วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 10 ย้ายโรงเรียน



ตอนที่  10  ย้ายโรงเรียน
แรงลมที่เกิดจากพลังหมัดมีแรงอัดรุนแรง ถังเทียนตั้งใจออกหมัดทั้งสองอย่างต่อเนื่อง  ตัวเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ และเหงื่อเม็ดโป้งไหลย้อยลงมาตามหน้าถึงคางและหยดลงบนพื้นคอนกรีตสีดำใต้เท้าเขา

บางคราในระหว่างนั้น หมัดจะหายวับไปทันที
ทุกครั้งที่เหตุนี้เกิดขึ้น ตัวเลขที่ประตูจะวิ่งขึ้นทันที  ถังเทียนยังคงฝึกวิชาใหม่นี้ ออกหมัดสักสิบหมัดจะมีอยู่หมัดเดียวที่เป็นหมัดประกายไฟ
การ์ดวิญญาณชนิดบรอนซ์จะสถิตอยู่ในร่างเพียงช่วงเวลาสั้นๆ  เป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายจะเข้าใจท่วงท่าเคลื่อนไหวเหล่านั้นในช่วงเวลาเล็กน้อยเพียงนั้น  เพราะเหตุนั้น  ราคาของการ์ดวิญญาณชนิดเงินจึงมีราคาแพงกว่าการ์ดวิญญาณชนิดบรอนซ์มาก
อย่างไรก็ตาม  ถังเทียนไม่ใส่ใจ  ตราบใดที่เขาเป็นเจ้าของการ์ดวิญญาณได้สักใบ เขาก็พอใจมากแล้ว
เขายังไม่คุ้นเคยกับความเคลื่อนไหวของหมัด  ออกหมัดไปสิบครั้งจะมีความสำเร็จได้สักครั้ง  เขาไม่สนใจปัญหาเช่นนี้แม้แต่น้อย  นี่ไม่มีทางเทียบได้กับห้าปีที่เขาฝึกฝนวิทยายุทธขั้นพื้นฐานได้
ถ้าเขายังไม่คุ้นเคย  อย่างนั้นเขาควรฝึกให้หนักขึ้น  การ์ดวิญญาณชนิดบรอนซ์ ไม่ได้ให้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งแต่อย่างใด ดังนั้น เขาจึงค้นพบด้วยตนเอง
เขาเองก็รักการฝึกฝนมากอยู่แล้ว หลังจากใช้เวลาห้าปี ในที่สุดเขาสามารถฝึกวิทยายุทธระดับสองได้  พลังงานที่เขาสะสมอยู่ในใจเพียงพอจะระเบิดโลกได้ทั้งใบ
สำหรับการฝึกซ้ำ 200,000 รอบจำเป็นต้องทำให้ได้เพื่อเชี่ยวชาญในวิธีใช้
เพื่อให้ได้เคล็ดสังหาร
เพื่อเชียนฮุ่ย
เพื่อแม่ของเรา
เพื่อตัวเราเอง
เขารู้สึกว่าเขามีพลังงานในร่างกายไม่หมดสิ้นและว่าสภาพร่างกายในปัจจุบันของเขาไม่เคยดีกว่านี้เลย  เขาชอบใช้ชีวิตแนวนี้ สามารถกู่ก้องประกาศเป้าหมายในใจและเขาสามารถเอียงกายปาดเหงื่อได้ภายใต้ดวงตะวันนี้
เป้าหมายความทะเยอทะยานเหล่านั้นไม่ยั่งยืนเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า จึงไม่สามารถบรรลุได้  มันห่างไกลมาก
ถ้าเขาไม่ยินดีอาบเหงื่อ  ฝันของเขาก็คงไม่มีอะไร  เป็นได้แต่ความฝันเท่านั้น
เขายังไม่ได้นอนสักครั้ง ตั้งแต่เขาพบว่าเขาไม่จำเป็นต้องกินขณะที่อยู่ภายในมิติหลังประตูดาวกางเขนใต้  ถ้าไม่นั่งสมาธิ  อย่างนั้นเขาจะฝึกวิชาหมัดประกายไฟ เขาปล่อยหมัดประกายไฟได้เกินกว่า 768 ครั้ง
เมื่อเทียบกับ 200,000 ครั้ง  768 หมัดดูเหมือนเป็นความลำบากเพียงเล็กน้อย  อย่างไรก็ตาม ถังเทียนยังคงทู่ซี้ฝึกต่อไป  เขารู้ว่าการเริ่มต้นมักจะเป็นส่วนที่ยากที่สุด  แต่ทันทีที่ผ่านจุดนั้นไปได้  โอกาสที่จะทำได้สำเร็จจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป็นเวลาห้าวันติดต่อกัน ถังเทียนยังหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝีมือ
จำนวนตัวเลขที่ปล่อยหมัดประกายไฟได้สำเร็จเริ่มเพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก  ก่อนหน้านี้ พอออกหมัดสิบหมัด จะทำสำเร็จได้เพียงหนึ่งหมัด แต่เดี๋ยวนี้ เขาทำสำเร็จได้ถึงสามในสิบหมัด
ตัวเลขบนประตูเพิ่มจำนวนมากขึ้น และช่วงที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นก็มากขึ้นเช่นกัน
เขาหอบหายใจหนักหน่วงและเหงื่อไหลพร่างพรู ความเหนื่อยล้าเริ่มคืบคลานเข้ามา  เขาคุกเข่าลง ตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงปูดโปน  เขาจ้องดูพื้นและดวงตาเขาค่อยๆ เริ่มเห็นแสงสว่าง
เขายิ้ม แม้เขาจะรู้สึกว่าเรี่ยวแรงเหือดแห้ง แต่ยังรู้สึกสดใสเหมือนตะวันทอแสง
เขาออกหมัดประกายไฟสำเร็จถึง 8,000 หมัดแล้ว
เขานั่งขัดสมาธิ หลับตา ขณะที่ฝึกเดินปราณลับ  ภายในประตูดาวกางเขนใต้ มีพลังงานเหลือเฟือ  การฝึกพลังภายในด้วยจะเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนทั่วไป  ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ชัด ถึงพลังงานทุกส่วนสัด ปราณบ่มเพาะลับที่ไหลเวียน ลอยอยู่รอบๆ ตัวเขาเหมือนแมงเม่าที่ถูกแสงไฟดึงดูดเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
พลังงานที่ลอยอยู่นี้ทะลุเข้ามาในร่างของถังเทียน  ไหลเวียนไปพร้อมกับปราณบ่มเพราะ ทันทีที่มันมาถึงจุดตันเถียนของเขา (ต่ำกว่าสะดือสองนิ้ว) ก็เป็นพลังรวมสะสมอยู่ตรงแอ่งตันเถียนนั้น
มีแอ่งอยู่สองแห่ง ในจุดตันเถียนของถังเทียน  แอ่งหนึ่งอยู่บน อีกแอ่งหนึ่งอยู่ล่าง  แอ่งที่อยู่บนคือแอ่งตันเถียนชั้นที่สอง  และแอ่งที่ต่ำกว่าเป็นแอ่งตันเถียนชั้นที่หนึ่ง
เมื่อพลังที่แท้จริงเข้าสู่จุดตันเถียน  ร่างกายจะสร้างแอ่งตันเถียนใหม่ทุกครั้ง  และจะเติมเต็มแอ่งปัจจุบัน แอ่งตันเถียนจะสร้างซ้อนอยู่บนตันเถียนเดิม มองดูเหมือนขั้นบันได
ตามตำนานกล่าวว่า ถ้ายังฝึกไม่ถึงระดับ  พลังที่แท้จริงจะซึมเข้าไปในแอ่งตันเถียนและมีอิทธิพลต่อแอ่งตันเถียนเหล่านั้นตามระดับชั้น จนถึงเส้นลมปราณตรงระหว่างคิ้วของคนทำให้เขามีชีวิตนิรันดร์
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข่าวลือ ยังห่างไกลมาก ไม่มีใครที่ฝึกฝนได้จนถึงระดับนั้น  ก็แค่ยังไม่มีวิธีไปถึงจุดสิ้นสุดวิถีสวรรค์ได้
พลังงานเช่นนั้นในตัว เปลี่ยนเป็นพลังแท้จริงและเข้าไปเก็บกักไว้ในตันเถียน การชำระครั้งแล้วครั้งเล่า ก็จะไปสะสมไว้ในแอ่งตันเถียนที่สอง
แอ่งตันเถียนชั้นที่สองจะถูกเติมเต็มทีละนิด
กระบวนการนี้ช้าและน่าเบื่อหน่ายไม่น้อย ต้องอดทนต่อการทดสอบ  ขณะที่พลังงานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพลังที่แท้จริง ร่างที่ได้รับสารอาหารก็จะฟื้นคืนสภาพ
จอมยุทธผู้ร่ำรวยจะใช้หินดาราเพื่อฝึกฝนพลังที่แท้จริง  หินดาราจะมีมวลพลังที่บริสุทธิ์มากหลังจากดูดซับพลังงานที่บริสุทธิ์แล้ว  ผู้ฝึกฝนสามารถเปลี่ยนพลังงานให้เป็นพลังภายในที่แท้จริงได้ช่วยลดเวลาฝึกฝนลงได้มาก
อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยราคาของหินดารานั่นเอง  จึงไม่ใช่วิธีที่คนธรรมดาจะใช้ได้
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
แอ่งตันเถียนชั้นที่สองของถังเทียนเต็มไปด้วยพลังภายในที่แท้จริง  แต่ถังเทียนสังเกตว่ายังไม่มีสัญญาณของการพองตัว  เขารู้สึกมีแรงจูงใจและยังคงฝึกจิตเพื่อดึงพลังงานมาสร้างเป็นพลังแท้จริง  โคจรผ่านเส้นลมปราณไหลเข้าตันเถียน จากนั้นจึงเข้าไปสะสมในแอ่งตันเถียนชั้นที่สอง
ทันใดนั้น ร่างของถังเทียนสั่นและเขาดูมีความสุข
เขารู้สึกได้ถึงพลังแท้จริงของตันเถียน เหมือนกับว่าสัมผัสกำแพงที่มองไม่เห็น
สำเร็จแล้ว
แอ่งตันเถียนระดับสองทำได้สำเร็จแล้ว
ชั้นม่านพลังขวางที่มองไม่เห็นรู้จักกันในนามว่ากำแพงสมบูรณ์แบบ  เบื้องหลังเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นขวางแอ่งตันเถียนระดับที่สาม  เมื่อมีผู้สัมผัสได้ถึงกำแพงที่สมบูรณ์แบบ  ก็หมายความว่า การบ่มเพาะพลังที่แท้จริงในแอ่งพลังนั้นทำได้สมบูรณ์แบบ
ขณะนี้ มีความจำเป็นต้องฝึกพลังภายในจนถึงระดับสามหรือสูงกว่า เพื่อทำลายกำแพงที่สมบูรณ์แบบและเปิดแอ่งตันเถียนระดับสาม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถังเทียนจะมีความสุข  ตามที่เขาคาดการณ์  เขาต้องการเวลาเพื่อฝึกฝนปราณให้สมบูรณ์แบบ เขาไม่เคยคาดว่าตัวเขาเองจะเชี่ยวชาญได้ไวนัก
เมื่อเป็นอย่างนี้  เขาสามารถเริ่มฝึกฝนพลังภายในระดับสามได้
พลังที่แท้จริงมาจากแอ่งตันเถียนชั้นที่สามที่บริบูณ์มากกว่าและคุณภาพสูงกว่าแอ่งตันเถียนชั้นที่สอง
ถังเทียนเต็มไปด้วยความดีใจ  พลังที่แท้จริง ถูกสร้างรากฐานไว้ทั้งหมด  ไม่มีพลังที่แท้จริง วิทยายุทธก็เป็นเพียงท่วงท่าที่น่าทึ่งเท่านั้น วิทยายุทธที่น่าเกรงขามจำเป็นต้องใช้พลังแท้จริงเป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์ของสำนักเรียนใหญ่ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการบ่มเพาะปราณ
ชั้นที่สาม
ขอเพียงบรรลุขั้นที่สามและเหนือกว่าจึงจะสามารถผ่านประตูวิถีดวงดาวเข้าวิถีสวรรค์มุ่งสู่กลุ่มดาวเพอร์ซูสไปพบกับเชียนฮุ่ย
ถังเทียนฉีกยิ้มกว้าง  ขณะที่กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น  เขายกแขนทั้งสอง
 “ฮ่าฮ่าฮ่า! ระดับสาม เราต้องการฝึกฝนเคล็ดพลังภายในระดับสาม”
 “เราจะไปสู่วิถีสวรรค์”
 “เราอยากจะไปกลุ่มดาวเพอร์ซูส”
เขากระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขอยู่เบื้องหลังประตูดาวกางเขนเหมือนเด็กๆ ดีใจ
หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาก็หยุดพัก
หน้าเขาเบิกบานขณะที่นัยน์ตาเบิกกว้าง  เขากำหมัดแน่น และชกอากาศอย่างจริงจังและตะโกนว่า “เฮ้, เจ้าหนุ่ม แกจะได้เป็นชาวสวรรค์แน่นนอน”
 “ชิ้ง” พริบตาร่างของเขาก็มาปรากฏจุดตรงข้ามที่เขายืนอยู่เดิม และแกล้งทำเป็นพูดว่า “โอว ฉันคิดว่านายพูดถูก”
 “วืด” เขากลับมายืนตำแหน่งเดิมและทำหน้ายอมรับ “ฉันรู้สึกว่าหมัดประกายไฟก็เป็นเหมือนชาวสวรรค์อย่างที่นายพูด ไม่มีปัญหาอะไร”
 “วืดด” กลับมาอยู่ที่ด้านตรงข้าม เขาโบกมือด้วยท่าทางน่าประทับใจ “พ่อหนุ่ม การมีสติปัญญาอย่างนี้ ด้วยวัยเพียงเท่านี้ นับว่าดีมาก เธอมีอนาคตที่ดีมากเลยนะ”
หลังจากแสดงท่าทางพูดเอง เออเองเสร็จ ถังเทียนก็ฝึกฝนต่อด้วยความมั่นใจ
เสียงจากลมของหมัดทุกหมัด เห็นได้ชัดว่ามีพลังในตนเองมากขึ้น
※※※※※※※※※※※※※※※※
 “อาโมรี่! เธอจะย้ายสถาบันหรือ?  ทำไมกัน?”  ผู้อำนวยการถามอย่างไม่เชื่อ  เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไม ไม่ว่าจะพยายามมองมุมไหน ก็ไม่มีเหตุผลที่อาโมรี่ต้องการย้ายไปสถาบันอื่น
สถาบันเหมิ่งโซ่วเป็นสถาบันใหญ่เป็นอันดับสามในเมืองซิงฟง  พวกเขามีทรัพยากรมากกว่าสถาบันคาราเมล  อาโมรี่ได้รับการยกย่องว่ามีความสามารถอย่างสำคัญ  เขาติดอันดับสิบสุดยอดเมื่อเขาเรียนอยู่ปีสอง  อัจฉริยะอย่างนี้หาได้ยาก
ผู้อำนวยการพูดอย่างใจเย็นใจ “ฉันมัวแต่วุ่นๆ กับงานของฉันเกินไปจึงทำให้ละเลยเธอ  ถ้าเธอมีเรื่องขัดข้องใจหรือไม่สบายใจ  บอกให้ฉันรู้ได้  เธอพบอุปสรรคขณะฝึกฝนใช่ไหม?  เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับการ์ดวิญญาณใช่ไหม?  เธอสามารถเลือกการ์ดวิญญาณชั้นเงินระดับสามได้ 4 ใบเลย”
 “อาโมรี่ส่ายศีรษะ” ไม่มีอะไรต้องทำอย่างนั้นครับ  ผมไม่ได้ฝึกผิดแนวทางอะไร  แต่ผมต้องการค้นหามรรคาวิชาบู๊ของตัวเองครับ”
 “มรรคาวิชาบู๊ของตนเองหรือ?”  ผู้อำนวยการหยุดยิ้ม  “อาโมรี่, แม้ว่าเธอจะมีพรสวรรค์  แต่เธอก็ยังอายุน้อย  สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ค้นหามรรคาวิชาบู๊  แต่ต้องสร้างพื้นฐานของเธอให้ดี   มรรคาวิชาบู๊ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องมโนเอานะ”
อาโมรี่คำนับผู้อำนวยการและตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ขอบคุณที่กังวลห่วงใยผม  แต่ผมจะฝึกให้หนัก”
ผู้อำนวยการรู้ว่าอาโมรี่เอาจริง  แต่เขาอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้แล้วตอบว่า “อาโมรี่!  ฉันหวังว่าเธอคงจะไม่เสียใจกับเรื่องที่ตัดสินใจลงไปในวันนี้”
 “ผมจะไม่เสียใจ!  อาโมรี่ตอบ
เขาหันหลังเดินออกจากห้องผู้อำนวยการ
ขณะที่เดินไปตามระเบียงทางเดิน มีเสียงจริงจังดังขึ้นจากข้างหลังอาโมรี่
 “อาโมรี่!  นายกำลังจะย้ายโรงเรียนเหรอ?  จะไปอยู่กับโรงเรียนที่อบรมนักเรียนได้ห่วยแตกน่ะหรือ?”
อีกเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดังขึ้น  “สถาบันเหมิ่งโซ่วที่สง่างามมีอนาคตสดใสรออยู่ แกไม่สนใจ กลับวิ่งไปหาสถาบันที่ล้มเหลวที่สุด ห่วยที่สุด น่าอายเหลือเกิน!
อาโมรี่หมุนตัวกลับมา ขมวดคิ้วและจ้องตาเขา “เถียนหลิน ถ้าแกไม่กลัวโดนชกปาก ก็หุบปากเสียดีกว่า”
ต่อหน้าเขา หนึ่งในนักเรียนสองคนนั้นมีใบหน้าที่ดูแคลนและไม่ยอมรับนับถือเล็กน้อย  เขาชื่อเถียนหลิน  เขาเป็นสิบสุดยอดของนักเรียนสถาบันเหมิ่งโซ่ว รั้งอันดับที่เก้า
นัยน์ตาเถียนหลินฉายแววโกรธเล็กน้อย  แต่ก็ยอมหยุดพูด  เมื่ออาโมรี่โกรธจริง  เรื่องจะไม่จบจนกว่าจะมีใครตาย  เถียนหลินไม่ต้องการหาเรื่องกับอาโมรี่
เด็กหนุ่มข้างๆ เถียนหลินสีหน้าเคร่งขรึมพูดด้วยน้ำเสียงลึกว่า “อาโมรี่!  นายตั้งใจจะไปตามเส้นทางนี้จริงๆ เหรอ?”
อาโมรี่ไม่เห็นเถียนหลินอยู่ในสายตา  แต่เด็กหนุ่มตัวสูงอีกคนสร้างแรงกดดันให้กับเขามาก
เหลียงชิว, นักเรียนอันดับหนึ่งของสถาบันเหมิ่งโซ่ว!
สิ่งที่ทำให้อาโมรี่รู้สึกกดดันไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งเต็มเปี่ยมของเหลียงชิวเท่านั้น  แต่ความจริงก็คือเหลียงชิวมักเอาใจใส่เขาและให้คำชี้แนะเขามากมาย
สิ่งที่พี่เหลียงชิวพูดทำให้เขารู้สึกอึดอัด แต่เขารู้ว่าเวลานี้อธิบายอะไรไปก็ไม่มีความหมาย  เนื่องจากคงไม่มีผู้ใดเชื่อ
แน่นอนเขาคิดว่าเขาจะใช้เป้าหมายของเขาอธิบายทุกอย่าง
อาโมรี่กำหมัดแน่นแต่จากนั้นไม่นานก็ผ่อนคลายทันที  แล้วเชิดหน้าบอกเหลียงชิวอย่างมาดมั่นว่า “พี่เหลียงชิว  รอให้ข้าเอาชนะท่านให้ได้ก่อน”
พูดจบ เขาก็ออกไปโดยไม่แสดงอาการใดๆ ว่าไม่เต็มใจ
ตามรายทางมีอยู่หลายคนชี้มาทางเขา ซุบซิบกันขณะที่เขาเดินผ่าน  อาโมรี่ทำเป็นมองไม่เห็น  เขากำหมัดโดยมิได้ตั้งใจ เป็นเรื่องที่เขาทำใจไว้อยู่แล้ว
เขา, อาโมรี่จะแสวงหามรรคาวิชาบู๊ของตนเองให้ได้
 “แกต้องการจะเอาชนะพี่ใหญ่เหลียงชิว, ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เถียนหลินหัวเราะกร้าวไล่หลังอยู่แต่ไกล เสียงของเขาสะท้อนก้องไปทั้งทางเดิน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่มองดูอาโมรี่อยู่ ก็หัวเราะตามและนึกสมเพชเขา  คิดว่าเขาประเมินตัวเองสูงเกินไปและว่าเขาบ้าไปแล้ว
สถาบันคาราเมล, มันอะไรกัน?  ก่อนจะถึงวันนี้ ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อโรงเรียนอย่างนั้นมาก่อน  และเมื่อพวกเขาพบการจัดอันดับโรงเรียนของสถาบันคาราเมล  ทุกคนพากันอึ้งไปทั้งหมด
ที่สามจากบ๊วย!
โอว, พระเจ้า!  กระจอกอะไรอย่างนี้!
และนักเรียนที่ถูกไล่ออกจากสถาบันแอนดรูว์  สถาบันอบรมที่มีชื่อเสียงสุดยอดของเมืองซิงฟง
ตัวร้าย, เจ้าวายร้าย!
ในสายตาทุกคน อาโมรี่ทำลายอนาคตของเขาเองและพอได้ยินคำประกาศท้าทายของเขา  ทุกคนคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว
ยกเว้นเหลียงชิวที่มองตามหลังอาโมรี่ ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ข่าวที่อาโมรี่ย้ายโรงเรียนไปเข้าสถาบันคาราเมลแพร่กระจายไปทั่วเมืองซิงฟงอย่างรวดเร็ว
เจ้าวัวบ้าอาโมรี่มิใช่ว่าไม่มีอะไร  เขาใช้เวลาสองปี ก็กรุยทางขึ้นสู่ทำเนียบสิบสุดยอดนักเรียนสถาบันเหมิ่งโซ่วได้ เขาถูกมองว่าเป็นตัวแทนของเหลียงชิว
อีกคนที่คล้ายคลึงกันเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นนักเรียนซ้ำชั้นผู้โด่งดังไม่มีใครเกินในเมืองซิงฟง  เป็นจอมเกเรอันดับหนึ่งของสถาบันแอนดรูว์ เป็นตัวน่ารังเกียจเดียดฉันท์ของใครหลายๆ คน  ถังเทียนสุดยอดกากเดน ขยะที่ไม่มีใครเกิน
ทั้งสองคนร่วมกันเข้าเรียนในสถาบันคาราเมล  โรงเรียนที่กระจอกที่สุด ถูกจัดให้อยู่ในอันดับสามจากตำแหน่งบ๊วย
เรื่องแปลกเช่นนี้ นับเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเมืองซิงฟง ก่อให้เกิดความโกลาหลในโรงเรียนต่างๆ ขนานใหญ่

8 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคร๊าฟ.

aloha777 กล่าวว่า...

ไม่รุ้จักคู่หูขวางนรกซะแล้ว

L_A_N_G-LnW กล่าวว่า...

ระวังนรกแตก!!!

L_A_N_G-LnW กล่าวว่า...

ระวังนรกแตก!!!

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

คู่หู ลิง กระทิง

Rewma กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น