เล่มที่ 8 เดินทางหมื่นกิโลเมตร
ตอนที่ 2 หมาป่าปฐพี
การสนับสนุนการฝึกฝนพื้นฐานสุดก็ด้วยใช้ดาบหนักผสานกับลมปราณพร้อมกับใช้พลังกายภายนอก
หลังจากดาบหนักอดาแมนเทียมถูกสร้างขึ้นในเมืองเฮส
เมื่อลินลี่ย์ใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมโจมตีใส่มือปราบพิเศษชุดม่วง เขาไม่สามารถผสานพลังของเขาและปราณของเขาได้ดั่งใจนึก
ดาบหนักไม่จำเป็นต้องถูกใช้ด้วยแรงถึกล้วนๆ
แต่มันจะค่อยๆ เพิ่มพลังทีละนิดจนกระทั่งดาบมีพลังสูงสุด
ขณะเดียวกันก็ผสานทั้งพลังภายนอกและพลังภายในจนกระทั่งอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่สุด
หลังจากใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี
ในที่สุดลินลี่ย์ก็สามารถกวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียมได้ง่ายเหมือนกับเป็นมือของเขาเองโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานเลยแม้แต่น้อย
แม้จะมีขีดจำกัดของปริมาณพลังและลมปราณภายใน
แต่เขาก็สามารถเพิ่มพลังของดาบหนักอดาแมนเทียมจนอยู่ในระดับสูงล้ำได้
แต่นี่ยังคงเป็นแค่พื้นฐาน
ระดับที่เหนือกว่าพื้นฐานนี้ก็คือระดับที่สอง
ขอบเขตที่แตกต่างของความเป็นไปได้
นี่คือสิ่งที่ลินลี่ย์ปลุกขึ้นมาขณะที่เขาเห็นสายน้ำตกกระแทกกระทั้นภายในถ้ำภูเขา
จะกวัดแกว่งดาบหนักเหมือนกับเป็นของเบาได้นั้น พูดง่ายแต่ทำได้ยาก
ความจริงเป็นเรื่องจำเป็นที่นักสู้จะต้องควบคุมทั้งพลังภายในและภายนอกให้ได้อย่างสมบูรณ์จากนั้นเขาจึงจะสามารถปลดปล่อยพลังเหมือนสายน้ำตกได้อย่างไม่รู้จบ
พลังที่ปลดปล่อยออกมาได้อย่างนี้มีมากมายมหาศาล
นี่เกิดขึ้นภายใต้หลักการการฝึกเคล็ด ‘สายฟ้าฟาด’ ของลินลี่ย์
แต่เรื่องนี้พูดย่อมง่ายกว่าทำ
จำเป็นต้องมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งมั่นคงมาก
ถ้านักสู้ไม่มีการควบคุมทั้งพลังภายนอกและภายในได้อย่างเพียงพอ
หลังจากที่นักสู้เข้าใจหลักการเคล็ดวิชานี้แล้ว เขาก็ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อยู่ดี
“แข็งแกร่งทรงพลังขนาดนั้นเชียวหรือ? เจ้านาย นีคือวิธีการที่ทรงพลังที่สุดในการใช้ดาบหนักใช่ไหม? บีบีพูดด้วยความประหลาดใจ
ลินลี่ย์หัวเราะและส่ายศีรษะ
“ยังไม่ใกล้เคียงเลย
ตามข้อมูลที่ยบันทึกโดยตระกูลของข้า
วิธีการใช้ดาบหนักมีการอธิบายไว้เป็นสามระดับ ระดับแรกเชี่ยวชาญพื้นฐานได้อย่างสมบูรณ์
ระดับที่สองสามารถกวัดแกว่งดาบหนักได้เหมือนกับเป็นของเบา และระดับสามรู้จักกันในนามว่า สร้างข้อกำหนด”
“ข้อกำหนด?” บีบีงงเล็กน้อย “มันเป็นยังไง?
“ข้าไม่รู้เหมือนกัน”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ที่สำคัญ ในบันทึกของตระกูลข้า
นอกจากความลับคัมภีร์เลือดมังกรแล้ว
ส่วนใหญ่จะเป็นการอธิบายถึงประวัติศาสตร์ของตระกูลและเรื่องราวบรรพบุรุษของข้าบางคน
ส่วนเรื่องที่บรรพบุรุษสามารถกวัดแกว่งอาวุธหนักเหมือนกับเป็นของเบา
มีเพียงคำอธิบายพลังของเขาเพียงสองสามบรรทัด
บันทึกนั้นยังพูดถึงระดับที่สามคือสร้างข้อกำหนดไว้ แต่การสร้างข้อกำหนดเป็นยังไงกลับไม่มีอธิบายรายละเอียดไว้
ดังนั้นข้าจึงไม่รู้เหมือนกัน”
ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
สามารถสร้างข้อกำหนดได้ หมายถึงอะไรกันแน่?
แต่เมื่อกวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียม จะสามารถกำหนดเพิ่มพลังโจมตีได้มากมายแค่ไหนกัน?
“ข้ายังไม่รู้เรื่องนั้น เพราะไม่มีวิธีเข้าใจมันได้” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
ลินลี่ย์รู้ดีว่าเขายังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับใช้ของหนักเหมือนกับเป็นของเบาอย่างแท้จริง
เพราะส่วนที่สำคัญที่สุดของเคล็ดสายฟ้าฟาดก็คือปลดปล่อยพลังทั้งหมดในช่วงสุดท้าย
จะมีวิธีเพิ่มพลังของเคล็ดนี้ได้อย่างไร?
ถึงตอนนี้ ลินลี่ย์ปลดปล่อยพลังภายนอกและพลังปราณภายในพร้อมกัน แต่ลินลี่ย์รู้ว่านี่เป็นวิธีที่ทื่อและถึก
“น่าเสียดายที่ไม่มีป้ายบอกเส้นทางการฝึกฝน”
ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หยุดคาดเดาเรื่องที่ไร้สาระของเขา
…..
ฤดูใบไม้ร่วง
ป่าที่บริสุทธิ์ผืนใหญ่ของเทือกเขาอสูรวิเศษถูกปกคลุมด้วยใบไม้เหลือง
นี่คือปลายฤดูใบไม้ร่วงของปี 10001 ตามปฏิทินยูลาน
ลินลี่ย์เข้าไปในเทือกเขาอสูรเวทเป็นเวลานานกว่าปีครึ่ง แต่เขาแค่ท่องเที่ยวไปได้ไกลเพียงห้าพันหรือหกพันกิโลเมตร
ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึกฝนทุกวัน
เดินหน้าไปได้ยี่สิบสามสิบกิโลเมตรนับเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดที่เขาเดินทางได้
ตกกลางคืนไม่มีเสียงให้ได้ยิน ภายในพื้นที่ใจกลางเทือกเขาอสูรวิเศษ
ภายใต้ต้นไม้ขนาดห้าหกคนโอบรอบ ลินลี่ย์นั่งขัดสมาธิอยู่ในภวังค์สมาธิ
เวลาผ่านไปช้าๆ...
ท้องฟ้าเริ่มสาง ลินลี่ย์ลืมตา มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าของเขา
แสงสางเริ่มสาดส่อง ลมยามรุ่งอรุณโชยพัดหมุนเป็นเกลียวหอบใบไม้ลอยขึ้นและค่อยๆ
ร่วงลงมา
ลินลี่ย์นั่งมองใบไม้เหล่านี้ร่วงลงมาอย่างเงียบๆ
“เจ้านาย?” บีบีลืมตาขึ้นตามปกติ
มันพูดอย่างสงสัย “ท่านตื่นแล้ว? ทำไมถึงไม่ปลุกข้า?”
ความจริงทุกวันเมื่อลินลี่ย์ตื่นขึ้น บีบีก็จะตื่นขึ้นเช่นกัน แต่ในทุกวันบีบีจะรอให้ลินลี่ย์ปลุกมันก่อนที่มันจะลืมตา แต่วันนี้ลินลี่ย์กลับไม่เรียกมัน
“บีบี!
ดูเหมือนว่าข้าจะบรรลุขอบเขตใหม่ได้แล้ว”
ลินลี่ย์สนทนาทางใจกับบีบีทันที
“บรรลุขอบเขตใหม่?” บีบีกระโดดลุกขึ้นยืนทันที มันถามอย่างตื่นเต้น “เจ้านาย ท่านบรรลุแบบไหน?”
ลินลี่ย์หัวเราะ
“ในที่สุดพลังจิตของข้าก็เข้าถึงขั้นจอมเวทระดับแปดแล้ว”
“จอมเวทระดับแปด?”
บีบีตะโกนด้วยความประหลาดใจ
ฤดูหนาวปีที่เขาอายุสิบหกปี ลินลี่ย์ได้สลักประติมากรรม ‘ตื่นจากฝัน’
ทำให้เขามีความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดในช่วงสิบวันสิบคืนส่งผลให้พลังจิตของลินลี่ย์เพิ่มขึ้นนับสิบเท่าจนกระทั่งพลังจิตของเขาเข้าสู่ภูมิจอมเวทระดับเจ็ดขั้นต้น
เขาอายุเพียงสิบหกปีในฤดูหนาวปีนั้น ก็เข้าสู่ภูมิจอมเวทระดับเจ็ดขั้นต้นแล้ว!
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านไปสามปี
ขณะที่เขาอยู่ที่เมืองเฟนไล พลังจิตวิญญาณของลินลี่ย์ก้าวหน้าไม่มากขนาดนั้นและอัตราความก้าวหน้าของเขา
บางทีลินลี่ย์จำเป็นต้องใช้เวลาห้าหรือหกปีเพื่อให้ก้าวหน้าจากระดับเจ็ดขั้นต้นไปถึงระดับแปด แต่ปีนี้ในเทือกเขาอสูรวิเศษ ลินลี่ย์หมกตัวเองอยู่กับธรรมชาติ
และแต่ละครั้งที่เขาได้สลักหิน เขาจะรับรู้และมีส่วนร่วมไปกับธรรมชาติ
อัตราความก้าวหน้าในพลังจิตของเขาสามารถสังเกตเห็นได้ชัด
ตอนนี้...
พลังจิตของลินลี่ย์เข้าถึงภูมิจอมเวทระดับแปดในที่สุด
“เจ้านาย เวทของจอมเวทระดับแปดแข็งแกร่งมากแค่ไหน?” บีบีพูดอย่างสงสัย
“เจ้าจะได้พบเจอถ้าเจ้าอยากลอง” ลินลี่ย์ยิ้มอย่างมีเลศนัย บีบีจ้องมองเขา จากนั้นมันกล่าวอย่างภูมิใจ
“มาเลย ข้า บีบีไม่กลัวอสูรเวทระดับแปด
เวทระดับแปดก็คงไม่ต่างกันมาก”
ลินลี่ย์เริ่มร่ายเวททันที
ในเวลาสั้นๆ แก่นธาตุดินปริมาณมหาศาลเริ่มแข็งตัวและมารวมตัวอยู่ใกล้ๆ
ลินลี่ย์
พลังเวทในตัวลินลี่ย์เริ่มเพิ่มสูงขึ้น
“วูบ”
ลมวูบหนึ่งปรากฏอยู่หน้าลินลี่ย์ทันทีและหอบใบไม้ลอยขึ้นและร่วงหล่นลงรอบๆ
ตัวเขา
เสียงหอนโกรธเกรี้ยวสามารถได้ยินทันที
หมาป่าสูงสามเมตรสีเหมือนดินเหลืองปรากฏอยู่ต่อหน้าลินลี่ย์ หมาป่าตัวขนาดมหึมานี้สูงสามเมตรและยาวสิบเมตร
กล้ามเนื้อของมันแข็งแรงเป็นปุ่มปมเหมือนเหล็กและขาทั้งสี่เต็มไปด้วยพลัง
เวทสายธาตุดินระดับแปด – หมาป่าปฐพี!
“ฮูววววววว!”
หมาป่าปฐพีคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและพุ่งเข้าหาบีบี
แต่บีบียืนอยู่ที่เดิมจ้องมองหมาป่าปฐพีด้วยความมั่นใจ
“ควั่บ!”
ทันใดนั้นหลาวธาตุดินแถวหนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นใต้เท้าของบีบี
“โหว!” บีบีส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจและกระโจนขึ้นในอากาศ
แผงหลาวดินไม่สามารถทำอันตรายบีบีได้แม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เอง
หมาป่าปฐพีพุ่งมาถึงด้านข้างของมัน
บีบีกู่ร้องทันที และร่างของมันขยายขนาดทันที
“ฮู้วววววว!”
เขี้ยวและเหงือกของมันแดงเข้ม หมาป่าปฐพีงับบีบีขณะที่บีบีก็งับหมาป่าปฐพีด้วยความโกรธเช่นกัน เสียง ‘กร้วม’
ดังขึ้นขณะที่บีบีกัดกระชากคอหมาป่าปฐพี
แต่หมาป่าปฐพีดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร ขณะที่มันตบกรงเล็บใส่บีบีอย่างดุเดือด
“ตุ้บ”
บีบีถูกตบกระเด็นและกระแทกกับพื้น เกิดเป็นรอยหลุมขนาดเล็ก บีบีคลานออกมาทันทีจ้องมองหมาป่าปฐพีอย่างโกรธเกรี้ยว
จากนั้นหมาป่าปฐพีจึงเริ่มใช้พลังอุ้งเล็บที่มหาศาลของมัน
“บีบี, หมาป่าปฐพีตัวนี้ไม่ใช่อสูรเวท
มันเป็นแค่สิ่งก่อสร้างจากธาตุดินหล่อเลี้ยงด้วยพลังเวทกับแก่นธาตุดิน
มันไม่มีจุดอ่อนสำคัญ” เสียงลินลี่ย์ดังขึ้นตักเตือนบีบี
บีบีเข้าใจได้ทันที
สำหรับสิ่งที่สร้างขึ้นจากพลังเวทและแก่นธาตุหลัก ไม่ว่าเจ้าจะกัดหางหรือคอก็ไม่มีผลสร้างความเสียหายได้แต่อย่างใด
“ชรีคคคค!
ตอนนี้บีบีโกรธอย่างแท้จริง
มันกลายร่างเป็นเงาดำและบินเข้าโจมตีหมาป่าปฐพีที่กำลังแยกเขี้ยวพุ่งใส่บีบี แต่บีบีหลบการโจมตีของมันได้ และกวาดกรงเล็บใส่หมาป่าปฐพี
ในพริบตาเดียวบีบีก็ตวัดกรงเล็บใส่หมาป่าปฐพีได้เกือบร้อยครั้ง
บีบบังคับจนกระทั่งคู่สู้แตกทำลาย
“บึ้ม!”
ร่างของหมาป่าปฐพีเริ่มเรืองแสงจากนั้นก็ระเบิดในพริบตา
บีบีถูกกระแทกกระเด็นจากแรงระเบิดกระแทกกลางต้นไม้หักครึ่งและร่วงกับพื้น
“บีบี, เจ้าคิดทำอะไร?”
ลินลี่ย์รู้ว่าบีบีแข็งแกร่งทรงพลังเพียงไหน
พลังโจมตีเพียงเล็กน้อยเท่านี้ไม่พอทำร้ายบีบีได้
บีบีรีบวิ่งเข้ามาหาเขา มันกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนได้รับบาดเจ็บ “เจ้านาย
พลังโจมตีของหมาป่าปฐพีตัวนั้นไม่ได้ต่ำกว่าอสูรเวทระดับแปดทั่วไปเลย มันไม่ได้มีจุดอ่อนตรงไหนด้วยซ้ำ
ที่น่าประหลาดก็คือ แม้ขณะที่มันกำลังจะตาย มันยังปล่อยพลังระเบิดฆ่าตัวตายได้อีกด้วย”
เมื่อร่างของมันกำลังจะแตกสลาย
โครงสร้างที่ก่อตัวจากพลังเวทและแก่นธาตุระเบิดเองตามธรรมชาติ
จอมเวทสองสายธาตุระดับแปด
ตอนนี้ต่อให้อยู่ในร่างมนุษย์ลินลี่ย์ก็ยังนับว่าน่ากลัวอย่างแท้จริง พลังเวทระดับแปดน่าทึ่งมากจริงๆ
ตัวอย่างเช่น เวทธาตุลม ‘ทอร์นาโดอำมหิต’
เวททอร์นาโดอำมหิตนี้สามารถกำจัดทหารได้เป็นพัน
ความจริงแม้แต่พลังโจมตีของหมาป่าปฐพีก็สามารถทำลายกองทัพน้อยได้เกือบทั้งหมดอยู่แล้ว หมาป่าปฐพีมีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง มีแต่อสูรประหลาดที่ไม่ธรรมดาอย่างบีบีเท่านั้นถึงสามารถเจาะทะลวงพลังป้องกันของหมาป่าปฐพีได้อย่างง่ายดาย
หมาป่าปฐพีคล่องแคล่วว่องไวและมีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง และมันไม่มีจุดอ่อน
ไม่ว่าใครคงสามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดหายนะแค่ไหนหากมันบุกตะลุยใส่กองทหาร
“สำหรับอาณาจักร
จอมเวทระดับแปดมีความสำคัญมากกว่ากองทัพที่มีทหารหมื่นคนเสียอีก” ลินลี่ย์เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้ดี และเมื่อเป็นนักเวทระดับเก้า
พวกเขาจะสำคัญยิ่งกว่ากองทัพที่มีทหารแสนนาย
ขณะที่นักเวทระดับเซียนก็ยิ่งสำคัญมากกว่ากองทัพที่มีทหารเป็นล้าน
แค่ร่ายเวทต้องห้าม ‘พายุทำลายล้าง’ กองทัพทหารทั้งล้านนายจะถูกกวาดล้างทำลายทันที
……
ความสัมพันธ์สายธาตุของลินลี่ย์อยู่ในระดับยอดเยี่ยม
ปกติเขาไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการปรุงแต่งพลังเวทเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ยิ่งได้เพิ่มพลังสนับสนุนจากการแกะสลักของสำนักสิ่วสกัดตรง ลินลี่ย์ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายในการฝึกฝนตนเองในฐานะจอมเวท
และตั้งแต่เขาสามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้ในตอนนี้
ความเร็วในการฝึกฝนในฐานะนักรบของเขาก็เร็วขึ้นมากกว่าแต่ก่อนเช่นกัน
……
ดาบหนักอดาแมนเทียมในมือที่ลินลี่ย์ถือเดินไปบนยอดเขาใหญ่ เขาสามารถกวัดแกว่งฟาดฟันได้ทุกทิศทุกตำแหน่ง
ทั้งหวด ฟาด ฟัน ทุกความเคลื่อนไหวเป็นไปโดยธรรมชาติและสง่างาม
แต่เมื่อใดก็ตามที่ดาบหนักอดาแมนเทียมสัมผัสก้อนหินใหญ่ ก้อนหินก็จะแตกกระจายทันที
หินแต่ละก้อนจะแตกเป็นสิบๆ เสี่ยง หรือไม่ระเบิดกระจาย ไม่ก็กลายเป็นผุยผง
ลินลี่ย์ทดสอบตนเองและทดสอบวิธีใช้เคล็ด ‘สายฟ้าฟาด’ ของเขาและปล่อยพลังให้มากอย่างสม่ำเสมอ
วิธีใช้ปราณยุทธมหาศาลพร้อมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังโจมตี
“ฟิ้ว”
ความรู้สึกว่าเขาได้ใช้ปราณเลือดมังกรไปเกินกว่าครึ่งทำให้ลินลี่ย์เก็บดาบหนักอดาแมนเทียมเข้าฝักทันที
พร้อมกับการพลิกมือ เทพกระบี่เลือดม่วงปรากฏในมือของเขา
ลินลี่ย์เริ่มเตรียมตัวกระโจน
กระบี่อ่อนเลือดม่วงในมือของเขาเป็นประกายดูสง่างามทุกท่วงท่า ความแข็งแกร่งของกระบี่เลือดม่วงอยู่ที่ความเร็วและความสามารถโจมตีที่คาดเดาไม่ได้
“ควั่บ!”
กระบี่เลือดม่วงฟันได้แม้ในตำแหน่งแคบติดกับต้นไม้ พอสะบัดไปได้ครึ่งหนึ่ง
กระบี่เลือดม่วงก็บิดโค้งเหมือนอสรพิษและในพริบตามันพันตัวรอบต้นไม้ พอประกายสีม่วงวาบขึ้น ต้นไม้ก็ถูกตัดครึ่ง
ด้วยการสั่นครั้งเดียว กระบี่เลือดม่วงก็ยืดตรงอีกครั้งทันที
“ควั่บ” กระบี่เลือดม่วงพุ่งแทงออกไปข้างหน้า
ขอบคมของมันมีประกายเขียวดำ
กระบี่แทงทะลวงเข้าผนังหินใกล้ๆ อย่างง่ายดาย
“หืม?”
ทันใดนั้นลินลี่ย์ขมวดคิ้วถอนกระบี่เลือดม่วงออกมา เขาจ้องดูกระบี่เลือดม่วงอย่างสงสัย
“ภายในกระบี่... มันอะไรกัน....”
ตอนนั้นลินลี่ย์เพ่งเล็งแค่การโคจรพลังเข้าไปในกระบี่เลือดม่วงเพื่อควบคุมความผันผวนปั่นป่วนของมัน เพราะเขาทำเช่นนั้น
เขาจึงได้พบกับกลิ่นอายที่น่ากลัวซึ่งทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวด้วยความกลัวทันที
“เป็นไปได้ยังไง?”
หัวใจของลินลี่ย์ตึงเครียดทันที
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาอยู่ในสถานการณ์อันตรายในวิหารเจิดจรัส
แหวนมังกรขนดได้ปลดปล่อยพลังมหาศาลระเบิดออกมา
กระบี่อ่อนเลือดม่วงก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ของเทพเช่นกัน
แต่มันไม่ทรงพลังอย่างที่ลินลี่ย์คิดว่ามันน่าจะมี
ลินลี่ย์มักสงสัยว่าต้องมีบางอย่างบรรจุอยู่ในกระบี่อ่อนเลือดม่วง
ลินลี่ย์โคจรพลังเข้าไปในกระบี่เลือดม่วงทันทีและตรวจสอบมันภายในอย่างรอบคอบ
ในอดีตลินลี่ย์ก็เคยลองทำอย่างนี้มาก่อนที่เขาจะเข้าถึงขอบเขตจอมเวทระดับแปด แต่ก็ไม่สามารถหาอะไรพบ แต่ตอนนี้ เขาเป็นจอมเวทระดับแปดแล้ว
“หืม?” ลินลี่ย์โคจรพลังลงไปในที่สุดดูเหมือนจะตรวจพบอะไรบางอย่าง
รังสีที่กระหายเลือด บ้าระห่ำถ่ายทอดมากับพลังที่ลินลี่ย์โคจร
ทันใดนั้นลินลี่ย์ดูเหมือนมองเห็นทะเลโลหิตไร้ขอบเขต ศพนับไม่ถ้วน และกองกระดูกมากมาย
รังสีที่บ้าระห่ำ กระหายเลือด โหดร้ายรุกรานพลังของลินลี่ย์
และจากนั้นมันแผ่เข้ามาใจของลินลี่ย์รวดเร็วราวกับสายฟ้า
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น