วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 415 ความทะเยอทะยานของทุกคน!



ตอนที่  415  ความทะเยอทะยานของทุกคน!
 “ข้าขอยอมแพ้!  ยอดฝีมือดาบฟันเลื่อยโยนดาบฟันเลื่อยลง เขาเหนื่อยจัด จนต้องนั่งลงกับพื้นเบิกตากว้างจ้องมองถังเทียน เขาหมดแรงจนใบหน้าดูแข็งค้าง

ถังเทียนก็ยังหอบหายใจหลั่งเหงื่อท่วมตัวราวกับสายฝน มองดูเหมือนกับว่าเพิ่งขึ้นมาจากสระ ถังเทียนยังคงจ้องกลับและแสดงท่าทีเหนือกว่า เขาเพียงงอตัวและค้ำเข่ารักษาสมดุลในร่างกายเอาไว้
นี่ข้าก็คงเหมือนกับเขา หากว่าข้านั่งลงกับพื้นเหมือนกันไม่ใช่หรือ?  แน่นอนว่าไม่!  ผู้ชนะจะทำตัวเหมือนกับผู้แพ้ได้ยังไง? คนที่ยืนหยัดได้ย่อมดูยิ่งใหญ่กว่า...
ดังนั้นทั้งสองคนต่างหอบหายใจขณะจ้องหน้ามองกัน
ตวนมู่แทบจะพังทลายหลังจากรออย่างไร้ความหมายถึงหนึ่งชั่วโมง  แต่ในที่สุดก็จบจนได้และเขารู้สึกโล่งอก...
เหลือคนรอบตัวเขาเพียงไม่กี่คน  วิศวกรจักรกลที่เหลือกลับเข้าไปประจำโต๊ะและเริ่มทำงาน
 “นี่ช่างน่าผิดหวัง!  เซรีนมองดูที่จอ  นางส่ายศีรษะและถอนหายใจ จากนั้นก้มหน้าทำงานของนางต่อไป
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ตวนมู่ก็ฟื้นคืนจากอาการมึนชา และสงบจิตใจได้อีกครั้ง
ภารกิจที่ท่านดยุคมอบหมายมาล้มเหลว เป็นความพ่ายแพ้ยับเยิน นักสู้ระดับทองตายไปสามคน นักสู้ดาบเลื่อยยอมแพ้และเขาถูกจับ  แต่หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ตวนมู่คิดว่านี่ไม่มีผลอะไรต่อท่านดยุค  แม้ว่าเขาจะสูญเสียนักสู้ระดับทองไปสี่คน แต่ก็ไม่มีผลต่อรากฐาน  ตรงกันข้ามเมืองสามวิญญาณกลับแสดงพลังออกมาก  ดังนั้นท่านดยุคจะต้องให้ความสนใจมากขึ้น  นอกจากนี้ เมื่อถูกสนใจโดยแผนการร้ายของท่านดยุค เมืองสามวิญญาณก็จะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้น
ตวนมู่รับใช้ท่านดยุคมายาวนาน และเขารู้จักนิสัยของดยุคดี  เขาเป็นคนยึดติดและดื้อรั้น  ความล้มเหลวมีแต่จะทำให้เขาทุ่มเทหนักและเตรียมตัวในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น เขาจะต้องแน่ใจว่าการโจมตีครั้งต่อไปจะต้องหนักหน่วงรุนแรง และจะไม่มีอะไรต้านทานเขาได้
แต่พอเขาคิดถึงสถานการณ์ของกลุ่มดาวคนแบกงูแล้ว เขาได้แต่ส่ายศีรษะ คนเหล่านี้โชคดีมาก  เพราะถ้าดยุคลงมือ ก็จะต้องใช้เวลา
ตวนมู่ แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า?
เขายิ้มเยาะให้ตัวเอง และรอคอยชะตากรรมอยู่เงียบๆ
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า
และแล้วตวนมู่ก็พบได้ทันทีว่าเขาถูกลืมไปจริงๆ
ถูกละเลยไปอย่างสิ้นเชิง...
เขากำลังจะถูกลืมแน่นอน
เป็นความโกลาหลในเมืองสามวิญญาณ  ทุกคนวุ่นวายอยู่กับการประเมินผลการต่อสู้  แม้ว่าจะจบลงไปแล้วก็ตาม  แต่ไม่มีแผนกใดพอใจกับการต่อสู้
เซรีนหงุดหงิดที่อาวุธจักรกลที่พวกเขาสร้างขึ้นไม่สามารถทนต่อการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว  เมื่อการต่อสู้จบลง เซรีนรีบเรียกประชุมวิศวจักรกลทุกคนซึ่งถูกล้อเลียนเยาะเย้ยอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลาสองชั่วโมง
 “รู้ไหมว่าตอนนี้เมืองสามวิญญาณเรามีอีกชื่อว่าอะไร? เมืองจักรกล!  แต่ในที่สุดคู่ต่อสู้ก็ทำลายจักรกลของเราพังเป็นชิ้นๆ โดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม  ข้าไม่เคยรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างนี้ในชีวิตมาก่อน”
 “พวกเจ้าคิดว่านักสู้ระดับทองไม่มีทางเอาชนะได้หรือ?  อย่างนั้นก็สมเหตุผลแล้วสินะ ที่เราไม่สามารถทนต่อพลังโจมตีของพวกเขาได้?  แย่จริงๆ นี่พวกเจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”
 “ข้าเคยบอกไว้ก่อนแล้ว  เป้าหมายของข้าก็คือเป็นวิศวกรจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดกว่าที่เคยมี!  นักสู้ระดับทองกล้าดียังไงถึงได้มาหาเรื่องข้า?”
 “ตอนนี้เรามีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นก็คือออกแบบอาวุธจักรกลที่ทรงพลังพอจะโค่นล้มนักสู้ระดับทองให้ได้!
 “ใช่แล้ว ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นมาก่อน!  ดังนั้นเราต้องทำให้ได้!  เราต้องทำให้ดีที่สุด!  เราจำเป็นต้องพิสูจน์ว่าอาวุธจักรกลที่เหลือแข็งแกร่งทรงพลังที่สุดในโลก  เราถูกลืมเลือนมานานแล้วและเราก็มีความสามารถเพียงพอ!  ดังนั้นข้าจำเป็นต้องประกาศให้พวกเขารู้ว่ายุคของอาวุธจักรกลจะต้องกลับมา  และตอนนี้ถึงเวลาเปล่งประกายของเราแล้ว!  เราคือวิศวกรจักรกลที่ดีที่สุด!
 “ไม่ใช่ไม่กี่คน!  ข้าต้องการให้เป็นเพียงหนึ่งเดียว!  พวกท่านทุกคนเข้าใจไหม?”
เซรีนยืนขึ้นบนโต๊ะ มองดูเหมือนคนบ้า  ไม่มีท่าทียั่วยวนใจหรือหลอกล่อปรากฏให้เห็นในตัวนาง
วิศวกรจักรกลทุกคนรู้สึกว่าเลือดลมพลุกพล่าน ทุกคนหัวใจสูบฉีดเต้นแรงราวกับว่ามีลาวาไหลอยู่ในร่างกายของพวกเขา
พวกเขาคุ้นเคยกับการถูกล้อเลียนเสียแล้ว  ตั้งแต่พวกเขาเริ่มงานนี้ มักจะมีการตักเตือนและหยอกล้อกันอยู่เสมอ
เปล่าประโยชน์ที่จะสิ้นหวังต้องปฏิบัติหน้าที่ให้หนักยิ่งขึ้น...
พวกเขายอมรับทุกคนโดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ  แต่พวกเขามีความฝันถึงยุคเฟื่องฟูของจักรกลมาหลายครั้งอยู่ก่อนแล้ว
ในช่วงเวลานี้ พวกเขาเป็นพวกที่แข็งแกร่งที่สุด  พวกเขามีศักดิ์ศรีและเกียรติ
การทุ่มเทชีวิตทะเยอทะยานมีอยู่ลึกในหัวใจของวิศวกรจักรกลทุกคนถูกกระตุ้นด้วยเสียงปลุกระดมของเซรีน
ยุคจักรกล!  ยุคของเรา!
ถูกแล้ว จะมีอะไรดึงดูดมากไปกว่าเป้าหมายนี้?  ยังมีความเย้ายวนอะไรอื่นที่วิศวกรจักรกลไม่อาจต้านทานได้?
แม้แต่วิศวกรจักรกลที่จิตใจมั่นคงที่สุดก็ยังสั่นมิอาจระงับได้
ในห้องวิจัยพลังสายเลือด  พวกเขาไม่พอใจกับการต่อสู้  หยาหยาเป็นคนจบการต่อสู้  พวกเขาประสบความสำเร็จเฉพาะกลยุทธกระต่ายพิษเท่านั้น  แต่พวกเขาไม่สามารถหาวิธีใช้พิษอย่างมีประสิทธิภาพได้
ที่สำคัญยิ่งกว่า มีข้อติดขัดมากมายในการใช้กลยุทธ
อสูรตรีบุปผาเห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์  หยาหยาจับพวกมันมัดอย่างง่ายดายและลากเล่นไปทั่ว
 “นักสู้ระดับทอง  เป้าหมายของเราต่อไปนี้จะต้องเป็นนักสู้ระดับทอง  ถ้าเราสามารถโค่นล้มนักสู้ระดับทองได้  เราก็จะของบประมาณสนับสนุนได้มากเท่าที่เราต้องการ  ถึงจะเพิ่มขึ้นสองสามเท่าก็ไม่มีปัญหา...”
เหล่าผู้ชราทั้งบุรุษและสตรีเริ่มมองดูตื่นตัวมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า งบประมาณสนับสนุน จากผู้เฒ่าเฟ่ย
 “จะต้องไปกลัวอะไรกับนักสู้ระดับทอง เราสามารถฆ่าพวกมันได้ง่ายๆ อยู่แล้ว”
 “ฆ่าพวกมัน!
 “ฆ่าพวกมัน!
ในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศที่โกรธเกรี้ยวและรังสีอำมหิต
ถังโฉ่วจ้องมองดูนักเรียนข้างหน้าเขาอย่างว่างเปล่า  พวกเขาเงียบและรู้สึกละอาย  พวกเขาสร้างผลงานในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ดี
ถังโฉ่วไม่ได้ถูกท่านปิงดุด่าว่ากล่าวอะไร  เพราะเขารู้ว่าใต้เท้าปิงมองดูทหารของเขาเป็นแค่หน่วยประจัญบานกล้าตาย  แต่ถังโฉ่วรู้สึกโกรธ ในใจของเขารู้สึกโกรธตัวเอง
ถังโฉ่วไม่รู้ว่าก่อนนี้เคยมีขุนพลวิญญาณนามว่าฟงโฉ่วซึ่งมักมีอารมณ์ร่วมกับการต่อสู้อยู่เสมอ
อีกทั้งถังโฉ่วก็ไม่รู้ว่าอารมณ์หลงใหลการต่อสู้เช่นนั้นและความผิดหวังในชัยชนะของเขาก็เหมือนกับฟงโฉ่ว  แม้แต่ลักษณะการถือดีก็เหมือนกับเขา
เขาคำนับทันที
 “โดยหลักแล้วข้าต้องเป็นคนรับผิดชอบในความพ่ายแพ้ครั้งนี้  ข้าเกี่ยวข้องโดยตรงกับการออกแบบกลยุทธนี้  แน่นอนว่าข้าต้องขอโทษอย่างเป็นทางการ  ข้าขอโทษด้วย”
ทุกคนมองดูเขาและตกตะลึง
หน้าของม่อจื่อหวีแดง  เขารู้สึกว่าเลือดสูบฉีดขึ้นไปไหลเวียนอยู่บนศีรษะเขาโดยตรง  ความรู้สึกอัปยศที่รุนแรงท่วมท้นจากก้นบึ้งหัวใจของเขาและเขาต้องการจะหาที่หลบซ่อน  หน้าของม่ออู๋เว่ยมีสีสันชัดเจนแต่ไม่แสดงอารมณ์อะไร แต่เขากำหมัดแน่น แน่นมากจนตัวสั่นแสดงให้เห็นว่าภายในจิตใจของเขาไม่สงบเลย
ถังโฉ่วเงยหน้าจ้องมองทุกคนและกล่าวเสียงเคร่งเครียด  “ข้าจะออกแบบกลยุทธใหม่ และจะทำการปรับปรุงกลยุทธที่สำคัญครั้งนี้ และหวังว่าทุกคนจะร่วมมือกระทำด้วยกัน”
ม่อจื่อหวีและม่ออู๋เว่ยยืนตัวตรง ตะเบ็งเสียงพร้อมกัน  “ขอรับ!
บุรุษทั้งสองร้อยคนร่วมประสานเสียง “ขอรับ!
หยาหยารู้สึกกดดัน มันขมวดคิ้วขยับเล่นนิ้วไปมา เจ้านายจะรู้สึกยังไงกับปัญหานี้? เขาจะปล่อยผ่านไป หรือว่าเขา...
ปิงเข้ามาหา “หยาหยา เจ้ากลัวว่าเจ้านายจะตามเรียกเจ้ามาต่อว่าใช่ไหม?”
หยาหยาเงยหน้ามอง  ตาของมันเป็นประกายและพยักหน้ารัวๆ
 “ความจริงข้ามีวิธีแก้ปัญหาให้นะ”  ปิงพยายามหลอกล่อหยาหยา  “เจ้าก็เห็น ถ้าเจ้าไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้านาย  เขาเป็นพวกสมาธิสั้น จะมาจดจำเรื่องอย่างนั้นได้ยังไง?”
หยาหยามีนัยน์ตาเป็นประกาย
 “แน่นอนว่า การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ กลับไปทำงานขุดต่อ และทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
หยาหยาสะดุ้ง และรีบวิ่งออกไปอย่างมีความสุข
ปิงพอใจกับวิธีที่เขาใช้หลอกล่อแรงงานเด็ก มีการตัดงบประมาณอย่างมาก ไม่มีอะไรดีกว่าแรงงานฟรีๆ อย่างหยาหยา
ในพื้นที่ฝึกฝน
ปัง ปัง ปัง!
 “เอาอีก!” ถังเทียนโยนดาบให้ชี่กวง
ชี่กวงคือยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญดาบใบเลื่อยมีแววโกรธอยู่บนใบหน้า  “ก็ข้ายอมแพ้ไปแล้ว เจ้าจะเอาอะไรอีก?  ข้ายอมตายดีกว่ายอมถูกหยามหยัน! นักสู้ระดับทองมีศักดิ์ศรีกันทั้งนั้น!”
 “รู้แล้ว รู้แล้ว!”  ถังเทียนพยักหน้า และพูดต่อ “งั้นขออีกสิบครั้ง สิบครั้งแล้วเป็นอันว่าเลิกกัน”
 “สิบครั้งจริงๆ นะ?”  ชี่กวงมองดูถังเทียนอย่างเหลือเชื่อแต่ก็รีบปั้นหน้าเคร่งเครียด “ลูกผู้ชายต้องรักษาคำพูดนะ”
 “เออน่ะ เออน่ะ!” ถังเทียนพยักหน้ารัว
 “เจอดาบข้าซะก่อน!
ปัง!
 “เอาอีก”
……

 “ครบสิบครั้งแล้ว!”
 “เจ้าต้องนับผิดแน่ๆ เลย เห็นได้ชัดว่าแค่สามครั้งเอง!”
 “สาม?.... เจ้า เจ้า เจ้า.... เจ้าขี้โกง!”
 “โฮ่ย...ฝีมือนับเลขเจ้าห่วยยิ่งกว่าข้าเสียอีก!  สิบลบสาม ก็เหลืออีกเก้า!”
 “จะบ้าเรอะ!  เหลือเจ็ดสิเฮ้ย!”
 “ก็ได้ๆ!  เจ็ดก็เจ็ด!”
“…..”

ถังเทียนพอใจกับการทำให้ชี่กวงเหน็ดเหนื่อยจนเขาแทบจะพังทลาย  การต่อสู้จากวันอื่นๆทำให้เขาได้แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ ถ้าได้ซ้อมมือกับนักสู้ระดับทองก็คงเป็นเรื่องดี
หลังจากชี่กวงยอมแพ้  ถังเทียนไม่ได้ฆ่าเขา แต่ไว้ชีวิตเขาเพื่อใช้ฝึกวิชามือปีศาจพันแปลง
ชี่กวงไม่ได้ขัดขืนตั้งแต่แรก เนื่องจากเป็นเชลยศึก เขาจึงให้ความร่วมมืออย่างดี  แต่ใครจะคิดกันเล่าว่าถังเทียนมีพลังไม่รู้จักหมดสิ้นและไม่รู้ว่าความเหน็ดเหนื่อยคืออะไร
ในไม่ช้าชี่กวงก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป  เขาเหนื่อยสายตัวแทบขาดในแต่ละวัน
ถังเทียนก้าวหน้าอย่างมากมาย นี่ทำให้เขามีความสุขมากเช่นกัน  เนื่องจากเขาไม่ได้ก้าวหน้าเร็วๆ อย่างนี้มานานแล้ว  แต่เขารู้สึกว่า ยังขาดอะไรบางอย่าง...
เขาไม่พอใจแค่ชี่กวงเพียงคนเดียวเท่านั้น
จริงสิ เซรีนอาจมีเชลยศึกอีกคน..
ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย
ตวนมู่ถูกแก้มัด  ดูเหมือนเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่น่าสงสัยทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลัง
ถังเทียนมัวแต่สนุกอยู่ทางด้านนี้  เขาไม่รู้ว่ายังมีกลุ่มคนที่รอเขาอยู่ที่เมืองเทพสตรี  พวกเขาเป็นเหมือนแมวที่เหยียบหลังคาร้อนๆ
เยี่ยนถูพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ  “เจ้าถังเทียนมันหายหัวไปไหน?”
อูเซี่ยรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง  “ช่วงนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ความสงสัยแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเยี่ยนถู “เป็นไปได้ยังไงที่เขาหายไปได้ทั้งที่เราจับตาดูอย่างนี้?  และนี่ก็หลายวันแล้ว”
 “ข้าน้อยว่า...” อูเซี่ยไม่แน่ใจว่าจะตอบยังไงดี
 “เขาไปไหน? เขาไปทำอะไร?”  เยี่ยนถูพูดเย็นชา  “เราไม่รู้เลย! เฮ้อ.. ข้าคิดว่าเราตรวจสอบไปทั่วคฤหาสน์แล้วและไม่มีใครเห็นอะไร  ดังนั้นเขาคงเหาะไปกระมัง?  ถ้าเราจับถังเทียนไม่ได้  อย่างนั้นแผนของเราก็เป็นแค่เรื่องตลก  ข้าอยู่ที่นี่เพื่อเป็นตัวตลกงั้นหรือ?”
มีแววโกรธแฝงอยู่ในคำพูดของเยี่ยนถู
ทันใดนั้น คนที่จับตาดูโพล่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น
 “ถัง... ถังเทียนกลับมาแล้ว”

8 ความคิดเห็น:

ThEPaRaN กล่าวว่า...

จับนักสู้ระดับทองมาฝึกให้หมดเลย
เชลยทั้งสองต้องเข้าแกงค์พี่ถังแน่นอนนน

windwolf กล่าวว่า...

พี่ถัง ตกเลข

Sunrise กล่าวว่า...

โห่ววพี่ถัง หาคู่ซ้อมได้ง่ายๆงี้เลยกะได้เหรอ

JaOurPaLa กล่าวว่า...

หยาหยากู 5555

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

10-3 เหลือ 9 ผมนี่ลงไปดิ้นลย 55555

Neoplasm24 กล่าวว่า...

ระหว่างพี่ถัง กะลุงปิง ใครชั่วมากกว่ากันวะนี่ สงสารหยาหยาว่ะ

Lucky กล่าวว่า...

ลุงปิงหลอกเด็กตลอด ส่วนเจ้าถังทั้งวันจะได้ครบสิบท่าใหมนั่น

แสดงความคิดเห็น