วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 2-16 เวทธาตุลม



ตอนที่  2-16  เวทธาตุลม
สำหรับปฏิทินการศึกษาของสถาบันเอินส์ ทุกๆ เดือน ในยี่สิบแปดวันแรกจะมีการเรียนการสอน  มีเพียงสองวันสุดท้ายที่ว่าง
ชั้นเรียนเวทดินจะสอนกันตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 10.00 น. ในช่วงเช้า  เวทไฟจะสอนกันตั้งแต่ 10.30 ถึง 12.30 น. ในภาคนบ่าย  วิชาเวทน้ำตั้งแต่เวลา 14.00 ถึง 16.00 น. ในภาคบ่าย  เวทลมตั้งแต่ 16.30 ถึง 18.30 น. ในภาคเย็น และเวทสายฟ้า ตั้งแต่ 7.00 น. ถึง 21.00 น.ภาคค่ำ  และเวทแสงตั้งแต่ 21.30 น.ถึง 23.30 น.ภาคค่ำ
 
แต่เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่เป็นพวกสายธาตุเดี่ยว  พวกเขาจึงใช้เวลาเรียนวันละสองชั่วโมงเท่านั้น  ลินลี่ย์เป็นพวกสองสายธาตุ ก็หมายความว่าในแต่ละวัน เขาต้องเข้าเรียนสี่ชั่วโมง  แต่เพราะชั้นเรียนเหล่านี้ยังเป็นการเรียนการสอนขั้นพื้นฐาน  ถ้าท่านไม่ต้องการไป ก็ไม่มีใครบังคับท่าน
เวทดินของโรงเรียนแบ่งออกเป็นหกระดับชั้นเรียน  ในแต่ละระดับชั้นจะมีอาคารเรียนของตนเอง  นักเรียนใหม่และนักเวทระดับหนึ่งจะเข้าเรียนในชั้นระดับหนึ่ง  นักเวทระดับสองจะเข้าเรียนในชั้นระดับที่สอง  นักเวทระดับสามจะเรียนในชั้นเวทระดับที่สาม... และในทำนองเดียวกันนี้ กระทั่งถึงนักเรียนเวทระดับที่หกจะเข้าเรียนในชั้นเรียนเวทระดับที่หก
นักเวทระดับหกสามารถเลือกขอจบในเวลาใดก็ได้  แต่โดยปกติแล้ว  ถ้าพวกเขายังไม่เลือกจบ  พวกเขาก็สามารถศึกษาต่อไปเรื่อยๆ ได้
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ภายในชั้นเรียนระดับหนึ่ง
ห้องเรียนเวทดินระดับหนึ่งเป็นห้องใหญ่มาก และมีที่นั่งรองรับนักเรียนได้พร้อมกันเป็นร้อยๆ คน  มีนักเรียนยี่สิบคนมาถึงก่อนแล้ว และลินลี่ย์เลือกที่นั่งอยู่ด้านหน้า เวลา 8.00 น. ก็มีนักเรียนราวๆ ห้าสิบเปอร์เซนต์
 “ข้าคาดว่านักเรียนส่วนหนึ่งคงเป็นนักเรียนใหม่  สงสัยจริงว่านักเรียนอื่นๆ จะใช้เวลาที่นี่นานแค่ไหน” ลินลี่ย์รำพึงกับตัวเอง
ที่สำคัญคือ สำหรับนักเรียนใหม่กว่าจะไปถึงระดับสองได้  ตามปกติพวกเขาจะต้องฝึกกันหลายปี
 “สวัสดี! นักเรียนทุกคน” ชายวัยกลางคนผมน้ำตาล ท่าทางใจดียืนอยู่ที่หน้าชั้นเรียน “ข้าชื่อเวนดี้ และข้าจะเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชาเวทดินของพวกเจ้า  วันนี้ เรามีนักเรียนใหม่ยี่สิบคน  ดังนั้นก็เหมือนกับทุกครั้ง ก่อนอื่นเราจะให้นักเรียนใหม่ของเราแนะนำตัวเองก่อน  เพื่อว่าเราจะได้รู้จักกันทุกคน”
จากนั้นนักเรียนใหม่คนแล้วคนเล่าเริ่มแนะนำตนเอง
 “ข้าชื่อเกอฮาน ข้ามาจากทุ่งหญ้าใหญ่ทางภาคตะวันออก”
พอได้ยินเกอฮานแนะนำตนเอง  ลินลี่ย์ตกใจ “นักเรียนที่นี่มาจากทั่วทวีปยูลานจริงๆ  มีบางคนมาจากทุ่งหญ้าที่อยู่ภูมิภาคตะวันออกของทวีปยูลาน
ในแผนที่ขนาดใหญ่ของทวีปยูลาน
สหภาพศักดิ์สิทธิ์และพันธมิตรมืดตั้งอยู่ในทิศตะวันตกของเทือกเขาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แห่งทวีปยูลาน  ทิศตะวันออกของเทือกเขาเป็นสี่จักรวรรดิใหญ่  แต่แม้จักรวรรดิที่อยู่ไกลออกไปก็คือทุ่งหญ้าใหญ่ ที่มีสามอาณาจักรปกครองตนเอง  ระยะทางระหว่างทุ่งหญ้าใหญ่และสถาบันเอินส์ห่างไกลเหลือเชื่อ การเดินทางครั้งเดียวต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามปี
 “ข้าชื่อลินลี่ย์  มาจากสหภาพศักดิ์สิทธิ์”  ลินลี่ย์เดินไปอยู่หน้าชั้นเรียนและแนะนำตนเองคร่าวๆ
หลังจากแนะนำตนเองเสร็จสิ้น  อาจารย์เวนดี้ จอมเวทสายธาตุดินก็เริ่มสาธยายความยิ่งใหญ่ของพลังเวทธาตุดิน  จนถึงชั่วโมงที่สอง เขาจึงเริ่มแนะนำเวทดินจริงๆ
ลินลี่ย์และกลุ่มนักเรียนนั่งฟังเงียบๆ  เดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวนั่งอยู่ข้างๆ เขาเช่นกัน
 “เจ้าหมอนี่มีพื้นฐานดีมาก  แม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่ในการสอนนักเวทระดับหนึ่ง แม้แต่นักเวทระดับแปดหรือระดับเก้า ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นครูที่ดีได้”  เดลิน โคเวิร์ทพยักหน้าถอนหายใจชมเชย
ตอนนี้ลินลี่ย์รู้เรื่องเวทดินดีอยู่แล้ว  ดังนั้นการฟังบรรยายจึงเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับเขา
 “แต่ปู่เดลิน  แม้ว่าพื้นฐานของเขาจะแน่น  แต่เขาก็ยังไม่สามารถใช้คำพูดที่ง่ายๆ เหมือนปู่นะ  ดูเหมือนเขาจะทำให้สับสนมากกว่า”  ลินลี่ย์พูด
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะด้วยความมั่นใจในตัวเอง  เขาลูบเครายาวและกล่าวว่า “เป็นธรรมดา ที่จอมเวทผู้วิเศษระดับเซียนจะเข้าใจเรื่องเวทได้มากมายกว่าจอมเวทระดับแปดหรือระดับเก้า  เขตแดนระดับเซียนนั้นเป็นเหมือนดินแดนใหม่  ปกติการสอนเวทของข้าจะลึกซึ้งและตรงจุดในเรื่องธรรมชาติของเวทมากกว่า”
หลังจากได้ฟังชั้นเรียนนี้แล้ว  ลินลี่ย์ตัดสินใจ
 “จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเข้าเรียนเวทดินเดือนละครั้ง”  ลินลี่ย์ไม่ต้องการเสียเวลา
ลินลี่ย์วางแผนไว้หมดแล้ว  ทุกๆ วัน เขาจะใช้เวลาฝึกฝนเวทข้างนอก  สำหรับสถานที่ฝึกเวทของเขา  ลินลี่ย์ได้เลือกไว้แล้ว ภูเขาที่ตั้งอยู่ด้านหลังเยื้องไปทางขวาของสถาบันเอินส์  เนื่องจากสถาบันตั้งอยู่ใกล้เทือกเขา มีภูเขาอยู่ใกล้สถาบันจึงเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
สี่โมงเย็น
ลินลี่ย์กำลังตั้งใจฟังการสอนในชั้นเรียนเวทลม
 “สวัสดี! นักเรียนทุกคน” ชายหนุ่มผมทองหน้าตาหล่อคนหนึ่งพูดพลางยิ้ม “ข้าเป็นนักเรียนเวทระดับหก ชื่อเทรย์  จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะรับหน้าที่สอนเวทลมให้พวกเจ้า  ข้าอยู่ที่หอพัก 0298 ดังนั้นถ้าพวกเจ้ามีปัญหาหลังจากเลิกเรียน ก็สามารถไปพบข้าได้ที่นั่น”
นักเรียนเวทระดับหก  ก็คือนักเวทระดับหกผู้สามารถขอจบการศึกษาได้ทุกเมื่อ
 “ก่อนอื่น ขอให้ทุกคนได้แนะนำตัวเองก่อน”  เทรย์ยิ้ม
นี่คือกฎพื้นฐานในการเริ่มต้นเรียนทุกชั้นในชั่วโมงเรียนแรก  นักเรียนทุกคนต้องแนะนำตนเอง
 “เฮ้, ลินลี่ย์! เจ้าสังเกตหรือเปล่า มีเด็กผู้หญิงน่ารักในหมู่นักเรียนเวทลมด้วย ดูสิ, เด็กผู้หญิงผมทองตัวน้อยๆ นั่นยิ้มให้เจ้าด้วย”  เดลิน โคเวิร์ทที่นั่งข้างลินลี่ย์ชี้นิ้วขณะพูด “ตามที่เด็กผู้หญิงผมทองคนนั้นพูด ดูเหมือนว่าเธอจะชื่อดีเลีย  ดีเลีย ชื่อก็เพราะดี  ตามประสบการณ์ 1,300 ปีของข้า เมื่อเด็กผู้หญิงคนนี้โตขึ้น เธอจะเป็นคนสวยแน่นอน  ลินลี่ย์ ยิ้มให้เธอหน่อยและสร้างสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้  ด้วยวิธีนั้น ในอนาคต เจ้าจะได้พัฒนาความสัมพันธ์กับเธอได้”
ตอนนี้ ลินลี่ย์ไม่ได้สนใจเดลิน โคเวิร์ทเลย
ลินลี่ย์สนใจจอมเวทสายธาตุลม อาจารย์เทรย์ และตั้งใจฟังที่เทรย์สอน
 “นักเวทธาตุลมเป็นนักเวทที่ว่องไวรวดเร็วที่สุดในโลก  นอกจากนี้ เราเป็นนักเวทเพียงพวกเดียวที่สามารถบินได้ก่อนที่จะเป็นจอมเวทระดับเซียน”  คำพูดของเทรย์และท่าทางของเขาถ่ายทอดผ่านความรักในเวทลมที่เขารู้สึก  “พวกเจ้าปรารถนาจะใช้พลังตนเองบินอยู่เหนือท้องฟ้าบ้างไหม? พุ่งทะยานไปในอากาศมองลงมาบนภูเขานับไม่ถ้วน?  ความรู้สึกเช่นนี้ช่างวิเศษและมีกี่คนที่ปรารถนามัน”
สายตาของเด็กๆ หลายคนที่นั่งฟังอยู่ที่นั่งด้านล่างเริ่มเป็นประกาย
บิน?
ใครเล่าไม่ต้องการ?
 “จอมเวทระดับเซียนสามารถบินได้, ใช่แล้ว, แต่สถาบันเอินส์บางทีจะมีแค่คนเดียวเป็นอย่างมากในช่วงตลอดศตวรรษที่ผ่านมา  แต่เรานักเวทสายธาตุลมสามารถบินได้  เพียงเป็นจอมเวทระดับห้า ก็สามารถใช้วิชาลอยตัวได้ทันที”  เทรย์พูดด้วยความมั่นใจ “และนักเวทธาตุลมก็มีความเร็วมาก  เมื่อพวกเขาใช้วิชาความเร็วเหนือเสียง  พวกเขาก็สามารถเพิ่มความเร็วของพวกเขาได้”
 “แต่แน่นอนว่า นี่เป็นแค่เคล็ดวิชาทั่วไป  วิชาต้องห้ามในตำนาน “พายุทำลายล้าง” คือวิชาที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงมากที่สุด  นอกจากนี้ยังมีวิชาต้องห้ามในตำนาน ดาบผ่ามิติซึ่งมีพลังมากที่สุด เป็นวิชาที่ใช้สู้กันตัวต่อตัว”  เสียงของเทรย์เต็มไปด้วยความยำเกรง
นักเรียนหลายคนจ้องมองตาเบิกกว้าง
 “ฮื้มม.. พายุทำลายล้างจะถือว่าเป็นวิชาที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดได้ยังไง?  จะสู้วิชาฟ้าถล่มปฐพีทลาย และดาวตกสวรรค์ของเวทธาตุดินได้ยังไง?” เดลิน โคเวิร์ทได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกไม่พอใจ
 “ปู่เดลิน, แล้ววิชาดาบผ่ามิตินี่เป็นยังไงหรือ?” ลินลี่ย์ถาม
จากที่ปู่เดลินไม่ยอมพูดถึงเวทดาบผ่ามิติ ทำให้ลินลี่ย์เชื่อว่าบางทีอาจเป็นวิชาโจมตีตัวต่อตัวที่ทรงพลังที่สุดก็เป็นได้
 “เวทดาบผ่ามิติหรือ?  มันสามารถตัดผ่านกำแพงมิติทำให้กำแพงขาดแยกจากกัน  แน่นอนว่ามันทรงพลัง  แต่แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งมากในการใช้สู้กันตัวต่อตัว  แต่ก็เป็นคาถาที่ใช้ยิงได้ครั้งเดียว  จะเทียบกับเวทผู้พิทักษ์โลกของเวทดินเราได้ยังไง  มันมีความสามารถรบกับศัตรูได้ไม่มีหยุด?”  เดลิน โคเวิร์ทพูดเลี่ยงอย่างคลุมเคลือ
แต่ลินลี่ย์สามารถบอกได้ว่า
ดาบผ่ามิตินี้เป็นพลังที่น่ากลัวแน่นอน และบางทีมันอาจไม่ใช่ง่ายๆ เหมือนอย่างที่เดลิน โคเวิร์ทพูดก็ได้  วิชาที่ยิงได้ทีละครั้งหรือ?  แม้เป็นเทคนิคที่ยิงได้ทีละครั้งก็เพียงพอแล้ว ถ้าคู่ต่อสู้ไม่สามารถหลบได้
 “ถ้าข้าสามารถเป็นนักรบเลือดมังกร และสามารถใช้เวทลมได้ อย่างนั้น...”  หัวใจลินลี่ย์ตื่นเต้น
และจากนั้น เขานั่งฟังการสอนต่อไป  ลินลี่ย์เริ่มสนใจเวทลมมากขึ้นทุกที  ธาตุทั้งสี่คือ ดิน ไฟ น้ำและลม แต่ละธาตุประกอบไปด้วยความลึกลับซึ่งลึกซึ้งเหมือนมหาสมุทร  มหาสมุทรของความรู้ทางเวทกว้างใหญ่ไม่สิ้นสุด และตอนนี้ ลินลี่ย์เริ่มลุยเข้าไปในส่วนลึกของมัน
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น