วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร - ตอนที่ 1 สายฟ้าฟาด

เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร - ตอนที่ 1 สายฟ้าฟาด

พื้นที่กลางเทือกเขาอสูรวิเศษยากจะได้เห็นมนุษย์เดินผ่าน  ที่นี่อาจมีอสูรเวทระดับเจ็ดถึงระดับเก้าปรากฏตัวออกมาได้ทุกเมื่อ ส่วนใหญ่มีแต่เพียงนักรบระดับเก้าที่กล้ารุกล้ำผ่านเข้ามาที่นี่  แต่ลินลี่ย์เมื่อมาถึงพื้นที่ตอนกลางก็เริ่มเดินทางขึ้นเหนือตามเส้นแนวกลางของเทือกเขาอสูรวิเศษ การเดินทางที่น่าทึ่งแบบนั้นเป็นการกระทำที่นักสู้ระดับเก้าส่วนใหญ่ไม่บ้าระห่ำพอที่จะเสี่ยง

ลินลี่ย์สวมแต่กางเกงปอเนื้อหยาบรุ่งริ่งเท่านั้น กายท่อนบนเปลือยและเขาเดินเท้าเปล่า  ที่หลังของเขาสะพายดาบหนักอดาแมนเทียม  เขาเดินทีละก้าวต่อเนื่องบนเส้นทางที่น้อยคนนักจะกล้าเดิน
ขณะที่บีบียืนอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์ตลอดเวลา คอยมองดูพื้นที่ใกล้ๆ
 “แกรก แกรก”
ลินลี่ย์เดินผ่านชั้นใบไม้แห้งหนา  ใบหน้าของเขาสงบ  กระเป๋าสะพายหลังของเขา, กระบี่เลือดม่วง, สิ่วสกัดตรงและเสื้อผ้าอื่นทั้งหมดเก็บไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติ  ภายในแหวนมิติเก็บสมบัติของเคลย์ นอกจากมีโชคลาภมหาศาลจากบัตรเครดิตเวทมูลค่าสองพันสองร้อยล้านเหรียญทองแล้ว ยังมีสมบัติมีค่าอีกนับสิบๆ ชิ้น อย่างน้อยก็มีมูลค่าหลายล้านเหรียญทอง  ความมั่งคั่งที่สั่งสมมาโดยราชวงศ์เฟนไลเกินกว่าร้อยปี ย่อมมีมากมายมหาศาลอย่างแน่นอน
แต่สำหรับลินลี่ย์?
ความมั่งคั่งเป็นเพียงสมบัติโลกๆ เท่านั้น สิ่งที่เขารู้สึกว่ามีค่าอย่างแท้จริงก็คือพลังของเขา  หอการค้าดอว์สันก็พร้อมจะจ่ายเงินร้อยล้านเหรียญทองให้เขาโดยตรงเพื่อให้เขาเข้าร่วมกับพวกเขาไม่ใช่หรือ? และนี่มาจากพื้นฐานความเป็นไปได้ที่ลินลี่ย์อาจก้าวหน้าไปถึงระดับเซียน สามารถเชิญนักสู้ระดับเซียนเข้าร่วมได้ ราคาจะแพงมหาศาลเหลือเชื่อยิ่งขึ้น
จากตรงนี้เอง ใครๆ ก็สามารถบอกได้ว่าความแข็งแกร่งส่วนบุคคลนั้นสำคัญมากขนาดไหน
….

แม้ว่าลินลี่ย์จะอยู่ในใจกลางพื้นที่  แต่ลินลี่ย์ค่อนจะหลีกเลี่ยงพื้นที่ซึ่งเขาไม่สามารถตรวจสอบอสูรเวทหลายสิบกิโลเมตรโดยรอบได้  เพราะพื้นที่ใหญ่ขนาดนั้น ใจกลางพื้นที่ของเทือกเขาอสูรวิเศษ  มีแนวโน้มว่าพวกอสูรเวทหลีกเลี่ยงอาจหมายถึงเขตแดนของอสูรเวทระดับเซียน  แม้ว่าลินลี่ย์จะมีความมั่นใจในตนเอง  แต่เขาไม่ต้องการยั่วโทสะอสูรเวทระดับเซียน
เขาเดินลัดผ่านดงไม้หนาม  ลินลี่ย์ไม่ได้เดินทางด้วยความเร็วสูงจนเกินไป
 “ทุกอย่างจำเป็นต้องเริ่มจากพื้นฐาน”  ลินลี่ย์เน้นที่การปฏิบัติเป็นหลัก ทุกวันเขาแบกดาบหนักอดาแมนเทียนไว้บนหลัง แล้วฟัน ตัด แทง เหวี่ยงบน ลินลี่ย์ฝึกฝนทุกท่วงท่าที่เป็นไปได้ พยายามอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อยกระดับพลังโจมตีของเขา
ลินลี่ย์ไม่ได้ฝึกใช้แต่เพียงวิธีเดียว
เขามักจะไตร่ตรองถึงการฝึกขั้นต่อไป  โดยใช้ข้อมูลที่ขาดหายเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนของบรรพบุรุษในบันทึกของตระกูลเขา  เขาพยายามสร้างแนวการฝึกฝนที่ถูกต้องสำหรับตัวเขาเอง
วิธีฝึกฝนที่ถูกต้องก็คือไม่มุ่งหวังสูงเกินไปและห่างไกลเกินไป
ฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้น ฤดูร้อนที่รุนแรง ฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเหน็บ ฤดูหนาวที่เยือกแข็ง  ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนก็ตาม  ลินลี่ย์ยังคงสวมเพียงกางเกงขาดรุ่งริ่ง ซึ่งเป็นริ้วรอยขาดนับไม่ถ้วนเนื่องจากร่างแปลงมังกรของเขา  ร่างกายท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า
ลินลี่ย์ได้ค้นพบบางอย่าง...
เมื่อเขาเท้าเปล่า  เขาสามารถรู้สึกถึงชีพจรแผ่นดินได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น  เมื่อยืนอยู่กับพื้นหัวใจของเขามั่นคงราวกับเป็นแผ่นดินกว้างใหญ่เอง  การใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมของลินลี่ย์เริ่มหลอมรวมน้ำหนักเป็นอันเดียวกับโลก
ร่างท่อนบนของเขาเปล่าเปลือย
ความรู้สึกเคลื่อนไหวของอากาศที่ผ่านร่างเขาไป  ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนว่าทั้งตัวเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของลม  ลมโดยธรรมชาติเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ไร้รูปลักษณ์  เมื่อใช้เทพกระบี่เลือดม่วง ลินลี่ย์รู้สึกว่าเขากวัดแกว่งได้คล่องแคล่วว่องไวมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ในตอนนี้ลินลี่ย์จึงแผ่กลิ่นอายที่ทั้งมั่นคงไม่หวั่นไหวและแผ่วพลิ้วดุจสายลม กลิ่นอายทั้งสองอย่างน่าจะตรงกันข้ามกัน  แต่เป็นเรื่องแปลกเมื่อสิ่งที่เปล่งออกมาจากตัวลินลี่ย์นั้นดูเป็นธรรมชาติมาก 
…..

เขาเน้นการฝึกดาบหนักเป็นหลัก รองลงมาก็เป็นกระบี่ยืดหยุ่นและเจียดเวลาบางส่วนใช้สำหรับการแกะสลัก  ตอนกลางคืนลินลี่ย์จะเข้าสู่ภวังค์สมาธิ  ชีวิตส่วนใหญ่ของลินลี่ย์จะเข้มงวดกับการฝึกฝนมาก
บางครั้ง เมื่อเขาเห็นน้ำตกขนาดใหญ่มีกระแสน้ำรุนแรงกระแทกกระทั้นจากยอดเขาอสูรเวท ลินลี่ย์จะตื่นเต้นและกระโจนเข้าน้ำตกฝึกฝนอยู่ภายใต้น้ำ
เมื่อเห็นสายน้ำที่ยาวบริสุทธิ์ ลินลี่ย์มักจะล่องไปตามสายน้ำนั้น
เมื่อเขาเห็นโขดหินบนยอดเขาสูง  ถ้าลินลี่ย์รู้สึกมีแรงบันดาลใจ เขาจะปีนขึ้นไปบนยอดเขาและแกะสลักรูปสลัก บางทีรูปสลักรูปหนึ่งก็ใช้เวลาหลายคืน
…..

เขาทำทุกอย่างที่ต้องการ
จิตและวิญญาณของลินลี่ย์เป็นธรรมชาติมากขึ้นและสบายขึ้นกว่าที่มีมาก่อน  การฝึกฝนภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้  ทำให้ลินลี่ย์ลืมเวลาที่ผ่านมา  เขาเพียงแต่รู้ว่าพลังของเขาก้าวหน้าในแต่ละวัน  ทุกๆ ความก้าวหน้าทำให้เขามีความสุขและตื่นเต้น
เส้นทางการฝึกฝนยังคดเคี้ยวและยาวไกล
นี่คือถนนเดินทางที่ยากลำบาก  แต่ในเส้นทางนี้มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกปลื้มและตื่นเต้น
……

ลินลี่ย์เริ่มมีเครางอก และผมที่สั้นแต่เดิมก็เริ่มงอกยาวเช่นกัน  ดวงตาที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและเย่อหยิ่งกลายเป็นสงบและเยือกเย็น  เนื่องจากอิทธิพลจากการสัมผัสธรรมชาติมาเป็นเวลานาน
มีเพียงบางครั้งขณะฝึกฝนจะทำให้ประกายตาของเขาคมกล้าน่ากลัว
อารมณ์ของลินลี่ย์ก็เช่นกันถูกธรรมชาติหล่อหลอมกล่อมเกลาจนมั่นคงยิ่งขึ้น  ไม่มีเดลิน โคเวิร์ทคอยแนะนำ  ลินลี่ย์จึงไม่มีผู้ที่จะพึ่งพาอาศัย เขายังคงพัฒนาฝีมือและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
…….

 “ครืนนน”
เสียงน้ำดังกึกก้องจากน้ำตกสูงร้อยเมตรไหลลงกระแทกแอ่งน้ำเบื้องล่าง ละอองน้ำกระจายไปทุกที่ ด้านข้างน้ำตก มีหินมหึมาก้อนหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้น
มีคนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหิน  ดาบหนักใหญ่สีดำวางพาดบนตักของเขา
เป็นเวลาเช้าตรู่  ท้องฟ้าเพิ่งเริ่มสาง  ภายในเทือกเขาอสูรวิเศษ  หนึ่งในหลายอย่างที่ลินลี่ย์ทำอย่างมีความสุขก็คือเพลิดเพลินกับอากาศสดใสยามเช้า
 “อา...”  ลินลี่ย์ลืมตา
เขาชำเลืองมองด้านหลังของเขาและเห็นบีบีขดตัวอยู่ถัดจากเขา  กรงเล็บทั้งสองของบีบีตรึงเข้าไปในหินเอง ดังนั้นแน่ใจได้ว่าไม่มีทางที่มันจะกลิ้งตกลงไป
 “บีบี, ได้เวลาเคลื่อนไหวกันแล้ว”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ
บีบีลืมตาอย่างเกียจคร้านเหลียวมองรอบตัวตัวเอง  จากนั้นมันสลัดหัวขับไล่ความง่วงที่ยังเหลือออกไปและยืนขึ้น  “เจ้านาย, ข้าหิวแล้ว”
 “ไปกันเถอะ  เราจะกินกันทีหลัง”  ลินลี่ย์กระโจนจากหิน  การเคลื่อนไหวสง่างามราวกับลมพัด  ด้วยการกระโดดนั้นลินลี่ย์ไปได้หลายสิบเมตรแล้วลงที่ฝั่งตรงข้ามของสระ  ขณะโดดลงจากโขดหิน บีบีกลายสภาพเป็นริ้วเงาดำและลงมาหยุดอยู่ที่ข้างเท้าลินลี่ย์
หนึ่งมนุษย์ หนึ่งอสูรเริ่มต้นการเดินทางของพวกเขาอีกครั้ง
แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปได้ไกล  ลินลี่ย์ชะงักฝีเท้าทันที  บีบีมองดูลินลี่ย์ด้วยความสงสัย
 “มีอสูรเวทอยู่แถวๆ นี้ตัวหนึ่ง”  ลินลี่ย์พูดทางใจ
บีบีจ้อง  ตอนนี้บีบีนับได้ว่าเป็นอสูรเวทสายธาตุดินระดับเก้า กล่าวโดยทั่วไปคือ มีอสูรน้อยตัวมากที่ลอบเข้ามาใกล้โดยที่มันไม่รู้สึก  แต่ครั้งนี้มันไม่รู้สึกถึงอะไร
ขณะที่เท้ากดภาคพื้นดินและเขายังมีความสามารถรู้สึกได้ถึงสายลม  เป็นเรื่องยากที่จะเคลื่อนไหวอยู่ไกล้ๆ โดยไม่ดึงดูดความสนใจของลินลี่ย์
 “ความเคลื่อนไหวของอสูรเวทตัวนี้เบาและสง่างาม  ข้าไม่สามารถรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของมันจากบนพื้นได้เลยแม้แต่น้อย  แต่เมื่อมันเคลื่อนไหว มันทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในสายลม”  ลินลี่ย์พูดทางใจ
บีบีพยักหน้า
…..

เสือดำลายทองหมอบนิ่งอยู่บนต้นไม้ ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย  สัตว์จำพวกเสือดำถือได้ว่าเป็นอสูรเวทสายธาตุดินที่มีความเร็วที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเร็วในการเคลื่อนไหวของเสือดำสายฟ้าระดับเซียนทำให้มันเป็นอสูรเวทระดับเซียนที่น่าหวาดหวั่นและยากจะรับมือ
เสือดำลายทองเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด  แต่เนื่องจากอสูรเวทประเภทเสือดำโดยปกติจะมีความเร็วสูงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี  การระเบิดพลังของมัน ถ้าเป็นความเร็วในการกระโจนระยะสั้นก็ยังสามารถข่มอสูรเวทระดับแปดได้
เสือดำลายทองกดเท้าทั้งสี่ของมันอย่างชำนาญทันที
 “ควั่บ!
มันกระโจนไปยอดไม้อีกต้น  พวกเสือดำจะเชี่ยวชาญในการวิ่งและกระโจนอยู่บนยอดไม้และมันขึ้นชื่อในเรื่องนี้เช่นกัน  จากภายในใบไม้ที่หนาแน่น  เสือดำลายทองเห็นร่างมนุษย์จากระยะไกลแล้ว
เสือดำลายทองหมอบรออยู่เงียบๆ  รอให้มนุษย์เข้ามาใกล้ๆ
แน่นอนว่ามนุษย์และหนูเงาสีดำกำลังเข้ามาใกล้ทุกขณะ
 “หนูเงาดำน่ะหรือ?  ไม่มีอะไรคุกคามเลย”  อสูรเวทระดับเจ็ดมีสติปัญญาสูง ผู้ที่เสือดำลายทองจดจ่อเป็นหลักก็คือมนุษย์คนนั้น  กลิ่นอายของมนุษย์ที่ปล่อยออกมาทำให้เสือดำลายทองเพิ่มระดับความระมัดระวังขึ้น  แต่เสือดำลายทองรู้สึกว่ามนุษย์ผู้นี้ไม่น่าจะมีพลังมากนัก
แน่นอนว่าในรูปแบบปกติ ลินลี่ย์จะเป็นเพียงนักรบระดับเจ็ดขั้นต้น
กล่าวโดยทั่วไป เมื่ออสูรเวทระดับเจ็ดสู้กับมนุษย์ระดับเจ็ดอสูรเวทระดับเจ็ดจะมีความได้เปรียบ
 “ควั่บ” มันกระโจนออกจากต้นไม้  เสือดำลายทองเปลี่ยนสภาพเป็นสีทองเลือนลางกระโจนใส่ลินลี่ย์อย่างสง่างาม
ดูเหมือนว่ามนุษย์ยังไม่ทันได้เตรียมพร้อม  ทันใดนั้น...
ดาบหนักอดาแมนเทียมถูกชักออกมาจากด้านหลังของเขารวดเร็วราวสายฟ้าขณะที่เขาถอย! ขณะเดียวกันเขาใช้ดาบยักษ์ฟันใส่เสือดำลายทองด้วยพลังมหาศาล
มันกระโจนมาครึ่งทางแล้ว ไม่มีทางที่เสือดำลายทองจะเปลี่ยนวิถีได้  สิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้ก็คือทำอย่างดีที่สุดเพื่อเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
 “บึ้ม”
ประกายแสงเหมือนกับสายฟ้าฟาดปรากฏเมื่อดาบหนักอดาแมนเทียนหวดใส่ร่างของเสือดำลายทองอย่างรุนแรงและมีรอยผ่าลึกปรากฏ  เสียงกระดูกแตกหักได้ยินชัด
พร้อมกับเสียงดังบึ้ม ร่างของเสือดำลายทองกระแทกกับพื้น  มันนอนบิดตัวอยู่กับที่ เลือดไหลออกจากปากของมัน  แต่ภายในสิบวินาทีเสือดำลายทองก็ไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป
ลินลี่ย์เสียบดาบหนักอดาแมนเทียมเข้าฝักอย่างสง่างาม
 “บีบี, อาหารเช้าวันนี้ของเราจะเป็นเนื้อเสือดำนะ”  ลินลี่ย์พูดตามปกติ
สำหรับลินลี่ย์และบีบี นี่เป็นแค่เหตุการณ์ธรรมดา  ภายในเทือกเขาอสูรวิเศษพวกเขาฆ่าอสูรเวทหลายตัวทุกวี่วัน
ถ้ายอดฝีมือเชิงดาบปรากฏตัว  พวกเขาสามารถบอกได้ชัดเลยว่าลินลี่ย์แม้จะเป็นนักรบระดับเจ็ดขั้นต้นแต่สามารถกวัดแกว่งดาบหนัก 3600 ปอนด์นี้ได้เหมือนนักรบระดับสูง  ไม่เพียงแต่น้ำหนักดาบหนักไม่เป็นอุปสรรคต่อลินลี่ย์เท่านั้น  ลินลี่ย์ยังสามารถใช้น้ำหนักของมันเพิ่มความเร็วในการฟันของดาบหนักได้มากขึ้น
ความจริงเมื่อเขาใช้ดาบฟันอสูรเวทระดับเจ็ดจนตายด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว พลังนี่นับว่าน่าทึ่งแล้ว
ลินลี่ย์และบีบีเริ่มย่างเนื้อเสือดำในกลางเทือกเขาอสูรวิเศษ
 “เจ้านาย, พลังโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดที่ท่านสามารถใช้ดาบหนักนี้โจมตีมีมากมายขนาดไหนกันแน่?  สองสามวันมานี้ท่านบอกว่า ท่านมีความก้าวหน้า” บีบีถาม
พวกเขาอยู่ในเทือกเขาอสูรวิเศษมาเกินกว่าหนึ่งปีแล้วตอนนี้  ระหว่างหนึ่งปีมานี้ ใจของลินลี่ย์เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและเขาหมกมุ่นตัวเองกับการฝึกฝนของเขา  ครึ่งปีมานี้การฝึกฝนของเขามีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
 “การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของข้าน่ะหรือ?  ยากจะบอกได้  เมื่อกล่าวในแง่ทั่วไป ข้าน่าจะสู้กับอสูรเวทระดับแปดในร่างมนุษย์ได้”  ลินลี่ย์พูดอย่างมั่นใจ
นี่ไม่ใช่ความลำพอง  แต่นี่คือความมั่นใจในพลังของตัวเขาเอง
 “เนื้อเสือดำกลิ่นหอมมาก”  บีบีสูดอากาศพร้อมกับเชิดจมูกของมัน
 “หืม?”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว จากนั้นหัวเราะทันที  “บีบี เมื่อตอนที่เราย่างเนื้อ มักจะดึงดูดความสนใจจากอสูรเวทอื่น  เพียงแต่ตอนนี้อสูรเวทตัวนี้ดูเหมือนจะงุ่มง่ามและซุ่มซ่าม”
หลังจากรอสักครู่ ลินลี่ย์และบีบีก็เห็นอสูรเวทปรากฏตัวในที่สุด
มังกรลมกรดตัวหนึ่ง
 “มังกรลมกรด?”  ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ  ตอนนี้ลินลี่ย์เริ่มคุ้นเคยดีกับมังกรลมกรด  แม้จะเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด แต่พวกมันก็มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมาก  แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ในระดับเจ็ด  แต่พลังป้องกันของมังกรลมกรดก็ยังน่ากลัวมากกว่าเสือดำลายทองมาก  แต่ในทางกลับกันเสือดำลายทองจะว่องไวกว่ามังกรลมกรดมาก
 “เจ้านาย  เจ้านายบอกว่าพลังการโจมตีของท่านสูงจริงๆ ใช่ไหม  ท่านคิดว่าสามารถฟันมังกรลมกรดให้ตายในดาบเดียวได้หรือไม่?”  บีบีพูดทันที
เกล็ดของมังกรลมกรดหนาเกือบครึ่งเมตร และกระดูกกะโหลกของมันก็แข็งและหนามาก  แม้ว่ามังกรลมกรดจะค่อนข้างช้า  แต่พลังป้องกันของมันสามารถสู้กับอสูรเวทระดับแปดธรรมดาได้
 “ฟันในดาบเดียวน่ะหรือ?  ข้ายังไม่ได้ทดสอบดูเลย  ให้ข้าลองดูก่อน”
ลินลี่ย์ชักดาบหนักอดาแมนเทียมออกจากฝักบนหลักของเขา  จากนั้นเริ่มเดินทีละก้าวเข้าหามังกรลมกรด
มังกรลมกรดสูงเท่าอาคารสูงสองชั้นและยาวเกือบยี่สิบเมตร  เทียบกับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นี้ลินลี่ย์ไม่มีอะไรมากไปกว่าจุดเล็กๆ
 “โกรววววว” มังกรลมกรดคำรามใส่ลินลี่ย์ด้วยความโกรธ
แต่ลินลี่ย์ควงดาบหนักอดาแมนเทียมในมือขณะยังเดินเข้าหามังกรลมกรดต่อเนื่องด้วยเท้าเปล่าทีละก้าว
ทันใดนั้น...
ความเคลื่อนไหวของลินลี่ย์เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดขณะที่เขาพุ่งเข้าหามังกรลมกรด  มังกรลมกรดคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวหวดหางแส้มังกรใส่ลินลี่ย์  หางของมังกรลมกรดเป็นอาวุธที่ว่องไวมาก
 “แคล้ง” ดาบหนักอดาแมนเทียมของลินลี่ย์ถูกเหวี่ยงด้วยความเร็วสูงและป้องกันหางมังกรไว้ได้
แม้ว่าพลังหวดฟาดของหางมังกรลมกรดจะรุนแรง ลินลี่ย์กระโจนขึ้นจากพื้นและยืมพลังจากหางมังกรของมันลอยตัวขึ้นเหนือมังกรลมกรด
 “อื๋อ, นี่มนุษย์หรือนี่?”  มังกรลมกรดประหลาดใจที่พบว่ามนุษย์ที่อยู่ต่อหน้ามันควงดาบหนักอดาแมนเทียมได้อย่างเป็นธรรมชาติและง่ายดายราวกับต้นหญ้าลู่ลม และตอนนี้มนุษย์ผู้นั้นกำลังใช้ดาบนั้นฟันลงมาที่ศีรษะของมัน
มังกรลมกรดมั่นใจมาก  กะโหลกของมันเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายของมัน
แน่นอน....
เมื่อดาบหนักสีดำที่คล่องแคล่วสัมผัสที่กะโหลกของมัน มันแสดงท่าทางไม่รู้สึกถึงอันตรายเลยแม้แต่น้อย  แต่ในทันใดนั้นเองเพียงขณะที่ดาบสัมผัสกะโหลกพลังที่รุนแรงเหลือเชื่อระเบิดออกมาจากดาบเหมือนกระแสน้ำทะลักผ่านเขื่อน พลังที่น่าทึ่งทะลักออกมาอย่างรวดเร็วทันที  มันได้ยินแต่เสียง “แครก” จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ
บีบีมองดูฉากภาพนี้อย่างประหลาดใจ
ลินลี่ย์เพียงแต่ฟาดใส่กะโหลกซึ่งเป็นส่วนที่แข็งที่สุดของมังกรลมกรด  ด้วยการใช้ดาบฟันเพียงครั้งเดียว และจากนั้นหัวของมังกรลมกรดก็แยกออกเหมือนเปลือกไข่แตก สมองและเลือดของมันฉีดพุ่งออกมา  ร่างมหึมาและทรงพลังของมังกรลมกรดล้มครืนกับพื้น ขณะที่ลินลี่ย์ลงมายืนกับพื้นอย่างสง่างามเช่นกัน
 “เจ้านาย!  ว้าว! ท่านทรงพลังขนาดนั้นเชียวหรือนั่น?”  บีบีวิ่งเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น
ลินลี่ย์หัวเราะ “ผ่านไปปีกว่าแล้วนะ  ข้าสามารถผสานพลังของตนเองกับพลังปราณเลือดมังกรของข้าเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ  จากนั้นสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้จากการเชื่อมโยงกับพลังธาตุดิน ข้าสามารถก้าวหน้าไปถึงระดับใช้พลังภายนอกผสานเข้ากับพลังภายในได้  ข้าจึงเข้าถึงระดับเดียวกับที่บรรพบุรุษตระกูลบาลุคได้อธิบายไว้ว่า กวัดแกว่งวัตถุหนักเหมือนกับเป็นของเบา ตอนนี้ข้าได้ก้าวหน้าจนถึงระดับ สายฟ้าฟาด แล้ว”

5 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขออีกตอนมันๆ

Opajo กล่าวว่า...

อ่านแล้วติดใช้ได้เลยขอบคุณครับ

Reeds กล่าวว่า...

วนกลับมาอ่านใหม่อีกกี่รอบก็สนุกทุกครั้ง

จตุพร กล่าวว่า...

ก้อคิดยุทามไมยิงเสือดำที่เเท้เนื้อมันอร่อน555ไม่เกี่ยว

krailasr กล่าวว่า...

มีท่านใดถามหาตอนที่ 1386 บ้างมั๊ยครับ มันไม่มีครับ เป็นตอน 1385 ลงซ้ำกันครับ

แสดงความคิดเห็น