วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 419 นางพญากระหายเลือด เธอเปลี่ยนไป?

ตอนที่  419  นางพญากระหายเลือด เธอเปลี่ยนไป?


ทันทีที่ฟื้นขึ้น  เย่ว์หยางเทเลพอร์ตกลับไปที่หอเกียรติยศในสมาคมนักรบ
ที่สมาคมนักรบ เย่ว์หยางให้ผู้ส่งสาร ส่งข้อความลับแจ้งเตือนจื้อจุน, จักรพรรดินีราตรี นางเซียนหงส์ฟ้า, ผู้เฒ่าหนานกง, เซียนนักพรต, จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ตามลำดับว่า  จักรพรรดิชื่อตี้จากเมื่อหกพันปีก่อนหลบหนีออกจากวงเวทผนึกโบราณได้แล้ว  เย่ว์หยางระบุไว้ในข้อความว่า แม้จักรพรรดิชื่อตี้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่หลบหนี ด้วยพลังของเขา  แต่เขาน่าจะฟื้นคืนพลังได้อีกไม่นาน  ด้วยระดับพลังอย่างน้อยชั้นปราณก่อกำเนิดฟ้า ระดับ 6 จักรพรรดิชื่อตี้เป็นนักรบเจ้าเล่ห์และบ้าคลั่งมาก  เขาคงทำลายหอทงเทียนทั้งหมดแน่นอน ถ้าเขาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้  นักรบทุกคนที่ท้าทายความต้องการของเขาจะต้องถูกกำจัดอย่างไร้ความปราณี  แน่นอนว่า ทุกคนต้องเตรียมตัวในกรณีสถานการณ์เลวร้ายที่สุด

ในตอนนี้เย่ว์หยางยังหาวิธีดีๆ รับมือกับจักรพรรดิชื่อตี้ไม่ได้เลย และปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้เฒ่าหนานกงและคนที่เหลือต้องลำบากกับเรื่องนี้
ไม่ว่าเย่ว์หยางจะสามารถทำได้หรือไม่  เขาก็ทำลงไปแล้ว
ในตอนนี้  ความหวังของพวกเขาก็คงอยู่ที่ว่าจื้อจุนจะสามารถสู้กับจักรพรรดิชื่อตี้ได้   ถ้านางสามารถยืนอยู่ในระดับเดียวกับเขา  เขาก็คงไม่กล้าก่อกวนอะไรมาก
แน่นอนว่า มีความยากลำบากที่จะรู้ถึงความตั้งใจนี้  ขณะที่เย่ว์หยางรู้ว่านอกเหนือจากจักรพรรดิอวี้แล้ว  จักรพรรดิชื่อตี้ก็เป็นผู้ทรงพลังแข็งแกร่งเมื่อหกพันปีที่แล้ว  เขาแข็งแกร่งไร้เทียมทานเคยครอบครองแดนสวรรค์ด้วยพลังที่แข็งแกร่งของเขา  จักรพรรดิชื่อตี้อาจไม่มีพลังน่ากลัวเทียบเท่าหมิงเย่ว์กวง, ซิวคงและจิ่วเซียว สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์  แต่เป็นไปได้ว่า เขาเกือบจะถึงระดับนั้น  จักรพรรดิชื่อตี้มีชีวิตอย่างเชื่อมั่นว่าตนเองอยู่เหนือคนทั้งหมดยกเว้นจักรพรรดิอวี้เท่านั้น  จุดนี้เองถือได้ว่าเป็นข้อพิสูจน์ที่เพียงพอสำหรับพลังที่น่ากลัวของจักรพรรดิชื่อตี้
แม้ว่าจื้อจุนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากอย่างมิต้องสงสัย  แต่นางก็ยังถือว่าเด็กเกินไปเมื่อเทียบกับจักรพรรดิชื่อตี้
ยิ่งกว่านั้น มีเพียงจื้อจุนเองเท่านั้นที่รู้ระดับการฝึกฝนของนางเอง
 “จักรพรรดิชื่อตี้ครอบครองอาวุธสมบัติระดับเทพอย่างน้อยชิ้นหนึ่ง ชื่อว่า โล่เทพพิทักษ์ ทั้งยังมีสนมชื่อเฟยเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่ง  เขายังเป็นเจ้าของสมบัติอื่นๆ อีกมาก
 “ความเชี่ยวชาญในการยิงลำแสงจากดวงตาของจักรพรรดิชื่อตี้ได้ตามต้องการ  เป็นพลังสังหารระดับยอดเยี่ยมที่เขามี”
 “อสูรของเขา  ยังไม่ทราบ”
 “หลังจากโจมตีแล้ว  ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำและนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกมากอาจเข้าร่วมกับจักรพรรดิชื่อตี้  เนื่องจากเขารู้ทางเข้าแดนสวรรค์ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ยากต้านทานได้
ในจดหมายถึงทุกคน  เย่ว์หยางอธิบายรายละเอียดพลังของจักรพรรดิชื่อตี้  อาวุธสมบัติและสถานการณ์ปัจจุบันที่พวกเขาเผชิญอยู่
จดหมายถึงจุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ยังย้ำเตือนเพิ่มเติม  “จักรพรรดิชื่อตี้เป็นนักสู้ของทวีปมังกรทะยานเหมือนกับจักรพรรดิอวี้  อาจจะกลับไปที่ทวีปมังกรทะยานก่อนแน่  มีเหตุผลเชื่อได้ว่า ต้าเซี่ยและตระกูลเย่ว์จะตกเป็นเป้าหมายแรกที่จักรพรรดิชื่อตี้จะล้มล้างเพื่อแสดงอานุภาพของเขา  ขอแนะนำให้รุ่นผู้เยาว์อย่าปรากฏตัวโดยทั่วไปให้หาที่ปลอดภัยซ่อนตัวสักสามเดือน  หลังจากทำศึกกับจักรพรรดิชื่อตี้ได้รับการยืนยันว่าจบแล้ว จึงค่อยกลับบ้าน”
เย่ว์หยางส่งจดหมายถึงเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ขอให้พวกเขากลับทวีปมังกรทะยานเหมือนกับหายไปจากหอทงเทียนชั้นที่หกทันที
ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำอาจฉวยโอกาสจับเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ เป็นตัวประกัน
สำหรับสถานะนักรบของพวกเขา  ไม่จำเป็นต้องสั่งดำเนินการอะไรมาก  ขนาดนักรบวิบัตินับไม่ถ้วนล้อมจับพวกเขาก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย
ที่สมาคมนักรบ  พนักงานต้อนรับตะลึงจ้องมองเย่ว์หยาง
ค่าส่งจดหมายลับสุดยอดฉบับละพันเหรียญทองและคนผู้นี้เพิ่งส่งไปนับสิบฉบับ  พฤติกรรมเช่นนี้นับว่าฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายอย่างแท้จริง
 “ถ้าไม่มีอะไรสำคัญอย่างยิ่งยวด  จดหมายธรรมดาก็ยังนับว่าปลอดภัย  มันเป็นเพียงจดหมายลับสุดยอดที่จะถูกส่งไปอย่างลับๆ”  ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะพูดจบ  เย่ว์หยางได้วางเงินหมื่นเหรียญทองบนเคาท์เตอร์แล้ว “จดหมายเหล่านี้สำคัญอย่างยิ่งยวด เกี่ยวพันกับชีวิตมากมายและต้องเป็นแบบลับสุดยอด”
 “เข้าใจแล้ว”  พนักงานต้อนรับตกใจกับน้ำเสียงที่จริงจังของเย่ว์หยางและพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม แสดงให้เห็นว่าจดหมายทั้งหลายจะส่งอย่างลับแน่นอนตามที่ร้องขอ
พอออกจากอาคารใหญ่ของสมาคมนักรบ  เย่ว์หยางเทเลพอร์ตไปยังพื้นที่ซึ่งเขายังไม่เคยไป
หลังจากมั่นใจว่าไม่ถูกสะกดรอยแล้ว  เขาจึงกลับไปยังโลกคัมภีร์
อู๋เหินกำลังอยู่ในระหว่างสอนเย่ว์ซวงให้เรียน
นางจะเข้มงวดมากและห้ามมิให้นักเรียนของนางเสียสมาธิ  ในตอนแรกเริ่ม เด็กหญิงไม่คุ้นเคยกับท่าทีอย่างนั้นและทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจตนเองขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย  อย่างไรก็ตาม หลังจากถูกลงโทษบ้างแล้ว  เด็กหญิงจึงเข้าใจและตระหนักได้ว่าบางสิ่งบางอย่างพิสูจน์แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะรบกวนพี่ชายของเธอ  พอรู้ว่าพี่ชายไม่สามารถปกป้องเธอได้  เธอจึงต้องทำความคุ้นเคยกับบทเรียน  ตอนนี้เธอได้แต่ทำตาปริบๆ เมื่อพี่ชายกลับมา  ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะลุกขึ้นและกระโดดเข้าหาเขาโดยไม่สนใจอะไรในโลกทั้งสิ้น
เย่ว์หยางเองก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่า สาวงามอู๋เหินจะเข้มงวดกับเด็กหญิงซุกซนจนกลายเป็นเชื่องเชื่อได้ และยังเป็นเรื่องที่ดีเสียด้วย
ต้องมีใครสักคนที่เข้มงวดกวดขันกับเด็กหญิงซุกซนนี้  ถ้าไม่ทำ ทุกคนอาจทำให้เธอนิสัยเสียก็ได้
พอมองไปรอบๆ เขาไม่เห็นนางพญากระหายเลือด
อาการบาดเจ็บของนางเป็นยังไงบ้าง?
เย่ว์หยางจำได้ว่าอาการบาดเจ็บของนางค่อนข้างรุนแรง  นางมีรูแผลที่หน้าอก  เมื่อเย่ว์หยางมองหาและไม่พบนาง  เขาคาดว่านางคงพักอยู่ในปราสาทเมฆลอยฟ้า  แม้ความจริงที่ว่าเขาไม่เคยเข้าไปเยี่ยมชมตามปกติเลย  แต่ตอนนี้เป็นข้อยกเว้น เขาขึ้นไปเยี่ยมนาง
หง..นางพญากระหายเลือดถอนหายใจหนักหน่วง
เหตุผลก็คือบาดแผลที่หน้าอกของนางไม่สมานตัวได้เร็วเหมือนกับอาการบาดเจ็บที่เคยเป็น
ลูกศรโลหิตเต็มไปด้วยแรงแค้นเคืองกำลังก่อตัวขึ้นในร่างของนางและไม่สามารถขับออกไปได้  นอกจากเจ็บปวดแล้ว สภาพนางในปัจจุบันเป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?
นางพญากระหายเลือดจำเวลาที่นางแอบมองเจ้านายกับนายหญิงมีสัมพันธ์กัน  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลิดเพลินกับการจุมพิตและคลึงเค้น  นางพบว่าเจ้านายนางต้องชอบสตรีที่มีรูปร่างสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ  นางมองดูรอยเลือดบนหน้าอกที่ไม่ยอมสมานตัวและคิดว่าเจ้านายของนางคงไม่ชอบ  นางถอดเกราะมองดูแผลของนางและจากนั้นจึงสวมชุดที่นายหญิงให้นางเป็นของขวัญ  นางถอนหายใจอีกครั้ง.. ถ้าเพียงแต่นางไม่บาดเจ็บ  นางสามารถสวมเสื้อผ้าได้  เป็นเรื่องยากที่นายหญิงจะมอบชุดที่สวยงามให้กับนาง
เย่ว์หยางเข้าปราสาทเมฆและพบว่าหง..นางพญากระหายเลือดตกแต่งสถานที่อย่างสวยงามด้วยของพิเศษ  แม้ว่ายังมิอาจเทียบกับห้องนอนที่เหมือนสวนของตั่วตั่วนางพญาดอกหนามมงกุฎทองก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าสถานที่เรียบง่ายของโคเงาอาหมันมากนัก
พอคิดว่าหง..นางพญากระหายเลือดอาจจะพักอยู่  เขาเคาะเบาๆ เตือนให้รู้ว่าเขากำลังเข้าไป
พอเข้าไปแล้ว  เขาพบว่านางอยู่ในสภาพกึ่งเปลือยกายกำเสื้อผ้าในกำมือของนาง  หน้าของนางแดงซ่านและมองมาที่เขาอย่างสับสน
 “ไม่รู้วิธีสวมชุดใหม่อย่างนั้นหรือ?”  เย่ว์หยางเขินเล็กน้อย  แต่เขามีปฏิกิริยานุ่มนวลและเดินเข้ามาแทนที่จะกระแทกปิดประตู  จากนั้นเขาเอาชุดที่อู๋เหินมอบให้นางพญากระหายเลือดทาบไหล่นาง แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไร
 “......” หง..นางพญากระหายเลือดรู้สึกเขินอาย
เหตุผลที่นางอายที่จะแสดงตัวให้เจ้านายเห็นก็เพราะบาดแผลที่น่าเกลียดที่อกของนาง ไม่ใช่เพราะความเปลือยของนาง  นางรู้สึกเป็นปมด้อยและไม่พอใจ  นางรีบใช้มือปิดแผลของนางหวังว่าเขาจะไม่ทันสังเกตเห็น  เมื่อเย่ว์หยางทาบชุดที่ไหล่ของนาง  นางก็ก้มศีรษะมากกว่าเดิมกลัวว่าจะสบนัยน์ตาเขา  นางพญากระหายเลือดปลื้มใจมากที่เขามาเยี่ยมนางและยังเกลียดที่ว่านางยอมให้เขาพบนางในเมื่อบาดแผลที่น่าเกลียดของนางยังไม่หาย
เย่ว์หยางกอดนางเบาๆ และเอามือลูบศีรษะนาง
ตั้งแต่นางทำสัญญากับเขา  ลักษณะของนางพญากระหายเลือดก็เปลี่ยนไปทุกครั้งที่นางยกระดับ  ไม่เพียงแต่นางมีพลังเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น  แม้แต่ร่างของนางก็ดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น
ที่สำคัญที่สุดสติปัญญาที่ตื่นขึ้น ทำให้นางยิ่งเหมือนมนุษย์ทุกที
นางพญากระหายเลือดอาจจะไม่ชนะเรื่องพลังต่อสู้เมื่อเทียบกับนางพญาดอกหนามมงกุฏทองและโคเงาเถื่อน
แต่นางเหนือกว่าทั้งสองมากในแง่ความเป็นมนุษย์
บางครั้ง เย่ว์หยางก็ลืมไปว่านางก็เป็นอสูรตนหนึ่ง
เขาปฏิบัติกับนางเหมือนกับนางเป็นมนุษย์ผู้หญิง
แม้จะมีความสามารถคิดอย่างอิสระ  แต่นางพญากระหายเลือดมักจะให้ความสำคัญกับเย่ว์หยางก่อนเมื่อใดก็ตามที่นางทำหน้าที่  นางจะวิ่งเข้าไปช่วยเขาทันทีโดยใช้ตัวนางเป็นโล่ ไม่คิดถึงความปลอดภัยของนางเมื่อชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย
 “บาดแผลยังเจ็บมากไหม?”  เย่ว์หยางถามเสียงนุ่มนวลขณะที่มือเขาลูบศีรษะนางลงมาถึงหลัง
 “.....”  หงส่ายหน้าจริงจัง ด้วยกลัวว่าเจ้านายของนางจะรู้ว่าบาดแผลของนางนั้นสร้างความเจ็บปวดมาก
 “ปล่อยมือเจ้าซะ ให้ข้าดูหน่อย”  เย่ว์หยางพบว่าเป็นเรื่องแปลกว่าทำไมบาดแผลจึงไม่สมานตัวหลังจากถูกยิงโดยธนูโลหิต  อสูรพิทักษ์มีทักษะฟื้นฟูตัวเองที่ยอดเยี่ยมซึ่งดีกว่าอสูรทั้งหมด  โคเงาอาหมันก็ได้รับบาดเจ็บจากศัตรูอยู่บ่อยๆ  โดยเฉพาะบาดแผลถูกฟันจนเกือบขาด  ภายในวันเดียวนางก็ฟื้นสภาพได้เต็มที่แล้ว  ส่วนนางพญากระหายเลือดก็มีความสามารถในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บในระดับเดียวกัน  อาการบาดเจ็บทางกายถือว่าสร้างความเสียหายให้อสูรพิทักษ์ได้น้อยมาก  มีแต่อาการบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรงจะทำให้พวกเขาอ่อนแอและใช้เวลารักษาตัวนานขึ้น
 “.....” อาหงยังคงสั่นศีรษะนางไม่หยุด  อย่างไรก็ตามภายใต้คำของร้องของเย่ว์หยาง  นางค่อยๆ เปิดมือน้อยๆ ของนางให้เห็นบาดแผล
เย่ว์หยางพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ให้ความสนใจต่อเนินอกขาวราวหิมะและได้สัดส่วนของนาง  เขากลับใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของนาง
หน้าของนางพญากระหายเลือดร้อนผ่าว
ตัวของนางค่อยๆ ร้อนขึ้นและเกร็งไม่เป็นธรรมชาติภายใต้การตรวจสอบของเจ้านายนาง
แม้ว่าเย่ว์หยางจะสูดลมหายใจสม่ำเสมอ  แต่นางรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงความร้อนในลมหายใจของเจ้านายนาง ขณะที่ผิวที่หน้าอกนางไวต่อความรู้สึกเป็นพิเศษ  ลมหายใจของเขาร้อนและหนัก ถาโถมอยู่ใกล้จมูกของนาง ทำให้นางรู้สึกแปลก จนอธิบายไม่ถูก
ยอดปทุมน้อยทั้งสองของนางชูชันอย่างไม่คาดคิดจนทำให้เกิดอาการปวดบาดแผล
หง..นางพญากระหายเลือดตระหนักถึงสาเหตุที่นายหญิงและเจ้านายต้องเสียดสีหน้าอกกัน  เหมือนกับว่าร่างกายของนางมีความปรารถนาที่อธิบายไม่ถูกต่อมือใหญ่ของเจ้านายนาง
อาจเป็นได้ว่าเหมือนกับร่างของนายหญิงของนาง  ร่างกายของนางปรารถนาความรักความโปรดปรานของเจ้านายนาง
พอคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของนางพญากระหายเลือดเต้นถี่เร็ว
ความรู้สึกประหม่าอายผุดขึ้นในใจนาง
เป็นเรื่องยากจะอธิบายถึงความรู้สึกตื่นเต้น ความชื่นชอบพอๆ กับการโหยหา
อย่างไรก็ตาม นางพญากระหายเลือดมั่นใจอยู่อย่างหนึ่งซึ่งก็คือนางรู้สึกถึงความสุขหอมหวานอย่างหนึ่ง  นางไม่สามารถอธิบายในใจได้  เป็นเหมือนกับว่านางดื่มน้ำหวานเพื่อดับกระหายในหน้าร้อน  ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ งดงามพอๆ กับที่นางรู้สึกถึงได้เมื่อวานนี้ขณะที่บินอยู่ในอ้อมกอดของเจ้านาย
เพลิงอมฤตพุ่งออกมาจากมือของเย่ว์หยางขณะที่เขาเตรียมชำระร่างของนางพญากระหายเลือดจากพลังที่บุกรุกเข้ามาในร่างนาง
 “.......”   ทันใดนั้น หัวใจของนางพญากระหายเลือดเต้นถี่แรงขณะที่มือเจ้านายนางยื่นมาที่นางเหมือนกับที่ทำกับนายหญิง
แน่นอนว่า นางรู้ชัดว่าเป็นเพียงการรักษานาง  แต่นางอดปล่อยจินตนาการให้เตลิดเปิดเปิงไม่ได้
แต่ก่อนที่จะทันได้สัมผัสกับผิวของนางพญากระหายเลือด  เย่ว์หยางก็หยุดมือ
หงกังวลแทบบ้า ปรารถนาอยู่ในใจอยากให้ผิวบอบบางของนางได้รับรู้ถึงความร้อนจากฝ่ามือของเขา นางต้องการจะคว้ามือเขาและกดลงที่หน้าอกนาง  แต่นางยังละอายใจอยู่จึงยับยั้งไว้
นางพริ้มตาลง รู้สึกสับสนมากว่า นางต้องการจะดู แต่ก็ยังหวาดหวั่นและอายอยู่
หัวใจนางเต้นถี่รัวยิ่งขึ้น
เย่ว์หยางพึมพำกับตนเองชั่วครู่ก่อนที่จู่ๆ ก็เก็บเพลิงอมฤต
เขารู้สึกว่าไฟชนิดใหม่ในร่างของเขา เป็นไฟที่มีความพิเศษเชื่อมโยงกับธนูโลหิตในอกของนางพญากระหายเลือด  ถ้าเขาใช้เพลิงชนิดใหม่รักษานาง  อาจจะให้ผลลัพธ์ที่ดี  เป็นเรื่องที่เถียงไม่ได้ว่า เพลิงอมฤตสามารถชำระได้ทุกอย่าง  อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีแรงกระตุ้นอย่างฉับพลัน ขอให้ลอง เนื่องจากทักษะใหม่นี้อยู่ภายใต้สถานการณ์พิเศษบางอย่าง
ไฟชนิดใหม่นี้ถูกสร้างเมื่อ เย่ว์หยางสูญเสียความรู้สำนึกอยู่ในสภาพคลั่ง  เย่ว์หยางพบว่ายากจะเข้าใจถึงทักษะนี้
จากเหตุผลทั้งหมดเป็นความจริง
ขณะที่เย่ว์หยางเริ่มรวมไฟชนิดใหม่  ฝ่ามือของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง
เปลวเพลิงเริ่มลุกขึ้นทีละเปลวเล็กๆ  พลิ้วไหวในอากาศ พวกมันรวมกันจนมีขนาดใหญ่  แทนที่จะดูเหมือนเปลวไฟ แต่สิ่งนี้กลับดูเหมือนกลีบบัวสีม่วงทองมากกว่า
จากนั้นเย่ว์หยางรวมกลีบบัวด้วยทักษะของเขาก่อนที่มันเปลี่ยนรูปร่างเป็นบัวเพลิงม่วงทองโดยอัตโนมัติ
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจมากที่สุดก็คือบัวเพลิงม่วงทองแฝงด้วยพลังโกรธบางอย่าง
บัวเพลิงมีขนาดใหญ่ และมีพลังแข็งแกร่งกว่า
เมื่อบัวเพลิงม่วงทองกลายเป็นบัวสามชั้นสิบแปดกลีบ เย่ว์หยางรู้สึกว่าทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยพลังความโกรธ  คล้ายกับว่ามือของเขาจะเขย่าฟ้าและดินได้  เป็นพลังงานเพลิงกับอำนาจทางอารมณ์ซึ่งทำให้เกิดเพลิงอัศจรรย์อย่างแท้จริง  เย่ว์หยางพยายามสร้างรูปแบบต่างๆและพบว่ามันเปลี่ยนรูปแบบหลากหลายไม่สิ้นสุด  มีความคุ้มค่ามากต่อการค้นคว้าในอนาคต  และสามารถพัฒนาต่อได้เป็นอย่างดี  เขาคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะถูกสร้างขณะที่เขาอยู่ในสภาวะคลั่ง  และไม่รู้ว่ามีพลังงานหลายประเภทรวมอยู่ได้ยังไง
มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่เย่ว์หยางมั่นใจ
บัวเพลิงม่วงทองนี้ประกอบด้วยพลังงานเพลิงบัวแดงของสนมชื่อเฟย  อย่างไรก็ตาม คุณภาพของมัน, พลังและแก่นความเข้มข้นยังเหนือกว่าเพลิงบัวแดงมากมายนัก
 “เราจะเรียกเพลิงชนิดใหม่นี้ว่า บัวเพลิงฟ้าพิโรธ”  ตอนนี้เย่ว์หยางมีเวลาน้อยที่จะสำรวจว่าเขาสามารถสร้างเพลิงชนิดใหม่ในขณะคลุ้มคลั่งได้อย่างไร  ได้แต่พยายามใช้บัวเพลิงฟ้าพิโรธรักษาอาการบาดเจ็บให้หง..นางพญากระหายเลือด
มือของเขากดลงที่หน้าอกอ่อนนุ่มของอาหงอย่างนุ่มนวล
ตลอดทั้งตัวนางสะท้านและสั่นจนกระทั่งถึงปลายนิ้ว
นางไม่ได้รู้สึกทุกข์ทรมาน  แต่รู้สึกสบาย
แม้ว่าจะเคยได้เห็นใบหน้าของนายหญิงของนางขณะถูกลูบไล้มาแต่ก่อนเมื่อนางแอบดูเจ้านายและนายหญิงมีสัมพันธ์รักกัน  แต่อาหงไม่เคยคิดว่าจะมีความรู้สึกแบบนั้น
ทั้งที่ดวงตายังปิดสนิท  นางต่อต้านความรู้สึกยินดีที่ผ่านอยู่ในตัวนางและพยายามไม่ครางออกมาจนเกือบหลุดเสียงออกมา
กลีบบัวเพลิงฟ้าพิโรธนับไม่ถ้วนเข้าไปในแผลของนางภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยางและศรโลหิตกับความโกรธเกรี้ยวจากสนมชื่อเฟยจึงถูกขับออกมาในเสี้ยววินาที
ศรโลหิตเหมือนกับอสรพิษมีพลังความปรารถนาพิเศษต้องการสังหารแน่วแน่รุนแรง  มันเป็นพลังที่อำมหิตมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ถ้าไม่ใช่ว่าบัวเพลิงฟ้าพิโรธ  มีพลังจิตตานุภาพที่เกิดจากความโกรธแล้ว  ศรโลหิตคงไม่ถูกขับออกได้โดยง่ายขนาดนั้นเป็นแน่
เย่ว์หยางใช้มือข้างหนึ่งคว้าศรโลหิตไว้ เดิมทีตั้งใจจะทำลายเสีย  แต่จากนั้นเขากลับจุดประกายความคิดใหม่ และใช้บัวเพลิงฟ้าพิโรธกลั่นหลอมใหม่
เขาไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ดีและเพียงต้องการลองดูเท่านั้น  เหมือนหาเรื่องบันเทิงใจให้ตนเอง
บัวเพลิงฟ้าพิโรธและความโกรธเกรี้ยวของเย่ว์หยางเมื่อเขาอยู่สภาวะคลุ้มคลั่ง
ศรโลหิตอยู่ในมือข้างหนึ่งของเขายังคงมีอารมณ์โกรธแค้นของชื่อเฟยคงเหลืออยู่
เมื่อทั้งสองอย่างผสานกันและถูกกลั่น จะเกิดการปะทะกันของพลังงานและปลดปล่อยพลังที่ไร้ขอบเขต  ไม่มีคลื่นระเบิดแต่อย่างใด  แต่ความเศร้าและความโกรธนี้ยังน่ากลัวกว่า อาจใช้รังสีฆ่าฟันอย่างเบาขู่ขวัญใครบางคนก็ได้  นางพญากระหายเลือดยังแทบถูกความเศร้าและความโกรธทั้งสองอารมณ์ขู่ขวัญจนแทบหลบหนี  อย่างไรก็ตาม  นางฝืนใจปล่อยให้เจ้านายของนางจัดการ จากนั้นนางถึงค่อยมีความกล้าใช้แขนโอบกอดเย่ว์หยางไว้แน่นทั้งที่ตัวนางยังอยู่ในสภาพเปลือย
ถ้านางซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา นางไม่มีอะไรต้องกลัว  ไม่มีอะไรในโลกที่น่าสนใจ
เย่ว์หยางเข้าใจชัดว่านางได้รับผลจากการรักษาและใช้มือข้างหนึ่งทาบอยู่ที่หลังนางและถ่ายพลังปราณก่อกำเนิดเข้าไปในตัวนางช่วยให้นางได้สู้ต่อต้านพลังโกรธเกรี้ยวที่แฝงอยู่ในเพลิง
หลังจากกลั่นผสานพลังผ่านไปสิบนาที  เมื่อพวกเขาใกล้จะรักษาได้สำเร็จ  เย่ว์หยางประทับจูบเบาๆ ที่หน้าผากของหงนางพญากระหายเลือด และพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ข้าจะให้รางวัลเจ้าเป็นสมบัติที่สมควรชิ้นหนึ่ง เจ้าเรียกแส้เพลิงออกมา”
ทักษะแส้เพลิงของหงนางพญากระหายเลือด เป็นรางวัลพิเศษที่นางได้รับเมื่อครั้งที่เลื่อนชั้นเป็นอสูรทองระดับสี่
เมื่อนางพญากระหายเลือดเรียกแส้เพลิงออกมาตามคำขอ  เย่ว์หยางผสานบอลเพลิงที่กลั่นจากบัวเพลิงฟ้าพิโรธและธนูโลหิตสร้างเป็นรูปแส้เพลิง
ยังเป็นการใช้ความพยายามอย่างหนักอีกครั้งหนึ่ง
โอกาสล้มเหลวก็มีทางเป็นไปได้มาก
อย่างไรก็ตาม ข่าวดีก็คือ เย่ว์หยางทำได้สำเร็จ
เขาใช้ความเพียรพยายามมาก และใช้ปราณก่อกำเนิดไปมากเช่นกัน
หลังจากพยายามอย่างยากลำบาก เขาก็รวมพลังไฟที่ต่างกันสามชนิดสร้างเป็นแส้เพลิงชนิดใหม่
พลังของแส้เพลิงหลังจากที่ประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแต่ทำให้หงนางพญากระหายเลือดต้องตกใจเท่านั้น  แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังรู้สึกเกินคาดอีกด้วย  ขณะที่พลังของมันแข็งแกร่งอย่างมาก  พลังที่น่ากลัวถูกสร้างขึ้นมาจากการผสานพลังความโกรธของเย่ว์หยางในช่วงเวลาที่คลุ้มคลั่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ  แรงแค้นจากความสิ้นหวังของสนมชื่อเฟยและพลังแห่งความเจ็บปวดดั้งเดิมของแส้เพลิงน่าเชื่อได้ว่าจะทำให้ชีวิตทุกรูปแบบตกตะลึงก็เป็นได้
พลังโจมตีของแส้ชนิดใหม่สร้างความเจ็บปวดที่มิอาจทนทานได้แน่นอน
ไม่ได้มีแค่พลังของบัวเพลิงฟ้าพิโรธและบัวเพลิงของชื่อเฟยเท่านั้น  แต่ยังคงมีพลังโกรธในสภาวะคลุ้มคลั่ง  แรงแค้นจากความสิ้นหวังและความเจ็บปวดดั้งเดิมของแส้
แส้เพลิงดั้งเดิมเป็นทักษะร่วมแบ่งปันระหว่างนางพญากระหายเลือดและเย่ว์หยาง
ความสัมพันธ์เดิมนั้นไม่เปลี่ยน  ขณะที่แส้เพลิงทำการสร้างปรับปรุงใหม่ก็ยังถือว่าเป็นทักษะร่วมแบ่งปันของทั้งสอง
เย่ว์หยางดีใจมากที่ทำการสร้างปรับปรุงแส้เพลิงและพลังของมันได้ใหม่  เขาตั้งชื่อแส้เพลิงว่า แส้ทัณฑ์ทรมาน
เมื่อนางพญากระหายเลือดใช้แส้ทัณฑ์ทรมานกับศัตรูในอนาคต  รับรองได้ว่าจะสร้างความขยาดกลัวจนต้องยอมร้องสรรเสริญนางพญาแน่นอน
นางพญากระหายเลือดปลาบปลื้มยินดีมาก  นางอยากกอดเจ้านายของนางและพาบินไปในท้องฟ้าเพื่อแสดงให้เจ้านายนางได้รู้ว่านางมีความสุขมากเพียงไหน
แต่ นางไม่กล้าจะทำเช่นนั้น
นางรวบกำปั้นนางและข่มอารมณ์ขณะที่เย่ว์หยางไม่ได้ทำอะไร
เย่ว์หยางสังเกตว่าแผลที่หน้าอกอาหงยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่  จากนั้นเขาทาบมือที่แผลนางอีกครั้งและใช้ปราณก่อกำเนิดค่อยๆ รักษาบาดแผลให้นางอย่างนุ่มนวล  แค่เพียงเห็นว่าร่างเปลือยของนางเรียบรื่นไร้ตำหนิราคีแล้ว เขาจึงพอใจและหยุดรักษา
 “ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”  เย่ว์หยางยิ้มให้หงนางพญากระหายเลือดโดยเฉพาะ  ตอนนี้เขาเหนื่อยจริงๆ  คิ้วของเขามีหยาดเหงื่อเกาะ  แต่ใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอมกับความสำเร็จ
 “.....” พอมองดูใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อยของเจ้านายนางและยิ้มที่สดใสของเขา  นางพญากระหายเลือดรู้สึกร้อนผ่าวในดวงตา หยาดน้ำตาไหลริน  นางอดไม่ได้ที่จะเอามือของเย่ว์หยางกดลงที่หน้าอกอ่อนนุ่มของนาง จากนั้นจึงโผเข้ากอดเขา นางจูบเจ้านายของนางอย่างปลื้มปิติ  เหมือนกับว่าเป็นการแสดงความซาบซึ้งของนางที่ทำอย่างนั้น

20 ความคิดเห็น:

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

มาแล้วมาแล้วรอมานาน

ohmmanee กล่าวว่า...

รอตั้งนานค่ะ สู้ๆ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Pert กล่าวว่า...

ในที่สุดก็ได้อ่านแล้ว!!!!!!ขอตอนชดเชยด้วย!!!!

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณรรับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ มีพัฒนาการดีมากเลยหง

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ กลับมาแล้ว เย้ๆๆ

Unknown กล่าวว่า...

บอกด้วยยย จูบปากหรือหอมแก้มมมม

Unknown กล่าวว่า...

งานนี้มีเยสแน่นอน

Unknown กล่าวว่า...

มาแล้ววววว เข้ามาดูทุกวัน ขอบคุณครับ

Panupong กล่าวว่า...

มาแว้วววว

Lucky กล่าวว่า...

สู้ๆนะหงส์น้อย เพื่อเข้าฮาเร็มในอนาคต

lawling กล่าวว่า...

นึกว่าจะหายยาวแล้ว

Pair_Narak กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ค่าาาา

Nopanser Kung กล่าวว่า...

เย่ว์หยางโดนแอบดูตอนมีความสัมพันธ์กับอู๋เหินเรอะ!!
.....ขนาดหงเอ๋อยังเห็นแล้วเหล่าลูกๆ ของเย่ว์หยางจะเหลือไหมนิ...*~*

ป.ล. แหม่ๆๆ ในหมู่สาวอสูรสงสัยหงเอ๋อเราจะเข้าวินเป๋ยตยแรกสินะเนี่ย ~ >w< เย่ว์หยางโดนจับกด!!

8lek8 กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น