วันพุธที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 552 การกลับมาที่สั่นสะเทือนโลก



ตอนที่  552  การกลับมาที่สั่นสะเทือนโลก

ก่อนจะกลับสู่หอทงเทียน เย่ว์หยางลอบออกมาเงียบๆ แล้วแอบฝังตุ๊กตารบไว้ข้างหน้าจารึกเทพ  เป็นตุ๊กตารบที่ไม่มีความสามารถในการโจมตี

เมื่อทิ้งตุ๊กตารบนี้ไว้  เย่ว์หยางสามารถใช้เข็มทิศสามดินแดนพากลับมายังแดนสวรรค์ได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าแดนสวรรค์จะเป็นสถานที่อันตรายมากกว่าหอทงเทียนก็ตาม  แต่การมาถึงแดนสวรรค์ก็คือความฝันของนักรบของหอทงเทียนทุกคน  ตอนนี้ประตูสวรรค์ถูกปิดแล้ว  เมื่อไม่มีเข็มทิศสามดินแดน  ก็ต้องรอไปอีกร้อยปีกว่าประตูสวรรค์จะเปิดออกอีกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ภายในประตูที่ปิดของแดนสวรรค์ แม้จะไม่มีนักสู้ปราณฟ้าคอยคุ้มครองแดนสวรรค์  แต่เกี่ยวกับทัศนคติที่น่ากลัวของพวกเขาที่มีต่อทวีปมังกรทะยาน พวกเขาอาจลอบทำร้ายและฆ่านักสู้เหล่านั้นก็ได้  คงเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างเหลือเชื่อก่อนที่ใครๆ จะสามารถผ่านเข้าประตูแดนสวรรค์ไปได้  ผู้คนอาจพินาศอยู่ภายใต้รอยแตกและมิติของกาลเวลาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากฝังตุ๊กตารบตัวนี้แล้วและใช้เข็มทิศสามดินแดน  เย่ว์หยางสามารถพาทุกคนขึ้นมายังแดนสวรรค์ได้ทุกเมื่อ
บางที เขาอาจไม่ต้องพึ่งพาทางลัดในตำนานในบันไดสวรรค์อีกต่อไปก็ได้
จะมีทางลัดสู่แดนสวรรค์ในบันไดสวรรค์จริงหรือ?
ไม่มีใครรู้ความจริง
บางทีปริศนานี้อาจจะไขออกได้หลังจากที่พวกเขาพบกับมารดาสหายผู้น่าสงสาร
จักรพรรดิใต้พิภพปรารถนาจะขึ้นมายังแดนสวรรค์เช่นกัน ขณะที่ผู้เฒ่าหนานกงยินดีจะอยู่ดูแลหอทงเทียนตลอดไป แต่ก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเย่ว์หยางทิ้งตุ๊กตาหุ่นรบไว้เบื้องหลัง ทั้งจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนก็เห็นด้วยเช่นกัน
นักสู้หลายคนจากหอทงเทียนปรารถนาต้องการเข้าแดนสวรรค์ก็ยังมี เช่นจักรพรรดิมังกร, มารสัมฤทธิ์ฟ้า, จอมปีศาจบารุธ เป็นต้น  ด้วยระดับพลังความแข็งแกร่งของพวกเขา  พวกเขาหาคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือได้อย่างยากลำบาก จึงทำให้ยกระดับได้ช้า  ถ้ายังมีความหวังใดๆ ให้พวกเขาเข้าแดนสวรรค์ได้  เชื่อได้ว่าพวกเขาคงยอมปล่อยวางบุญคุณความแค้นที่อยู่ในหอทงเทียน  ในฐานะปัจเจกบุคคล นี่จะเป็นความก้าวหน้าในอีกรูปแบบหนึ่ง  ขณะที่นักรบทั้งหมดในหอทงเทียนจะได้รู้สึกเป็นอิสระจากพวกสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด  ผู้เยาว์รุ่นหลังที่โดดเด่นจะได้เกิดขึ้นในหอทงเทียน
 “พวกท่านจะไม่อยู่ต่อจริงๆ หรือ?”  เย่ว์หยางคิดว่าจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีจะอยู่ในแดนสวรรค์ต่อเพื่อสำรวจและขยายขอบเขตของพวกนาง
แม้ว่าพวกนางจะไม่สามารถต่อต้านตำหนักกลางได้ แต่ด้วยพลังของจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี  พวกนางสามารถเจาะและฝึกฝนอยู่ในแดนสวรรค์ได้ง่าย  นักสู้ปราณฟ้าระดับสามอย่างหวงฉวนก็ยังสามารถสร้างชื่อให้ตนเองได้  แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงน้อยในแดนสวรรค์  แต่พลังของจื้อจุนก็ยังนับว่ายิ่งใหญ่มากกว่าหวงฉวน  สำหรับนางการอยู่ฝึกฝนในแดนสวรรค์ย่อมไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางงงก็คือว่า จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีตัดสินใจไม่อยู่ในแดนสวรรค์ต่อทั้งคู่ พวกนางตัดสินใจกลับหอทงเทียนพร้อมกับเขา
ความตั้งใจของจื้อจุนคือกลับไปฝึกฝน  ความจริงนางคิดว่าการฝึกฝนในแดนสวรรค์ อาจไม่ดีเท่ากับฝึกฝนในหอทงเทียน  ขณะเดียวกัน จุดประสงค์หลักของนางก็คือหาวิธีผ่านเข้าไปในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  ในใจนางแดนล่มสลายแห่งทวยเทพมีคุณค่าสูง  การฝึกในแดนสวรรค์น่ะหรือ?  เมื่อนางมีพลังเพียงพอ นางจะโจมตีและเข้าไปเมื่อใดก็ได้
แน่นอน, จื้อจุนไม่ต้องการอยู่ในแดนสวรรค์แน่
จักรพรรดินีราตรีก็ตัดสินใจกลับเช่นกัน  นางตั้งใจจะฝึกอบรมให้เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัว เพื่อที่ว่าผู้เยาว์รุ่นหลังจะได้มีความก้าวหน้ารวดเร็ว
ด้วยคำแนะนำจากจักรพรรดินีราตรี  เสวี่ยอู๋เสียและพวกที่เหลือจะมีความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดแน่นอน
เย่ว์หยางสนับสนุนเรื่องนี้เต็มที่
สำหรับผู้เฒ่าหนานกงย่อมกลับอย่างแน่นอน  เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เมื่อไม่มีเขาคอยอยู่ควบคุมสถานการณ์ในปัจจุบัน กลุ่มสมาพันธ์นักสู้ปราณก่อกำเนิดก็จะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย  จักรพรรดิใต้พิภพก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกัน ความจริงเขาเป็นคนที่ต้องการจะอยู่ในแดนสวรรค์  แต่ด้วยพลังของเขาในปัจจุบัน  เขาคิดว่าเขาไม่มีพลังพอจะปกป้องตนเอง ดังนั้นเขาตัดสินใจกลับหอทงเทียนเพื่อฝึกฝนยกระดับพลังต่อ
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางมีเข็มทิศสามดินแดน เขาสามารถเข้าออกแดนสวรรค์ได้อย่างสะดวกพร้อมกับเย่ว์หยางได้  แต่จะกลายเป็นเรื่องแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับการอยู่ในแดนสวรรค์ตามลำพังโดยไม่มีใครช่วยเขา
 “เราไม่มีบ้านจะกลับไป  ช่วยรับเราไปดูแลด้วยนะ”  เด็กสาวเผ่าสุนัขกระดิกหางของนางทำท่าน่าสงสาร  นางตัวเล็กที่สุด น่ารักที่สุดในกลุ่มนักรบหญิงโบราณ  นางน่ารักมากราวกับจะทำให้เฒ่าหัวงูหัวใจวายได้
 “งั่ม งั่ม...”
เด็กสาวยักษ์ไม่ได้พูดอะไร  นางกำลังเคี้ยวเนื้อเต็มคำ ปากนางไม่ว่างจะคุยอะไรกับใครทั้งนั้น
ตอนนี้ ต่อให้เย่ว์หยางตะเพิดนางไป นางก็คงไม่ไป
สถานที่ของเย่ว์หยางมีอาหารให้นางกินได้ไม่รู้จักหมด ขณะที่ผู้คนก็ชื่นชอบนาง  เด็กสาวยักษ์ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป  นางกลัวอดและกลัวไม่มีคนรักนาง
แน่นอนว่า ต่อให้เย่ว์หยางบ้า เขาก็คงไม่กล้าพูดไล่เด็กสาวยักษ์แน่  หากเขาบอกว่าเขาไม่ต้องการนาง เด็กสาวยักษ์คงร้องไห้น้ำตาท่วมโลกคัมภีร์เป็นแน่  อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงดูแลเด็กสาวยักษ์ก็ควรจะทำไว้  แม้ว่าเด็กสาวยักษ์จะมีขนาดใหญ่โตเกินไปหน่อย  ตราบใดที่ใช้ทักษะพิเศษของสาวกิเลนได้ก้าวหน้าขึ้น  เด็กสาวยักษ์ก็มีหวังที่จะกลายร่างเท่าขนาดเด็กสาวธรรมดา ไม่ว่ายังไงก็ตามมีเด็กสาวอยู่ในบ้านมาก คงไม่เพิ่มความเจ็บช้ำให้คนอื่นเป็นแน่
นางก็แค่หิวบ่อย เป็นไปได้ยังไงที่ทวีปมังกรทะยานที่รุ่งเรืองจะหาอาหารให้สาวไตตันผู้นี้ไม่ได้?
เมื่อใช้เข็มทิศสามดินแดน เย่ว์หยางกลับมายังทางเดินแก้วผลึกสังเวียนมรณะอีกครั้งหนึ่ง
ในขณะนี้เองเกิดการเปลี่ยนแปลงในลานแก้วผลึกทั้งหมด
กลับกลายเป็นว่าทางเดินแก้วหายไป  ผนังแก้วผลึกที่ผุดออกมาจากพื้นได้หดกลับเข้าไปในพื้น  นอกจากบันไดเวียนแก้วที่ยังเปิดอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเหมือนที่เคยเป็น  ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่เย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้เข้ามาล่าสมบัติ
 “คุณชายสาม!  หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีก”  จักรพรรดิใต้พิภพกล่าวขอบคุณจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี ก่อนจะกล่าวอำลาเย่ว์หยาง
สำหรับจักรพรรดิใต้พิภพ สังเวียนมรณะนี้และการเดินทางเข้าแดนสวรรค์ถือว่าเป็นเกียรติครั้งหนึ่งในชีวิต แม้ว่าบุคคลที่พลิกผันสถานการณ์อันตรายจะไม่ใช่เขาก็ตาม แต่เขาก็ยังมีส่วนร่วมด้วย  เทียบกับจักรพรรดิฟ้าที่พบกับความตายที่โหดร้ายทารุณแล้ว   จักรพรรดิใต้พิภพรู้สึกว่าเทพีแห่งโชคอยู่ข้างเขา  นับว่าเขาโชคดีจริงๆ  ข้อพิสูจน์นี้แสดงให้เห็นว่าการเลือกข้างให้ถูกสำคัญมากขนาดไหน  ถ้าเขาไม่เลือกข้างเย่ว์หยางแล้วยังต่อต้านเขา  จักรพรรดิใต้พิภพรู้สึกว่าเขาอาจพบจุดจบด้วยการลงไปอยู่ในท้องของเพชฌฆาตโบราณก็ได้
ทักษะพลังฝีมือของจักรพรรดิฟ้าก็พอๆ กับจักรพรรดิใต้พิภพ
พวกเขามีพลังเป็นของตน
เพราะเขาเลือกยืนผิดข้าง สังเวียนมรณะจึงกลายเป็นสุสานของเขา แหวนเก็บของของเขา เย่ว์หยางก็ได้ไป แม้แต่ศพของเขาก็กลายเป็นปุ๋ยของนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง
 “ข้าจะกลับไปตรวจสอบที่สมาพันธ์นักสู้ปราณก่อกำเนิดก่อน..”  ผู้เฒ่าหนานกงกลัวว่าคนในหอทงเทียนจะฉวยโอกาสจากสถานการณ์ก่อความวุ่นวาย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำและประมุขนิกายพันปีศาจ  ถ้าผู้เฒ่าหนานกงอยู่ที่นั่นดูแลหอทงเทียน อย่างนั้นพวกเขาอาจวางแผนเล่ห์ร้ายก็เป็นได้  แน่นอนว่าผู้เฒ่าหนานกงต้องรีบกลับไปดูแล  สำหรับเย่ว์หยางเขายังไม่ออกจากลานแก้วผลึกทันที  เขายังคงต้องการเข้าทางเวียนแก้วเพื่อล่าสมบัติ  ถ้าเป็นสมบัติอื่น เย่ว์หยางคงไม่สนใจ แต่สิ่งที่เขาได้ยินจากเด็กสาวเผ่าสุนัขและนักรบหญิงโบราณว่ามีของบางอย่างที่ข้างล่างทางเดินเกลียว  มีวงแหวนเทเลพอร์ตที่จะนำพวกเขาเข้าไปยังสุสานโบราณ  วังแห่งนี้เก็บรักษาหนังสือยุคโบราณหลายเล่ม
 “ตำราเหรอ? เยี่ยมเลย, ข้าชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว”  เย่ว์หยางสนใจความรู้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประวัติศาสตร์ของอักษรรูนทั้งเก่าและใหม่
สุสานโบราณแบ่งออกเป็นสามชั้น สูงสุด กลางและต่ำที่สุด
ชั้นที่เด็กสาวเผ่าสุนัขพูดถึงเป็นชั้นแรก
นั่นก็หมายความว่าเป็นชั้นที่ต่ำที่สุด
ภายในชั้นล่างสุด มีหนังสือโบราณเป็นพันๆ เล่ม หนังสือเหล่านี้บันทึกข้อมูลเอาไว้ด้วยภาษาทุกชนิด  ดูเหมือนจะเป็นประวัติศาสตร์จากยุคต่างๆ ที่ได้บันทึกไว้  นี่ทำให้เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียผู้รักการอ่านอยู่แล้วรู้สึกพอใจจริงๆ กับการเดินทางครั้งนี้
สำหรับชั้นสองในหอกลางและชั้นสามในหอที่สูงที่สุด ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเฉพาะจึงจะเปิดหอเหล่านั้นได้  เย่ว์หยางไม่มีเวลาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน  ในที่สุดเขาตัดสินใจกลับไปยังทวีปมังกรทะยานเพื่อพักก่อน  อย่างไรก็ตามไม่มีข้อจำกัดในการเข้าสุสานโบราณ  มีเพียงนักรบโบราณและเขาที่สามารถเลือกคนที่ปลดผนึกและเข้าไปข้างในได้
จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีทั้งคู่ยืมหนังสือไปร้อยเล่มเพื่อแยกกันค้นคว้า  พวกนางอยากทราบคำอธิบายเรื่องราวความจริงในประวัติศาสตร์
ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกละอายหากจะรั้งอยู่ในโลกคัมภีร์ต่อไป นางลังเลที่จะจากไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทิฏฐิของนาง นางทำเป็นเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร
นางฝืนใจลาเย่ว์หยาง
 “ข้าไม่เข้าใจหนังสือเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้น ข้ายังได้ดาบอัญมณีของเทวทูตเล่มหนึ่งด้วย  ตั้งแต่ข้าได้รับสมบัติสินสงครามมาแล้ว เรื่องตำราโบราณข้าคงไม่สนใจ  ข้ามักปวดหัวทุกทีที่ได้อ่านหนังสือ”  ราชันย์ปีศาจใต้รู้ว่าไม่ว่านางจะอ่านหนังสือได้ยังไง นางก็ไม่มีทางเทียบได้กับเสวี่ยอู๋เสียแน่  ยิ่งกว่านั้น หนังสือเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่อนาง  นางเหลือบมองเห็นสาวมังกรไร้เขายิ้มลี้ลับให้นาง  “ความจริงข้าชอบสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง  เจ้าคงไม่รังเกียจใช่ไหม หากข้าจะมาเยี่ยมนาง?”
 “แน่นอน เรายินดีต้อนรับเจ้า, คุณชายสามของครอบครัวเรายินดีต้อนรับอาคันตุกะอย่างเต็มที่อยู่แล้ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวงาม”  นางเซียนหงส์ฟ้าเหมือนกับประกาศว่าเย่ว์หยางเป็นของนาง
 “เจ้าตอบมา”  ราชันย์ปีศาจใต้ส่งสัญญาณว่า ไม่ว่านางจะพูดหรือไม่ก็ตาม คำตอบสุดท้ายที่นางต้องการคือคำยืนยันของเย่ว์หยาง
 “อย่าว่าแต่มาเยี่ยมมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงเลย  ถ้าเจ้าต้องการจะอยู่ที่นี่ระยะยาวก็ไม่เป็นไร อย่าพูดเหมือนกับเป็นอื่นไปเลย เราจะเตรียมอาหารและที่พักให้เจ้าอยู่อีกด้วย”  เย่ว์หยางมีท่าทางเหมือนกับหมาป่าที่เห็นลูกแกะพลัดหลงมาที่หน้าประตู การได้รับสนองตอบเช่นนั้นทำให้ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกยินดี  แต่พอนางรู้สึกว่าอายก็รีบแกล้งทำเป็นเหมือนว่าไม่ได้ยินอะไร จากนั้นนางฝืนใจลาเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
 “แม่สาวนั่นมีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่?”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสงสัยว่าราชันย์ปีศาจใต้คงมีเจตนาอย่างอื่นอีก
 “นางมีเบื้องหลังใหญ่โตไม่เบา  ไม่ช้าก็เร็วนางอาจแต่งงานกับคนที่ช่วยนางประหยัด และเป็นกระเป๋าเงินเดินได้ให้นาง... ข้าจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว พระสวามีจะได้ไม่โกรธ ในฐานะภรรยาผู้เจียมเนื้อเจียมตัว  ข้าคงต้องรับหน้าปรนนิบัติหน้าที่ในคืนนี้อีก”  นางเซียนหงส์ฟ้าหาวอย่างเกียจคร้าน  นางตัดสินใจพักเอาแรงไว้ก่อน  นางคาดว่าคงต้องมีศึกหนักตอนกลางคืน,  เจ้าเมืองโล่วฮัวกับสาวงามอู๋เหินไม่ได้พบเย่ว์หยางมานานแล้ว บางทีพวกนางอาจไม่พอรับมือ
สำหรับสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้ปากแข็งแต่ใจอ่อน  เย่ว์หยางเพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสม
เมื่อเทียบกันแล้ว สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงมีโอกาสสูงกว่า เนื่องจากนางไม่ได้ตั้งป้อมใส่เขา
นางเป็นคนประเภทค่อนข้างประมาท
ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแม่เสือสาว บางทีเย่ว์หยางอาจต้องออกแรงอยู่บ้าง  ถ้าเสวี่ยอู๋เสียไม่เข้ามาขวางโอกาสสำเร็จมีครึ่งต่อครึ่ง
เย่ว์หยางกลับมายังทวีปมังกรทะยาน  ทันทีที่เย่ว์หยางย่างเท้าออกมา เขาพบว่ามีคนเป็นจำนวนมากกำลังรออยู่ด้านนอกหอทงเทียน
เพราะผู้เฒ่าหนานกงกลับมายังหอทงเทียนก่อนเพื่อดูแลสมาพันธ์นักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาจึงได้กระจายข่าวไปทั่วหอทงเทียน  พวกเขาได้เข้าร่วมในสงครามโบราณกับสี่ดินแดน  นักสู้ปราณฟ้าผู้ทรงเหนือกว่าที่สังเวียนมรณะ  ขณะที่พวกเขาคว้าชัยชนะได้  ตัดศีรษะของเพชฌฆาตโบราณราวกับว่าพวกมันไม่มีพิษสงอะไร ทั้งยังได้บุกเข้าแดนสวรรค์ โจมตีเฮยหูผู้อาวุโวตำหนักน้ำจากตำหนักกลางแดนสวรรค์และจับทาสพะยูนนรกของเฮยหูได้
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้
ตอนนี้ คุณชายสามตระกูลเย่ว์ ประสบผลสำเร็จอย่างสิ้นเชิง
ชาวหอทงเทียนจะไม่ทึ่งกับฝีมือปานเทพยดาของเขาได้ยังไง
แล้วทำไมชาวทวีปมังกรทะยานจะไม่ภูมิใจผู้เยาว์ที่ยอดเยี่ยมนั้นเล่า
ไม่เพียงแต่นักรบของทวีปมังกรทะยานเท่านั้น  แม้แต่นักสู้อย่างจักรพรรดิมังกรที่เป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิของหอทงเทียน มารสัมฤทธิ์ฟ้าแห่งวังมาร จอมปีศาจบารุธแห่งแดนอเวจีที่มีอิทธิพลแตกต่างกัน แม้แต่นักสู้ที่เป็นศัตรู ก็ยังส่งนักทูตพิเศษมายังทวีปมังกรทะยานเพื่อต้อนรับการกลับมาของเย่ว์หยาง
เมื่อมายืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มคนสำคัญข้างหน้าก็คือ จุนอู๋โหย่วจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่  ขณะเดียวกันอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายืนยิ้มไม่อาจหุบปากได้...

11 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

pokemake กล่าวว่า...

ศึกนี้โครตนานเลย ขอบคุณครับ

Lucky กล่าวว่า...

ดังใหญ่แล้วเฮียเย่ว์เรา

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

แหม่ๆๆ ราชันปีศาจใต้ผู้แสนซึน อยากมาเยี่ยมเย่ว์หยางก็บอกไม่ต้องเอาสาวมังกรไร้เขามาอ้างหรอก!! :v

ป.ล. เอาล่ะสิ งานนี้จะสงบหรือจะเกิดศึกแย่งชิงเข็มทิศกันนะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรื่องพวกอาจารย์ไม่เห็นได้เคยสอนอะไรอิเยว่เลย แตาได้ชท่แว่าเป็นอาจารย์ผู้แนะนำ อิเยว่ไม่เคยได้วิชาอะไรเลย หาเอาเองหมด -.-

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

จบบริบูรณ์....ยังๆๆๆ เฮยอวี่ยังไม่ตายเลย อย่าเพิ่งจบ

Sky กล่าวว่า...

หืมมมมม ฉากนี้จริงใช่ไหม ไอ้คนน่ารังเกียจจอมทรยศไม่ยอมตายสักที ออกจากสังเวียนไปก่อนนี่คิดว่าถือโอกาสไปสร้างความวุ่นวายให้กับทวีปมังกรทะยานซะอีก / จอมปีศาจบารุธส่งทูตมาต้อนรับด้วย!?

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น