ตอนที่ 552 การกลับมาที่สั่นสะเทือนโลก
ก่อนจะกลับสู่หอทงเทียน เย่ว์หยางลอบออกมาเงียบๆ
แล้วแอบฝังตุ๊กตารบไว้ข้างหน้าจารึกเทพ
เป็นตุ๊กตารบที่ไม่มีความสามารถในการโจมตี
เมื่อทิ้งตุ๊กตารบนี้ไว้
เย่ว์หยางสามารถใช้เข็มทิศสามดินแดนพากลับมายังแดนสวรรค์ได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าแดนสวรรค์จะเป็นสถานที่อันตรายมากกว่าหอทงเทียนก็ตาม
แต่การมาถึงแดนสวรรค์ก็คือความฝันของนักรบของหอทงเทียนทุกคน ตอนนี้ประตูสวรรค์ถูกปิดแล้ว เมื่อไม่มีเข็มทิศสามดินแดน
ก็ต้องรอไปอีกร้อยปีกว่าประตูสวรรค์จะเปิดออกอีกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือว่า
ภายในประตูที่ปิดของแดนสวรรค์ แม้จะไม่มีนักสู้ปราณฟ้าคอยคุ้มครองแดนสวรรค์
แต่เกี่ยวกับทัศนคติที่น่ากลัวของพวกเขาที่มีต่อทวีปมังกรทะยาน
พวกเขาอาจลอบทำร้ายและฆ่านักสู้เหล่านั้นก็ได้
คงเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างเหลือเชื่อก่อนที่ใครๆ จะสามารถผ่านเข้าประตูแดนสวรรค์ไปได้
ผู้คนอาจพินาศอยู่ภายใต้รอยแตกและมิติของกาลเวลาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากฝังตุ๊กตารบตัวนี้แล้วและใช้เข็มทิศสามดินแดน
เย่ว์หยางสามารถพาทุกคนขึ้นมายังแดนสวรรค์ได้ทุกเมื่อ
บางที
เขาอาจไม่ต้องพึ่งพาทางลัดในตำนานในบันไดสวรรค์อีกต่อไปก็ได้
จะมีทางลัดสู่แดนสวรรค์ในบันไดสวรรค์จริงหรือ?
ไม่มีใครรู้ความจริง
บางทีปริศนานี้อาจจะไขออกได้หลังจากที่พวกเขาพบกับมารดาสหายผู้น่าสงสาร
จักรพรรดิใต้พิภพปรารถนาจะขึ้นมายังแดนสวรรค์เช่นกัน ขณะที่ผู้เฒ่าหนานกงยินดีจะอยู่ดูแลหอทงเทียนตลอดไป
แต่ก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเย่ว์หยางทิ้งตุ๊กตาหุ่นรบไว้เบื้องหลัง
ทั้งจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนก็เห็นด้วยเช่นกัน
นักสู้หลายคนจากหอทงเทียนปรารถนาต้องการเข้าแดนสวรรค์ก็ยังมี
เช่นจักรพรรดิมังกร, มารสัมฤทธิ์ฟ้า, จอมปีศาจบารุธ เป็นต้น ด้วยระดับพลังความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาหาคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือได้อย่างยากลำบาก
จึงทำให้ยกระดับได้ช้า
ถ้ายังมีความหวังใดๆ ให้พวกเขาเข้าแดนสวรรค์ได้ เชื่อได้ว่าพวกเขาคงยอมปล่อยวางบุญคุณความแค้นที่อยู่ในหอทงเทียน ในฐานะปัจเจกบุคคล
นี่จะเป็นความก้าวหน้าในอีกรูปแบบหนึ่ง
ขณะที่นักรบทั้งหมดในหอทงเทียนจะได้รู้สึกเป็นอิสระจากพวกสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด
ผู้เยาว์รุ่นหลังที่โดดเด่นจะได้เกิดขึ้นในหอทงเทียน
“พวกท่านจะไม่อยู่ต่อจริงๆ
หรือ?”
เย่ว์หยางคิดว่าจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีจะอยู่ในแดนสวรรค์ต่อเพื่อสำรวจและขยายขอบเขตของพวกนาง
แม้ว่าพวกนางจะไม่สามารถต่อต้านตำหนักกลางได้
แต่ด้วยพลังของจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี
พวกนางสามารถเจาะและฝึกฝนอยู่ในแดนสวรรค์ได้ง่าย
นักสู้ปราณฟ้าระดับสามอย่างหวงฉวนก็ยังสามารถสร้างชื่อให้ตนเองได้ แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงน้อยในแดนสวรรค์ แต่พลังของจื้อจุนก็ยังนับว่ายิ่งใหญ่มากกว่าหวงฉวน
สำหรับนางการอยู่ฝึกฝนในแดนสวรรค์ย่อมไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางงงก็คือว่า จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีตัดสินใจไม่อยู่ในแดนสวรรค์ต่อทั้งคู่
พวกนางตัดสินใจกลับหอทงเทียนพร้อมกับเขา
ความตั้งใจของจื้อจุนคือกลับไปฝึกฝน
ความจริงนางคิดว่าการฝึกฝนในแดนสวรรค์
อาจไม่ดีเท่ากับฝึกฝนในหอทงเทียน
ขณะเดียวกัน
จุดประสงค์หลักของนางก็คือหาวิธีผ่านเข้าไปในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ในใจนางแดนล่มสลายแห่งทวยเทพมีคุณค่าสูง การฝึกในแดนสวรรค์น่ะหรือ? เมื่อนางมีพลังเพียงพอ
นางจะโจมตีและเข้าไปเมื่อใดก็ได้
แน่นอน, จื้อจุนไม่ต้องการอยู่ในแดนสวรรค์แน่
จักรพรรดินีราตรีก็ตัดสินใจกลับเช่นกัน
นางตั้งใจจะฝึกอบรมให้เสวี่ยอู๋เสีย,
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัว
เพื่อที่ว่าผู้เยาว์รุ่นหลังจะได้มีความก้าวหน้ารวดเร็ว
ด้วยคำแนะนำจากจักรพรรดินีราตรี
เสวี่ยอู๋เสียและพวกที่เหลือจะมีความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดแน่นอน
เย่ว์หยางสนับสนุนเรื่องนี้เต็มที่
สำหรับผู้เฒ่าหนานกงย่อมกลับอย่างแน่นอน
เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เมื่อไม่มีเขาคอยอยู่ควบคุมสถานการณ์ในปัจจุบัน
กลุ่มสมาพันธ์นักสู้ปราณก่อกำเนิดก็จะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย จักรพรรดิใต้พิภพก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกัน
ความจริงเขาเป็นคนที่ต้องการจะอยู่ในแดนสวรรค์
แต่ด้วยพลังของเขาในปัจจุบัน
เขาคิดว่าเขาไม่มีพลังพอจะปกป้องตนเอง ดังนั้นเขาตัดสินใจกลับหอทงเทียนเพื่อฝึกฝนยกระดับพลังต่อ
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางมีเข็มทิศสามดินแดน
เขาสามารถเข้าออกแดนสวรรค์ได้อย่างสะดวกพร้อมกับเย่ว์หยางได้ แต่จะกลายเป็นเรื่องแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเทียบกับการอยู่ในแดนสวรรค์ตามลำพังโดยไม่มีใครช่วยเขา
“เราไม่มีบ้านจะกลับไป
ช่วยรับเราไปดูแลด้วยนะ”
เด็กสาวเผ่าสุนัขกระดิกหางของนางทำท่าน่าสงสาร นางตัวเล็กที่สุด
น่ารักที่สุดในกลุ่มนักรบหญิงโบราณ
นางน่ารักมากราวกับจะทำให้เฒ่าหัวงูหัวใจวายได้
“งั่ม งั่ม...”
เด็กสาวยักษ์ไม่ได้พูดอะไร
นางกำลังเคี้ยวเนื้อเต็มคำ ปากนางไม่ว่างจะคุยอะไรกับใครทั้งนั้น
ตอนนี้ ต่อให้เย่ว์หยางตะเพิดนางไป นางก็คงไม่ไป
สถานที่ของเย่ว์หยางมีอาหารให้นางกินได้ไม่รู้จักหมด ขณะที่ผู้คนก็ชื่นชอบนาง เด็กสาวยักษ์ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป นางกลัวอดและกลัวไม่มีคนรักนาง
แน่นอนว่า ต่อให้เย่ว์หยางบ้า เขาก็คงไม่กล้าพูดไล่เด็กสาวยักษ์แน่ หากเขาบอกว่าเขาไม่ต้องการนาง
เด็กสาวยักษ์คงร้องไห้น้ำตาท่วมโลกคัมภีร์เป็นแน่
อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงดูแลเด็กสาวยักษ์ก็ควรจะทำไว้ แม้ว่าเด็กสาวยักษ์จะมีขนาดใหญ่โตเกินไปหน่อย ตราบใดที่ใช้ทักษะพิเศษของสาวกิเลนได้ก้าวหน้าขึ้น
เด็กสาวยักษ์ก็มีหวังที่จะกลายร่างเท่าขนาดเด็กสาวธรรมดา
ไม่ว่ายังไงก็ตามมีเด็กสาวอยู่ในบ้านมาก คงไม่เพิ่มความเจ็บช้ำให้คนอื่นเป็นแน่
นางก็แค่หิวบ่อย
เป็นไปได้ยังไงที่ทวีปมังกรทะยานที่รุ่งเรืองจะหาอาหารให้สาวไตตันผู้นี้ไม่ได้?
เมื่อใช้เข็มทิศสามดินแดน
เย่ว์หยางกลับมายังทางเดินแก้วผลึกสังเวียนมรณะอีกครั้งหนึ่ง
ในขณะนี้เองเกิดการเปลี่ยนแปลงในลานแก้วผลึกทั้งหมด
กลับกลายเป็นว่าทางเดินแก้วหายไป
ผนังแก้วผลึกที่ผุดออกมาจากพื้นได้หดกลับเข้าไปในพื้น นอกจากบันไดเวียนแก้วที่ยังเปิดอยู่
ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเหมือนที่เคยเป็น
ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม
เหมือนเมื่อตอนที่เย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้เข้ามาล่าสมบัติ
“คุณชายสาม! หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีก”
จักรพรรดิใต้พิภพกล่าวขอบคุณจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี
ก่อนจะกล่าวอำลาเย่ว์หยาง
สำหรับจักรพรรดิใต้พิภพ สังเวียนมรณะนี้และการเดินทางเข้าแดนสวรรค์ถือว่าเป็นเกียรติครั้งหนึ่งในชีวิต
แม้ว่าบุคคลที่พลิกผันสถานการณ์อันตรายจะไม่ใช่เขาก็ตาม
แต่เขาก็ยังมีส่วนร่วมด้วย
เทียบกับจักรพรรดิฟ้าที่พบกับความตายที่โหดร้ายทารุณแล้ว
จักรพรรดิใต้พิภพรู้สึกว่าเทพีแห่งโชคอยู่ข้างเขา นับว่าเขาโชคดีจริงๆ ข้อพิสูจน์นี้แสดงให้เห็นว่าการเลือกข้างให้ถูกสำคัญมากขนาดไหน
ถ้าเขาไม่เลือกข้างเย่ว์หยางแล้วยังต่อต้านเขา
จักรพรรดิใต้พิภพรู้สึกว่าเขาอาจพบจุดจบด้วยการลงไปอยู่ในท้องของเพชฌฆาตโบราณก็ได้
ทักษะพลังฝีมือของจักรพรรดิฟ้าก็พอๆ กับจักรพรรดิใต้พิภพ
พวกเขามีพลังเป็นของตน
เพราะเขาเลือกยืนผิดข้าง สังเวียนมรณะจึงกลายเป็นสุสานของเขา
แหวนเก็บของของเขา เย่ว์หยางก็ได้ไป
แม้แต่ศพของเขาก็กลายเป็นปุ๋ยของนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง
“ข้าจะกลับไปตรวจสอบที่สมาพันธ์นักสู้ปราณก่อกำเนิดก่อน..”
ผู้เฒ่าหนานกงกลัวว่าคนในหอทงเทียนจะฉวยโอกาสจากสถานการณ์ก่อความวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งซุ่นเทียน,
องค์ชายเงาดำและประมุขนิกายพันปีศาจ
ถ้าผู้เฒ่าหนานกงอยู่ที่นั่นดูแลหอทงเทียน
อย่างนั้นพวกเขาอาจวางแผนเล่ห์ร้ายก็เป็นได้
แน่นอนว่าผู้เฒ่าหนานกงต้องรีบกลับไปดูแล
สำหรับเย่ว์หยางเขายังไม่ออกจากลานแก้วผลึกทันที เขายังคงต้องการเข้าทางเวียนแก้วเพื่อล่าสมบัติ ถ้าเป็นสมบัติอื่น เย่ว์หยางคงไม่สนใจ
แต่สิ่งที่เขาได้ยินจากเด็กสาวเผ่าสุนัขและนักรบหญิงโบราณว่ามีของบางอย่างที่ข้างล่างทางเดินเกลียว มีวงแหวนเทเลพอร์ตที่จะนำพวกเขาเข้าไปยังสุสานโบราณ วังแห่งนี้เก็บรักษาหนังสือยุคโบราณหลายเล่ม
“ตำราเหรอ? เยี่ยมเลย, ข้าชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว” เย่ว์หยางสนใจความรู้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ประวัติศาสตร์ของอักษรรูนทั้งเก่าและใหม่
สุสานโบราณแบ่งออกเป็นสามชั้น สูงสุด กลางและต่ำที่สุด
ชั้นที่เด็กสาวเผ่าสุนัขพูดถึงเป็นชั้นแรก
นั่นก็หมายความว่าเป็นชั้นที่ต่ำที่สุด
ภายในชั้นล่างสุด มีหนังสือโบราณเป็นพันๆ เล่ม
หนังสือเหล่านี้บันทึกข้อมูลเอาไว้ด้วยภาษาทุกชนิด ดูเหมือนจะเป็นประวัติศาสตร์จากยุคต่างๆ
ที่ได้บันทึกไว้
นี่ทำให้เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียผู้รักการอ่านอยู่แล้วรู้สึกพอใจจริงๆ
กับการเดินทางครั้งนี้
สำหรับชั้นสองในหอกลางและชั้นสามในหอที่สูงที่สุด
ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเฉพาะจึงจะเปิดหอเหล่านั้นได้ เย่ว์หยางไม่มีเวลาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดเขาตัดสินใจกลับไปยังทวีปมังกรทะยานเพื่อพักก่อน อย่างไรก็ตามไม่มีข้อจำกัดในการเข้าสุสานโบราณ
มีเพียงนักรบโบราณและเขาที่สามารถเลือกคนที่ปลดผนึกและเข้าไปข้างในได้
จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีทั้งคู่ยืมหนังสือไปร้อยเล่มเพื่อแยกกันค้นคว้า
พวกนางอยากทราบคำอธิบายเรื่องราวความจริงในประวัติศาสตร์
ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกละอายหากจะรั้งอยู่ในโลกคัมภีร์ต่อไป นางลังเลที่จะจากไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทิฏฐิของนาง นางทำเป็นเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร
นางฝืนใจลาเย่ว์หยาง
“ข้าไม่เข้าใจหนังสือเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้น ข้ายังได้ดาบอัญมณีของเทวทูตเล่มหนึ่งด้วย ตั้งแต่ข้าได้รับสมบัติสินสงครามมาแล้ว
เรื่องตำราโบราณข้าคงไม่สนใจ
ข้ามักปวดหัวทุกทีที่ได้อ่านหนังสือ”
ราชันย์ปีศาจใต้รู้ว่าไม่ว่านางจะอ่านหนังสือได้ยังไง นางก็ไม่มีทางเทียบได้กับเสวี่ยอู๋เสียแน่ ยิ่งกว่านั้น
หนังสือเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่อนาง
นางเหลือบมองเห็นสาวมังกรไร้เขายิ้มลี้ลับให้นาง “ความจริงข้าชอบสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง เจ้าคงไม่รังเกียจใช่ไหม หากข้าจะมาเยี่ยมนาง?”
“แน่นอน เรายินดีต้อนรับเจ้า,
คุณชายสามของครอบครัวเรายินดีต้อนรับอาคันตุกะอย่างเต็มที่อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวงาม”
นางเซียนหงส์ฟ้าเหมือนกับประกาศว่าเย่ว์หยางเป็นของนาง
“เจ้าตอบมา”
ราชันย์ปีศาจใต้ส่งสัญญาณว่า ไม่ว่านางจะพูดหรือไม่ก็ตาม คำตอบสุดท้ายที่นางต้องการคือคำยืนยันของเย่ว์หยาง
“อย่าว่าแต่มาเยี่ยมมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงเลย
ถ้าเจ้าต้องการจะอยู่ที่นี่ระยะยาวก็ไม่เป็นไร
อย่าพูดเหมือนกับเป็นอื่นไปเลย เราจะเตรียมอาหารและที่พักให้เจ้าอยู่อีกด้วย” เย่ว์หยางมีท่าทางเหมือนกับหมาป่าที่เห็นลูกแกะพลัดหลงมาที่หน้าประตู
การได้รับสนองตอบเช่นนั้นทำให้ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกยินดี
แต่พอนางรู้สึกว่าอายก็รีบแกล้งทำเป็นเหมือนว่าไม่ได้ยินอะไร
จากนั้นนางฝืนใจลาเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
“แม่สาวนั่นมีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสงสัยว่าราชันย์ปีศาจใต้คงมีเจตนาอย่างอื่นอีก
“นางมีเบื้องหลังใหญ่โตไม่เบา
ไม่ช้าก็เร็วนางอาจแต่งงานกับคนที่ช่วยนางประหยัด
และเป็นกระเป๋าเงินเดินได้ให้นาง... ข้าจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว พระสวามีจะได้ไม่โกรธ
ในฐานะภรรยาผู้เจียมเนื้อเจียมตัว ข้าคงต้องรับหน้าปรนนิบัติหน้าที่ในคืนนี้อีก” นางเซียนหงส์ฟ้าหาวอย่างเกียจคร้าน นางตัดสินใจพักเอาแรงไว้ก่อน นางคาดว่าคงต้องมีศึกหนักตอนกลางคืน,
เจ้าเมืองโล่วฮัวกับสาวงามอู๋เหินไม่ได้พบเย่ว์หยางมานานแล้ว
บางทีพวกนางอาจไม่พอรับมือ
สำหรับสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้ปากแข็งแต่ใจอ่อน เย่ว์หยางเพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสม
เมื่อเทียบกันแล้ว สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงมีโอกาสสูงกว่า เนื่องจากนางไม่ได้ตั้งป้อมใส่เขา
นางเป็นคนประเภทค่อนข้างประมาท
ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแม่เสือสาว
บางทีเย่ว์หยางอาจต้องออกแรงอยู่บ้าง
ถ้าเสวี่ยอู๋เสียไม่เข้ามาขวางโอกาสสำเร็จมีครึ่งต่อครึ่ง
เย่ว์หยางกลับมายังทวีปมังกรทะยาน
ทันทีที่เย่ว์หยางย่างเท้าออกมา
เขาพบว่ามีคนเป็นจำนวนมากกำลังรออยู่ด้านนอกหอทงเทียน
เพราะผู้เฒ่าหนานกงกลับมายังหอทงเทียนก่อนเพื่อดูแลสมาพันธ์นักสู้ปราณก่อกำเนิด
เขาจึงได้กระจายข่าวไปทั่วหอทงเทียน
พวกเขาได้เข้าร่วมในสงครามโบราณกับสี่ดินแดน นักสู้ปราณฟ้าผู้ทรงเหนือกว่าที่สังเวียนมรณะ ขณะที่พวกเขาคว้าชัยชนะได้ ตัดศีรษะของเพชฌฆาตโบราณราวกับว่าพวกมันไม่มีพิษสงอะไร
ทั้งยังได้บุกเข้าแดนสวรรค์
โจมตีเฮยหูผู้อาวุโวตำหนักน้ำจากตำหนักกลางแดนสวรรค์และจับทาสพะยูนนรกของเฮยหูได้
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้
ตอนนี้ คุณชายสามตระกูลเย่ว์ ประสบผลสำเร็จอย่างสิ้นเชิง
ชาวหอทงเทียนจะไม่ทึ่งกับฝีมือปานเทพยดาของเขาได้ยังไง
แล้วทำไมชาวทวีปมังกรทะยานจะไม่ภูมิใจผู้เยาว์ที่ยอดเยี่ยมนั้นเล่า
ไม่เพียงแต่นักรบของทวีปมังกรทะยานเท่านั้น
แม้แต่นักสู้อย่างจักรพรรดิมังกรที่เป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิของหอทงเทียน
มารสัมฤทธิ์ฟ้าแห่งวังมาร จอมปีศาจบารุธแห่งแดนอเวจีที่มีอิทธิพลแตกต่างกัน
แม้แต่นักสู้ที่เป็นศัตรู ก็ยังส่งนักทูตพิเศษมายังทวีปมังกรทะยานเพื่อต้อนรับการกลับมาของเย่ว์หยาง
เมื่อมายืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มคนสำคัญข้างหน้าก็คือ จุนอู๋โหย่วจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย
และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่
ขณะเดียวกันอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายืนยิ้มไม่อาจหุบปากได้...
11 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ศึกนี้โครตนานเลย ขอบคุณครับ
ดังใหญ่แล้วเฮียเย่ว์เรา
ขอบคุณมากคับ
แหม่ๆๆ ราชันปีศาจใต้ผู้แสนซึน อยากมาเยี่ยมเย่ว์หยางก็บอกไม่ต้องเอาสาวมังกรไร้เขามาอ้างหรอก!! :v
ป.ล. เอาล่ะสิ งานนี้จะสงบหรือจะเกิดศึกแย่งชิงเข็มทิศกันนะ
เรื่องพวกอาจารย์ไม่เห็นได้เคยสอนอะไรอิเยว่เลย แตาได้ชท่แว่าเป็นอาจารย์ผู้แนะนำ อิเยว่ไม่เคยได้วิชาอะไรเลย หาเอาเองหมด -.-
จบบริบูรณ์....ยังๆๆๆ เฮยอวี่ยังไม่ตายเลย อย่าเพิ่งจบ
หืมมมมม ฉากนี้จริงใช่ไหม ไอ้คนน่ารังเกียจจอมทรยศไม่ยอมตายสักที ออกจากสังเวียนไปก่อนนี่คิดว่าถือโอกาสไปสร้างความวุ่นวายให้กับทวีปมังกรทะยานซะอีก / จอมปีศาจบารุธส่งทูตมาต้อนรับด้วย!?
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น