วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 420 จดหมายลับสุดยอด



ตอนที่  420  จดหมายลับสุดยอด
นางพญากระหายเลือดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากนางเริ่มจูบกับเย่ว์หยาง
นางไม่เอาแต่อยู่ในปราสาทเมฆลอยฟ้าอีกต่อไป  แต่นางเหาะมาช่วยงานหญิงงามอู๋เหิน  นางจะกระตือรือร้นช่วยงานทุกอย่าง  แม้แต่เมื่อหญิงงามอู๋เหินศึกษาอักษรรูน  นางจะช่วยดูแลเย่ว์ซวงให้  หญิงงามอู๋เหินคาดการณ์เรื่องเช่นนี้มานานแล้ว  นางยิ้มนุ่มนวล  ขณะที่นางแนะนำงานบ้านทุกอย่างให้กับนางพญากระหายเลือด  ทำให้นางพญากระหายเลือดมีความสุขและวุ่นวายอยู่กับงานทุกอย่าง
 
เมื่อเย่ว์หยางเห็นเช่นนั้น ถึงหัวเราะร่วนเป็นเวลานาน
เขาจะไปนอนยามรู้สึกไร้กังวล  ขณะที่เขาสู้กับพี่สาวในฝันเพื่อแยกแยะประสบการณ์  เขาได้รับประโยชน์จากการต่อสู้กับจักรพรรดิชื่อตี้
พี่สาวในฝันสามารถลอกเลียนแบบการโจมตีของจักรพรรดิชื่อตี้, ชื่อเฟย, ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำได้ และยังทำได้เหมือนสมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อผิดพลาด  เย่ว์หยางถูกนางเล่นงานย่ำแย่อย่างหนัก  แต่หลังจากผ่านไปสองสามรอบ  เย่ว์หยางก็ตระหนักได้ว่าเขาค่อยๆ ใช้จังหวะต่อสู้ที่น่ากลัวได้แล้วในตอนนี้
ถ้าเขาได้พบกับซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำและคนอื่นๆ อีก เขาคงไม่เจ็บตัวย่ำแย่เหมือนแต่ก่อน
แน่นอนว่าเขาไม่แน่ใจมากนัก ถ้าเป็นกรณีที่เขาพบกับจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟยอีกครั้ง
เพราะทันทีที่พวกเขาหายดีและอยู่ในสภาพนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า  คงไม่มีใครรับมือพวกเขาได้ ยกเว้นจื้อจุน
โชคดีที่การโจมตีครั้งที่สองของเย่ว์หยาง ทำร้ายจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟยจนบาดเจ็บหนัก  ที่สำคัญที่สุด  เสี่ยวเหวินหลีและสาวกิเลนลอบทำร้ายพวกเขาได้สำเร็จเช่นกัน  จนทำให้จักรพรรดิชื่อตี้เกือบเสียชีวิต  แม้ว่าเขาจะหลบหนีได้  แต่เขาและชื่อเฟยจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยปีครึ่งกว่าจะฟื้นฟูอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด  ซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำ, ประมุขนิกายพันปีศาจ,ขุนพลเทพจักรพรรดิอวี้, จ้าวปีศาจฮาซิน, จอมปีศาจบารุธ, ซิวคงและจิ่วเซียวซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์  เย่ว์หยางมีศัตรูนับไม่ถ้วน
อย่างที่กล่าวไว้ว่าเมื่อท่านพบกับแมลงกวนใจ ท่านจะไม่รู้สึกรำคาญเชียวหรือ  เย่ว์หยางรู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องสมเหตุผล  เขามีศัตรูมากพอแล้ว  ตอนนี้ยังเพิ่มขึ้นมาใหม่อีกสองคนคือ จักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟย
เย่ว์หยางกำลังฝึกฝนอยู่ในหอทงเทียนชั้นหกอย่างสงบ
เย่คง, เจ้าอ้วนไห่, เป่าเอ๋อ, แอนนาและลีนเพิ่งกลับมาจากการฝึก  ขณะที่พวกเขาแวะพักในโรงเตี๊ยมนักรบ
ทุกคนอยู่ที่นั่น
บางคนก็ดื่ม บางคนกำลังนับเงิน บางคนก็หยอกเอิญกับพนักงานหญิงของร้าน
เจ้าอ้วนไห่ใช้ชีวิตอย่างปราศจากความกังวลในช่วงไม่กี่วันมานี้  เพราะหลังจากออกมาจากวังเบญจธาตุ พลังโดยรวมของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยที่สุดความกล้าบ้าบิ่นของพวกเขาเพิ่มขึ้น  เทียบกับเงื่อนไขโหดหินอำมหิตในวังเบญจธาตุแล้ว  สถานที่อื่นๆ แม้จะเป็นพื้นที่มีระดับคำเตือนสีแดง  พวกเขารู้สึกว่าพื้นที่เหล่านั้นไม่เป็นที่ท้าทายอีกต่อไป  ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเพิ่มพูนขวัญกำลังใจให้พวกเขามหาศาล
 “ขอถามถึงสองท่านหน่อย ใครคือเย่คงและไห่ต้าฟู่?”  คนส่งข้อความลับจากสมาคมนักรบหยิบแผนที่ติดตามและทบทวนดูอีกครั้งก่อนยื่นให้คู่หูทั้งสอง
 “ใช่แล้ว เป็นข้าเอง, มีอะไรหรือเปล่า? อยากจะซ้อมมือกับข้าเหรอ?”  เจ้าอ้วนไห่คิดว่าเป็นคนจากสมาคมนักล่าค่าหัวต้องการมาหาเรื่องเขา
พอถูกท้าทายต่อสู้ จากนั้นเขาก็จะสู้และแกล้งทำเป็นอ่อนแอ  จากนั้นค่อยปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของเขาแล้วค่อยเล่นคู่ต่อสู้ของเขาจนยับเยิน
เจ้าอ้วนไห่ชอบใช้ชีวิตอย่างนี้มาก
ปกติหลังจากจบการต่อสู้แล้ว  เขาจะบอกกลุ่มอื่นๆ ด้วยความหยิ่งผยอง  “ข้าต้องบอกพวกเจ้าไหมว่า ข้ามีแรดเหล็ก อสูรทองแดงระดับสองตัวหนึ่ง?  ข้าเป็นแค่คนธรรมดาไม่มีอะไรเด่นเลย!
ในหอทงเทียนชั้นที่หก  แม้ว่าพลังของเขาจะไม่เป็นที่ดึงดูดใจทุกคน  แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งพอสู้กับนักผจญภัยธรรมดาได้
ความจริง แม้คำแนะนำพิเศษของเย่ว์หยางและภายใต้การเพิ่มพลังจากผลึกเวทจำนวนมาก  แรดเหล็กของเจ้าอ้วนไห่ไม่ใช่อสูรที่ไร้ประโยชน์เหมือนในอดีตอีกต่อไป  มันค่อยๆ วิวัฒนาการจากอสูรทองแดงระดับสองไปเป็นแรดเงิน อสูรเงินระดับสี่  และจากนั้น หลังเพิ่มพลังแบบก้าวกระโดดด้วยยาเพิ่มพลังวิญญาณอสูรและเม็ดพลังปีศาจ  มันจึงกลายเป็นแรดทอง อสูรทองระดับห้า  ไม่เพียงแต่มีอนาคตที่สดใสเท่านั้น  มันยังช่วยเจ้าของได้อย่างมากอีกด้วย  อย่าว่าแต่อสูรสามัญเลย  แม้แต่แมมม็อธทองที่ทำสัญญากับเจ้าอ้วนไห่ก็ต้องเรียกมันว่าเป็นเจ้านายเขาอย่างเป็นธรรมชาติ... น่าเสียดายก็แต่ว่าแรดทองไม่สามารถเป็นคนได้ และด้วยพลังที่เพิ่มขึ้น น้ำหนักของมันก็เพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน
เย่คงยังเคยล้อเลียนว่าถ้าแรดทองกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์  มันจะกลายเป็นหญิงงามคนหนึ่ง
ด้วยแรดทองและแมมม็อธทอง บวกกับฮิปโปที่ฉลาดและแม้แต่นางนวลสายลมที่ฉลาดกว่า  คงเป็นเรื่องยากจะทำให้เจ้าอ้วนไห่เจียมเนื้อเจียมตัว
แม้ว่าเขาเพิ่งมาถึงหอทงเทียนชั้นหก เขาก็เอาชนะยอดฝีมือต่างเผ่าพันธุ์ได้มากมาย
อย่าว่าแต่ในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย  เจ้าอ้วนไห่ได้รับฉายาตนเองว่า ปีศาจอ้วนหน้าด้าน ในพื้นที่รอบๆ หอทงเทียน  เป็นการทำลายสถิติเรื่องเวลาที่ยอดฝีมือได้รับฉายาเมื่อเข้าสู่ทวีปมังกรทะยาน
แค่เพียงฉายานี้ก็ทำให้ผู้คนชักพูดไม่ออก
 “ท่านสุ่ยตงหลิวใช้วิธีลับสุดยอดส่งจดหมายให้ท่านทั้งสองคน  ท่านทั้งสองจะต้องพิสูจน์สถานะที่แท้จริงเสียก่อน รวมทั้งลายเซ็นในอดีตของผู้แนะนำ  ไม่เช่นนั้นเรามีอำนาจปฏิเสธให้จดหมายพวกท่าน”  บุรุษที่อยู่ต่อหน้าพวกเขามีหมอกแปลกๆ ล้อมรอบตัวเห็นแต่เพียงดวงตาของเขา  จากนั้นเขาเตือนเจ้าอ้วนไห่ไม่ให้ทำอะไรห่ามๆ จนเกินไป  เพราะเขาเมา ถ้าไม่อย่างนั้นการสนทนาจะหยุดชะงักลง
เจ้าอ้วนไห่รู้สึกหมดสนุกหลังจากได้ยินเช่นนี้
จากนั้นเขาก็หัวเราะเป็นเชิงประจบ “ยกโทษให้ข้าด้วย ข้าดื่มไปมากกว่าสองแก้ว  สุ่ยตงหลิวคือครูของข้า  เขาคงมีเรื่องสำคัญมาถ่ายทอดแน่นอน  นี่คือบัตรทองแดงของข้า แล้วก็ เจ้าลิงบ้า เร็วสิ เอาบัตรของเรามาไว้ที่นี่  โปรดตรวจสอบด้วย ใช่แล้ว ข้าคือไห่ต้าฟู่และเขาคือเย่คง...”
คนส่งสารที่อยู่ในควันหนาทึบยื่นมือส่งของให้พวกเขา
เป็นข้อความที่เป็นความลับ
แต่สิ่งที่แปลกก็คือข้อความลับบรรจุอยู่ในกล่องโปร่งใสที่มีวงเวทอักษรรูนอยู่บนนั้น
นี่คือการปกป้องข้อความลับของสมาคมนักรบ  เล่าลือกันว่าต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ไม่อาจทำลายได้  ใครก็ตามที่ต้องการทำลายกล่องปกป้องก็จะกระทบสัญญาณเตือนที่สมาคมนักรบ จากนั้นสมาคมนักรบก็จะทุ่มกำลังตามข้อความนั้นกลับมา  แม้ว่าค่าธรรมเนียมพันเหรียญทองจะนับว่าแพง  แต่ข้อความจดหมายจะได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีไม่มีโจรผู้ใดคิดจะขโมยแย่งชิงเอาไปได้
 “เจ้ามั่นใจว่ามีความสามารถพอจะรับและปกป้องจดหมายนี้ได้ไหม?”  นี่เป็นเรื่องแรกที่ผู้ส่งข้อความถาม
 “ใช่แล้ว เรามั่นใจ” เจ้าอ้วนไห่ให้ความมั่นใจเขาทันที
 “รอบๆ นี้ ปลอดภัยดีไหม?”  ผู้ส่งสารถามต่อไป
 “อ่า.. ข้าคิดว่าปลอดภัย”  เจ้าอ้วนไห่มองไปรอบๆ โรงเตี๊ยมนักรบ นอกจากคนเมาและพนักงานร้านไม่กี่คน  ที่เหลือก็เป็นสหายของเขาทุกคน
 “ข้าขอถามว่า ท่านพกศิลาหรือม้วนเวทเทเลพอร์ตด้วยหรือเปล่า? จะได้เอาข้อความลับไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ?”  นี่เป็นเรื่องที่สามที่คนส่งสารถาม
 “มีสิ”  เจ้าอ้วนไห่รีบล้วงศิลาเทเลพอร์ตออกมาแสดงให้เขาดู
อย่างน้อยที่สุด  หลังจากผู้ส่งสารถามย้ำยืนยันความสามารถของเจ้าอ้วนไห่แล้ว  ในที่สุดเขาก็มอบให้และจากไปโดยเร็ว  ท่าทีที่จริงจังต่อเนื่องของคนส่งสารทำให้ทุกคนงงงัน  ข้อความใดกันแน่ที่ถูกเขียนไว้ในจดหมาย ถึงกับทำให้เย่ว์หยางส่งข้อความลับอย่างนี้
ทุกคนรุมล้อมเข้ามาขณะที่พวกเขาต้องการดูข้อความนั้น  แต่พวกเขายังคงมีมารยาทและเบือนหน้าไปทางอื่น  แม้ว่าพวกเขาสงสัยในข้อความนั้นก็ตาม
มีเพียงเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ต่างก็โน้มตัวมาดูข้อความนั้นใกล้ๆ
เพราะจดหมายนั้นสุ่ยตงหลิวระบุเจาะจงถึงสองคน... หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที  ทุกคนตระหนักว่าเจ้าอ้วนไห่เหงื่อออกพร่างพรูและเย่คงก็ทำนองเดียวกันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก  ไม่เพียงแต่ลีนและแอนนาที่เฝ้าสังเกตเท่านั้น  แม้แต่ฟ่านหลุนเถี่ยที่ไม่สนอะไรและเป่าเอ๋อที่งงงวยก็ยังรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ  องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางต่างสบตากัน  เหมือนกับพวกเขาตระหนักว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในทวีปมังกรทะยาน
เจ้าอ้วนไห่ดูท่าทางเหมือนกับพยายามฝืนยิ้มอย่างหนักซึ่งดูย่ำแย่กว่าร้องไห้เสียอีก  ขณะที่เขากวักมือเรียกเสวี่ยทันหลาง
เสวี่ยทันหลางเข้ามาคว้าจดหมาย
เมื่อเขาเห็นข้อความ ก็รู้สึกหัวหมุนด้วยความตกใจ
องค์ชายเทียนหลัวตามเข้ามาทันที  เขาเหลือบมองดูจดหมาย แล้วรวบหมัดแน่นทันที
 “เจ้าอ้วน, เกิดอะไรขึ้น?”  เลโอทอเรนหัวหน้ากลุ่มพูดออกมาอย่างยากเย็น  โดยปกติเขาเป็นหัวหน้าผู้เข้มงวดคนหนึ่งที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไรภายนอก  เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น
 “ฮ่าฮ่าฮ่า, ไม่มีอะไร, ก็แค่ว่าแม่หมูแก่ที่บ้านข้าตกลูกยากเล็กน้อย  ดังนั้นข้าตัดสินใจกลับไปดูว่าข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  มันเป็นหมูตัวโปรดของข้าเสียด้วย”  เจ้าอ้วนไห่คว้าจดหมายกลับคืนมาและยัดเข้าปากจากนั้นจึงเคี้ยวจดหมายนั้น  ลีนและแอนนามองสถานการณ์ในแง่ร้ายกว่าเดิม  พวกเขาไม่ยอมให้คนอื่นที่เหลือได้เห็นจดหมาย  นั่นคงหมายความว่าปัญหาต้องหนักหนาสาหัส  ดังนั้นคงไม่ใช่ปัญหาที่แม่หมูของเขาคลอดลูกยากแน่นอน
 “เรื่องนี้จริงหรือ?”  ฟ่านหลุนเถี่ยไม่เชื่อ  เป็นไปได้อย่างไร แค่แม่หมูคลอดลูกยาก ถึงกับต้องส่งจดหมายลับสุดยอดเชียวหรือ?
 “โห, ข้าไม่รู้เลยว่าสถานะของหมูในทวีปมังกรทะยานช่างสูงส่งนัก...” สี่สาวคิวบัวร์ดีใจมากและพูดด้วยความอิจฉา “ไม่ว่าเราจะไปถึงที่ใดก็ตาม  สถานะของหมูมักต่ำต้อยเสมอ”
 “ต้องเป็นหมูที่มีค่าและหายากแน่  ดูสิ  ข้าบอกว่ามีหมูในตำนานบางพวกที่นำโชคมาให้คน”  เป่าเอ๋อไม่เคยออกไปชมดูโลกภายนอก  ดังนั้นนางจึงเชื่อที่เจ้าอ้วนไห่พูดได้ง่าย
 “ใช่แล้ว มันหาได้ยากแน่นอน  เราตัดสินใจกลับไปดูว่าจะช่วยอะไรได้บ้างเช่นกัน”  เย่คงกระแอมและผงกศีรษะ
 “ไปกันเถอะ”  เสวี่ยทันหลางหมุนตัวและเตรียมจากไป
 “ข้าสงสัยว่าเราสามารถไปดูหมูมีค่าหายากที่ทวีปมังกรทะยานด้วยบ้างได้ไหม?  ข้าเป็นนักรบประเภทพลังบำบัดคนหนึ่ง  ดังนั้นข้าอาจจะช่วยได้บ้าง”  แอนนาพยายามออกความเห็น
 “เพราะทุกทวีปมีกฎเกณฑ์ของพวกเขาเอง  เราไม่สามารถนำพวกเจ้าทุกคนกลับไปโดยมิได้รับอนุญาตจากอาจารย์ที่ปรึกษาของเรา  เอาอย่างนี้เป็นไง  เราจะกลับไปก่อนและหาทางขออนุญาต  ดูแลตัวเองนะทุกคน  บางทีคงอีกไม่นานเราจะพบกันอีกในทวีปมังกรทะยาน”  องค์ชายเทียนหลัวยังฉลาดในการอำลามากกว่า
เสวี่ยทันหลาง, เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ทุกคนพุ่งออกไปราวสายฟ้า  และรีบไปที่พื้นที่เทเลพอร์ตของหอทงเทียนชั้นที่หก
สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยแผดเสียงลั่น “หยุดนะ  พวกเจ้าทุกคนหยุดนะ!
แม้แต่ลีนที่มักอารมณ์ดีเสมอถึงกับโกรธเช่นกัน  เขามองตาขององค์ชายเทียนหลัว  “แม้ว่าเราเพิ่งจะรู้จักกัน  แต่เราก็เป็นมิตรที่ดีต่อกัน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายร่วมกัน  ระหว่างต่อสู้ พวกเจ้าทุกคนก็ช่วยชีวิตข้าไว้หลายครั้ง  ดังนั้นพวกเจ้าจะจากไปเผชิญปัญหากันเองหรือ? บอกปัญหาพวกเจ้าให้เราทราบบ้าง  เราจะเผชิญหน้าร่วมกัน...”
แอนนาพยักหน้าเช่นกัน  “ข้าไม่รู้ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาบอกอะไรพวกเจ้า  แต่นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาแน่นอน  เราเป็นเพื่อนและเป็นสหายร่วมรบของพวกเจ้า  เรามีสิทธิ์รู้ความจริง  แค่เพียงประโยคเดียวก็ได้”
องค์ชายเทียนหลัวสูดลมหายใจลึก  เขาชำเลืองตามองดูและพูดสิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึง “จากวันนี้เป็นต้นไป  เราไม่ใช่สหายต่อไปแล้ว”
 “อะไรนะ?”  เลโอ ทอเรนหัวหน้ากลุ่มคว้าคอเสื้อองค์ชายเทียนหลัวใช้ตาวัวจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว  “เจ้าเพิ่งพูดอะไรออกมา?”
 “อย่าเสียเวลาเลย  ไปกันเถอะ”
เย่คงตะโกนมาจากที่ไกล
องค์ชายเทียนหลัวขยับตัวเบาๆ ก็หลุดจากมือของเลโอ และพุ่งหนีจากไป
ฟ่านหลุนเถี่ยตาแดงคำรามลั่นขณะที่นางพังผนังโรงเตี๊ยมไล่ตามพวกเขาไป
นางยื่นมือขนาดยักษ์ออกไปพยายามคว้าเย่คง  แต่เย่คงกระโดดขึ้นไปในอากาศหลบนางได้  ฟ่านหลุนเถี่ยยิ่งโกรธและหันไปคว้าเจ้าอ้วนไห่แทน  “ถ้าเจ้าไม่อธิบายให้ชัดเจน  อย่าคิดว่าจะจากไปได้เลย”
เจ้าอ้วนไห่เหวี่ยงหมัดใส่ฟ่านหลุนเถี่ยทำให้นางกระเด็นไปในอากาศ  จากนั้นพูดอย่างห่างเหินว่า  “ยัยวัวบ้า,  ข้าไม่รู้จักเจ้า”
เสวี่ยทันหลางไวที่สุด  เพราะเขาเทเลพอร์ตจากไปแล้ว
พี่น้องตระกูลหลี่วิ่งเข้าไปในวงแหวนเทเลพอร์ต  ขณะที่พวกเขาเตรียมตัวเทเลพอร์ต...
 “พวกเจ้าทุกคนจะจากไปอย่างนั้นจริงๆ หรือ?  เชื่อข้าสิ  พวกเจ้าแค่บอกออกมาสักคำ ไม่ว่าปัญหาจะคืออะไรก็ตาม”  ลีนเคลื่อนเข้ามาราวประกายไฟ ยับยั้งเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ก่อนที่พวกเขาจะเทเลพอร์ตจากไป
 “ความเป็นหุ้นส่วนของพวกเราจบแล้ว  นี่คือส่วนแบ่งของพวกท่าน”  จากนั้นเย่คงโยนผนึกเวทและเหรียญทองในแขนเขาทั้งหมดลงพื้น  จากนั้นเดินไปพร้อมกับเจ้าอ้วนไห่  พวกเขาเดินไปต่อหน้าลีนอย่างไม่ไยดี  ม่านตาลีนขยายกว้าง  เขากำหมัดแน่นพยายามบังคับตนเองอย่างหนักไม่ให้เคลื่อนไหว  ขณะมองดูสองคู่หูเดินจากไป
 “โง่จริงๆ  ทำไมเจ้าต้องไปห้ามเขา?  ไม่มีพวกเขานำทอง  เราไม่สามารถไปทวีปมังกรทะยานหรือ!  ฟ่านหลุนเถี่ยมีเลือดออกจากปากขณะตะโกนใส่ลีนด้วยอารมณ์โกรธ
 “ถ้าพวกเขาต้องการจากไป  เราคงมิอาจรั้งพวกเขาให้อยู่ต่อได้”  ลีนถอนหายใจ
เป่าเอ๋อว้าวุ่นใจร้องไห้จนน้ำตานองหน้า
แม้แต่แอนนาก็หลั่งน้ำตานองหน้าเช่นกัน... สหายที่มีมิตรภาพอันดีก่อนนี้ จู่ๆ ก็กลายเป็นเย็นชาและห่างเหิน  เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
อาจารย์ของเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ สุ่ยตงหลิวบอกเล่าอะไรกับพวกเขากันแน่?
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นจดหมาย  แต่พวกเขาก็เดาได้จากกิริยาที่ผิดปกติของเจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือ  การแยกตัวจากมาอย่างไร้น้ำใจไม่ใช่เพราะพวกเขาใจดำจริงๆ  แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการเป็นภาระกับทุกคน  ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นในทวีปมังกรทะยานจนทำให้พวกเขากังวลและรีบร้อนออกเดินทางโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น
และสิ่งที่เกิดขึ้นต้องเป็นเรื่องยากลำบากแน่นอน
 “ร้ายนัก, ข้าเกลียดคนแบบนี้ที่สุด  ขี้ขลาด, บัดซบ พวกเขาทอดทิ้งสหายไปจริงๆ  พวกเจ้าทุกคนคิดว่าพวกเจ้าเป็นคนชั้นสูงอย่างนั้นหรือ? ข้าว่าพวกเจ้าโง่กันทุกคน  ข้าเกลียดคนอย่างพวกเจ้าทั้งหมด ที่คิดแต่ว่าตัวเองไม่ผิด”  ฟ่านหลุนเถี่ยโวยวายลั่น  แต่ขณะที่นางยังด่าต่อไป หยดน้ำตาก็ร่วงไหลมาตามแก้มนาง
 “ตอนนี้จะเอายังไง?”  เลโอหันไปมองลีน
แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้ากลุ่มก็ตาม แต่ช่วงเวลาที่สำคัญอย่างนี้ แต่เขายังต้องดูการตัดสินใจของลีนและแอนนา
ลีนและแอนนามองหน้ากันเองและก้มศีรษะครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ  ในที่สุดพวกเขาก็ต้องตัดสินใจ  “เราจะไปสมาคมนักรบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเสียก่อน”
เมื่อพวกเขามาถึงสมาคมนักรบ  ก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไรได้  โอวเกินนักรบวัยกลางคนตะโกนมาทางพวกเขา  “ในพวกเจ้าทุกคนน่ะ เย่คงและเจ้าอ้วนไห่อยู่ไหน?  ไตตันน้อยส่งข้อความลับถึงพวกเขา รอให้พวกเขาตอบรับอยู่  แต่คนส่งสารหาพวกเขาไม่พบ...”
แอนนา, ลีนและที่เหลือตกตะลึง”  ข้อความลับสองรายเชียวหรือ?  ไตตันส่งให้พวกเขาด้วยเช่นกันหรือ?”
มีคนผู้หนึ่งออกมาจากข้างใน    เป็นหัวหน้าแม็ทธิวกำลังหน้าตาบูดบึ้ง  “มีสามข้อความ  จักรพรรดิแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย จุนอู๋โหย่วก็ส่งข้อความด้วยเช่นกัน!
 

12 ความคิดเห็น:

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

จดหมายส่งกันว่อนเลยนะ ขอบคุณ๕รับ

8lek8 กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

สุ่ยตงหลิว......ใครฟะ ตอนแรกนึกว่าชื่อเย่ว์หยางตอนปลอมตัว
แต่จดหมายที่แท้จริงลงนามในชื่อไตตันน้องยังไม่ถึงมือซะงั้น ไม่คุ้นชิื่อเลย *~*

ป.ล. หงเอ๋อเริ่มทำคะแนนเอาใจภรรยาเย่ว์หยางแล้วสินะ ฮิฮิ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopat Tawan กล่าวว่า...

สุ่ยตงหลิว
พ่อของอู๋เหินไง

แสดงความคิดเห็น