วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 2-17 ช่วงเวลาเรียนรู้ (1)



ตอนที่  2-17  ช่วงเวลาเรียนรู้ (1)
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป และฤดูใบไม้ร่วงเวียนมาถึง พริบตาเดียว ลินลี่ย์ใช้เวลาอยู่ในสถาบันเอินส์ถึงครึ่งปีแล้ว
ช่วงวันเวลาเหล่านั้นในโรงเรียน  ลินลี่ย์เป็นเหมือนคนที่กระหายน้ำในทะเลทราย ดื่มกินความรู้เวทขั้นพื้นฐาน  เกี่ยวกับเวทลม ความรู้และพลังของลินลี่ย์ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเดลิน โคเวิร์ทได้ชี้แนะทุกอย่างบ่อยๆ เช่นกัน

วันนี้ แสงตะวันสาดส่องดูงดงาม
สี่พี่น้องหอพัก 1987 เพิ่งทานอาหารกลางวันเสร็จ  พวกเขาอยู่ในชุดยาวสีท้องฟ้าซึ่งเป็นเครื่องแบบของสถาบัน  เพราะฝึกฝนร่างกายอย่างต่อเนื่อง รูปร่างลินลี่ย์จึงน่ามองน่าหลงใหลมาก  ด้วยรูปร่างที่มีชุดยาวสีฟ้าคลุมอยู่ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เด็กผู้หญิงสองสามคนในชั้นเรียนเวทลมชอบคุยกับลินลี่ย์
ในตอนนี้ สี่พี่น้องกำลังเดินทอดน่องคุยกัน
 “จริงสิ, ลินลี่ย์  วันนี้พวกข้าที่เหลือจะเข้าไปร่วมงานรับน้องใหม่  เจ้าจะไปด้วยไหม?” จอร์จหัวเราะ
จอร์จชอบมีส่วนร่วมในชมรมนักเรียนและคบหามิตร  และเขาจะเก่งมากในเรื่องในการหาข่าวและหาเพื่อนใหม่  แม้ว่าจะอยู่ในโรงเรียนมาเพียงครึ่งปีเท่านั้น  แต่บรรดานักเรียนปีแรกของสถาบันเอินส์ จอร์จกลายเป็นคนที่กระตือรือร้นและมีอิทธิพลคนหนึ่ง
 “ไม่”  คำตอบของลินลี่ย์ตรงไม่อ้อมค้อม
 “ฮ่าฮ่า, ข้ารู้แล้วว่าลินลี่ย์คงไม่ไปแน่ๆ”  เรย์โนลด์หัวเราะลั่น
เยลใช้แขนโอบไหล่ลินลี่ย์ ถอนหายใจ “ลินลี่ย์, สหายรัก, ไม่จำเป็นต้องขยันขนาดนี้ก็ได้  เมื่อถึงเวลาเรียน ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า  ถ้าเจ้าใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย ในสามสิบปี เจ้าจะเป็นจอมเวทระดับหกได้ง่ายๆ  ทำไมเจ้าต้องพากเพียรเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนั้น? เจ้าควรจะเรียนรู้อย่างสบายๆ และสนุกกับชีวิต  มีเด็กผู้หญิงน่ารักหลายคนในงานรับน้องใหม่นะ เจ้าก็รู้”
 “ใช่แล้ว เด็กผู้หญิงหลายคนน่ารักจริงๆ”  เรย์โนลด์ทำตาโตและพยักหน้า
ลินลี่ย์ได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ภายใต้คำแนะนำของเยล เด็กที่ไร้เดียงสาอย่างเรย์โนลด์ก็เริ่มใจแตก
 “เยล, เจ้ามันลามก เลิกกวนใจข้าได้แล้ว ตอนนี้ข้าจะไปฝึกต่อ  พรุ่งนี้เป็นวันสิ้นเดือน ตอนนั้นข้าค่อยออกไปกับพวกเจ้า”  ลินลี่ย์หัวเราะ  สองวันสุดท้ายของเดือน ลินลี่ย์ยอมให้ตัวเองได้พักผ่อนสองวัน
พอได้รับรู้อารมณ์ของลินลี่ย์  เยล, เรย์โนลด์และจอร์จก็พยักหน้ากันทุกคน
ลินลี่ย์เดินแยกออกมาทันที แต่รีบมุ่งหน้าไปที่ภูเขาด้านหลังโรงเรียนอย่างเงียบๆ   มีนักเรียนหลายพันอยู่ในสถาบันเอินส์ และมีนักเวทหลายคนกำลังค้นคว้าเวทใหม่ๆ ที่นี่  นอกจากนี้ยังมีคนรับใช้จำนวนมาก  ในช่วงเวลาสั้นๆ สถาบันเอินส์กลายเป็นสถานที่มีประชากรหนาแน่น
บนเส้นทางมุ่งหน้าสู่ภูเขา  นักเรียนหลายคนที่อยู่ในชุดสีน้ำเงินก็สามารถมองเห็นได้เช่นกัน
 “กรรรรร..” เสียงคำรามต่ำดังขึ้น
ลินลี่ย์หันไปมองข้างๆ และนัยน์ตาของเขาเป็นประกาย “อสูรเวท!
แผงขนคอที่เรียบลื่น ขนสีฟ้าเนียน และขาใหญ่สี่ข้างที่ทรงพลัง  ดวงตาเต็มไปด้วยความป่าเถื่อนและอำมหิต กรงเล็บทองส่องประกายเยือกเย็นทำให้คนที่มองเห็นหัวใจสั่นรัว
อสูรเวท หมาป่าสายลม
อสูรเวทที่น่ากลัวเคลื่อนไหวได้เร็วราวกับลมพัด
สิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดที่คนสามารถเผชิญหน้ากับอสูรเวทในป่าก็คือฝูงหมาป่าสายลม  ถ้าท่านเผชิญกับมัน  ด้วยความเร็วของพวกมัน ไม่มีทางที่ท่านจะหลบหนีได้เลย
บุรุษหนุ่มรูปงามผมดำนั่งอยู่บนหมาป่าสายลม  บุรุษหนุ่มมองดูรอบๆ ตัวอย่างสุขใจ ดูเหมือนเขาจะภูมิใจมากที่มีอสูรเวทชั้นดีอย่างนั้น
 “นี่คงเป็นอสูรเวทระดับห้าหรือระดับหก”  ลินลี่ย์สรุป
ที่สถาบันเอินส์ มีอยู่เพียงไม่กี่คนที่มีอสูรเวท  นอกจากนักเวทผู้ได้รับเชิญให้มาสถาบันเอินส์  นักเรียนระดับห้าและระดับหกสามารถซื้อม้วนเวทผูกวิญญาณและฝึกอสูรเวทให้เชื่องและใช้เป็นพาหนะของพวกเขาได้
 “เป็นแค่อสูรเวทตัวหนึ่ง  ทำไมต้องกวนโมโหมากขนาดนั้นด้วย?”  ลินลี่ย์มองอย่างเหยียดหยามไปที่นักเวทผู้หลงตัวเอง
หลังจากออกจากโรงเรียน  ลินลี่ย์เข้าไปที่หุบเขาด้านหลังเขา
ภูเขาด้านหลังสถาบันเอินส์เป็นแนวเขากว้าง นานมากแล้วที่อสูรเวทได้อาศัยอยู่ในภูเขานี้  แต่เมื่อเวลาผ่านไป อสูรเวทถูกนักเวทของสถาบันฆ่าตายหมด  ตอนนี้ตอนนี้จึงมีสัตว์ป่าธรรมดาไม่กี่ตัวอาศัยอยู่ที่นี่
พอเข้าไปในภูเขา ความเร็วของลินลี่ย์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ปกติเขาเริ่มใช้เวทลม คาถาความเร็วเหนือเสียง ทำให้ตลอดทั้งร่างของเขาเบาเหมือนใบไม้  เหมือนกับวิญญาณ เขาลดเลี้ยวไปตามเส้นทางในภูเขา  หลังจากวิ่งมาหลายกิโลเมตร  ลินลี่ย์ก็ไปถึงจุดหมายของเขา เป็นสถานที่ว่างติดลำธาร
 “จี๊ด จี๊ด”  บีบีร้องทักลินลี่ย์อย่างร่าเริง
ลินลี่ย์หัวเราะและพูดว่า “เจ้าต้องการออกไปเล่นเหรอ?  ก็ได้ แต่อย่าไปไกลนักนะ?  ลินลี่ย์เชื่อใจบีบีมาก  หนึ่งปีผ่านไปตั้งแต่เขาได้พบกับเจ้าตัวน้อย  แต่บีบีก็ยังไม่โตขึ้น ยังคงมีตัวขนาดยี่สิบเซนติเมตร  มีแต่ความเร็วของมันที่เพิ่มขึ้นมากมาย
 “นักเวทหรือ?  บางทีนักรบระดับแปดก็สามารถจับหนูเงาน้อยได้  แต่จอมเวทระดับเซียนเท่านั้น ถึงจะสามารถทำอย่างเดียวได้”  ลินลี่ย์ทราบดีว่าร่างกายของจอมเวททั้งหมด แข็งแกร่งขนาดไหน
หนูเงาน้อย บีบี พุ่งเข้าไปในป่าในภูเขา
 “ปู่เดลิน  ได้โปรดออกมาสอนข้าที”  ลินลี่ย์พูดผ่านจิตทันที
หมอกสายหนึ่งลอยออกมา และกลายเป็นเดลิน โคเวิร์ท  เดลิน โคเวิร์ทกระพริบตาและจ้องมาทางลินลี่ย์  “ลินลี่ย์! เกิดอะไรขึ้น? เมื่อก่อนนั้น เจ้ามักจะไม่สนใจตาแก่ผู้นี้และเข้าสมาธิก่อนไม่ใช่หรือ?  ทำไมเจ้าถึงเรียกข้าออกมาตอนนี้เล่า?  ข้ากำลังหลับเพลินๆ ฮึ่ม.. เจ้าทำฝันหวานของข้าป่นปี้หมด”
ลินลี่ย์เบะปาก
แม้ว่าปู่เดลินจะเป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน    หลังจากรู้จักกับเขา ลินลี่ย์ก็ตระหนักว่าแม้ว่าภายนอกเขาจะดูใจดีและเป็นมิตร  แต่ว่าภายในนั้น เขายังชอบกลั่นแกล้งเหมือนเด็ก
 “ปู่เดลิน, ข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าจะเข้าถึงขอบเขตจอมเวทระดับสองแล้ว  ข้าอยากให้ท่านช่วยดูข้าด้วยตัวท่านเอง”  ลินลี่ย์พูดในที่สุด
 “จอมเวทระดับสองหรือ?”
เดลิน โคเวิร์ทครุ่นคิดและประเมินดู “ฮืม.. ใช่แล้ว มันผ่านไปได้ปีหนึ่งแล้วตั้งแต่เจ้าเริ่มเรียนกับข้า  ก่อนอื่นให้ใช้เวทหินแตก  เจ้าจงทำให้ดีที่สุด เข้าใจไหม?”
 “เวทหินแตก” ถูกมองว่าเป็นคาถาที่เอาไว้ใช้วัดผล
มีเวทหินแตกซึ่งเป็นเวทระดับหนึ่ง  แต่ก็ยังมีเวทระดับเซียนที่เรียกว่าเวทหินแตกเหมือนกัน  เพียงแต่ชื่อที่เรียกกันก็คือ เวทดาวตกสวรรค์  ตามปกติ เมื่อความแข็งแกร่งของจอมเวทธาตุดินเพิ่มขึ้น  พลังของเขาในการใช้เวทหินแตกก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
 “ได้เลย ปู่เดลิน”
ทันใดนั้นลินลี่ย์เริ่มร่ายเวทอย่างเงียบๆ  ลินลี่ย์จำคำทั้งหมดได้นานแล้ว ถึงขนาดที่ท่องออกมาได้โดยไม่ต้องคิด  ขณะที่ร่ายเวทต่อเนื่อง  เลนลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงพลังจิตของเขาทั้งหมดกำลังเข้าสู่สภาวะพิเศษ
พลังเวทดินที่เขาสะสมในอกเขาก็เริ่มไหลออกมาและพลังธาตุก็เริ่มรวมตัวเช่นกัน
ทันใดนั้น ดินที่อยู่ใกล้ๆ ก็แตกกระจาย
ก้อนหินขนาดเท่าหัวกะโหลกห้าลูกลอยขึ้นและเริ่มวนรอบศีรษะลินลี่ย์  หินห้าก้อนทั้งหมดปกคลุมด้วยจุดแสงสีธาตุดิน  และขณะที่นัยน์ตาของลินลี่ย์เริ่มเรืองแสง  เขาตวาดเต็มที่  หินทั้งห้าก้อนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับหอบเอาลมไปกับมันด้วย
 “โครม!
หินทั้งห้าก้อนที่ปกคลุมด้วยแสงธาตุดินกระแทกเข้าต้นไม้ใหญ่  ต้นไม้โอนเอน  แต่ลำต้นไม่ได้สั่นมากนัก  ในที่สุดก้อนหินทั้งห้าก้อนก็ร่วงลงมาบนพื้น
 “อืม..ไม่เลว”  เดลิน โคเวิร์ทตาเป็นประกาย  “สามารถควบคุมก้อนหินทั้งห้าก้อนในคราวเดียวด้วยความเร็วที่น่าประทับใจขนาดนั้น  ความจริงนั่นเป็นพลังของจอมเวทระดับสอง”  เดลิน โคเวิร์ทพอใจกับการร่ายเวทของลินลี่ย์เป็นอย่างมาก
ลินลี่ย์อดไม่ได้ที่จะยิ้มเช่นกัน
เขาเข้าใกล้เป้าหมายไปอีกก้าวแล้ว
ลินลี่ย์ไม่มีทางจะลืมคำพูดของบิดาเขาที่พูดกับเขาไว้ตอนที่เขาจากมา  “ถ้าลูกไม่สามารถนำมันกลับมาได้  ต่อให้พ่อตาย  พ่อจะไม่ยกโทษให้ลูก”  คำพูดเหล่านี้เหมือนกับมีดคมที่แทงใจของลินลี่ย์และเขายังนึกถึงอยู่เสมอ
ตอนนี้ เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะอย่างมีความสุข “แต่ว่าลินลี่ย์  เจ้าต้องเข้าใจนะว่าจอมเวทระดับสองยังนับว่าเป็นเด็กน้อย  เกี่ยวกับระบบการจัดลำดับของเรา  นักเวทระดับหนึ่งหรือระดับสองถูกจัดเป็นนักเวทระดับเริ่มต้น  นักเวทระดับสามและระดับสี่มองว่าเป็นนักเวทระดับกลาง และนักเวทระดับห้าหรือหก ถูกมองว่าเป็นนักเวทระดับสูง  นักเวทระดับเจ็ดเรียกว่าจอมเวทอาวุโส   จอมเวทระดับแปดเรียกว่าอาจารย์จอมเวท  จอมเวทระดับเก้าเรียกว่าปรมาจารย์เวท  ระดับเจ็ดถึงระดับเก้าเป็นระดับที่สูงสุด  เส้นทางที่เจ้าต้องเดินทางยังอีกไกลนัก”
 “ข้าทราบ” ลินลี่ย์พยักหน้า
 “ดี จงฝึกให้หนัก”  เดลิน โคเวิร์ทกลับเข้าไปในแหวนมังกรอีกครั้ง
ลินลี่ย์ตั้งสติตนเอง ระงับความตื่นเต้นจากการได้เป็นจอมเวทระดับสอง  เขานั่งสงบจิตใจอีกครั้ง และเข้าสมาธิ   ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทีละขั้นผ่านผลสำเร็จหลายครั้งครา
ห่างจากลินลี่ย์ไปสามกิโลเมตร
จอมเวทที่เป็นครูของลินลี่ย์ เทรย์ จอมเวทระดับหกขมวดคิ้ว “หืม.. คาถาเวทดิน หินแตก? พลังขนาดนี้น่าจะเป็นจอมเวทระดับสอง จอมเวทระดับเริ่มต้นที่มาฝึกในหุบเขาเป็นใครกัน?
จากนั้น เทรย์ใช้เวทลมตรวจสอบ และได้รู้สึกถึงเวทดินซึ่งลินลี่ย์เพิ่งร่าย
จากแรงสั่นสะเทือนของเวท  เทรย์ก็สามารถระบุได้ว่าเป็นเวทชนิดไหน
เทรย์เดินไปในทิศนั้นด้วยความสงสัย ด้วยพลังเวทระดับหกของเขา เขาใช้เวทเหนือเสียงได้แข็งแกร่งกว่าลินลี่ย์มากนัก เหมือนกับเมฆหมอกที่ผ่านไป  เทรย์เคลื่อนผ่านภูเขาได้อย่างราบรื่นง่ายดาย
ในชั่วพริบตา เทรย์ก็มาถึงจุดที่ห่างจากลินลี่ย์สองร้อยเมตร
เขายืนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่  เทรย์เห็นลินลี่ย์จากที่ไกล
เป็นเขาเองหรือ?
ธรรมดา เทรย์จะจำนักเรียนของเขาเองได้ “เด็กคนนี้ชื่อลินลี่ย์ไม่เคยพูดในชั้นเรียนเลย แม้เมื่อถึงเวลาทดลองเวทใหม่ๆ  คนอื่นๆ พยายามจะทดลอง  แต่เขาจะแค่ยืนมองจากที่ไกลไม่เคยแสดงพลังของตนเองออกมา  ดูเหมือน...เด็กที่ชื่อลินลี่ย์นี้จะเป็นจอมเวทระดับสองไปแล้ว  เราจำได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในนักเรียนใหม่ของเรา  คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีพรสวรรค์มาก”
ลินลี่ย์รู้วิธีร่ายเวทแล้ว  ดังนั้นแน่นอนว่าเมื่อครูบอกให้นักเรียนอื่นทำดู เขาจะแค่ยืนมองเฉยๆ
ไม่เคยทำอะไรร่วมกับกลุ่ม  ความลึกลับของลินลี่ย์เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับทุกๆ คนที่รู้จักเขา
 “หึหึ, ดูเหมือนเราจะมีอัจฉริยะในหมู่ลูกศิษย์แล้วสินะ อืม.. ดูเหมือนปีนี้ เราควรจะได้รับรางวัลเมื่อการแข่งขันนักเรียนปีหนึ่งเริ่มขึ้น”  รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเทรย์  ขณะที่ในตอนนี้ ลินลี่ย์กำลังเข้าสมาธิอยู่  เขาสัมผัสรู้สิ่งใดไม่ได้ในระยะร้อยเมตรห่างจากตัวเขาไป

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น