรรดิชื่อตี้และทำให้พวกเขายุ่งยาก
นั่นคือเหตุผลที่ชื่อเฟยตั้งใจจะชักชวนพวกนักผจญก่อน...แน่นอน
นี่ก็ยังคงเหมือนการโน้มน้าวนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำ
เพื่อให้รู้ว่านางไม่ใช่คนที่เผาสะพานทิ้งหลังจากข้ามสะพานได้แล้ว
เย่ว์หยางยังรอคอยอย่างเงียบงัน
รอช่วงเวลาที่จักรพรรดิชื่อจะทำลายผนึกออกมา
การเริ่มโจมตีพระสนมชื่อเฟยตอนนี้เป็นทางเลือกที่เขลาที่สุด มีทั้งชื่อเฟย, ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำที่เป็นนักสู้ที่ทรงพลังถึงสามคน แม้ว่าจะมีคนที่หยุดพวกเขาไว้ได้ชั่วคราว แต่ทางออกที่ดีที่สุด
ก็คือลงมือจู่โจมจักรพรรดิชื่อทันทีที่ทำลายผนึกออกมา นั่นเป็นช่วงที่เขาอ่อนแอที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่ถูกฆ่าตายทันที แต่ก็ยังอาจสร้างความเสียหายได้มากมายกับจักรพรรดิชื่อตี้ จากนั้นเขาก็จะหนีไป หลังจากตามหาจื้อจุน,
จักรพรรดินีราตรีและนางเซียนหงส์ฟ้าและบางทีอาจชักชวนผู้เฒ่าหนานกงระดมนักสู้ปราณก่อกำเนิดให้ไล่ตามจักรพรรดิชื่อตี้ที่บาดเจ็บอีกครั้งก็ได้
สำหรับคนอย่างจักรพรรดิชื่อตี้จะฟื้นฟูพลังได้อย่างปลอดภัยในโลกนี้
นั่นก็คงต้องให้หอทงเทียนพังทลายทั้งหมดก่อน
จักรพรรดิอวี้ตายไปแล้ว
เย่ว์หยางตัดสินใจว่าเขาเองจะขอกลายเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่
ไม่ว่ายังไง จักรพรรดิชื่อตี้จะต้องถูกข่มไว้
“ข้าจะทำให้สำเร็จ” คงเป็นเรื่องโกหก
ถ้าจะบอกว่าเขาไม่กังวล
เย่ว์หยางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อยับยั้งความกังวลใจในส่วนลึกและคอยอยู่เงียบๆ
ปราณของเขาถูกกดไว้ในตัวโดยไม่รั่วไหลออกมา
เขาแสดงตัวออกมาเหมือนกับนักสู้ระดับหกธรรมดา ในขณะนี้เอง ทักษะลวงของเย่ว์หยางถูกใช้ในระดับสูงสุด บางทีอาจเกินขีดจำกัดไปแล้ว
ชื่อเฟยที่มีประสาทรับรู้ไวก็ระมัดระวังรอบคอบ และซุ่นเทียนก็เหมือนกันกลับกลอกตาและระแวง
องค์ชายเงาดำก็ถูกทักษะลวงเล่นงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าทักษะลวงที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์จะกลายเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในอนาคต
ไม่มีความสามารถใดๆ ที่ไร้ประโยชน์
นอกจากคนที่ไร้ประโยชน์
เรื่องนี้จริงแท้แน่นอน
10 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
บ่นทั้งตอน 555 ตอนที่แล้วก็พอกันคิดในใจ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
โอ้วว พี่เยว่จิเสี่ยงดวงโจมตี
ตอนหน้าก็เริ่มพิธี ตอนต่อไปค่อยเริ่มโจมตีมั้ง ใจร่มๆไว้พวกเรา ฮ่าๆ
ทักษะแสร้งทำตัวอ่อนแอ ได้พัฒนาถึงจุดสุดยอดแล้วสินะ! ฮิฮิ รอคอยช่วงเวลาปล่อยอัลติ ~
พี่ท่านจะลอบสังหารแล้วชักปืนมาส่องอะไม่ใช่
Thx
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น