ตอนที่ 416
ความคิดคำนึงของหญิงสาว
ป้อมหมาป่าสร้างเสร็จแล้วในตอนนี้
ป้อมจะถูกใช้เพื่อป้องกันทางน้ำจี้ชิวและป้องกันเมืองอันโดรเมดา
ไม่ใช่ครั้งแรกที่แอนเดรียนามาที่นี่ แต่สถานที่นี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างทุกครั้งที่นางมาเยี่ยม
อากาศกลายเป็นเยือกเย็น และในท่ามกลางหมอกปกคลุม
ป้อมบรอนซ์สูงตระหง่านให้ความรู้สึกที่ดุดัน
นางจ้องมองดูสิ่งก่อสร้างที่สูงตระหง่านขณะที่ความมั่นใจเพิ่มพูนขึ้น ถังเทียนทำได้ดีครั้งแล้วครั้งเล่าและมากกว่าที่นางคาดหวังเสียอีก ความคืบหน้าของป้อมหมาป่าเป็นไปอย่างรวดเร็ว
วัสดุบรอนซ์บริสุทธิ์และงานฝีมือที่พิถีพิถันทำให้สิ่งก่อสร้างมองดูสง่างาม
แต่เห็นได้ชัดว่ามีกองทัพนักสู้จักรกลที่คอยหนุนหลังถังเทียนอยู่ในเงามืด
ช่วงระหว่างนี้มีพ่อค้าหลายกลุ่มจากกลุ่มดาวอันโดรเมดาเข้าไปในกลุ่มดาวหมาป่าเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างกันมากขึ้น
ถังเทียนหันมาทางถังอี้ “เมื่อป้อมหมาป่าสร้างสำเร็จแล้ว
เราจะออกเดินทาง ทุกอย่างที่นี่
เจ้าจะต้องรับผิดชอบ”
“ขอรับ!” ถังอี้รับปากโดยไม่ลังเล
“ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร แค่บอกให้อาเฮ่อทราบ” ถังเทียนพูดต่อ
ถังอี้ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรเลย”
เป็นความจริงที่เขาไม่ต้องการอะไรเลย
คนของเขาก็ถือว่าเป็นชุดแรกที่ได้สวมชุดรบอันโดรเมดา
ราคาของห้องพลังงานก็ได้รับการสนับสนุนโดยถังเทียน
แม้แต่ทุนในการสร้างฐานทัพหมาป่าก็เป็นถังเทียน คนที่ถังอี้ขอก็ล้วนตามพอใจของถังเทียน
ใช้ชุดรบของกลุ่มดาวอันโดรเมดาเป็นตัวอย่าง
นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพหมาป่าได้สวมเกราะรบเช่นนั้น
เนื่องจากมีอสูรพลังงานเป็นจำนวนมาก
แอนเดรียนาจึงเริ่มงานวิจัยอุปกรณ์รบอย่างอื่นเช่นรองเท้าอันโดรเมดาด้วยหวังว่าจะสร้างขึ้นมาให้เข้ากันกับชุดรบอันโดรเมดา ใครๆ
ก็สามารถจินตนาการถึงพลังรบมากมายที่กองทัพหมาป่าครอบครองเมื่อพวกเขาใช้อุปกรณ์รบเข้ากับชุดรบ
มีเพียงบุคลากรหลักภายในกองทัพจะสามารถใช้ประโยชน์ได้จากอุปกรณ์นี้
ถังอี้ไม่ได้รู้สึกผิดหวังเลยสักนิดเมื่อปิงไม่ได้มีความคาดหวังใดๆ
กับกองทัพหมาป่า
เพราะว่ากันในแง่มูลค่าและความแข็งแกร่งของกองทัพหมาป่า ก็เป็นแค่หน่วยหน้ากล้าตายสำหรับกองทัพหลักเท่านั้น
ถังอี้ไม่ได้ใช้ความพยายามมากและเวลาฝึกฝนกองทัพนี้
เขาคงไม่ใส่ใจมากเท่าที่เตรียมฝึกกันอยู่ในตอนนี้
ถังเทียนกลับทำทั้งหมดตรงข้ามกับปิง
เขาคาดหวังกองทัพหมาป่าไว้สูงและให้การสนับสนุนการฝึกฝนอบรมทั้งหมดซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยสำหรับผู้บัญชาการผู้มีสถานะอย่างเขา
แต่นั่นคือวิธีที่ถังเทียนรับรู้เรื่องของกองทัพหมาป่า
การสนับสนุนของเขาที่มีต่อกองทัพนั้นไม่มีขีดจำกัดและแม้แต่การสนับสนุนถังอี้ที่เป็นผู้นำกองกำลังหน่วยหน้ากล้าตาย
นั่นคือเหตุผลที่ถังอี้และทั่วทั้งกองทัพหมาป่ายินดีเสี่ยงชีวิตเพื่อถังเทียน
พวกเขายินดีจะถูกเรียกเป็นกระสุนมนุษย์หรือหน่วยหน้ากล้าตาย ตราบเท่าที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของถังเทียน
ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะยังอ่อนแอและไร้กำลังต่อไปในฐานะที่เป็นทหารภายใต้บัญชาของถังเทียน
ถังอี้ยังสงวนท่าทีและเก็บอารมณ์ไว้ได้ไม่ลังเล เขาจะติดตามอยู่ข้างถังเทียนเท่าที่ทำได้
“พวกเจ้าจะไปกันจริงๆ หรือ?” แอนเดรียนาอดไม่ได้ที่จะถามอย่างห่วงใย
ถังเทียนและสหายมีพลังที่น่ากลัวยากจะหยุดมิให้ก้าวหน้าได้ ถ้าพวกเขาต้องการไป พวกเขาก็จะไป
แม้ว่าเมืองจะเสี่ยงถูกโจมตีก็ตาม
“ใช่แล้ว, เราจะเดินทางไปตามหาเชียนฮุ่ยต่อ!”
ถังเทียนเหม่อมองขอบฟ้าไกลขณะที่เขาขมวดคิ้ว “ข้าสงสัยจริงๆ เชียนฮุ่ยเป็นยังไงบ้าง?”
“เจ้ากำลังหมายถึงซ่างกวนเชียนฮุ่ยจากกลุ่มดาวเพอร์ซูสหรือเปล่า?” แอนเดรียนาถามด้วยความสงสัย ความสัมพันธ์ระหว่างถังเทียนกับเชียนฮุ่ยไม่ใช่ความลับ เนื่องจากถังเทียนมีชื่อเสียงมากขึ้น
ผู้คนก็ย่อมสนใจอดีตของเขา
สถาบันคาราเมลปัจจุบันนี้เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในดาวอู่อัน
เนื่องจากพัฒนานักสู้ที่แข็งแกร่งมานับไม่ถ้วน
แม้แต่นักสู้รุ่นเยาว์จากกลุ่มดาวอื่นก็ยังหาทางมาจนถึงสถาบันคาราเมล
ตาเฒ่าเว่ยเป็นผู้อำนวยการได้สลักชื่อสถาบันเอาไว้ว่า “สถาบันชาวฟ้า”
และแขวนป้ายไว้หน้าทางเข้าสถาบัน
“นี่, เจ้าก็รู้เรื่องนั้นด้วยเหรอ?” ถังเทียนถาม
“ข้าเคยบอกเจ้ามาก่อนหรือเปล่า?
ข้าจำเรื่องนั้นไม่ได้เลยนะ”
“เจ้าไม่เคยบอกข้ามาก่อน ข้าอ่านดูข่าวจากสำนักข่าวยุทธอมตะ” แอนเดรียนาอธิบาย “มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่สำนักข่าวยุทธอมตะทำสกู๊ปข่าวรายงานเรื่องราวรายละเอียดของเจ้า”
“ว้าว! เขาพูดถึงว่าไงบ้าง?”
ถังเทียนสงสัย นัยน์เบิกกว้าง
แอนเดรียนาสะดุ้งตกใจกับความสงสัยของถังเทียน “พวกเขารายงานชัยชนะในการต่อสู้ของเจ้า พอๆ
กับอดีตของเจ้า”
ถังเทียนผิดหวังเล็กน้อย “ข้าสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ส่งคนมาสัมภาษณ์ข้า ข้ามีผลการต่อสู้อื่นๆ เป็นกระบุงโกยดีๆ
ทั้งนั้น พวกจากสำนักข่าวยุทธอมตะไม่ให้เกียรติข้าเลย น่าจะมาถามข้าโดยตรง”
แอนเดรียนาไม่รู้จะพูดอะไร เจ้าเด็กนี่ไม่มีพฤติกรรมของยอดฝีมือเลย?
“และนอกจากนี้
ยังมีข่าวของซ่างกวนเชียนฮุ่ยด้วย”
“เชียนฮุ่ย!” ตาของถังเทียนสว่างวูบและถาม
“พวกเขาพูดว่าไงบ้าง?”
แอนเดรียนาผงะอีกครั้งเพราะอารมณ์ของถังเทียน ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนี่ที่มีคนสนใจใคร่รู้เรื่องความปลอดภัยของคนอื่น? นอกจากท่านพ่อที่ข้าเชื่อใจ
ทันใดนั้นใจของนางมีร่างที่เย็นชาและลึกลับผุดขึ้นมา
เขายังหัวเราะอยู่ได้ แม้ว่าทุกคนในโลกจะตายหมด เขาก็คงไม่ยอมขยับ
“พวกเขากล่าวว่าซ่างกวนเชียนฮุ่ยถูกโดดเดี่ยวโดยพลังที่กล้าแข็ง
พวกเขาไม่สามารถระบุรายละเอียดว่าแหล่งพลังงานนั้นมาจากไหน แต่พลังดวงดาวของกลุ่มดาวเพอร์ซูสฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็วในอัตราที่คาดไม่ถึง
แม้ว่าสมบัติของกลุ่มดาวก็มีพลังแข็งกล้าขึ้น
มีความเป็นไปได้สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้และทำให้กลุ่มดาวเพอร์ซูสฟื้นฟูพลังที่แข็งแกร่งเต็มที่และเชียนฮุ่ยของเจ้าก็แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปด้วย”
เชียนฮุ่ย...
ถังเทียนจ้องมองอวกาศอย่างว่างเปล่า
*****
ท้องฟ้าเป็นสีเทาขณะที่ท้องทุ่งแผ่ขยายออกไปไม่สิ้นสุดจนสุดระยะขอบฟ้า
ด้านบนแง่งผาที่ยื่นออกไป
เด็กสาวสวมชุดทหารสีเขียวและถุงมือสีขาวยืนอยู่ในระยะไกล
ข้างหลังซ่างกวนเชียนฮุ่ยยังมีเด็กสาวอีกคนหนึ่งสวมชุดเครื่องแบบที่คล้ายกัน
นางดูสงบและไม่อนาทรร้อนใจอะไร ผมสีแดงซอยสั้นดูสะดุดตาสำหรับผู้อื่น
ขณะที่ผมของนางปลิวไสวสัมผัสกับหน้าที่ค่อนข้างซีดของนาง
“ท่านแม่ทัพ,
ท่านกำลังคิดถึงถังเทียนหรือ?” หญิงสาวผมแดงถาม “ในท่ามกลางการต่อสู้ที่สำคัญ
ท่านผู้บัญชาการ
ท่านยังหมกมุ่นคิดถึงคู่ของท่านอีกหรือ มันเป็นเรื่องลำบากใจ ท่านก็รู้ว่าสมาธิของท่านไม่ได้จดจ่ออยู่ที่นี่”
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยมองไปอีกทางหนึ่ง
เนื่องจากนางพยายามกลบซ่อนอารมณ์
“ข้ามักคิดถึงเรื่องของพี่ถังเทียน และเราก็ผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน
มันเจ็บปวดที่ได้ยินเช่นนั้นนะ เสี่ยวหลาน
เจ้าไม่เชื่อใจข้าเลย”
เสี่ยวหลานตอบ “ท่านแม่ทัพ ท่านถูกแฉหน่อยไม่ได้หรือไง? ยังไงท่านก็ยังเป็นสตรี
ท่านต้องสงวนท่าทีไว้บ้าง”
“มีแต่คนรักที่สามารถพบกันและกันได้ต่อเนื่องจึงจะทำได้น่ะสิ” ซ่างกวนเชียนฮุ่ยถอนหายใจเบาๆ
จากนั้นนางลุกขึ้นยืนและจัดชุดรบของนาง
“ได้พูดเรื่องของเขาทำให้ข้ามีกำลังใจและแรงบันดาลใจสู้ได้ต่อเนื่องอย่างสุดฝีมือของข้า”
เสี่ยวหลานพูดไม่ออก
หลังจากจัดชุดรบแล้ว
เชียนฮุ่ยกลับคืนสู่บุคลิกสงบอีกครั้ง ขณะที่สายตาของนางกระจ่างใส
แม้ว่านางจะดูละเอียดอ่อน
แต่นางก็แสดงความมุ่งมั่นที่แน่วแน่
ความหลงใหลของเสี่ยวหลานเผาผลาญอยู่ในใจนาง เชียนฮุ่ยที่อยู่ต่อหน้านางตอนนี้คือแม่ทัพที่นางรู้จักและเคารพ
นางคือเทพศึกที่เสี่ยวหลานรู้จากการต่อสู้นับไม่ถ้วน พวกนางต่อสู้ร่วมกันอาบเลือดเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
“เจ้าพบข้อมูลอะไรเกี่ยวกับศัตรูของเราไหม?” เชียนฮุ่ยคว้าถุงมือมาถือไว้แน่น
“ใช่ ข้าได้มาแล้ว” เสี่ยวหลานตอบ
“มันเป็นอดีตส่วนหนึ่งของกองทัพกลุ่มดาวแมงป่อง หลังจากพวกเขาตาย พวกเขากลายเป็นขุนพลวิญญาณและอยู่ด้วยกันมาตลอด
ผู้มีอำนาจส่วนใหญ่ของพวกเขาทั้งหมดก็คือแม่ทัพคนหนึ่งของกองทหารดาวแมงป่องในอดีต เขาจะปรากฏตัวสร้างปัญหาให้เราอยู่บ้าง"
เชียนฮุ่ยพยักหน้า “งั้นต้องลองดู”
เมื่อนางเข้ามาในกลุ่มดาวกางเขนใต้
นางคาดไม่ถึงเลยว่าได้เข้ามาถึงพื้นที่สู้รบในประวัติศาสตร์
ทุกฝ่ายมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
สงครามทำให้เกิดผู้เสียชีวิตนับไม่ถ้วน
นำไปสู่การก่อเกิดขุนพลวิญญาณผู้ยังวนเวียนอยู่ในสมรภูมิ
นางอาศัยพลังของนางเองเอาชนะขุนพลวิญญาณและก่อตั้งกองทัพเพื่อแสวงหาทางออกจากสถานที่นั้น
เชียนฮุ่ยติดตามเส้นทางอย่างใกล้ชิด ด้านล่างของเนินเขา นางสามารถมองเห็นกลุ่มขุนพลวิญญาณผู้ยืนอย่างเคร่งขรึม
นางจ้องมองลงไปที่กลุ่มขุนพลวิญญาณนั้นแต่ใจของนางไม่ได้อยู่ในสนามรบเลย
ความทรงจำของเจ้าคือดาบที่แข็งแกร่งและคมกล้าที่สุดที่ข้าสามารถรวบรวมได้
นางยังคงเดินลงไปตามทางขณะที่ลมพัดรุนแรงขึ้น
เชียนฮุ่ยเดินไปหาม้าภูตอสูรและขึ้นขี่ ผมสีดำของนางปลิวไสวอยู่ในสายลม
“ไปกันเถอะ!”
*****
คฤหาสน์ในเมืองอันโดรเมดา
“ตั้งแต่เจ้าเด็กบ้านี่ปรากฏตัว
ก็ต้องเพิ่มจำนวนยามรักษาการณ์ขึ้นเป็นสองเท่า”
อาเฮ่อบ่น
“ดูเหมือนเจ้าบ้านี่ยังคงดึงดูดผู้คนเข้ามาอีก”
หลิงซิ่วรู้สึกรำคาญกับคำบ่นเล็กน้อย “ข้าบอกเจ้าไว้ก่อนแล้ว ให้เราลงมือกับพวกเขา จากนั้นเรื่องคงจบไปแล้ว”
พลังต่อสู้ของเขาเพิ่งเพิ่มขึ้นเร็วๆ
นี้
ดังนั้นเขาจึงโหยหาประสบการณ์การต่อสู้
เขาเห็นยามยั้วเยี้ยน่ารำคาญเหมือนแมลงวัน
มีเพียงเหตุผลเดียวที่เขาต่อต้านไม่โจมตีพวกเขาก็เนื่องจากความพยายามของอาเฮ่อ
“จะดีที่สุดก็คือต้องทำความเข้าใจเจตนาของพวกเขาก่อน” อาเฮ่อตอบ
“นี่มันยุ่งยากเกินไป!”
หลิงซิ่วตอบอย่างรำคาญขณะที่เขากลับเข้าไปในห้องฝึกฝนต่อ
ทันทีที่เขาไปถึงห้อง
หลิงซิ่วก็หน้าซีดมากขึ้น เขาถอดผ้าพันแผลที่พันตัวของเขา ร่างของเขาเป็นสีเงินล้วน
ร่างของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีเงินอย่างสิ้นเชิง
ทันใดนั้นเขาหันปลายแหลมของหอกเข้าหาตัวและกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขา ติง! ไม่มีร่องรอยบาดแผลบนร่างของเขาจากแรงแทงนั้น
เขาเปลี่ยนไปเป็นสัตว์ประหลาดแล้ว!
แต่หลิงซิ่วกลับหัวเราะแทน
ความเจ็บปวดที่เขาได้รับมากขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ความเจ็บปวดของการเปลี่ยนเป็นเงิน
เขาต้องอดทนความรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าแต่ก่อนถึงร้อยเท่า
ขณะเดียวกัน
วิชาหอกของเขาก็มีพลังเพิ่มพูนแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
เป้าหมายสูงส่งเหล่านั้นที่มองเห็นว่าไกลไม่สามารถไปถึงได้ เป้าหมายเหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้เขาฟันฝ่าความเจ็บปวดของเขา
แต่
อาจารย์คงไม่คิดว่าเขาจะมาได้ถึงระดับนี้
หลิงซิ่วคิดถึงและโหยหาอาจารย์ของเขามายาวนาน อาจารย์ของเขารู้ว่าจะเชี่ยวชาญวิชาหอกทะเลจุด
ไม่สิ นี่เรียกว่าหอกดาราดาวแกะ ก็จำเป็นต้องยอมเสียสละเช่นนั้น
แต่อาจารย์,
เสี่ยวซิ่วไม่กลัวเจ็บ เสี่ยวซิ่วกลัวแต่เพียงว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้แม้ว่าจะทุ่มเทความพยายามไปทั้งหมด
หลิงซิ่วพันผ้าคลุมตนเองทั้งหมด
มันไม่มีประโยชน์ต่อการบรรเทาอาการเจ็บปวดอีกต่อไป แต่หลิงซิ่วใช้ผ้าพันตัวจนเคยชินขณะที่เขาพันรอบตัวจนแน่น
เขาสวมชุดยาวขาวลายทองและคว้าหอกเงินมาถือไว้ข้างตัว
ตาของหลิงซิ่วมีสีเย็นชา
โดยไม่มีการเตือนใดๆ
หอกของเขาแทงทะลุผนังด้วยการสะบัดข้อมือเล็กน้อย
เสียงครางได้ยินออกมาจากนอกผนังอาคาร
9 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ สนุกๆๆครับ
ขอบคุณครับ สนุกๆๆครับ
ขอบคุณครับ สนุกมาก รออ่านต่อ
แทงไปโดนใครรึเปล่า
ศพแรกผ่านไป
หลิ่วซิว ไอ้เหล็ก
ขอบคุณครับ
นางเอกมีบทแค่นี้55 ร้อยกว่าตอนโผล่มาที5555
แสดงความคิดเห็น