วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 4-1 กลับบ้าน (1)



ตอนที่  4-1  กลับบ้าน (1)
กำแพงที่ล้อมรอบบ้านของอลิซไม่ได้สูงมากนัก ลินลี่ย์กระโดดเพียงครั้งเดียวก็สามารถขึ้นไปยืนบนกำแพงสูง 2 เมตรนั่นอย่างง่ายดาย เขาค่อยๆโรยตัวลงมาต่อหน้าอลิซและเดินไปหานาง

 “เร็วเข้า หมอบลง” อลิซดึงลินลี่ย์ให้ก้มลงอย่างรวดเร็ว
ลินลี่ย์สงสัย แต่ก็นั่งลงอย่างว่าง่าย
 “ชู่ววว์” อลิซมองดูรอบๆ อย่างระมัดระวังก่อนถอนหายใจในที่สุดเมื่อหันมาหาลินลี่ย์ “โชคดีที่ทุกคนกำลังหลับอยู่ หากมีใครเห็นเข้า ข้าเกรงว่าจะเกิดปัญหาเป็นแน่”
ลินลี่ย์ค่อยเข้าใจทันที
 “นั่งลงเถอะ หากเรานั่งคุยกัน กำแพงจะบังไม่ให้มีใครเห็นพวกเรา” อลิซยิ้มซุกซนทำให้นางดูเหมือนจิ้งจอกตัวน้อยๆ นางใช้เศษผ้าที่อยู่ใกล้ๆปัดพื้นบริเวณนั้นแล้วนั่งลงข้างลินลี่ย์
ลินลี่ย์รู้สึกยินดีจนแทบอยากโผเข้าหาอลิซเลยทีเดียว
 “พี่ลินลี่ย์ ท่านมาทำอะไรบนถนนเส้นนี้ยามดึกดื่นป่านนี้เล่า? ท่านกล่าวว่าตนเองเป็นนักเรียนของสถาบันเอินส์ไม่ใช่หรือ? ท่านมาทำอะไรที่เมืองเฟนไลกัน?” อลิซถามหลายคำถามรวดเดียว
ทำไมเขาอยู่ในเมืองเฟนไล?
ลินลี่ย์รู้สึกประหม่า เขาไม่ควรตอบว่า ‘ข้ามาเที่ยวที่สวรรค์น้ำหยกกับพี่น้องทั้ง 3’ หรอกใช่หรือไม่?
 “ข้ามาเที่ยวในเมืองกับเหล่าสหายสนิท พอตกดึกก็พลันรู้สึกอึดอัด จึงออกมาเดินเล่น” ลินลี่ย์จงใจไม่ตอบให้กระจ่างทั้งหมด
อลิซพยักหน้า
 “อลิซ! เหตุใดดึกป่านนี้แล้วเจ้ายังไม่นอนอีกเล่า?” ลินลี่ย์ถาม
อลิซขบริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยอย่างทำตัวไม่ถูก “วันนี้ข้านอนแต่หัวค่ำ แต่ระหว่างที่ข้ากำลังฝันดีอยู่นั้น ก็ถูกปลุกโดยเสียงเอะอะของพ่อข้าเอง ท่านคงไม่รู้หรอกว่าพ่อข้านั้นแย่แค่ไหน เขาออกไปพนันและดื่มสุราทุกวัน กลับจากดื่มก็มาทำลายข้าวของ ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก!”
 “มีพ่อเช่นนี้พูดได้เพียงว่าเป็นโชคร้ายของข้าเอง แล้วท่านเล่า ลินลี่ย์? พ่อของท่านเป็นเช่นไร?” อลิซจ้องมองลินลี่ย์ที่นั่งตรงข้ามกับนาง
 “ท่านพ่อข้าน่ะหรือ?”  ลินลี่ย์คิดไปถึงบิดาของตน “ท่านพ่อของข้าไม่เล่นการพนัน อาจมีดื่มบ้างเป็นบางคราแต่ก็ไม่เคยเมามาย ถึงกระนั้นท่านพ่อก็เป็นคนที่เข้มงวดมาก ท่านเข้มงวดกับข้าตั้งแต่เด็กๆ”
อลิซถอนหายใจอย่างอิจฉา “พี่ลินลี่ย์ ท่านช่างโชคดีนัก ไม่เหมือนกับข้า...”
ท่ามกลางแสงจันทร์ ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างพูดคุยกันอย่างมีความสุขบนระเบียงบ้าน ถัดจากเรื่องของบิดา พวกเขาพูดคุยกันเรื่องการเรียน เรื่องสถาบันของพวกเขา และเรื่องเพื่อนแต่ละคน แม้กระทั่งว่าวันหนึ่งพวกเขาทำอะไรกับเพื่อนบ้าง...
ลินลี่ย์มีความสุขมากยามได้พูดคุยกับนาง ยิ่งได้พูดคุยกันมากเท่าใด ลินลี่ย์ยิ่งรู้สึกเหมือนได้เข้าใจชีวิตของอลิซมากขึ้น
ค่ำคืนผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งแสงแรกของตะวันโผล่พ้นจากยอดเขาทางทิศตะวันออก พื้นดินเริ่มปกคลุมไปด้วยมวลอากาศสดชื่นของยามเช้า แต่ลินลี่ย์และอลิซยังคงสนทนากันอย่างมีความสุขไม่ได้รู้สึกถึงเวลาที่ผ่านไปแม้แต่น้อย จนกระทั่งท้องฟ้าสว่างโล่งพวกเขาจึงรู้สึกตัว
 “โอว! เช้าแล้วหรือนี่” ตอนนี้ลินลี่ย์เริ่มรู้สึกตัว
อลิซก็เพิ่งรู้สึกตัวเช่นกัน “ช่างน่าขายหน้าจริง พี่ลินลี่ย์ เป็นข้าที่รบกวนท่านตลอดคืนแล้ว”
ทันใดนั้นบทสนทนาก็หยุดลง ทั้งสองรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
 “ข้าว่าข้าควรกลับได้แล้ว” ลินลี่ย์รู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ เขาลุกขึ้นยืนอย่างประหม่า
 “พี่ลินลี่ย์ วันหน้าท่านยังจะมาที่เมืองเฟนไลอีกหรือไม่?” อลิซเอ่ยถาม
 “แน่นอน หากมีเวลาว่างเมื่อไรข้าจะมา” กล่าวพลางเอามือจับกำแพงดันตัวเองขึ้นไป เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงมายืนบนถนน เป็นระยะราว 10 เมตรจากกำแพง
ลินลี่ย์โบกมือลาโดยไม่ได้หันกลับไปมอง
อลิซมองแผ่นหลังของลินลี่ย์ที่กำลังเดินจากไป เมื่อเห็นร่างนั้นเดินลับตาไปแล้วจึงค่อยกลับเขาห้องของนาง
….
ดวงอาทิตย์ในช่วงฤดูร้อนเดือนสิงหาคมไม่ต่างอะไรกับลูกไฟยักษ์ที่แผดเผาผืนดิน หลังจากทานอาหารกลางวันกับพี่น้องทั้ง 3 ลินลี่ย์ก็มุ่งหน้ากลับบ้านเกิด เมืองอู่ซัน เขาสะพายกระเป๋าซึ่งบรรจุแก่นเวทมูลค่า 70,000 เหรียญทองไว้ด้านหลัง
 “จี๊ด จี๊ด” บีบีที่เกาะหลังลินลี่ย์อยู่ก็ตื่นเต้นเช่นกัน
ลินลี่ย์มองดูบีบีแล้วหัวเราะ เขาสื่อสารผ่านทางจิต “บีบี ดูเหมือนว่าเจ้าจะตื่นเต้นน่าดูที่จะได้กลับไปยังเมืองอูซัน เอ? ใช่สิ ข้าไม่เคยถามเจ้าเลย ว่าทำไมตอนนั้นเจ้าถึงไปอยู่ในสวนหลังคฤหาสน์ของตระกูลข้าได้?”
 “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” บีบีส่ายหัวอย่างจนใจ “ตั้งแต่จำความได้ ข้าก็อยู่ในสวนของเจ้านายแล้ว ข้าไม่เคยเห็นแม้แต่พ่อแม่หรือหนูตัวอื่นๆ แต่ข้าจำได้ว่ามีเสียงหนึ่งที่คอยกล่าวว่า ‘จงอยู่ที่นี่ อย่าหนีไปไหน’ ”
 “จงอยู่ที่นี่ อย่าหนีไปไหน?” หัวใจของลินลี่ย์เต้นรัว
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นเสียงของพ่อหรือแม่ของบีบี?
 “เดิมทีข้านั้นได้กินเพียงก้อนหินและเชื่อฟังเสียงนั้นอยู่ตลอด ข้าจึงไม่เคยออกจากสวนของตระกูลเจ้านายเลย แต่หลังจากนั้นเจ้านายก็เจอข้าและเอาเนื้อให้ข้ากินที่นั่น ในโลกนี้ไม่มีใครจะดีกับข้าเท่ากับท่านอีกแล้ว เจ้านาย ข้าอยากอยู่กับท่านตลอดไป!” บีบีย่นจมูกเล็กๆของมัน
ลินลี่ย์เองก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น
ยามนั้น บีบียังลังเลที่จะออกจากเมืองอู่ซัน แต่ท้ายที่สุด เมื่อเห็นว่าลินลี่ย์กำลังจะจากไปจริงๆ หนูเงาน้อยจึงตัดสินใจพุ่งเข้ามากัดลินลี่ย์เพื่อเริ่มต้นพันธสัญญาที่เชื่อมดวงวิญญาณทั้งสองไว้ด้วยกัน
 “แน่นอน บีบี พวกเราจะอยู่ด้วยกัน ดีหรือไม่?” ลินลี่ย์ลูบหัวน้อยๆของบีบีอย่างรักใคร่ และบีบีก็หลับตาช้าๆอย่างพึงพอใจ
ลินลี่ย์ไม่ได้เดินเร็วนัก เขาเดินทางด้วยอัตราราว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเดินทางมาถึงชายแดนเมืองอู่ซันก็เป็นเวลาค่ำพอดี ระหว่างมุ่งหน้ากลับบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย....
 “พวกเจ้าทุกคน หลังตรงและยกเอวขึ้น! อย่าหลังโกง! หากสะโพกของพวกเจ้าคนใดแตะกิ่งไม้นั่นและมีสีติด คนนั้นจะถือว่าทำผิดกฎและต้องฝึกเพิ่มเป็น 2 เท่า!” เสียงของฮิลแมนได้ยินชัดจากระยะไกล
ลินลี่ย์จ้องดูเขา
พื้นที่ที่คุ้นเคย ลานว่างทางตะวันออกของตัวเมืองอู่ซัน ถัดจากแนวต้นไม้คือกลุ่มเด็กอายุ 6 – 7 ปีกำลังยืนแบ่งออกเป็น 3 แถว พวกเขากำลังอยู่ระหว่างการฝึกฝนที่ยากลำบาก ภายใต้การดูแลที่เข้มงวดของฮิลแมนและครูฝึกอีก 2 คน เสื้อผ้าของเด็กเหล่านั้นล้วนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
 “ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น ข้าก็ได้ฝึกเช่นเดียวกันกับพวกเขา” เมื่อเห็นดังนั้นลินลี่ย์จึงเดินเข้าไป
 “ลินลี่ย์?” ฮิลแมนเห็นลินลี่ย์จากระยะไกล หลังจากมอบหมายการฝึกให้โรเจอร์และลอร์รี่แล้ว เขารีบวิ่งมาหาลินลี่ย์และโอบกอดเขาเต็มอ้อมแขน
 “ลุงฮิลแมน ไม่เจอกันนานเลย!” ลินลี่ย์ก็มีความสุขเช่นกัน
 “ฮ่าฮ่า ไป! กลับบ้านก่อน ท่านลอร์ดฮ็อกคงดีใจที่เห็นเจ้า” ฮิลแมนพูดพลางหัวเราะร่วน และนำลินลี่ย์เข้าไปในเมืองอู่ซัน
 “คุณชายลินลี่ย์”  โรเจอร์และลอร์รี่ทักทายลินลี่ย์อย่างอบอุ่นแต่ไกล
 “ลุงโรเจอร์ ลุงลอร์รี่” ลินลี่ย์ก็โบกมือให้อย่างมีความสุขเช่นกัน จากนั้นจึงตามฮิลแมนมาถึงที่พัก
 “ลินลี่ย์ เจ้ามีสัมภาระมาด้วยอย่างนั้นหรือ? ดูเหมือนว่าจะหนักเอาการอยู่นะ มีอะไรอยู่ข้างในหรือ?” ฮิลแมนสังเกตเห็นกระเป๋าบนหลังของลินลี่ย์และถามกลั้วเสียงหัวเราะ
ลินลี่ย์ยิ้มพรายอย่างลึกลับ “ของขวัญ ของขวัญสำหรับท่านพ่อของข้า!”
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น