วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 616 – ป้อมปราการแห่งฐานไพรกระบี่


ตอนที่  616 – ป้อมปราการแห่งฐานไพรกระบี่
การมาถึงของคุณชายใหญ่ทำให้หลายๆ คนตกตะลึง
สถานการณ์ของทวีปทรายขาวเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน  คุณชายใหญ่มาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ  แม้ว่าไม่มีใครรู้ว่าคุณชายใหญ่และเหมิ่งหนานคุยกันเรื่องอะไร  แต่ทุกคนพอจะเดาได้คร่าวๆ  สิ่งที่เหมิ่งหนานมีก็คือเงิน  แม้ว่าเหมิ่งหนานจะมีพวกฝีมือดีสองสามคนอยู่กับเขา  แต่บางคนนั้นไม่สามารถส่งผลต่อสถานการณ์  และสิ่งเดียวที่ทำให้คุณชายใหญ่กังวลก็คือเงิน  ทุกคนต้องการเงิน

รางวัลที่สูงน่าประหลาดใจนั้นทำให้ทุกคนเชื่อว่าเหมิ่งหนานเป็นผู้มีอิทธิพลร่ำรวย  และไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลธรรมดา
 ไม่มีใครเห็นว่าสวีจินคอยตามประจบเอาใจเหมิ่งหนานตลอดทั้งวันหรือ?  ถ้าแม้แต่เถ้าแก่ห้างของสมาคมการค้าสวีจี้ยังทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้เขาโปรดปราน  ใครยังจะสงสัยความมั่งคั่งของเขา?
แต่ทุกคนรู้ว่าหลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น  เหมิ่งหนานทำให้เหออิงโกรธและไม่มีทางที่พวกเขาจะคืนดีกันได้
ถังเทียนส่งหลิงเซี่ยและคุณชายใหญ่กลับไป
เมื่อเขาหันกลับมา  เขาเห็นสีหน้ากังวลของฮั่นเซิน  จึงรู้สึกสงสัย  “เจ้าทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง?”
ฮั่นเซินลังเลเล็กน้อย  “นายท่านอาจจะยังไม่รู้  แต่เหออิงและท่านหญิงโหรวสมคบกันมาหลายปีแล้ว  พลังอำนาจของคุณชายใหญ่ลดลงไปอย่างมาก และทุกคนกำลังพูดว่าคุณชายใหญ่ไม่สามารถทนรับได้อีกนาน ตอนนี้พวกตระกูลชั้นสูงภายในทวีปล้วนสนับสนุนเหออิง”
เขาวนเวียนอยู่รอบเมืองทรายขาวมาหลายปีแล้ว  และมีข้อมูลทั้งหมด จึงรู้เรื่องการแย่งชิงอำนาจระหว่างหลายฝ่าย
ถังเทียน “โอว เป็นอย่างนี้นี่เอง”
 “นายท่านปราดเปรื่อง!”  ฮั่นเซินตอบทันที  “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านซัวปี่คอยสนับสนุนคุณชายใหญ่  เขาก็อาจจะถูก...”
จากนั้นถังเทียนคัดค้าน  “เจ้าคิดว่าเหออิงจะปล่อยเราไปหรือ?”
ฮั่นเซินถึงกับเงียบ  เขาไม่เคยเห็นเหออิงมาก่อน  แต่ข่าวและข้อมูลของเหออิงนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วเมือง  เหออิงเป็นคนใจแคบ  เจ้าคิดเจ้าแค้นและโหดร้าย ฯลฯ  ทุกคนรู้เห็นความขัดแย้งระหว่างนายท่านและเหออิง  ดังนั้นฮั่นเซินจึงรู้สึกโง่ที่ตนเองเสนอความคิดนี้...
 “ไม่มีปัญหา  ข้ากำลังจะไปงานเลี้ยง”  ถังเทียนพูดอย่างไม่แยแส
คุณชายใหญ่เชิญถังเทียนไปงานเลี้ยงที่จวนเจ้าปกครองทวีป  เนื่องจากการทะลักเข้ามาจากอาคันตุกะรอบๆ ทวีปทรายขาว  เจ้าปกครองทวีปที่มักคอยสนับสนุนอยู่ในจวนของเขาจึงตัดสินใจจัดงานเลี้ยงใหญ่ในที่สุด
เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของพวกเขา  ตำแหน่งของการจัดงานเลี้ยงถูกจัดที่อุทยานทรายขาวซึ่งเป็นสวนส่วนตัวของเจ้าปกครองทวีป
ถังเทียนไม่สนใจเรื่องการจัดเลี้ยงเท่าใดนัก
ถังเทียนมีความคิดอีกอย่างอยู่ในใจซึ่งก็คือความคืบหน้าในการสืบสวนของริชาร์ดเกี่ยวกับสิบสามตระกูล  พวกสิบสามตระกูลนอกจากหนึ่งในนั้นซึ่งอยู่ในภูมิภาคตะวันตก  ยังมีเจ็ดตระกูลมุ่งหน้าไปยังทวีปทอง  ขณะที่อีกห้าตระกูลยังอยู่ในทวีปทรายขาว
สิ่งที่ถังเทียนไม่สามารถเข้าใจได้ก็คือตำแหน่งของห้าตระกูลในทวีปทรายขาวนั้นสูงส่งมาก  เมื่อพวกเขาอพยพไปยังทวีปทรายขาว บังเอิญทวีปทรายขาวถูกโจรสลัดล้อม และห้าตระกูลต้องเสี่ยงทุ่มความสนับสนุนช่วยทวีปทรายขาวผลักดันโจรสลัดออกไป และได้รับรางวัลจากเจ้าปกครองทวีปในครั้ง  ตอนนั้นห้าตระกูลได้ปกปิดสถานะของพวกเขาไว้แล้ว  แม้ว่าพวกเขาจะได้ทำการช่วยเหลือครั้งใหญ่  แต่พวกเขาไม่ได้ทำตัวเด่น แต่กลับใช้อำนาจลบร่องรอยทุกอย่างที่จะสาวไปหาพวกเขา
ถังเทียนไม่ได้จ่ายไปอย่างเสียเปล่า  ริชาร์ดพบเบาะแสที่ล้ำค่าสองสามอย่าง   ถ้าเบาะแสตกไปอยู่ในเงื้อมมือคนอื่น มีแนวโน้มว่าจะสร้างความสับสนให้พวกเขา แต่ในมือของริชาร์ดผู้มีความรู้ในพื้นที่สูง มันช่วยปลุกเร้าความกระตือรือร้นและเพ่งเล็งถึงสถานะของห้าตระกูลทันที
หลังจากปกปิดพลังของพวกเขามาหลายปี  ห้าตระกูลนี้ปัจจุบันมีพลังมาก
ถังเทียนปวดหัวว่าจะทำการสื่อสารกับพวกเขาอย่างไร ห้าตระกูลจะรู้เรื่องเกี่ยวกับสวรรค์วิถีบ้างไหม?  ถ้าพวกเขาไม่รู้ ข้าจะอธิบายให้พวกเขาได้อย่างไร?  พวกเขาจะเชื่อข้าไหม?  นั่นจะเป็นการเปิดเผยสถานะข้าหรือเปล่า?
คำถามที่มีมาต่อเนื่องทำให้ถังเทียนรู้สึกเครียดมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดก็คือการเปิดเผยตนเอง ถ้าทวีปเกียรติยศชาวยุทธรู้ว่าข้ามาจากสวรรค์วิถี  ข้าเกรงว่าพวกเขาจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อจับเรา  เรายังคงอ่อนแอและนั่นจะเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก
 หรือว่าห้าตระกูลจะมีแผนใดๆ ต่อสวรรค์วิถี?’
ในตอนแรก  เขาเพียงแต่คิดว่าพวกเขามีศัตรูร่วมกัน  แต่จากนั้นเขาตระหนักได้ว่าเขาคิดง่ายเกินไป
เขาส่ายศีรษะ  เขาจะปล่อยคำถามที่ซับซ้อนเอาไว้ก่อน และให้ลุงปิง หรืออาเฮ่อ คนที่มีสมองดีกว่าช่วยคิดให้  เขายังคงขอร้องริชาร์ดไม่ให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
 สงสัยจริงว่าลุงปิงและพวกที่เหลือในทวีปซางโจวจะทำยังไงถังเทียนคิด
**********

ปู้จื้อเฟยมองดูหน่วยหน้าที่เหลืออยู่เพียงสิบคน ถึงกับหน้าเขียว  เขาไม่ได้ประมาทศัตรูของเขา  แต่เขาไม่เคยคิดว่าเมื่อเขามาถึงที่สู้รบ  ศัตรูจะน่ากลัวมากกว่าที่เขาคิด
พวกเขามีแค่เพียงสามคนแต่สามารถกำจัดหน่วยหน้าไปได้เกือบหมด  หลงหนานเองก็บาดเจ็บสาหัส ฉะนั้นกำลังใจของหน่วยหน้าจึงตกต่ำทันที
พลังของหลงหนานแข็งแกร่งและโดดเด่น แค่เพียงอีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับเซียนเงิน  และเป็นขุนพลที่ทรงพลังในพื้นที่รบ  แต่เพียงกระบี่เดียวเขาก็ได้รับบาดเจ็บ
ถ้าปู้จื้อเฟยไม่เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ และมีท่าทีกังวล หลงหนานจะรอดชีวิตหรือไม่ก็ยากจะบอกได้
แต่ขณะนั้นหน่วยหน้าได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ทหารรอบๆ ตัวเขามีสีหน้าเต็มไปด้วยหวาดกลัว หน่วยกองหน้าเป็นพวกที่หยิ่งและเด็ดขาดที่สุดของกองพลที่เจ็ด มีความแข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังเป็นกลุ่มยอดฝีมือที่มีผลงานการรบที่ดีเยี่ยม
แต่คู่ต่อสู้ของพวกเขามีแค่เพียงสามคน  และพวกเขาถูกฆ่าอย่างง่ายดาย
หลงหนานหน้าซีด ใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกใจ ไม่มีใครเห็นอันตรายในการปะทะกันก่อนหน้านี้ได้มากกว่าเขา  การโจมตีทางจิตที่เยือกเย็นแปลกประหลาด  มือกระบี่ที่มีพลังกฎธรรมชาติ  รังสีหอกที่ครอบคลุมเต็มท้องฟ้าเหมือนดวงดาว  ทั้งสามคนนี้เป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือ  และทั้งหมดแข็งแกร่งกว่าเขา
 เพราะยอดฝีมือสามคนนั้นปรากฏตัวพร้อมกัน และพวกเขาเข้าขากันได้ดี พวกเขามาจากไหนกันแน่?
เขาเต็มไปด้วยความสงสัย
ปู้จื้อเฟยสูดหายใจลึกเพื่อฟื้นฟูความมั่นคง  ทันใดนั้นเขามีลางสังหรณ์ว่าการสู้รบจะไม่ง่ายแน่นอน  แต่นั่นไม่ทำให้เขารู้สึกท้อแท้  แต่กลับปลุกวิญญาณนักสู้ของเขาขึ้นแทน  เขาไม่มีตระกูลหนุนหลังเหมือนกับซุนเจี๋ย  เกิดมาไม่มีอะไร  ปู้จื้อเฟยรู้ว่าสถานะปัจจุบันของเขาล้วนอาศัยความสำเร็จทางทหารของเขาทั้งนั้น
 “เคลื่อนทัพ!”
กองพลที่เจ็ดบินเป็นรูปกระบวนศึกในท้องฟ้า  เหมือนกับกลุ่มเมฆครึ้ม  พวกเขามุ่งหน้าสู่ป้อมไพรกระบี่  ปู้จื้อเฟยเตรียมการไว้รอบคอบแล้ว และพบตำแหน่งของศัตรู  แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเหตุผลที่พวกเขาสร้างป้อมในท่ามกลางแผ่นดินที่แห้งแล้ง
พวกเขายังมุ่งหน้าไปอย่างระมัดระวัง  หน่วยสอดแนมที่ส่งออกมาเหมือนกับสายธาร ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องถึงสภาพแวดล้อมและสภาพของพวกเขา
การซุ่มโจมตีที่คาดว่าจะเจอไม่ได้เกิดขึ้น  และทุกคนในกองพลที่เจ็ดถอนหายใจโล่งอก
แต่เมื่อพวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทางและเห็นป้อมไพรกระบี่ที่สง่างาม แต่ละคนถึงกับสูดหายใจหนาวเหน็บ
ป้อมไพรกระบี่ปล่อยรัศมีแพรวพราว เหมือนกับกระบี่ที่ปลายชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า  ขอบคมหนาแน่นเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
กองพลที่เจ็ดพากันเงียบสนิท
ปู้จื้อเฟยสับสนอยู่ชั่วครู่  ขนาดของป้อมที่อยู่ต่อหน้าเขาแตกต่างจากรายงานอย่างสิ้นเชิง  นี่ไม่ใช่แค่ฐานธรรมดา แต่เป็นป้อมรบและแสงแพรวพราวมากมายก็มีเหตุผลรองรับ
ป้อมรบอย่างนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำเสร็จได้ในวันเดียว  ปู้จื้อเฟยโกรธจัดจนอยากกุดหัวหน่วยข่าวกรองที่ทำรายงานให้เขานัก  มันเป็นป้อมปราการรบ  พวกเขาสับสนได้ยังไง?
สงครามเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด การโอบล้อม  แม้ว่ากองพลที่เจ็ดจะแข็งแกร่งทรงพลัง  แต่การโอบล้อมไม่ใช่เรื่องถนัดของพวกเขา  ถ้าเป็นแค่ฐานเดียว  เขาคงไม่กังวลมาก  แต่เพราะขนาดของมัน มือของเขาถึงกับชาทันที
 “เราจะประจำการที่นี่”
ปู้จื้อเฟยตัดสินใจอย่างรวดเร็ว  เขาไม่เคยเห็นรูปแบบของป้อมปราการเช่นนั้น จึงตัดสินใจสืบสวนดู  ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการ หรือป้อมรบแบบไหนหรือว่ามีเรื่องท้าทายอื่นๆ ก็ตาม
เขาไม่สามารถถอยได้  แต่เขามีความอดทน  มาตรฐานของฝ่ายตรงข้าน่าทึ่งจริงๆ
ภายในป้อมไพรกระบี่ ปิงและพวกที่เหลือกำลังมองดูศัตรู
 “นั่นคือกองพลที่เจ็ด” คนที่พูดเป็นผู้อาวุโสที่ปิงเลือกมาจากกองพลที่สามสิบหก หน้าของเขาถึงกับเคร่งขรึม  “ผู้บัญชาการใหญ่ของกองพลที่เจ็ดก็คือ ปู้จื้อเฟย เขาเป็นคนที่ระมัดระวังตัวและเข้มงวดมาก  มาตรฐานของเขาสูง  ดังนั้นกองพลที่เป็นเป็นกองทัพระดับเงิน  และได้รับความนับถืออย่างมาก  ปู้จื้อเฟยไม่มีเบื้องหลังคนหนุนหลังนัก และอาศัยผลงานเขาจึงมีวันนี้ได้  ในอดีต ข้าน้อยเคยได้ยินเขาพูดกันว่า  ถ้าปู้จื้อเฟยไม่ถูกฉุดรั้งเพราะคนหนุนหลัง  พลังส่วนตัวของเขาจะต้องเป็นหนึ่งในสามสุดยอด”
ทุกคนผงกศีรษะเห็นด้วย  ไม่มีใครรู้พลังแข็งแกร่งของปู้จื้อเฟย  แต่จากที่เห็นเขามีฝีมืออย่างแท้จริง
อาเฮ่อหันไปถามปิง  “เราจะไม่แจ้งถังห้าวหรือ?”
 “ถ้าเราแจ้ง เขาจะรีบกลับมาได้หรือ?”  ปิงไม่มองอาเฮ่อ  “เขายังคงมีเรื่องสำคัญอยู่ข้างตัวเขา  แม้ว่าความแข็งแกร่งของกองกำลังรักษาการณ์เมืองไป๋กวงจะยังไม่อาจเทียบกับศัตรูของเราได้  แต่ถ้าพวกเขาถูกกำจัดออกไปโดยกองทัพภายในฐานนี้  ข้าจะโขกหัวตาย”
คำพูดของปิงเกินจริงไปบ้าง  แต่ไม่มีใครคิดว่าเป็นการคุยโต  เขาเป็นผู้บัญชาการที่มีชื่อเสียง  ตราบใดที่เขาเคลื่อนไหว เขาจะกวาดทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าเขา  มาตรฐานของเขาสูงมากจนถังโฉ่วที่มีความภูมิใจในตัวเองต้องยอมว่าท่านปิงนั้นทรงพลังมาก
นอกจากนี้ พวกเขามีป้อมไพรกระบี่
ป้อมรบของฐานไพรกระบี่ถูกสร้างจากผลงานเซรีน เหมืองทองดำ ความเสถียรของสมบัติดวงดาวและการก่อตัวของเมืองสมบัติ  แม้แต่ปิงเองก็ไม่ยินดีจะหลบภัยอยู่ในป้อมไพรกระบี่
แม้แต่ศีรษะข้าเองคงจะเลือดออกหากโจมตีฐานนี้
และภายในป้อมไพรกระบี่ พวกเขามีกำลังพลเพียงพอ  ดังนั้นเขาไม่กังวลเรื่องถูกล้อม การฝึกสำหรับกองกำลังรักษาการณ์เมืองไป๋กวงได้รับการจัดการโดยเขาเอง และการผสานกันของพวกเขาก็ถึงคุณภาพจนได้ในสายตาของปิง
เขาไม่ตั้งความหวังไว้กับกองกำลังรักษาการณ์หมู่บ้านเป่ากวงมากนัก ใช้พวกเขาป้องกันเมืองก็พอ
เขากำลังคิดถึงปัญหาลึกๆ เขาได้ถามมาก่อนแล้ว  มีกองทัพระดับเงินแปดกองพลในทวีปฝานซิงโจว  กองพลที่แปดของซุนเจี๋ยถูกกำจัดไปแล้ว และนั่นเป็นเพียงแผลสดๆ ของทวีปฝานซิงโจว  แต่ถ้ากองพลที่เจ็ดของปู้จื้อเฟยถูกทำลายอีกครั้ง ก็จะกลายเป็นแผลลึกจริงๆ  สำหรับกองทัพที่มีฝีมือดีที่สุด สำหรับยอดฝีมือของกองทัพเกือบทั้งหมดสูญเสียพลังไปหนึ่งในสี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกับเป็นแผลสด
 ในเวลานั้น ทวีปฝานซิงโจวอาจไม่ยอมเพิกเฉยเราอีกต่อไป  และจะส่งอาวุธมามากยิ่งขึ้น  ป้อมปราการไพรกระบี่สามารถเอาชนะได้แต่เพียงภายใต้สถานการณ์คับขันในตอนนี้ และทองดำที่ราคาแพงจะให้ความมั่งคั่งกับเราเพียงพอ  ถังเทียนได้ซื้อทหารไว้สองกองพล  สือเซินเสริมกองพลปีศาจทวีปโยวโจว และเวลานั้นพลังของเราจะมีคุณภาพทะยานขึ้น
 แต่ระหว่างตอนนี้และจากนั้น  จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดสำหรับป้อมไพรกระบี่
 ข้าต้องคิดหาวิธีวางกับดักกองพลที่เจ็ดที่นี่
ปิงลูบคางเหมือนกับว่าเขาอยู่ในห้วงคิดลึก

7 ความคิดเห็น:

22 กล่าวว่า...

กุนซือปิง

Unknown กล่าวว่า...

ส่งกองทับมาให้อัพเวลสินะ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อมากกก

Unknown กล่าวว่า...

ข้ามีนามว่าขงเบ้ง

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

แสดงความคิดเห็น