ตอนที่ 616 –
ป้อมปราการแห่งฐานไพรกระบี่
การมาถึงของคุณชายใหญ่ทำให้หลายๆ คนตกตะลึง
สถานการณ์ของทวีปทรายขาวเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน คุณชายใหญ่มาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ
แม้ว่าไม่มีใครรู้ว่าคุณชายใหญ่และเหมิ่งหนานคุยกันเรื่องอะไร แต่ทุกคนพอจะเดาได้คร่าวๆ สิ่งที่เหมิ่งหนานมีก็คือเงิน แม้ว่าเหมิ่งหนานจะมีพวกฝีมือดีสองสามคนอยู่กับเขา แต่บางคนนั้นไม่สามารถส่งผลต่อสถานการณ์
และสิ่งเดียวที่ทำให้คุณชายใหญ่กังวลก็คือเงิน ทุกคนต้องการเงิน
รางวัลที่สูงน่าประหลาดใจนั้นทำให้ทุกคนเชื่อว่าเหมิ่งหนานเป็นผู้มีอิทธิพลร่ำรวย และไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลธรรมดา
‘ไม่มีใครเห็นว่าสวีจินคอยตามประจบเอาใจเหมิ่งหนานตลอดทั้งวันหรือ?
ถ้าแม้แต่เถ้าแก่ห้างของสมาคมการค้าสวีจี้ยังทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้เขาโปรดปราน ใครยังจะสงสัยความมั่งคั่งของเขา?’
แต่ทุกคนรู้ว่าหลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เหมิ่งหนานทำให้เหออิงโกรธและไม่มีทางที่พวกเขาจะคืนดีกันได้
ถังเทียนส่งหลิงเซี่ยและคุณชายใหญ่กลับไป
เมื่อเขาหันกลับมา
เขาเห็นสีหน้ากังวลของฮั่นเซิน
จึงรู้สึกสงสัย
“เจ้าทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง?”
ฮั่นเซินลังเลเล็กน้อย
“นายท่านอาจจะยังไม่รู้
แต่เหออิงและท่านหญิงโหรวสมคบกันมาหลายปีแล้ว พลังอำนาจของคุณชายใหญ่ลดลงไปอย่างมาก
และทุกคนกำลังพูดว่าคุณชายใหญ่ไม่สามารถทนรับได้อีกนาน ตอนนี้พวกตระกูลชั้นสูงภายในทวีปล้วนสนับสนุนเหออิง”
เขาวนเวียนอยู่รอบเมืองทรายขาวมาหลายปีแล้ว และมีข้อมูลทั้งหมด
จึงรู้เรื่องการแย่งชิงอำนาจระหว่างหลายฝ่าย
ถังเทียน “โอว เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“นายท่านปราดเปรื่อง!” ฮั่นเซินตอบทันที “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านซัวปี่คอยสนับสนุนคุณชายใหญ่ เขาก็อาจจะถูก...”
จากนั้นถังเทียนคัดค้าน
“เจ้าคิดว่าเหออิงจะปล่อยเราไปหรือ?”
ฮั่นเซินถึงกับเงียบ
เขาไม่เคยเห็นเหออิงมาก่อน
แต่ข่าวและข้อมูลของเหออิงนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วเมือง เหออิงเป็นคนใจแคบ เจ้าคิดเจ้าแค้นและโหดร้าย ฯลฯ
ทุกคนรู้เห็นความขัดแย้งระหว่างนายท่านและเหออิง ดังนั้นฮั่นเซินจึงรู้สึกโง่ที่ตนเองเสนอความคิดนี้...
“ไม่มีปัญหา ข้ากำลังจะไปงานเลี้ยง” ถังเทียนพูดอย่างไม่แยแส
คุณชายใหญ่เชิญถังเทียนไปงานเลี้ยงที่จวนเจ้าปกครองทวีป เนื่องจากการทะลักเข้ามาจากอาคันตุกะรอบๆ
ทวีปทรายขาว
เจ้าปกครองทวีปที่มักคอยสนับสนุนอยู่ในจวนของเขาจึงตัดสินใจจัดงานเลี้ยงใหญ่ในที่สุด
เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของพวกเขา
ตำแหน่งของการจัดงานเลี้ยงถูกจัดที่อุทยานทรายขาวซึ่งเป็นสวนส่วนตัวของเจ้าปกครองทวีป
ถังเทียนไม่สนใจเรื่องการจัดเลี้ยงเท่าใดนัก
ถังเทียนมีความคิดอีกอย่างอยู่ในใจซึ่งก็คือความคืบหน้าในการสืบสวนของริชาร์ดเกี่ยวกับสิบสามตระกูล
พวกสิบสามตระกูลนอกจากหนึ่งในนั้นซึ่งอยู่ในภูมิภาคตะวันตก ยังมีเจ็ดตระกูลมุ่งหน้าไปยังทวีปทอง ขณะที่อีกห้าตระกูลยังอยู่ในทวีปทรายขาว
สิ่งที่ถังเทียนไม่สามารถเข้าใจได้ก็คือตำแหน่งของห้าตระกูลในทวีปทรายขาวนั้นสูงส่งมาก เมื่อพวกเขาอพยพไปยังทวีปทรายขาว
บังเอิญทวีปทรายขาวถูกโจรสลัดล้อม
และห้าตระกูลต้องเสี่ยงทุ่มความสนับสนุนช่วยทวีปทรายขาวผลักดันโจรสลัดออกไป
และได้รับรางวัลจากเจ้าปกครองทวีปในครั้ง
ตอนนั้นห้าตระกูลได้ปกปิดสถานะของพวกเขาไว้แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะได้ทำการช่วยเหลือครั้งใหญ่ แต่พวกเขาไม่ได้ทำตัวเด่น แต่กลับใช้อำนาจลบร่องรอยทุกอย่างที่จะสาวไปหาพวกเขา
ถังเทียนไม่ได้จ่ายไปอย่างเสียเปล่า ริชาร์ดพบเบาะแสที่ล้ำค่าสองสามอย่าง ถ้าเบาะแสตกไปอยู่ในเงื้อมมือคนอื่น
มีแนวโน้มว่าจะสร้างความสับสนให้พวกเขา
แต่ในมือของริชาร์ดผู้มีความรู้ในพื้นที่สูง
มันช่วยปลุกเร้าความกระตือรือร้นและเพ่งเล็งถึงสถานะของห้าตระกูลทันที
หลังจากปกปิดพลังของพวกเขามาหลายปี ห้าตระกูลนี้ปัจจุบันมีพลังมาก
ถังเทียนปวดหัวว่าจะทำการสื่อสารกับพวกเขาอย่างไร ‘ห้าตระกูลจะรู้เรื่องเกี่ยวกับสวรรค์วิถีบ้างไหม?
ถ้าพวกเขาไม่รู้
ข้าจะอธิบายให้พวกเขาได้อย่างไร?
พวกเขาจะเชื่อข้าไหม?
นั่นจะเป็นการเปิดเผยสถานะข้าหรือเปล่า?’
คำถามที่มีมาต่อเนื่องทำให้ถังเทียนรู้สึกเครียดมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดก็คือการเปิดเผยตนเอง ‘ถ้าทวีปเกียรติยศชาวยุทธรู้ว่าข้ามาจากสวรรค์วิถี ข้าเกรงว่าพวกเขาจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อจับเรา เรายังคงอ่อนแอและนั่นจะเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก’
‘หรือว่าห้าตระกูลจะมีแผนใดๆ
ต่อสวรรค์วิถี?’
ในตอนแรก
เขาเพียงแต่คิดว่าพวกเขามีศัตรูร่วมกัน
แต่จากนั้นเขาตระหนักได้ว่าเขาคิดง่ายเกินไป
เขาส่ายศีรษะ
เขาจะปล่อยคำถามที่ซับซ้อนเอาไว้ก่อน และให้ลุงปิง หรืออาเฮ่อ
คนที่มีสมองดีกว่าช่วยคิดให้ เขายังคงขอร้องริชาร์ดไม่ให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
‘สงสัยจริงว่าลุงปิงและพวกที่เหลือในทวีปซางโจวจะทำยังไง’
ถังเทียนคิด
**********
ปู้จื้อเฟยมองดูหน่วยหน้าที่เหลืออยู่เพียงสิบคน
ถึงกับหน้าเขียว เขาไม่ได้ประมาทศัตรูของเขา แต่เขาไม่เคยคิดว่าเมื่อเขามาถึงที่สู้รบ ศัตรูจะน่ากลัวมากกว่าที่เขาคิด
พวกเขามีแค่เพียงสามคนแต่สามารถกำจัดหน่วยหน้าไปได้เกือบหมด หลงหนานเองก็บาดเจ็บสาหัส
ฉะนั้นกำลังใจของหน่วยหน้าจึงตกต่ำทันที
พลังของหลงหนานแข็งแกร่งและโดดเด่น แค่เพียงอีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับเซียนเงิน และเป็นขุนพลที่ทรงพลังในพื้นที่รบ แต่เพียงกระบี่เดียวเขาก็ได้รับบาดเจ็บ
ถ้าปู้จื้อเฟยไม่เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ และมีท่าทีกังวล
หลงหนานจะรอดชีวิตหรือไม่ก็ยากจะบอกได้
แต่ขณะนั้นหน่วยหน้าได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ทหารรอบๆ
ตัวเขามีสีหน้าเต็มไปด้วยหวาดกลัว
หน่วยกองหน้าเป็นพวกที่หยิ่งและเด็ดขาดที่สุดของกองพลที่เจ็ด
มีความแข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังเป็นกลุ่มยอดฝีมือที่มีผลงานการรบที่ดีเยี่ยม
แต่คู่ต่อสู้ของพวกเขามีแค่เพียงสามคน และพวกเขาถูกฆ่าอย่างง่ายดาย
หลงหนานหน้าซีด ใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกใจ
ไม่มีใครเห็นอันตรายในการปะทะกันก่อนหน้านี้ได้มากกว่าเขา การโจมตีทางจิตที่เยือกเย็นแปลกประหลาด มือกระบี่ที่มีพลังกฎธรรมชาติ รังสีหอกที่ครอบคลุมเต็มท้องฟ้าเหมือนดวงดาว ทั้งสามคนนี้เป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือ และทั้งหมดแข็งแกร่งกว่าเขา
‘เพราะยอดฝีมือสามคนนั้นปรากฏตัวพร้อมกัน
และพวกเขาเข้าขากันได้ดี พวกเขามาจากไหนกันแน่?’
เขาเต็มไปด้วยความสงสัย
ปู้จื้อเฟยสูดหายใจลึกเพื่อฟื้นฟูความมั่นคง
ทันใดนั้นเขามีลางสังหรณ์ว่าการสู้รบจะไม่ง่ายแน่นอน แต่นั่นไม่ทำให้เขารู้สึกท้อแท้ แต่กลับปลุกวิญญาณนักสู้ของเขาขึ้นแทน เขาไม่มีตระกูลหนุนหลังเหมือนกับซุนเจี๋ย เกิดมาไม่มีอะไร
ปู้จื้อเฟยรู้ว่าสถานะปัจจุบันของเขาล้วนอาศัยความสำเร็จทางทหารของเขาทั้งนั้น
“เคลื่อนทัพ!”
กองพลที่เจ็ดบินเป็นรูปกระบวนศึกในท้องฟ้า เหมือนกับกลุ่มเมฆครึ้ม พวกเขามุ่งหน้าสู่ป้อมไพรกระบี่ ปู้จื้อเฟยเตรียมการไว้รอบคอบแล้ว
และพบตำแหน่งของศัตรู
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเหตุผลที่พวกเขาสร้างป้อมในท่ามกลางแผ่นดินที่แห้งแล้ง
พวกเขายังมุ่งหน้าไปอย่างระมัดระวัง หน่วยสอดแนมที่ส่งออกมาเหมือนกับสายธาร
ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องถึงสภาพแวดล้อมและสภาพของพวกเขา
การซุ่มโจมตีที่คาดว่าจะเจอไม่ได้เกิดขึ้น และทุกคนในกองพลที่เจ็ดถอนหายใจโล่งอก
แต่เมื่อพวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทางและเห็นป้อมไพรกระบี่ที่สง่างาม
แต่ละคนถึงกับสูดหายใจหนาวเหน็บ
ป้อมไพรกระบี่ปล่อยรัศมีแพรวพราว
เหมือนกับกระบี่ที่ปลายชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
ขอบคมหนาแน่นเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
กองพลที่เจ็ดพากันเงียบสนิท
ปู้จื้อเฟยสับสนอยู่ชั่วครู่
ขนาดของป้อมที่อยู่ต่อหน้าเขาแตกต่างจากรายงานอย่างสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่แค่ฐานธรรมดา
แต่เป็นป้อมรบและแสงแพรวพราวมากมายก็มีเหตุผลรองรับ
ป้อมรบอย่างนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำเสร็จได้ในวันเดียว ปู้จื้อเฟยโกรธจัดจนอยากกุดหัวหน่วยข่าวกรองที่ทำรายงานให้เขานัก มันเป็นป้อมปราการรบ พวกเขาสับสนได้ยังไง?
สงครามเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด การโอบล้อม แม้ว่ากองพลที่เจ็ดจะแข็งแกร่งทรงพลัง แต่การโอบล้อมไม่ใช่เรื่องถนัดของพวกเขา ถ้าเป็นแค่ฐานเดียว เขาคงไม่กังวลมาก แต่เพราะขนาดของมัน มือของเขาถึงกับชาทันที
“เราจะประจำการที่นี่”
ปู้จื้อเฟยตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยเห็นรูปแบบของป้อมปราการเช่นนั้น
จึงตัดสินใจสืบสวนดู
ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการ หรือป้อมรบแบบไหนหรือว่ามีเรื่องท้าทายอื่นๆ ก็ตาม
เขาไม่สามารถถอยได้
แต่เขามีความอดทน
มาตรฐานของฝ่ายตรงข้าน่าทึ่งจริงๆ
ภายในป้อมไพรกระบี่ ปิงและพวกที่เหลือกำลังมองดูศัตรู
“นั่นคือกองพลที่เจ็ด”
คนที่พูดเป็นผู้อาวุโสที่ปิงเลือกมาจากกองพลที่สามสิบหก
หน้าของเขาถึงกับเคร่งขรึม
“ผู้บัญชาการใหญ่ของกองพลที่เจ็ดก็คือ ปู้จื้อเฟย
เขาเป็นคนที่ระมัดระวังตัวและเข้มงวดมาก
มาตรฐานของเขาสูง
ดังนั้นกองพลที่เป็นเป็นกองทัพระดับเงิน
และได้รับความนับถืออย่างมาก
ปู้จื้อเฟยไม่มีเบื้องหลังคนหนุนหลังนัก
และอาศัยผลงานเขาจึงมีวันนี้ได้ ในอดีต
ข้าน้อยเคยได้ยินเขาพูดกันว่า
ถ้าปู้จื้อเฟยไม่ถูกฉุดรั้งเพราะคนหนุนหลัง พลังส่วนตัวของเขาจะต้องเป็นหนึ่งในสามสุดยอด”
ทุกคนผงกศีรษะเห็นด้วย
ไม่มีใครรู้พลังแข็งแกร่งของปู้จื้อเฟย
แต่จากที่เห็นเขามีฝีมืออย่างแท้จริง
อาเฮ่อหันไปถามปิง
“เราจะไม่แจ้งถังห้าวหรือ?”
“ถ้าเราแจ้ง
เขาจะรีบกลับมาได้หรือ?” ปิงไม่มองอาเฮ่อ “เขายังคงมีเรื่องสำคัญอยู่ข้างตัวเขา
แม้ว่าความแข็งแกร่งของกองกำลังรักษาการณ์เมืองไป๋กวงจะยังไม่อาจเทียบกับศัตรูของเราได้
แต่ถ้าพวกเขาถูกกำจัดออกไปโดยกองทัพภายในฐานนี้ ข้าจะโขกหัวตาย”
คำพูดของปิงเกินจริงไปบ้าง แต่ไม่มีใครคิดว่าเป็นการคุยโต เขาเป็นผู้บัญชาการที่มีชื่อเสียง ตราบใดที่เขาเคลื่อนไหว เขาจะกวาดทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าเขา
มาตรฐานของเขาสูงมากจนถังโฉ่วที่มีความภูมิใจในตัวเองต้องยอมว่าท่านปิงนั้นทรงพลังมาก
นอกจากนี้ พวกเขามีป้อมไพรกระบี่
ป้อมรบของฐานไพรกระบี่ถูกสร้างจากผลงานเซรีน เหมืองทองดำ ความเสถียรของสมบัติดวงดาวและการก่อตัวของเมืองสมบัติ
แม้แต่ปิงเองก็ไม่ยินดีจะหลบภัยอยู่ในป้อมไพรกระบี่
แม้แต่ศีรษะข้าเองคงจะเลือดออกหากโจมตีฐานนี้
และภายในป้อมไพรกระบี่ พวกเขามีกำลังพลเพียงพอ ดังนั้นเขาไม่กังวลเรื่องถูกล้อม การฝึกสำหรับกองกำลังรักษาการณ์เมืองไป๋กวงได้รับการจัดการโดยเขาเอง
และการผสานกันของพวกเขาก็ถึงคุณภาพจนได้ในสายตาของปิง
เขาไม่ตั้งความหวังไว้กับกองกำลังรักษาการณ์หมู่บ้านเป่ากวงมากนัก
ใช้พวกเขาป้องกันเมืองก็พอ
เขากำลังคิดถึงปัญหาลึกๆ เขาได้ถามมาก่อนแล้ว มีกองทัพระดับเงินแปดกองพลในทวีปฝานซิงโจว กองพลที่แปดของซุนเจี๋ยถูกกำจัดไปแล้ว
และนั่นเป็นเพียงแผลสดๆ ของทวีปฝานซิงโจว
แต่ถ้ากองพลที่เจ็ดของปู้จื้อเฟยถูกทำลายอีกครั้ง
ก็จะกลายเป็นแผลลึกจริงๆ สำหรับกองทัพที่มีฝีมือดีที่สุด
สำหรับยอดฝีมือของกองทัพเกือบทั้งหมดสูญเสียพลังไปหนึ่งในสี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกับเป็นแผลสด
‘ในเวลานั้น
ทวีปฝานซิงโจวอาจไม่ยอมเพิกเฉยเราอีกต่อไป
และจะส่งอาวุธมามากยิ่งขึ้น
ป้อมปราการไพรกระบี่สามารถเอาชนะได้แต่เพียงภายใต้สถานการณ์คับขันในตอนนี้
และทองดำที่ราคาแพงจะให้ความมั่งคั่งกับเราเพียงพอ ถังเทียนได้ซื้อทหารไว้สองกองพล สือเซินเสริมกองพลปีศาจทวีปโยวโจว
และเวลานั้นพลังของเราจะมีคุณภาพทะยานขึ้น’
‘แต่ระหว่างตอนนี้และจากนั้น จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดสำหรับป้อมไพรกระบี่’
‘ข้าต้องคิดหาวิธีวางกับดักกองพลที่เจ็ดที่นี่’
ปิงลูบคางเหมือนกับว่าเขาอยู่ในห้วงคิดลึก
7 ความคิดเห็น:
กุนซือปิง
ส่งกองทับมาให้อัพเวลสินะ
ขอบคุณครับ รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อมากกก
ข้ามีนามว่าขงเบ้ง
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุนคับ
แสดงความคิดเห็น