วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 442 ราชาเฮยอวี้ปรากฏ



ตอนที่  442  ราชาเฮยอวี้ปรากฏ
ถ้าเย่ว์ชิวยังคงมีชีวิตอยู่ ก็นับเป็นข่าวดีของตระกูลเย่ว์
อย่างไรก็ตาม สำหรับเย่ว์หยางผู้มาจากโลกอื่น คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
แน่นอนว่า โอกาสที่เย่ว์ชิวจะรอดอยู่ได้มีเพียงน้อยนิด  ถ้าเขายังคงมีชีวิตอยู่ ในช่วงสิบปีมานี้ เขาไปที่ไหน?  แม้ยามที่ตระกูลเย่ว์อยู่ในสภาพใกล้ล่มสลายที่สุด ต้องการคนที่สุด เขากลับไม่ปรากฏตัว  ดังนั้นเย่ว์หยางเชื่อว่าเย่ว์ชิวบิดาของสหายผู้น่าสงสารคงมีโอกาสน้อยที่ยังมีชีวิตอยู่  เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ ทำไมคนจากหุบเขาเจี๋ยเถาถึงเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าเย่ว์ชิวไม่ได้ตายในสงคราม?
 
หลังจากออกจากหุบเขาเจี๋ยเถา  เย่ว์หยางไปสอดส่องตรวจดูอยู่สองสามที่  ที่เหล่านั้นทั้งหมด เย่ว์ชิวเคยใช้เป็นที่พำนักชั่วคราว เขาใช้เวลาหมดไปทั้งวัน แต่ไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มแต่อย่างใด
ที่สำคัญคือ เวลาผ่านถึงมาสิบปีแล้ว   หลายอย่างที่เหลืออยู่อาจจะเหมือนเดิม แต่คนกลับไม่ใช่
เย่ว์หยางคิดว่า ร่องรอยเย่ว์ชิวอาจจะเหลืออยู่บ้างในหุบเขาเจี๋ยเถา แต่กลับไม่พบเห็นในที่ใดเลย
เป็นแค่เพียงเขตพื้นที่หุบเขาเจี๋ยเถาที่เพิ่งก่อการลุกฮือ คนที่นั่นเกลียดและตื่นตัวต่อคนต่างถิ่น  ต่อให้ร่องรอยเย่ว์ชิวจะเหลืออยู่ที่นั่นจริง  แต่การหาให้พบในระยะเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
 “ไม่เป็นไร ข้าจะมาจัดการเรื่องนี้ทีหลังก็ได้”  เย่ว์หยางตัดสินใจยกเลิกในตอนนี้ก่อนและกลับไปยังหอทงเทียนชั้นที่สาม  เขาสนทนากับขุนพลของอาณาจักรต้าเซี่ยผู้รักษาการณ์อยู่ที่นั่นเล็กน้อย  เขาพบว่ากองกำลังนรกดำอยู่ในสภาพเหมือนกับสงบก่อนพายุจะมา ไม่ว่าจะเป็นทวีปมังกรทะยานหรือหอทงเทียน  ยังไม่มีการโต้ตอบ  บางทีการจู่โจมทำลายฐานทัพลับทำให้กองกำลังนรกดำประสบความสูญเสียอย่างรุนแรง  ก่อนที่พวกเขาจะมั่นใจว่าชนะแน่ พวกเขาจะไม่เริ่มก่อกวนแน่นอน  นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ในทางตรงกันข้าม  พวกเขาจะสร้างความแข็งแกร่งอย่างช้าๆ และรอโอกาสที่ดีที่สุดแล้วจึงเริ่มการโจมตี
ถ้าพวกเขายังไม่เริ่มสงครามก็ยังนับว่าไม่เป็นไร
ทันทีที่สงครามเริ่มอย่างเป็นทางการ ทั้งกองกำลังนรกดำหรือทั้งอาณาจักรต้าเซี่ยจะต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ในที่สุด
เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงกิจการทางทหารได้ และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่จุดแข็งของเขา  พอเห็นว่าสงครามยังไม่เริ่มในตอนนี้ เย่ว์หยางตัดสินใจไปยังสถานที่ลับที่มารดาของนางพญากระหายเลือดบินหายไป  เขาต้องการไปดูว่ามีความลับเช่นใดซ่อนอยู่
บางที นางพญากระหายเลือดอาจยกระดับได้เนื่องจากเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ จึงเป็นเรื่องอันตรายมากหากเขาจะไปที่นั่น แต่ตอนนี้เขาไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว
หลังจากเรียกนางพญากระหายเลือดออกมา  ทั้งสองก็ทะยานขึ้นไปในอากาศเคียงบ่าเคียงไหล่กัน
หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงกับความลำบากในการเดินทางผ่านภูเขาหลายลูกแม่น้ำหลายสาย  ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสถานที่ซึ่งมารดาของนางพญากระหายเลือดบอกว่าเป็นที่ลับ  นั่นเป็นรอยแยกของหุบเขา  เนื่องจากเคยเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด เกิดแนวรอยแยกยาวอย่างน้อยสิบกิโลเมตร  กว้างไม่น้อยกว่า 2-3 ร้อยเมตร  แม้แต่ส่วนที่แคบที่สุดก็แค่พอให้คนๆ เพียงคนเดียวเบียดตัวผ่านไปได้เท่านั้น
รอยแยกของหุบเขาไม่ใช่จุดหมายปลายทาง
มารดาของนางพญากระหายเลือดพบสถานที่ลับนี้เพราะเมื่อนางมาสำรวจรอยแตกแยกของภูเขา นางได้รู้ว่ารอยแตกของหุบเขามีรอยแยกเปิดอย่างคาดไม่ถึง  วงเวทเทเลพอร์ตลับเปิดออกมา
หลังจากค้นหาอยู่ครึ่งชั่วโมง เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดก็พบวงเวทเทเลพอร์ตขนาดยักษ์ในที่สุด
แน่นอนว่านี่คือวงเวทเทเลพอร์ตโบราณที่ถูกทิ้ง มันถูกฝังลึกอยู่ใต้ดิน เนื่องจากเกิดเหตุหลายอย่างเช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด จึงโผล่ออกมาอีกครั้ง  แล้ววงเวทเทเลพอร์ตนี้จะพาไปถึงที่ใดกัน?
และอะไรคือความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้น?
หลังจากมารดาของนางพญากระหายเลือดบินขึ้นไปแล้ว  นางทิ้งคำเตือนถึงอันตรายไว้ทันที
แน่นอนว่านางไม่อาจค้นพบความลับได้ทั้งหมด แต่ได้รับประโยชน์ไปจำนวนหนึ่งเสียมากกว่า  อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าเพียงพอให้นางบินขึ้นไปหอทงเทียนชั้นสี่หรืออาจเป็นระดับชั้นที่สูงกว่า  สิ่งที่ประหลาดที่สุดก็คือว่า เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดหานางไม่พบ แม้แต่ที่ชั้นห้าและชั้นหก ก็ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องเลย
มารดาของนางพญากระหายเลือดบินไปที่ไหน?
ขณะนั้น นางได้รับสมบัติชนิดใด ถึงยอมให้นางทำลายม่านพลังพื้นที่และบินไปในระดับต่างๆ ได้อย่างอิสระ?
ความลับทั้งหมดอยู่อีกฟากหนึ่งของวงเวทเทเลพอร์ต
เย่ว์หยางใช้ผลึกเวทจำนวนมากเพื่อให้วงเวทเทเลพอร์ตซึ่งเสียหายจากแผ่นดินไหวทำงานอีกครั้งหนึ่ง  ถ้าเขาไม่ได้เรียนรู้ความรู้เรื่องวงเวทเทเลพอร์ตจากอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า เขาคงทำอะไรไม่ได้ทั้งวงเวทเทเลพอร์ตนี้อยู่ข้างหน้าเขา  หลังจากมารดาของนางพญากระหายเลือดได้เข้าไปแล้ว หลายปีผ่านไป ในรอยแยกในหุบเขานี้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ทำให้วงเวทเทเลพอร์ตเสียหายมากขึ้น  แม้หลังจากที่เย่ว์หยางซ่อมวงเวทเทเลพอร์แล้วก็ตาม เขาก็ยังกังวลว่าจะมีปัญหา เย่ว์หยางจับมือของนางพญากระหายเลือดไว้ และพยายามเปิดการใช้งานวงเวทเทเลพอร์ต
 “ครืนนนนนน!
วงเวทเทเลพอร์ตเริ่มสั่นมีเสียงครางแปลกๆ หลังจากผลึกเวทถูกใส่ลงไป
แสงสีขาวจำนวนมากพุ่งขึ้นมา
พลังงานลำแสงพุ่งทะลุพื้นตรงที่พวกเขายืนอยู่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
การกระตุ้นวงเวทเทเลพอร์ตเป็นเหตุให้แผ่นไหวอีกครั้ง  พื้นทั้งหมดไหวไม่หยุด ทำให้หินร่วงลงมา  ก้อนหินบนพื้นแตกร้าวอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตา รอยแตกเหมือนกับใยแมงมุมแพร่กระจายไปทุกที่
ในระยะห่างออกไปประมาณ 2-3 กิโลเมตรภูเขาไฟ 2-3 แห่งเริ่มสั่นสะเทือน ควันดำและไอน้ำพุ่งออกเหมือนกับว่าจะมีการปะทุรอบใหม่
เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดถูกเทเลพอร์ตไปทันที
การเทเลพอร์ตทำได้สำเร็จ  แต่วงเวทเทเลพอร์ตไม่สามารถทนต่อความเสียหายได้  มันระเบิดและถูกทำลายไป  อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการทำลายตัวของวงเวทเทเลพอร์ต  จึงไม่มีพลังงานถูกส่งเข้าเปลือกโลกอีกต่อไป  สภาพแผ่นดินไหวค่อยๆ หยุดลง และภูเขาไฟค่อยๆ สงบลงเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ในท้องฟ้า ยังมีร่องรอยควันดำ  นี่เป็นเพียงหลักฐานเดียวที่แสดงว่าเย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดเคยมาที่นี่ก่อน
การเทเลพอร์ตทำได้รวดเร็วมาก  ในชั่วพริบตา เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดก็มาถึงในสภาพแวดล้อมแห่งใหม่
นี่คือเกาะที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า
มีขนาดใหญ่โตมหึมากว่าป้อมสายฟ้าในหอทงเทียนชั้นที่หกเสียอีก เมื่อเย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ดู  เขาไม่สามารถมองเห็นขอบเขตที่สุดอีกด้านหนึ่ง  แต่วงเวทเทเลพอร์ตนั้น เขาสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าอยู่ห่างออกไปราว 2-3 กิโลเมตร  มีขอบเขตด้านหนึ่ง ขอบกลมยื่นห่างออกไปจนสุดสายตา
เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดเดินไปที่ขอบเกาะและชะโงกดู
ในไม่ช้าพวกเขาก็ทราบได้ว่าไม่สามารถมองเห็นที่สุด  ลึกเสียจนพวกเขามองไม่เห็นพื้น  บางทีอาจไม่มีพื้นเลยก็ได้
พอแหงนหน้ามอง พวกเขาสามารถเห็นอาคารหักพังจำนวนหนึ่ง  ต้นไม้สีเขียวอ่อนสูงเหมือนหอคอยยืนต้นอยู่บนผาที่อันตราย
หอทงเทียนชั้นที่สามก็ยังมีเกาะลอยฟ้า  มีเกาะลอยฟ้าอยู่แน่ แต่ไม่เคยเห็นใหญ่เท่าเกาะนี้  แม้แต่ในหอทงเทียนชั้นที่หกก็ไม่มีเกาะใหญ่ขนาดนี้  ป้อมสายฟ้าก็ยังไม่อาจเทียบกับเกาะนี้ได้  ยิ่งกว่านั้นป้อมสายฟ้าไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศเบาบาง
เหมือนกับมีพลังชนิดหนึ่งทำให้เกาะขนาดมหึมาลอยอยู่ในท้องฟ้าได้หรือ?
สถานที่นี้อยู่ที่ใดกัน?
อาจไม่ใช่ชั้นสามหอทงเทียน  แรงโน้มถ่วงที่นี่มากกว่าชั้นหกหอทงเทียนเสียอีก  ยิ่งกว่านั้นชั้นที่สาม สี่ ห้า หรือแม้แต่ชั้นที่หกหอทงเทียนไม่เคยพบเกาะลอยฟ้าใหญ่ขนาดนี้  ชั้นหกหอทงเทียนอาจมีที่ลับซึ่งยังมิได้ถูกเผย เหมือนอย่างวังเบญจธาตุ  อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนไม่สามารถค้นพบเกาะลอยฟ้าใหญ่โตขนาดนั้น
เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดบินลงมา  หลังจากบินลงมาประมาณสิบกิโลเมตร พวกเขาก็ยังไปไม่ถึงพื้นเบื้องล่าง
จนกระทั่งเกือบร้อยกิโลเมตร พื้นที่จึงเริ่มเล็กลง
ในที่สุด เบื้องล่างดูเหมือนจะเรียวเล็กลง
เมื่อมองดูอีกครา กลับไม่ใช่พื้นดิน แต่เป็นท้องฟ้าไม่มีที่สิ้นสุด
 “โอว, คุณพระช่วย หรือว่าสถานที่นี้จะเป็นเมืองลอยฟ้าในตำนาน?”  เย่ว์หยางเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ในอดีตผ่านความรู้ของมารดาสหายผู้น่าสงสาร  เขารู้ว่ามีเมืองลอยฟ้าขนาดมหึมาตั้งอยู่ในแดนสวรรค์  เป็นเมืองขนาดมหึมา ผู้คนเป็นล้านสามารถอยู่ได้โดยไม่รู้สึกแออัด  นิกายหรือเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังอำนาจปกครองเกาะลอยฟ้ายักษ์ดังกล่าว  พวกเขาจะนำคนในตระกูล หรือศิษย์ในนิกายไปสร้างเมืองลอยฟ้าที่เป็นของพวกเขา  อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องแดนสวรรค์เลย  เกาะลอยฟ้าใหญ่ขนาดนั้นจะมาได้อย่างไร?
นี่คือแดนสวรรค์งั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้  แดนสวรรค์คงไม่อาจเข้าไปได้ง่ายๆ
บางทีนี่คือเกาะลอยฟ้าจากแดนสวรรค์และมันร่วงลงมาที่นี่  ปัญหาก็คือใครมีพลังมากพอทำให้มันร่วงลงมา
จากระยะที่ไกล  เขามองขึ้นไปที่เกาะลอยฟ้า  เย่ว์หยางตระหนักได้ว่าเขาไม่เคยตื่นตะลึงมาก่อนในชีวิต
มันใหญ่โตมโหฬารมาก
เทียบกันแล้ว มนุษย์กลายเป็นเล็กระจ้อยร่อยไม่สำคัญ
การรู้สึกได้เป็นประจักษ์พยานเห็นเกาะลอยฟ้านี้เป็นยังไง?  ก็เหมือนกับเห็นกุ่ยเจี้ยนโฉว และแดนปีศาจและอาจเป็นเหวสิ้นหวังถูกดึงขึ้นมาจากพื้นและลอยอยู่ในอากาศ  บางทีอาจเป็นไปได้มากกว่า
เย่ว์หยางพบว่าไม่มีมนุษย์อยู่เลย  แต่สัตว์อสูรยังมีอยู่บ้าง และเป็นประเภทต่างจากภายนอกสิ้นเชิง
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือระดับของพวกมัน เกือบทั้งหมดเป็นอสูรระดับทองหรือสูงกว่า  ยกเว้นแต่ลูกสัตว์อสูรที่ยังเป็นระดับทองแดงหรือระดับเงิน  จำนวนของสัตว์อสูรที่นี่มีไม่มาก แต่พวกมันโดยทั่วไปจะกลัวคน  ทันทีที่พวกมันเห็นเย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดบินเข้าใกล้  พวกมันก็หนีไปไกลๆ ทันที  มีอาคารน้อย  เย่ว์หยางตระหนักว่านอกจากความจริงที่ว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่   ทุกอย่างก็ปรากฏเห็นอยู่ มีกระทะ มีเตียงเหมือนห้องในเมืองตามปกติ เป็นเหมือนกับว่าเพิ่งมีคนจากไปวันวาน  อาคารที่นี่ดูแตกต่างจากในทวีปมังกรทะยาน  ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกบ้าน จะมีความสวยงามมาก พร้อมกับเครื่องประดับหรูหรามากสีสัน  ไม่ว่าจะดูเป็นอย่างๆ หรือดูรวมกัน ก็เต็มไปด้วยสัมผัสทางศิลปะ
ตัวอักษรที่ปรากฏเป็นตัวอักษรรูนภาษารูนสวรรค์มีอยู่ทุกที่
ครืน....
จากระยะไกลๆ เสียงดังสั่นสะเทือน หลังจากเสียงดังสามครั้งเป็นจังหวะ
เย่ว์หยางรีบให้นางพญากระหายเลือดกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์และเขากลั้นลมหายใจไว้  เขาเลียนแบบสิ่งไม่มีชีวิตโดยใช้อินทรีศึกระดับเงินที่สร้างโดยเย่ว์กงเป็นแบบ เขาไปตามทางที่เกิดเสียงสั่นสะเทือน
เขาเดินไปได้ไม่กี่กิโลเมตรและผ่านตรงเข้าไปในป่า
ที่ชายป่า เย่ว์หยางหยุดไม่แสดงตัว ในการควบคุมจากระยะไกล 2-3 กิโลเมตร ยืนอยู่ในวังขนาดมหึมา
เป็นภาพที่แพรวพราว ผสมกันระหว่างทองและหยกที่มีรัศมีสว่างไสว
พอเห็นสถานที่นี้ เย่ว์หยางคิดว่า แม้ว่าจะมีผู้ใช้คำบรรยายในโลกนี้ เขาก็ยังไม่สามารถบรรยายถึงลักษณะที่สวยงามสง่านี้ได้  เทียบสิ่งก่อสร้างนี้กับวังหลวงของจุนอู๋โหย่ว ก็ดูเหมือนเป็นบ้านกระดาษไปเลย  วังของอาณาจักรเทียนหลัวที่สวยงามที่สุดในทวีปมังกรทะยาน  แต่เมื่อเทียบกับสถานที่นี้ ก็ยังสวยด้อยกว่า งามไม่ได้ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำ
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางตะลึงที่สุดก็คือวังขนาดมหึมานี้ มีม่านพลังสีทองปกป้องอยู่
มันดูเหมือนกับม่านพลังปกป้องของคัมภีร์อัญเชิญ  อย่างไรก็ตามมันคงอยู่นิรันดร์ ไม่มีขีดจำกัดเรื่องเวลา มันใหญ่มหึมาเพียงพอคลุมพื้นที่จัตุรัส 2-3 กิโลเมตร... ช่างน่าตกใจมาก  เย่ว์หยางจ้องนัยน์ตาเบิกกว้างถึงกับแลบลิ้นออกมา  เขาแทบไม่เชื่อตาตนเอง
เทียบกับมิติลวงของจักรพรรดินีราตรีแล้ว  ม่านพลังที่นี่ใหญ่กว่าเป็นร้อยเท่า
ในท้องฟ้า มีจุดดำเล็กมาก
จุดดำนั้นปลดปล่อยกลิ่นอายที่ขัดขวางโลกทั้งสิ้น  มันถืออาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์รูปร่างคล้ายค้อนซึ่งเต็มไปด้วยประกายแสงงดงาม  จุดดำนั้นใช้ค้อนจู่โจมใส่ม่านพลังครั้งแล้วครั้งเล่า
อาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์รูปร่างคล้ายค้อนฟาดใส่ม่านปกป้องทำให้เกิดแรงลมปั่นป่วนกระแทกลงพื้น
ทุกครั้งที่หวดใส่จะทำให้เกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงสะเทือนประหนึ่งจะทำให้โลกสั่นสะท้านไปด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง
ม่านพลังไม่ได้เคลื่อนหายไปแม้แต่นิ้วเดียว  หลังจากฟาดถล่มเป็นเวลานาน ก็ไม่พบร่องรอยจุดอ่อนใดๆ
เมื่อใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดูเย่ว์หยางมองเห็นจุดดำได้ จากนั้นเขารีบถอนกลับด้วยความกลัวและซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้  กลัวว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นเขา
โอวพระเจ้า จุดดำเล็กๆ นั่นที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญกลับเป็นขุนพลเทพของจักรพรรดิอวี้เมื่อหกพันปีที่แล้ว วันนี้เขาคือราชาเฮยอวี้
ทำไมราชาเฮยอวี้มาปรากฏตัวที่นี่?
ดูเหมือนเขาต้องการทำลายม่านพลังและเข้าไปในวังนี้  อย่างนั้นความลับอะไรซ่อนอยู่ในวังนี้?
 

13 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมาก

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

เปา กล่าวว่า...

จะเข้าไปก่อนเขาได้ไหม

Nopanser Kung กล่าวว่า...

อู้ววว ~ อยู่ดีๆ ดันมาเจอบอสใหญ่ซะงั้น งานนี้คงได้แต่เผ่น เย่ว์หยางเรายังฟาร์มเวลไม่เสร็จเลย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เลือกมาได้ถูกที่จริงๆ สงสัยได้แอบเข้าวังไปตอนบอสใหญ่เผลอ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น