ตอนที่ 581
มือกระบี่ คลื่นกระบี่ล่องหนและหนุ่มสวย
ไม่ว่าจะเป็นความบ้าระห่ำของหลิงซิ่ว
หรือไม่ว่าจะเป็นการร่ายรำที่หยั่งคาดไม่ถึงของอาเฮ่อก็ยังไม่ทำให้ซุนเจี๋ยตกใจมากเท่ากับเห็นจิ่งหาวคนเดียว
จิ่งหาวดูธรรมดาที่สุด
แต่ขณะนั้นเองจิ่งหาวกลับดึงดูดความสนใจของทุกคนโดยไม่รู้ตัว
เสื้อผ้าของเขาก็เรียบง่าย เขาลอยตัวอยู่เงียบๆ ในอากาศ
กระบี่ดำกวัดแกว่งในท่วงท่าง่ายๆ
ทุกความเคลื่อนไหวปกติธรรมดามากไม่มีรังสีฆ่าฟันเลยแต่น้อย
อย่างไรก็ตามสีหน้าของซุนเจี๋ยเปลี่ยนไป
มือกระบี่คนหนึ่ง!
เขาคือมือกระบี่ที่แท้จริง!
มือกระบี่เป็นอาชีพโบราณ
เก่าแก่จนไม่ได้มีการสืบต่อทำตามคนรุ่นก่อน
พวกเขาไม่สนใจเรื่องชัยชนะ และสนใจแต่เพียงกระบี่ในมือของพวกเขา
ความเข้าใจที่พวกเขามีต่อกระบี่หรือสภาวะที่พวกเขาได้รับในกระบี่ของพวกเขา พวกเขากินลมดื่มน้ำค้างเดียวดายมาตลอดชีวิต
ไล่ตามจิตนาการที่สมบูรณ์แบบและสูญหายไปในห้วงเวลา
นี่คือกองทัพรุ่นก่อน
รุ่นที่กองทัพมีอำนาจปกครอง
จะมีขีดจำกัดเสมอในเรื่องความแข็งแรงของแต่ละบุคคลและเฉพาะกลุ่มคนมีปัญญาเท่านั้นจึงจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ พวกเขาเข้าไม่ได้กับคนรุ่นปัจจุบัน
หลีกหนีกลิ่นที่ผิดธรรมชาติ
และดิ้นรนเพื่อยึดมั่นในอดีตที่ผ่านมาไม่ยินยอมจะปล่อยให้มันหลุดมือไป
อย่างไรก็ตามซุนเจี๋ยเคยพบมือกระบี่ที่แท้จริงมาก่อน และเข้าใจว่าพวกเขาอันตรายเพียงไหน บางทีใช้คน 200
คนก็สามารถฆ่าพวกเขาได้ง่าย
แต่ถ้าเขาไม่ทำการเตรียมการป้องกัน
อย่างนั้นมือกระบี่ก็เหมือนเหล็กสว่านที่แข็งแกร่งเจาะแนวต้านรับของเจ้าได้
และปลายกระบี่จะจ่อมาถึงคอหอยท่านได้
และบุรุษที่อยู่ต่อหน้าเขากำลังปลดปล่อยพลังของมือกระบี่
ขณะนั้นเขาชักกระบี่ออกจากฝัก
เป็นความงดงามมิอาจกล่าวออกมาได้
เห็นได้ชัดแต่ไม่เจิดจ้า แต่ในสายตาของซุนเจี๋ย แสงกระบี่ตรงสายเดียวผ่าลงเพียงครั้งเดียว
พวกเขาแยกออกเป็นสอง
ทั่วทั้งกองทหารถูกกระบี่ตัดเป็นสองส่วน
ความเงียบจนหูอื้อ
หลังจากนั้นสองวินาที
บาดแผลถูกฟันที่ละเอียดอ่อนปรากฏระหว่างคิ้วของทหารสิบคนในกลางกองร้อยซึ่งค่อยๆ
ลามขยายไปตามความยาวร่างของพวกเขา
ทหารสิบคนสูญเสียการควบคุมร่างกายร่วงลงจากท้องฟ้า
กระบี่ดื่มเลือดเซียนในมือของเขาดูเป็นสีแดงเข้มงดงาม
เหมือนกับเหล็กแดงร้อนที่ทำให้ฝ่ามือของจิ่งหาวถูกเผาไหมได้
แต่จิ่งหาวยังคงเฉยเมยเหมือนกับว่าไม่รู้สึกอะไร
ไม่ว่าเจ้าจะโหดร้ายหรือไร้ความปราณียังไง เจ้าก็ยังเป็นกระบี่ในมือของข้า
ข้าศรัทธาต่อกระบี่
ใจของข้ามุ่งมั่นต่อความบริสุทธิ์บนตัวกระบี่ แต่ข้าจะไม่ยอมสูญเสียกระบี่ไป
สิ่งที่ข้าแสวงหาไม่ใช่ความแข็งแกร่ง
แต่เป็นกระบี่ในใจข้า
จิ่งหาวดูเหมือนไม่สนใจอะไร
และอีกครั้งที่เขาเงื้อกระบี่ดื่มเลือดเซียนในมือของเขา
เมื่อทหารตายไปสิบคน
นายกองตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
และเมื่อจิ่งหาวที่อยู่เหนือพวกเขาแสดงเจตจำนงที่เย็นชาอำมหิตอีกครั้ง เขาตวาดทันที “แนวคุ้มกันนางแอ่น!”
คนที่เหลืออีก
40 คน
เปล่งแสงผสานกันเป็นหนึ่งปลดปล่อยแสงเกินร้อยสายเป็นรูปนางแอ่นและผสานเป็นร่างเดียวกัน
นางแอ่นแสงสองสามร้อยตัวบินออกมาจากกลุ่มทหารบินวนกองร้อยและป้องกันไม่ให้แม้แต่ลมผ่านเข้าไป
ซุนเจี๋ยที่สีหน้าซีดก็ผ่อนคลายได้ในที่สุด ปฏิกิริยาของหัวหน้าหมวดกองร้อยไม่ชักช้าซึ่งหมายความว่าสภาพจิตใจไม่สับสน แนวป้องกันนางแอ่นเป็นกลยุทธป้องกันพิเศษของพวกเขา
และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบก็ยังช่วยให้มีโอกาสพักหายใจได้มากขึ้น เมื่อดูให้ชัด เมื่อมองดูอย่างใกล้ชิด
ทุกคนก็จะรู้ได้ว่าร่างนางแอ่นแสงแต่ละตัวจะมีโล่แสงใส
นางแอ่นแสงนับร้อยบินอยู่รอบๆ
สร้างม่านพลังป้องกันแน่นหนา แนวป้องกันนางแอ่นแตกต่างจากม่านพลังธรรมดา
ม่านพลังธรรมดาจะมีความมั่นคง
แต่นางแอ่นแสงเหล่านี้ยังคงมีชีวิตอยู่และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและมีความสามารถในการป้องกันได้โดยอัตโนมัติ
พวกมันจะเลือกรวมตัวกันในพื้นที่อันตรายที่สุดเพื่อป้องกันขัดขวางพลังโจมตีที่จะมาถึง
การใช้งานที่ชาญฉลาดและเต็มไปด้วยความยืดหยุ่นเป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของแนวป้องกันนางแอ่น
แต่น่าเสียดาย
ที่มันช้าไปหนึ่งก้าว
แนวป้องกันนางแอ่นของกองร้อยเต็มที่ยากจะทำลายผ่านไปได้ แต่ตอนนี้พวกเขาคนหายไป 10 คน มีผลให้ศักยภาพของแนวป้องกันนางแอ่นลดลงไปอย่างน้อย
25%
ซุนเจี๋ยคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่มีความกังวลมากนัก แม้ว่าพลังของแนวป้องกันนางแอ่นจะเหลือเพียง 75%
ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนเพียงคนเดียวจะบดขยี้ให้สลายไปโดยอาศัยพลังของเขาเองได้
แสงกระบี่ตรงปรากฏในท้องฟ้าอีกครั้ง ไม่มีการกระพริบเลยแม้แต่น้อย
และยังคงอยู่ในท้องฟ้าเหมือนกับรอยแก้วแตก
มือกระบี่ทุกคนมีวิถีที่แปลก
กฎธรรมชาติขั้นตอนของกระบี่
แม้ว่ากระบี่ของเขาจะถือได้ว่าไม่แข็งแกร่งนัก แต่ก็ยังมีกฎธรรมชาติของกระบี่แฝงอยู่ตามที่มือกระบี่คาดไว้
ซุนเจี๋ยลอบชื่นชมในใจ
ความจริงเขามองไปข้างหน้าเล็กน้อยหวังจะเห็นผลว่ากระบี่ฟันเข้าไปในแนวป้องกันนางแอ่นได้ ตอนแรกเขาคิดว่าปฏิบัติการในทวีปซางโจวคงจะน่าเบื่อมาก
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนแข็งแกร่งอยู่สองสามคน
เขาไตร่ตรองถึงพื้นหลังของบุคคลพวกนี้แล้ว
และถ้าเขาสามารถซื้อตัวพวกเขาเอาไปไว้ในค่ายแนวหน้าของเขาได้
แม้ว่าซุนเจี๋ยจะพูดสนับสนุนให้ควบคุมตัวทั้งหมด
แต่ว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะมองข้ามในการใช้แนวหน้า
ไม่ว่าจะเป็นการแยกส่วนหรือพัวพันกับการรบที่วุ่นวายสับสนเหมือนสุนัข หรือความถี่ในการพลางตัวลอบโจมตี
มันคือสิ่งที่ผู้ลี้ภัยบางส่วนทำกันได้ดี
ตัวอย่างเช่นมือกระบี่เปรียบเหมือนหัวลูกศร บวกกับสองคนในหน่วยข้างตัวเขาจะมีความสามารถในการทำลายมาก
อย่างไรก็ตาม มาดูกันซิว่าจะเกิดอะไรขึ้นก่อน...
เดี๋ยวก่อน...
อะไรนั่น!
ตาของซุนเจี๋ยเบิกกว้าง สีหน้าของเขาราวกับว่าเจอผีหลอก
นางแอ่นแสงที่ยังทำงานอยู่ไม่สามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา
กระบี่แสงฟันลงมาจากท้องฟ้าตรงเหมือนไม้บรรทัดตัดผ่านแนวป้องกันนางแอ่นเหมือนกับว่ากำลังหั่นเต้าหู้ กลุ่มนางแอ่นแสงถูกตัดเป็นสองส่วน ทหารเจ็ดคนหลบไม่ทันเวลา
ได้แต่เบิกตาค้างขณะที่รังสีกระบี่กวาดผ่านร่างของพวกเขา
เลือดฉีดพุ่งกระจาย
ก่อนที่ความตกใจบนใบหน้าของเขาจะจางหายไป พวกเขาก็สูญเสียพลังควบคุมร่างกายของพวกเขา
ปัง!
เพลิงพลังงานระเบิดคลุมไปทั่วกองร้อย
คิดไม่ถึงเลยว่าแนวป้องกันนางแอ่นจะไม่สามารถป้องกันกระบี่ได้
มีเพลิงลุกไหม้และระเบิดเสียงดังทุกที่ทำให้ทหารสับสน แต่ก็ต้องรีบเลิกแตกตื่น
ในสถานการณ์เช่นนั้น
พวกเขาสามารถรักษารูปกระบวนกลุ่มส่วนใหญ่ไว้ได้
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาเฮ่อและจิ่งหาวเห็นเรื่องอย่างนี้
เนื่องจากพวกเขาได้เผชิญกับกองทัพของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว
ขณะที่ซ้อมมือกับสือเซินและกลุ่ม
พวกเขาสามรถเข้าใจเรื่องกองทหารอยู่สองสามจุด และที่สำคัญก็คือรูปขบวนของพวกเขา
สือเซินบอกพวกเขาว่า
สำหรับทหารกองทัพใดๆ ก็ตาม
รูปขบวนเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการใช้กลยุทธ์ทั้งหมด พวกเขาจะไม่สามารถเดินหน้าเพื่อผสานพลังงานได้
โอกาส!
ทหารที่เพิ่งออกมาจากกลุ่มเปลวไฟ
แค่เพียงเห็นภาพร่างเลือนลางร้ายกาจผ่านเข้ามาในสายตา
อาเฮ่อปรากฎตัวทันที
ทำให้พวกทหารตื่นเต้นและได้แต่ป้องกันตัวตามสัญชาตญาณ
ทหารที่อยู่ด้านหน้าสุดแสดงท่าทีเฉื่อยชาอย่างน่าประหลาด
เขาชะงักค้างอยู่กับที่และช่วงที่เขาพยายามดิ้นให้หลุดเป็นอิสระจากสภาพนั้น เขารู้สึกว่าคอของเขาเจ็บปวดเมื่อโลหิตฉีดพุ่งผ่านเขาไป นัยน์ตาเขาเบิกตากว้างด้วยความกลัว
เลือดฉีดพุ่งเหมือนลูกธนูกลายเป็นละอองเลือดทันที
ร่างดำที่ร้ายกาจนั้นหายไปแล้ว
ร่างของเขาร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว
สติของเขาเริ่มขาดหาย ทำไมข้ามองไม่เห็นกระบี่นั้น
ปุ
ปุ ปุ
ในพริบตาเดียว
ก็มีคนร่วงลงมาอีกสองสามคน
ไม่มีข้อยกเว้นขณะที่พวกเขาถูกโจมตีในลักษณะเดียวกัน
นายทหารและทหารซึ่งเห็นทุกอย่างกับตาตนเองถึงกับหน้าซีดขาว
ทหารที่ตายทุกคนถูกแทงคอด้วยด้วยกระบี่ไร้ลักษณ์ และพวกเขาก็ระเบิดทันที
ซุนเจี๋ยไม่อาจทนได้อีกต่อไปและตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ “คลื่นกระบี่ไร้สภาพ!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
สีหน้าของซุนเจิ้งซีดขาวทันที
ซุนเจี๋ยจ้องร่างดำในท้องฟ้า
ใช้แล้ว นั่นคือคลื่นกระบี่ไร้สภาพ! ทุกครั้งที่ร่างสีดำเปลี่ยนตำแหน่ง
คลื่นพลังไร้สภาพ ไร้ลักษณ์จะปะทุออกมา
กองร้อยทั้งหมดดูเหมือนจะติดอยู่ในระลอกคลื่นพลังไร้ลักษณ์
ระบำกระบี่ที่สง่างามและแผ่วพลิ้วมีเจตนาฆ่าแฝงอยู่ด้วย ดูเหมือนกับว่าเป็นเพียงคลื่นที่บ่อนทำลายสมาธิของผู้คน พลังคลื่นที่ซ้อนกันอย่างเงียบๆ
เหมือนกับคลื่นน้ำที่เป็นระลอกไล่กันและผสานเข้าด้วยกันเป็นคลื่นกระบี่ไร้สภาพ
พลังคลื่นกระบี่แต่ละระลอกไม่แข็งแกร่งมาก และคงอยู่เพียงไม่กี่วินาที หลังจากนั้นก็จะสลายไปในระลอกคลื่นที่ไร้สภาพ
แค่ไม่กี่วินาทีก็พอแล้ว
หัวใจของซุนเจี๋ยเย็นเฉียบ
ตัวระลอกคลื่นพลังเองก็มีผลทำลายสภาพจิตใจของผู้คนและเมื่อคลื่นกระบี่ไร้สภาพสร้างออกมา
ความสามารถของมันไม่สามารถต่อต้านได้
กระบวนท่าดาบที่แผ่วพลิ้วว่องไวไม่ใช่เป็นภาพที่น่าชื่นชมต่อไป
มันมีแต่จะทำให้ผู้คนเต็มไปด้วยความกลัวและหวาดระแวง
เป็นความกลัวในหัวใจอย่างแท้จริง
เขาคือมัจจุราชชุดดำที่พอเริ่มต้นร่ายรำทันที
และทุกท่วงท่าของเขาล้วนคร่าชีวิตได้ทั้งนั้น
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดจะถึงคราวของพวกเขา
ไม่มีใครรู้ว่าคลื่นกระบี่จะปรากฏหรือจู่โจมจากที่ไหน
และเมื่อพวกเขาตระหนักรู้ พวกเขาก็ตายไปแล้ว
ไม่มีอะไรทำให้ผู้คนกลัวไปกว่าประสบการณ์เฉียดตาย
กระบี่แสงทั้งสองสายของจิ่งหาวที่เต็มไปด้วยกฎธรรมชาติของขั้นตอนกระบี่
ไม่ได้ทำให้กองร้อยแตกกลุ่ม
และการระเบิดฉับพลันก็ยังไม่ได้ทำให้พวกเขาแตกกลุ่มเช่นกัน
แต่การสังหารเงียบของอาเฮ่อทำให้กองร้อยผู้กล้าหาญพังทลาย
ในพริบตาเดียว
พวกเขาเหลือน้อยกว่า 20 คน นายกองกำลังถอดใจไม่สนใจอะไรอย่างอื่น เขาตะโกนลั่น
“ถอย! ถอยกลับไปรวมกับทัพใหญ่!”
เขารู้ว่าแม้เขารอดชีวิตกลับไป เขาจะถูกเจ้านายลงโทษ แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น
กองร้อยทั้งสองเหลือคนเพียงเล็กน้อย
หัวใจของเขาเจ็บปวด ไม่ว่าเขาจะถูกลงโทษหรือไม่ เขาไม่สนใจอีกต่อไป
ราวกับว่าพวกเขาได้รับนิรโทษกรรม
ทุกคนหลบหนีออกไปอย่างตื่นเต้น
อาเฮ่อและจิ่งหาวตระหนักพร้อมกันว่านั่นคือโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขา และทั้งสองคนเคลื่อนไหวพร้อมกัน
กระบี่ดื่มเลือดเซียนสั่นสะท้านอยู่ในมือของจิ่งหาว
ขณะที่รังสีกระบี่เจ็ดสายฉายออกมาจากกระบี่ เหมือนกับลำแสงที่ยิงออก
แสงทะลวงเข้าศีรษะของทหารเจ็ดคน
เท้าของอาเฮ่อดูเหมือนก้าวไม่เป็นจังหวะ
ขณะก้าวไปบนลำแสงทั้งเจ็ดอย่างต่อเนื่อง กระบี่ของเขาเหมือนกับมังกรแหวกว่ายผ่านไป
เกิดความสว่างแพรวพราวในท้องฟ้า ชี่ ชี่ ชี่ ทหารหกคนถูกเชือดลำคอพร้อมกันทันที
และในอีกพริบตา
พวกเขาเหลือทหารอยู่เพียงสี่คนรวมทั้งนายกองด้วย
ประหารหมู่!
เป็นการประหารหมู่เกือบหมด
ประหารหมู่อยู่ข้างเดียว ตั้งแต่เริ่มจนจบ กองร้อยนี้ไม่ได้คุกคามล่วงเกินอะไร
พวกเขาตกเป็นรองตั้งแต่แรกเริ่มจนจบ
วิธีการโจมตีของคู่ต่อสู้มีมานับไม่ถ้วนและต่อเนื่องไม่สามารถต่อต้านได้
ในช่วงเวลาสั้นๆ
กองทหารฝีมือดีทั้งหมดเหลือสมาชิกอยู่เพียงสี่คน พวกเขาถูกทำลายราบคาบ แสดงให้เห็นถึงพลังที่ห่างไกล
“แข็งแกร่งทรงพลังมาก!”
ถังเทียนจ้องมองดูอย่างตกตะลึง
ผลงานของจิ่งหาวและอาเฮ่อทำให้เขาปลาบปลื้มมาก
อย่างนั้น
ทุกคนก็กำลังก้าวหน้า!
เช่นนั้นทุกคนก็ไม่ยอมแพ้!
ยอดเยี่ยมจริงๆ!
ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงอาการเลือดลมพลุกพล่าน
ความตั้งใจสู้ของเขาเพิ่มขึ้นเพราะตกตะลึงกับผลงานของพวกเขา
เขาลืมไปนานแล้วว่าเขาควรจะรีบเร่งไปให้ถึงเมืองเป่ากวงเร็วขึ้น เขามีแค่เรื่องเดียวอยู่ในใจก็คือสู้ และสู้อย่างดุเดือด
เขาจ้องมองศัตรู ในเวลาอันรวดเร็ว
เขาก็กำหนดบุคคลที่เด่นชัดในกลุ่มได้
นั่นไง
เจ้านั่นแน่
ตาของถังเทียนฉายประกาย เจ้าผู้นี้คือหัวหน้า
เข้าใช้สองมือป้องปาก
สูดลมหายใจเต็มปอดและตะโกนสุดเสียง
“เฮ้ย, เจ้าตุ๊ดตู่ชุดขาว มาสู้กันเลย!”
ทั้งสถานที่ตกอยู่ในความเงียบทันที
และอากาศราวกับถูกแช่แข็ง
16 ความคิดเห็น:
ด่าไว้ก่อน 55
สกิลยั่วยุของถังเทียนนี้สุดยอดจริงๆ
555ปากเสียนะพี่ถัง
สกิลปากพี่ห้าวนี้ ที่ 1 จริงๆ
555 ปากได้ใจเลยพี่ถัง
พระเอกออกโรงแล้วว ตายหมู่แน่นวล
ถึงเวลาของถังจอมเปย์ออกโรงแล้ว
เขาไม่สู้แล้วพี่ 555
ซวยแน่ เจอถังห้าว
สกิลปากของถังห้าว 555
มึงโดน Povoke Lv10 แล้ว 555
5555😁🤣🤣🤣🤣
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ชอบความห้าวพี่แกจริงๆ
ขอบคุนคับ
แสดงความคิดเห็น