ตอนที่ 446 ทิ้งอดีตสู่ชีวิตอนาคต
พอได้ยินสาวงามถามว่าต้องการถูกกอดหรือถูกจูบ
เย่ว์หยางพยักหน้าเหมือนเด็กแรกเกิดที่ต้องการทั้งสองอย่าง
“ในฝันของเจ้านะ”
นางเซียนหงส์ฟ้างับเบาๆ ที่ติ่งหูของเย่ว์หยาง
เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย
จากนั้นสาวงามก็เลียที่ติ่งหูอย่างนุ่มนวลแล้วก็ทำอีกข้างหนึ่งเช่นกัน ท่าทีเจ้าชู้หยอกล้อนี้ที่ไม่เหมือนใครแทบจะทำให้เย่ว์หยางเปลี่ยนเป็นมนุษย์หมาป่าแล้วหอนจากนั้นเอากรงเล็บตะกุยพื้นในทันใด เมื่อดูข้างหลังเขา
เย่ว์หยางเห็นสาวงามกำลังมองเขาอย่างสงบด้วยรอยยิ้มแฝงแววยั่วเย้าของนาง นัยน์ตาเป็นประกาย
พวงแก้มสีชมพูกับริมฝีปากแดงดุจผลเชอรี่พ่นลมหายใจใส่จนเลือดหมาป่าของเขาแทบเดือด เสน่ห์ของนางไม่ธรรมดา พอจะทำให้โลกหยุดนิ่งได้ ไม่ว่าผู้ใดก็อดมองไม่ได้
นางเซียนหงส์ฟ้าตบหน้าผากเย่ว์หยางเบาๆ และพูดหยอกล้อ “เด็กร้ายกาจ!
เจ้ามองพอหรือยัง?”
เย่ว์หยางแสดงความเห็นว่า “ข้าไม่เคยเชื่อเลย เมื่อมีคนกล่าวอธิบายว่าความงามของคนนับเป็นอาหารตาอย่างหนึ่ง หลังจากวันนี้ เมื่อข้าได้พบอาหารตาเช่นนั้นกับตัวเอง
ข้าถึงได้รู้ว่าคำกล่าวเช่นนั้นไม่เกินจริง”
พอได้ยินคำพูดเหล่านี้
นางเซียนหงส์ฟ้ายิ้ม
โอว!
นางใช้นิ้วมือเรียวงามบีบแก้มเย่ว์หยาง
ริมฝีปากสีทับทิมของนางยื่นเข้ามาแทบชิด นางกระซิบกับเขาว่า “มิน่าเล่า
เจ้าถึงได้ขโมยหัวใจสาวงามได้มากมายนัก
ปากเจ้าหวานยิ่งนัก เด็กร้ายกาจ ลูกเล่นตลกๆ
เหล่านี้ใช้ได้แค่กับแม่เสือสาวกับโล่วฮัวเท่านั้น แต่ใช้กับข้าไม่ได้”
“พี่สาวคนดี!
ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อชีวิตรักเปี่ยมสุขเหมือนกัน อย่าเพิ่งแฉข้าเมื่อถึงเวลาก็แล้วกัน” เย่ว์หยางพยายามเอื้อมมือกลับไปที่ด้านหลังตั้งใจจะเอาเปรียบนางสักเล็กน้อย พอรู้ว่าสาวงามไม่แสดงอาการขัดขืน
เขากลับเลื่อนมือไปที่บั้นท้ายของนางแทนแล้วค่อยๆ
ยกให้นางขี่หลังของเขา
โดยไม่ต้องมีความเขินอายแบบสาวๆ ทั่วไป
นางเซียนหงส์ฟ้าหัวเราะแล้วโน้มตัวขี่หลังเย่ว์หยาง นางใช้สองมือโอบรอบคอเขา
ขาทั้งสองข้างเกี่ยวรอบสะเอว นางบิดตัวรอบเขาเหมือนกับนางพญาอสรพิษ
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าต่อสู้กับหกมารฟ้ามา เป็นยังไงบ้าง? เจ้าโดนรังแกจนน้ำตาร่วงหรือเปล่า?” โดยไม่สนใจข้อถือสาประเพณี
นางเซียนหงส์ฟ้าเลื่อนมือเข้าไปในเสื้อผ้าของเย่ว์หยาง และโอว...
มือของนางซุกซนยิ่งนัก
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางแทบจะถูกเพลิงปรารถนาเผาผลาญเท่านั้น แต่เขากลับเหงื่อไหลพร่างพรู เพราะนักรบหลายคนจ้องมองอย่างเปิดเผย
เย่ว์หยางรีบใช้มือข้างหนึ่งจับมือที่ซุกซนของนางเซียนหงส์ฟ้า
แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งถือบัวเพลิงฟ้าพิโรธไว้
ความกดดันมหาศาลเกิดจากแรงระเบิดฉับพลัน
แรงกดดันที่มองไม่เห็นน่ากลัวยิ่งกว่าแรงดันที่แผ่ออกจากตัวเมื่อจ้าวปีศาจมาถึง
เป็นผลให้นักรบที่อ่อนแอที่สุดและอยู่ใกล้ที่สุดกระเด็นไปเป็นร้อยเมตร
อสูรพิทักษ์ที่หยิ่งยโสก่อนนั้นตกใจกลัวจนคิดอะไรไม่ออก มันล้มลงบนพื้นและไม่กล้าขยับแม้แต่นิ้วเดียว
นักรบเหล่านั้นที่มีปฏิกิริยาช้าพากันล้มลงกับพื้นกันหมด
และพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง
นักรบที่มีหัวคิดไวสองสามคนตระหนักได้ทันทีว่าคู่รักที่กล้าแสดงความสนิทสนมอย่างเปิดเผยนี้คือนักสู้ปราณก่อกำเนิด ความจริงพวกเขาคือยอดฝีมือนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสูงที่ข่มขวัญพวกเขาได้จนต้องรีบสาวเท้าหนีให้เร็วที่สุด
จะเสียใจอยู่ก็เพียงแต่ว่าขาพวกเขาไม่สามารถงอกเพิ่ม จะได้หนีได้เร็วกว่านี้
ตามปกติสิ่งที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดเกลียดที่สุดก็คือถูกคนอื่นล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว
ก็เหมือนกลุ่มคนพวกนี้ที่ดูเหมือนจะเพลิดเพลินกับการดูการแสดงออกของคนอื่น แม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เป็นเรื่องต้องห้ามแน่นอน
โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ดูเพื่อตั้งใจฆ่า
มิฉะนั้นพลังเพลิงที่ใช้ไปคงสามารถฆ่าคนโดยรอบภายในวินาทีเดียวแน่
พอเห็นทักษะของเย่ว์หยาง
นางเซียนหงส์ฟ้าจูบหยอกเอินเขา “โอว, มิน่าเล่า
เจ้าถึงกล้าท้าทายหกมารฟ้า
เจ้าบรรลุขอบเขตใหม่นี่เอง
แม้ว่าเจ้าจะเป็นเด็กร้ายกาจจอมเจ้าชู้
แต่ความสามารถของเจ้านับได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งแน่! ตอนนี้
เจ้าไม่ได้มาอวดผลของการฝึกฝนใช่ไหม?
ข้ายังไม่สามารถต่อสู้ได้ อาการบาดเจ็บของข้ายังไม่ทุเลาดี!”
“โอว,
อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายสนิทอีกเหรอ?”
เย่ว์หยางตำหนิด้วยความห่วงใย “อย่างนั้นทำไมท่านถึงรีบจากไปเร็วนัก
ในเมื่อยังไม่หายดี? ข้าไม่ได้คิดค่าเช่าบ้านจากท่านสักหน่อย”
“อาการบาดเจ็บภายนอกหายหมดแล้ว
แต่บาดแผลหัวใจข้ายังไม่หาย”
นางเซียนหงส์ฟ้าก็เพียงแต่พูดหยอกล้อเย่ว์หยาง เพื่อลองใจว่าเขาห่วงใยนาง
ปฏิกิริยาของเขาทำให้นางพอใจ
“ข้าเก่งที่สุดในเรื่องการรักษาบาดแผลหัวใจ”
เย่ว์หยางไม่โกรธ และแบกนางเซียนหงส์ฟ้าไปที่อื่นเพื่อเย้าหยอกนางต่อ
“พาข้าไปที่ตำหนักซัคคิวบัส
ข้าเกรงว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของข้าอาจต้องทำงานต่างโคต่างม้าให้เจ้า จะไม่มีโอกาสกลับไปดูแลตำหนักซัคคิวบัสต่อไป ข้าต้องกลับไปที่เผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสก่อน” คำพูดของนางเซียนหงส์ฟ้าพูดออกมาอย่างจริงจัง
นางรู้ว่าเย่ว์หยางจะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับนาง
เพราะอาจมีสงครามใหญ่เพื่อต่อต้านกับราชาเฮยอวี้รออยู่
หลังจากรบกับราชาเฮยอวี้แล้ว ยังอาจมีจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟย
หลังจากศึกนั้นแล้ว
พวกเขายังต้องไปแดนสวรรค์
ในแดนสวรรค์ มีซิวคง, จิ่วเซียวและหมิงเย่ว์กวง
สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์รออยู่
การต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้รออยู่
ถ้าเป็นอย่างนี้ จะมีเวลาดูแลตำหนักซัคคิวบัสได้อย่างไร?
จะดูแลตำหนักซัคคิวบัสก็เพราะมีเวลาว่างขณะฝึกฝน เป็นเพียงหน้าที่ซึ่งทำมาเพื่อฆ่าเวลา แต่ตอนนี้มีการศึกที่อันตรายอยู่ข้างหน้า
จำเป็นต้องฝึกฝนหนักกว่าแต่ก่อน
แล้วจะมีเวลาดูแลเรื่องอื่นได้อย่างไร?
นางเซียนหงส์ฟ้ามิได้พูดออกมา
แต่ตำหนักซัคคิวบัสมีกฎอยู่ต่างหาก
ก็คือเมื่อปีศาจซัคคิวบัสทุกตนพบบุรุษที่นางรัก พวกนางต้องพาเขากลับมายังเผ่าพันธุ์ เพื่อให้ได้รับการยอมรับอย่างดีจากเผ่าพันธุ์
ก่อนที่จะไปจากตำหนักซัคคิวบัสเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
แม้ว่าจะพูดตีขลุมว่านางเซียนหงส์ฟ้าหลงรักเย่ว์หยางจนไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเขา
แต่หลังจากที่ผ่านการต่อสู้โชคเลือดเสี่ยงตายมาด้วยกัน
และด้วยการฝึกผสานร่างผสานหัวใจให้เป็นหนึ่งร่วมกัน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกผูกพันอะไร
ไม่ว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม แต่นางก็ยังเป็นสตรีคนหนึ่ง
หลังจากเปลือยกายฝึกด้วยกัน และหลังจากต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันหลายครั้ง
ใครจะสามารถลืมเรื่องทั้งหมดด้วยยิ้มเดียวเล่า?
นางเซียนหงส์ฟ้าไม่เคยพบบุรุษโดยเจาะจงมาก่อน
นางไม่เคยเปิดใจยอมรับบุรุษดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม มีหลายอย่างเปลี่ยนไป
แม้ว่าแรกเริ่มเดิมทีนางอิจฉาพี่สาวนางและต้องการจะขโมยศิษย์ของนาง แต่หลังจากใช้เวลาฝึกฝนและต่อสู้ร่วมกันมามาก เย่ว์หยางเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจนางโดยไม่รู้ตัว
นี่คือสาเหตุที่ในหัวใจนางเซียนหงส์ฟ้าตัดสินใจให้โอกาสหนุ่มน้อยผู้นี้
แม้ว่าเขายังอายุน้อยมาก
น้อยจนแทบเป็นเรื่องเหลวไหล
นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
สิ่งที่สำคัญก็คือเขามีความสามารถ
เขามีศักยภาพและเขาชอบนางมาก
เพื่อคลี่คลายอาการคอขวดในการฝึกฝน
จำเป็นต้องมีการผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า
ตำนานกล่าวไว้ว่า กระบี่สามารถตัดสายใยสัมพันธ์
สะบั้นอายตนะรับรู้ทั้งหกและปล่อยวางกายหยาบหลือแต่เพียงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์สูงส่ง
ก็จะค่อยๆ กลายเป็นจื้อจุนและเป็นเทพเจ้าได้ในที่สุด
นางเซียนหงส์ฟ้าเคยทำเช่นนั้น
ไม่ถามไถ่เรื่องราวความรักระหว่างชายหญิง
อุทิศตนเองให้กับการฝึกฝนเท่านั้น
จนกระทั่งนางได้พบเย่ว์หยาง
นางตระหนักได้ว่าวิธีฝึกฝนของเขาและของนางแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่กลับให้ผลที่ดีกว่ามาก
เขาไม่จำเป็นต้องตัดสายใยผูกพัน สะบั้นอายตนะรับรู้ทั้งหก
ปล่อยวางกายหยาบ
แต่กลับเพิ่มพลังความสามารถได้อย่างรวดเร็ว รวดเร็วกว่า วิธีการเอาชนะเครื่องกีดขวางอารมณ์ของเขาต่างจากการทำสมาธิสงบนิ่งของคนอื่น
แต่กลับเป็นแก่นแท้และเด่นชัด
วิธีฝึกผสานร่างของเขาเป็นกลวิธีของเทพเจ้าอย่างแท้จริง
แสดงให้เห็นผลที่ชัดเจน แล้วเรื่องที่กายหยาบจะกลายเป็นกายศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?นั้น
เย่ว์หยาง
เด็กหนุ่มคนนี้ยังไม่ถึงกับสะบั้นอายตนะรับรู้ทั้งหกและปล่อยวางกายหยาบ เขามีแต่ปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤต และใช้ของเหล่านี้ทำการกำจัดร่าง ชำระ แล้วจากนั้นจึงก่อเกิดใหม่ วิธีการของเขาดีกว่า
ไวกว่าวิธีที่นางรู้จักเป็นร้อยเท่าพันเท่า
เนื่องจากนี่คือวิธีที่ดีที่สุด และในขณะเดียวกันนางจะมีโอกาสลิ้มรสความหอมหวานของความรักในฐานะที่นางเป็นสตรี
ทำไมจะไม่ได้เล่า?
แน่นอน ก่อนที่นางเซียนหงส์ฟ้าจะตัดสินใจเช่นนั้น นางลังเลอยู่นานมาก
อย่างไรก็ตาม
เมื่อนางเห็นใบหน้ายิ้มเปี่ยมสุขของหญิงงามอู๋เหินที่เป็นภรรยาของเขา ความอิจฉาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเกิดขึ้นในใจนาง
และจากนั้นนางก็ตระหนักว่า สิ่งที่นางขาดหายไปก็คือความรัก
“ตำหนักซัคคิวบัส?
มีปีศาจซัคคิวบัสเยอะไหม?...” เมื่อเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าไปถึงตำหนักซัคคิวบัสที่หอทงเทียนชั้นเจ็ด พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า
ไม่ผิดพลาดแน่ที่นี่คือหนึ่งในสิบสถานที่ที่อันตรายที่สุดในหอทงเทียน
เหตุผลก็เพราะที่นี่มีปีศาจซัคคิวบัสอาศัยอยู่นับหมื่น
และมีปีศาจหญิงอีกหลายหมื่นเป็นผู้รับใช้ เกือบทั้งหมดมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ขณะที่บางส่วนยังมีรูปร่างประหลาดอยู่ แต่อย่างน้อยก็มีร่างเป็นมนุษย์ครึ่งหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงบุรุษสักคน ต่อให้เป็นทหารทั้งกองกองจะถูกสูบจนแห้งทันที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกบุรุษจะเปลี่ยนเป็นหน้าซีดเมื่อพูดถึงตำหนักซัคคิวบัส ที่นี่คือนรกของบุรุษอย่างมิต้องสงสัย
พวกซัคคิวบัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจที่ชอบยั่วยวนบุรุษ ผู้นำในกลุ่มจะเป็นสตรี พวกนางเกิดมาก็มักมีแต่สตรี พวกบุรุษไม่มีอยู่เลย
เห็นได้ชัดว่า
ซัคคิวบัสเมื่อมีความสัมพันธ์กับบุรุษ ก็จะดูดพลังชีวิตของบุรุษจนแห้ง
สูบจนแห้ง
พวกนางสามารถเก็บเชื้อพันธุ์ของมนุษย์ได้เป็นพันปี
และจากนั้นจะเป็นเหมือนนางพญามด มีช่วงเวลาที่อุดมสมบูรณ์อย่างอิสระ แน่นอนว่า
ใช่ว่าซัคคิวบัสทั้งหมดจะเต็มใจผสมพันธุ์
เพราะทุกครั้งที่พวกนางทำอย่างนี้ซ้ำกัน
พลังความสามารถของพวกนางจะลดลงครึ่งหนึ่ง
ขณะที่ซัคคิวบัสน้อยที่พึ่งเกิดจะได้รับตกทอดพลังมาครึ่งหนึ่ง
และเติบโตเร็วมาก
ที่หอทงเทียน
พวกซัคคิวบัสเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เล็กมากเมื่อเทียบกับเผ่าอื่น แต่ทันทีที่พวกนางจับบุรุษที่แข็งแรงมาได้
พวกนางจะใช้ความสามารถที่ไม่เหมือนใครสูบพลังชีวิตของบุรุษจนแห้งโดยไม่มีความปราณี
พวกซัคคิวบัสที่ทรงพลัง ไม่จำเป็นต้องมีสัมพันธ์กับบุรุษ
พวกนางแค่ต้องง้างปากพวกเขา และภายในไม่กี่วินาที
พวกนางก็สามารถดูดพลังชีวิตระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดจนแห้งเหือดได้
นั่นคือสาเหตุที่พอพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างปีศาจซัคคิวบัสทำให้บุรุษกลัวหวาดหวั่นไม่คลาย
“อย่าหวั่นเกรงไปเลย
พวกนางไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ตำนานเล่าขาน
พวกนางจะสูบพลังของบุรุษผู้ตั้งใจจะข่มเหงนางจนแห้งเท่านั้น ถ้าพวกเขามีความรักต่อกันที่แท้จริง ซัคคิวบัสจะอยู่กับคนรักไปตลอดชีวิต
และจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตราย
ในตำหนักซัคคิวบัส
มีประวัติบันทึกไว้ว่าอย่างน้อยก็มีซัคคิวบัสพันตนที่แต่งงานออกจากเผ่าพันธุ์ไป
และหลายชีวิตก็มีความสุข”
นางเซียนหงส์ฟ้าไม่ใช่ซัคคิวบัส
นางเป็นมนุษย์แท้ๆ
เนื่องจากนางพญาซัคคิวบัสผู้เป็นอสูรระดับจ้าวปีศาจคอยปกป้องพิทักษ์สิ่งมีชีวิตด้วยตัวนางเอง
นางเซียนหงส์ฟ้าได้รับการยกย่องเทิดทูนเหมือนกับเป็นจ้าวตำหนัก
แม้แต่สถานะของนางยังสูงกว่านางพญาในหมู่ปีศาจซัคคิวบัสทั้งหมด
“จ้าวตำหนักมารกฎฟ้า
พวกเราขออวยพรให้ท่านมีความสุข” นางพญาซัคคิวบัสต้อนรับพวกเขาอยู่หน้าตำหนัก นางดูน่ารักมากและมีความสูงประมาณสองเมตร
นางสวมมงกุฎบนศีรษะอยู่ในเสื้อคลุมราชินีและอวยพรให้นางเซียนหงส์ฟ้ามีความสุขด้วยความจริงใจ
“เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้
ท่านมักเป็นคนดูแลข้าเสมอ
และกลับเป็นข้าที่ทำอะไรตอบแทนให้ตำหนักซัคคิวบัสน้อยเหลือเกิน ไน่ไน่!
ข้ามีความสุขมากที่ได้พบกับท่าน”
นางเซียนหงส์ฟ้าและนางพญาซัคคิวบัสต่างสวมกอดกัน นางพญาซัคคิวบัสเป็นทั้งครูและสหาย นางมักสอนให้นางเซียนหงส์ฟ้าเสมอถึงวิธีใช้ชีวิตของนางเพื่อฝึกฝนอสูรพิทักษ์
เนื่องจากนางใช้ชีวิตฝึกฝนอสูรพิทักษ์ตั้งแต่ยังเป็นระดับหนึ่งธรรมดา จนวันนี้กลายเป็นอสูรเพชรระดับสิบ
กลายเป็นจักรพรรดินีปีศาจซัคคิวบัสที่ยังไม่มีผู้ใดไปถึงระดับนั้น
“เผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสขอต้อนรับเจ้าตลอดไป ที่นี่คือบ้านของเจ้า เจ้าคือความภูมิใจของเผ่าพันธุ์เรา
เรายินดีต้อนรับให้เจ้ากลับมาสู่บ้านธรรมชาติของเราเสมอ”
นางพญาซัคคิวบัสยกย่องนางที่เป็นพี่น้องตนเองได้พบคู่ครองที่ดี เมื่อนางเห็นเย่ว์หยางทักทายนางด้วยมารยาทนักสู้ปราณก่อกำเนิด
นางได้ยินเรื่องราวของคุณชายสามตระกูลเย่ว์มาแล้ว
เขายังเยาว์วัยนัก แต่เขาเก่งกาจพอทำให้หอทงเทียนระดับสูงต้องสั่นสะเทือน
วันนี้ บางทีเขายังไม่สามารถเผชิญหน้ากับซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำ ไม่สามารถเอาชนะราชาเฮยอวี้ได้ แต่พรุ่งนี้ล่ะ? ใครกล้าพูดบ้างว่าเป็นไปไม่ได้?
ศิษย์ที่ได้รับการคัดเลือกจากสุดยอดของมนุษย์
จะผิดไปได้ยังไงกัน?
ทักษะของจื้อจุน ถ้าเอามาใช้ตัดสินคน ไม่มีทางผิดพลาด
“โปรดดูแลให้นางมีความสุขด้วย
กฎฟ้านางเป็นเด็กโชคร้ายมาก เจ้าต้องทำให้นางมีความสุข ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้ ดังนั้น
ข้าขอฝากฝังนางไว้กับเจ้า”
นางพญาซัคคิวบัสยิ้มแต่ลอบส่งข้อความให้เย่ว์หยาง ในขณะเดียวกัน ขณะที่เย่ว์หยางหันมาทักทาย
นางยัดกล่องเล็กๆ ไว้ในมือเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว
การกระทำเช่นนี้ทำให้เย่ว์หยางตกใจเล็กน้อย
เป็นไปได้ว่า นี่ต้องเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่?
การกระทำของนางครั้งนี้ดูเหมือนมีความหมายลึกซึ้งกระมัง?
นางเซียนหงส์ฟ้ากำลังวุ่นวายกับการกอด 4 ผู้อาวุโสของเผ่าซัคคิวบัสเป็นการอำลา
และไม่เห็นกล่องน้อยนี้
พอเห็นเย่ว์หยางรับไว้
นางพญาซัคคิวบัสก็ยิ้มและมองดูเย่ว์หยางกับนางเซียนหงส์ฟ้าจากไป
ปีศาจซัคคิวบัสนับหมื่นร้องเพลงประสานเสียงกันอย่างไพเราะส่งต่อเป็นทอดยินดีที่ซัคคิวบัสได้พบรักประสบความสำเร็จ
จากนั้นเย่ว์หยางค่อยเข้าใจ
นางเซียนหงส์ฟ้าพาเขามาที่นี่เพื่อร่ำลาอดีต
เป็นไปได้ไหมว่ากล่องน้อยนี้ คืออดีตของนาง?
สถานะที่แท้จริงของนาง?
ด้วยสิ่งนี้ อาจเป็นไปได้ไหมที่จะพบกับข้อมูลเกี่ยวกับจื้อจุน?
12 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากคับ
ขอบคุณคร๊าฟปม
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ฮิฮิฮิ ฟินจริงๆ นางเซียนหงส์ฟ้าสุดยอด!! >w<
ป.ล. ถ้าจื้อจุ่นรู้จะอิจฉาไหมนิ กับวิธีฝึกตนของนางเซียนตนนี้
โอ้วที่นี้มีคู่หูที่มีพลังเกือบๆเท่าจือจุ่น ไม่ต้องกลัวจะโดนลุมละ เด่วอิเยง่พาไปฝึกให้ขึ้นระดับ10 เข้าขั้นเตรียมชั้นปราณชั้นต่อไป (ชื่อชั้นไรนะลืม)
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น