ตอนที่ 798
ตำหนักกลาง, นักรบแดนทมิฬ ศัตรูแข็งแกร่ง
หุบเขามีดวายุเป็นภูมิประเทศแปลกประหลาดพิกล
แน่ใจว่าหุบเขามีดไม่ธรรมดา
แต่สร้างขึ้นโดยสุดยอดฝีมือ
จุดสูงสุดของหุบเขาไม่เกินสามกิโลเมตร
ห่างไกลออกไปคือช่องว่างที่กลืนกินสรรพสิ่ง หากไม่ใช่ใช้พลังกฎสวรรค์ต่างหาก
นักสู้แดนสวรรค์ที่บินอยู่ในท้องฟ้าเมื่อถูกดูดเข้าไปในช่องว่างจะถูกกำจัดสลายกลายเป็นฝุ่น
พื้นที่ลึกข้างล่างต่ำกว่าสามพันเมตรเป็นหุบเขามีเสียงลมหวีดหวิว
ลมที่นี่คล้ายกับในหุบเขาพิรุณ
พัดออกมาเป็นครั้งคราว บางครั้งพัดอยู่สองสามนาทีแล้วก็เงียบ
บางครั้งก็พัดอย่างบ้าคลั่งเป็นชั่วโมงไม่สามารถคาดเดาได้
ในสายลมพัดบางครั้งก็เป็นพายุไซโคลนขนาดมหึมา
หรือไม่ก็ลมใบมีดที่ตัดสิ่งมีชีวิตขาดเป็นชิ้นมีความเร็วรุนแรงไม่อาจป้องกันได้ ธรรมชาติเหล่านี้เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเล็กๆ
น้อยๆ ในหุบเขามีดแห่งนี้
ตามบทเกริ่นของชื่อ
หุบเขามีดประกอบไปด้วยใบมีดยักษ์จำนวนเป็นร้อยล้านเล่ม
คมมีดยักษ์เหล่านี้ถูกควบคุมโดยเครื่องจักรกลชนิดหนึ่ง
และมีพลังฉุดดึงทำลายล้างรุนแรง
ที่ทางเข้ามีใบพัดคมมีดขนาดยักษ์หกร้อยเครื่อง
หมุนวนเหมือนจักร จักรใบเลื่อยนั้นมีขนาดที่แตกต่างกันไป
ขนาดใหญ่เต็มที่ก็สามกิโลเมตร ที่มีขนาดเล็กก็ไม่ถึงร้อยเมตร
ความเร็วในการหมุนแตกต่างกันไป บางวงก็หมุนช้าๆ บ้างก็ค่อยๆ เร็วขึ้น
แต่เมื่อหลงเข้าไปจะติดอยู่แถวๆ ขอบคมใบมีดเลื่อย ชีวิตจะตกอยู่ในห้วงเป็นตาย
แม้ว่าจะผ่านวงล้อฟันเลื่อยทั้งหกร้อยได้อย่างปลอดภัย
แต่จะมีเครื่องจักรที่เหลือเชื่อในภายในโผล่ออกมามากขึ้น
รอจนกระทั่งอยู่ข้างหน้า
“โอว..พระเจ้า!”
เมื่อเห็นหุบเขาใบมีด แม้ว่าจะเคยได้ยินเย่ว์หยางพูดไว้ก่อนแล้ว
ราชาหลิงหวินอดถอนหายใจโล่งอกมิได้
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย
แต่ให้นักสู้ผู้ทรงพลังระดับราชาเทียบเท่านักสู้ปราณฟ้าระดับห้าในกลุ่มพวกเขา
ยังไม่สามารถมั่นใจได้เต็มร้อยเลยว่าจะสามารถผ่านหุบเขาใบมีดนี้ได้
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือในหุบเขาใบมีดนี้มีผู้อาวุโสตำหนักอยู่ในที่อันตรายที่สุดสองคน
“ตอนนี้เอายังไงดี?”
ถูไห่ตัดสินใจว่าเขาจะไม่คิดอีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่ายังไงเขามีแต่จะกังวลเพิ่มขึ้นทุกที
แค่ฟังเย่ว์หยางโดยตรงดีกว่า
และยิ่งกว่านั้นคำพูดของเย่ว์หยางยังบอกออกมาง่ายๆ
“เจ้าสิ่งนี้” ผู้นำกลุ่มเขตร้างที่แปด
กลุ่มทุ่งหิมะ และกลุ่มเพลงสงครามรวมตัวกันพูดกระซิบกันไม่กี่คำ พวกเขารู้สึกว่าดีที่สุดคือจัดการกับศัตรู อย่างไรก็ตามไม่มีใครแน่ใจ
แม้ว่าคนของตำหนักกลางจะตามมาทัน แต่ตราบใดที่ทุกคนยังสามัคคีกัน
โชคดีคงจะได้เห็นว่าใครต้องกลัวใครกันแน่!
ผู้อาวุโสวิหารที่ซุ่มอยู่ที่นี่สองคนยังไม่ถูกกำจัด
และพวกเขาจะเข้าไปโดยตรง และนี่ไม่ต่างอะไรกับการส่งพวกเขาไปตาย
เย่ว์หยางไม่กังวลรีบร้อน แต่พวกเขากังวลและกระวนกระวายใจ
คุณชายสามยังมีความมั่นใจ
มีอะไรต้องกลัว?
สามชั่วโมงต่อมาคนดักทำร้ายในหุบเขาใบมีดยังรอคอยอย่างเหลืออด ผู้อาวุโสตำหนักอดด่าทอในใจไม่ได้ เจ้าพวกนี้ช่างขี้ขลาดกันเสียจริง!
หยุดอยู่ข้างนอกหุบเขาดาบโดยไม่ย่างเท้าเข้ามาในหุบเขา
ถ้าเป็นนักสู้ปราณดินธรรมดาหรือนักสู้เตรียมปราณฟ้าคงตายไปแล้ว
แต่พวกเหล่านั้นเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้า คนในกลุ่มสามกลุ่มยังไม่เข้ามา พวกนั้นไม่เข้ามาสู้ข้างใน แต่พวกเขาจึงได้แต่อดทนและรอคอย!
“อสูร มีอสูรอีกตัวหนึ่ง”
ที่ท้องฟ้าหุบเขาใบมีด
อสูรไฟ ลม ไฟฟ้า แสงและความมืดและอสูรอื่นๆ
ต่างบุกเข้ามาผ่านเครื่องจักรมีดทีละตัวและตรงมาทางที่นักสู้ปราณฟ้าหลบอยู่
อสูรเหล่านี้มีลักษณะรูปร่างพิเศษไม่กลัวถูกมีดตัดขาด
เพราะเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสม
พวกมันจึงกลายเป็นอสูรพิทักษ์ที่อันตราย
เดิมทีพวกมันอาศัยอยู่ในหุบเขามีด
ผู้อาวุโสตำหนักเห็นว่านักรบสามกลุ่มใหญ่ไม่ยอมเข้ามา
พวกเขาอดส่งอสูรส่งไปล่อให้พวกเขาเข้าหุบเขา หวังว่าแรงกดดันนี้จะทำให้นักรบจากกลุ่มทั้งสามตื่นเต้น...
เมื่อไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหลบเข้าไปในหุบเขามีด
ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองจะใช้ภูมิประเทศที่น่ากลัวโจมตีใส่อย่างรุนแรง
ถ้าอสูรเหล่านี้ต้อนให้นักรบทั้งสามกลุ่มเข้ามาในหุบเขาใบมีดได้
นักรบทั้งสามกลุ่มจะต้องทรมานเสียหายอย่างหนัก
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาไม่ออกมาสู้
สถานการณ์จึงกลับตาลปัตร
เมื่อสูญเสียขีดจำกัดกับดักจักรกล
ก็ย่อมสูญเสียความได้เปรียบไปด้วย
พลังต่อสู้ของอสูรเหล่านี้ยังน้อยกว่าอสูรเงาชุดแรกเสียอีก
ถ้าผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองสามารถระงับอารมณ์โกรธและคงอยู่ในที่ซ่อนตัวต่อไปแทนที่จะส่งอสูรออกมาล่อ
เชื่อได้ว่าอสูรเหล่านี้คอยอยู่ใกล้จักรกลและคอยโจมตีจะได้ผลมากกว่า
“ไม่มีใครสามารถเข้าไปในหุบเขาใบมีด ไม่มีใครสับสนตามที่เจ้าตั้งใจหรอกนะ”
สำหรับคลื่นการโจมตีนี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือเย่ว์หยาง
ผู้นำของทั้งสามกลุ่มจัดการกลุ่มได้อย่างดี
พวกเขาเชื่อใจยินดีเป็นมิตรกับเย่ว์หยางเด็กหนุ่มผู้มีศักยภาพลึกลับ
พวกเขาต้องการฉวยโอกาสแสดงฝีมือและแสดงพลังเพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อย
ความคิดของนักรบแดนสวรรค์เหล่านี้คล้ายกัน
ไม่มีใครอยากลอง พวกเขาหวังว่าจะได้รับการชื่นชมจากคุณชายสามผู้ลึกลับ
ก็แค่ในปัจจุบัน
ไม่มีใครยอมเป็นสหายกับคนอ่อนแอ
ไม่มีใครอยากเป็นสหายของคนขี้ขลาด นักรบแดนสวรรค์เห็นเย่ว์หยางกอดอกยืนมอง
ทุกคนเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้ามองหาอสูรที่เหมาะสมที่สุดที่จะควบคุมได้ และพบว่าศัตรูเข้ามาใกล้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
เพราะจำนวนคนทำให้นักรบบางส่วนต้องจับกลุ่มเป็นกลุ่มเล็กๆล้อมอสูรพิทักษ์ไว้
เนื่องจากพวกเขากระตือรือร้นเกินไปจึงทำลายแผนของผู้อาวุโสตำหนักโดยไม่ได้ตั้งใจ ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสอง..ต้องการให้อสูรหลอกล่อนักรบทั้งสามกลุ่มเข้ามาในหุบเขามีด
อย่างไรก็ตามนักรบทั้งสามกลุ่มกระตือรือร้นที่จะทำดีเอาหน้า
แต่กลับทำลายแผนดั้งเดิมของผู้อาวุโสวิหาร
“แม่มันเถอะ,
เจ้าพวกโง่เหล่านี้มองเห็นแผนการของเราหรือ? พวกเขารู้ว่าเรารอซุ่มทำร้ายอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“อาจไม่ใช่ก็ได้ แต่คนพวกนี้กลัวตาย
เพื่อปกป้องตนเองจึงต้องการฆ่าอสูรพิทักษ์! อสูรเหล่านี้ตายไปโดยไม่ได้อะไรเลย อย่างไรก็ตามหุบเขามีดคือกับดักจักรกล
ประกอบกับมีเราคอยรอบทำร้าย
พวกมันจะไม่มีทางรอดเว้นแต่พวกหัวหน้าที่มีพลังมากกว่าปราณฟ้าระดับห้า!”
“สิ่งที่ข้าต้องการก็คือทำลายให้หมด! ฆ่าให้หมดไม่มีเหลือ
ไม่งั้นข้าไม่อาจแลกดาบศักดิ์สิทธิ์ได้”
“อย่ามองอีกเลยดีกว่า
จะทำลายทั้งหมดเป็นเรื่องยาก เว้นแต่สามตุลาการสามารถมาถึงได้
มันก็คงลำบากต่อพวกเราขึ้นบ้าง ถ้าต้องการจะทำลายพวกเขา อีกอย่างหนึ่งสามตุลาการใหญ่นั้นหยิ่งยโส เมื่อพวกเขามา
พวกเขาจะยอมร่วมมือกับเราทั้งสองหรือ? พวกเขาจะต้องขโมยผลงานของเราไปแน่ ข้าคิดว่าเราลองอีกครั้ง
หาโอกาสฆ่าพวกมันให้ได้ทั้งหมด”
“ก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม
ทั้งสามกลุ่มนี้ยังนับว่ามีเกียรติ!”
ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองกระซิบพูดคุยถึงแผนโจมตี
ด้านนอกหุบเขามีด
ทั้งสามกลุ่มใหญ่พากันดีใจ
ชนะอีกครั้งหนึ่ง
ชนะอย่างใสสะอาด
ยังง่ายกว่าการรบกับอสูรเงา
และได้รางวัลจากผลึกปีศาจปราณฟ้ามากมาย
ส่วนที่เหลือของอสูรพิทักษ์
หันหนีกลับไปในหุบเขามีดและแน่นอนว่ายังมีอสูรที่ผู้อาวุโสส่งออกมาล่อลวงนักสู้ให้ย่ามใจบุกเข้ามาในหุบเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางเตือนไว้ล่วงหน้า
แม้แต่ระดับราชาหลิงหวินยังไม่สามารถเห็นศัตรู เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะค้นพบว่าอสูรตัวใดถูกควบคุมโดยผู้อาวุโสตำหนัก
เมื่อรู้ว่ามีเสือในภูเขา
ทุกคนย่อมไม่ยอมปีนภูเสือเป็นธรรมดา
นักรบแดนสวรรค์บางคนทำเป็นบินไปที่ปากทางเข้าหุบเขามีด
บินฉวัดเฉวียนอยู่ครูหนึ่งจากนั้นถอยออกมาอย่างระมัดระวัง
แม้ว่านักรบหลายคนในสามกลุ่มนี้จะได้รับบาดเจ็บกันบ้างแต่ใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้ม
ในการต่อสู้ครั้งนี้มีน้อยคนมากที่บรรลุพลังระดับใหม่ในการสู้ อย่างเช่นเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัว
เพราะอสูรของพวกเขาเป็นรูปแบบพิเศษจึงได้รับประโยชน์ในการต่อสู้
เมื่อนักสู้ปราณฟ้าเห็นทักษะไม่เหมือนใครในการต่อสู้ต่างพากันตะลึง
เป็นความรู้สึกที่ยากอธิบาย พวกเขาไม่เคยเห็นนักสู้แดนสวรรค์อย่างกลุ่มคนข้างหน้ามาเท่าใด?
เมื่อมีเย่ว์หยางอยู่ด้านข้างคอยกระซิบบอกให้คำแนะนำอยู่ด้านข้าง
นั่นคงไม่ยากในการบรรลุพลังระดับใหม่
เจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับคนอื่นส่งสัญญาณบรรลุระดับพลังใหม่
แต่พวกเขายังไม่สามารถรับรู้ได้ในขณะนี้
ลักษณะของพวกเขาบ่งบอกว่าจะบรรลุพลังใหม่ในไม่ช้า
“พวกท่านอยู่ที่นี่
คนที่สนใจสามารถไปและกลับได้ให้มากับข้า”
หลังจากตัดสินใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าไม่เข้าหุบเขามีด
ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองก็คงไม่ยอมออกมา
แน่นอนเขาตัดสินใจชั่วคราวจะพาเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นกลับไปหุบเขาพิรุณอีกครั้งเพื่อดูว่าสามารถโจมตีพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อย่างคาดไม่ถึงได้ยังไง
“ตกลง” ราชาหลิงหวิน และถูไห่
พวกวเขารอยคอยโอกาสมายาวนานเช่นกัน
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น
หัวหน้าของสามกลุ่มใหญ่ กลุ่มเขตรกร้างที่แปด
กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามยังต้องการแสดงฝีมือต่อหน้าเย่ว์หยาง..
หลังจากปรึกษาและตัดสินใจออกไปด้วย
ผู้นำทั้งสามมองดูเย่ว์หยางด้วยสีหน้าลำบากใจ
“คุณชายสาม ถ้าพวกเขาต้องการฆ่าเราในหุบเขามีด
บางทีเราไม่อาจต้านทานได้เหมือนกัน”
เย่ว์หยางเมื่อได้ยินก็โบกมืออย่างอารมณ์ดี
“สบายใจได้!
เราต้องมีศรัทธา
พวกเขากระโดดไปแล้วแต่ยังไม่กล้าโผล่ออกมา
เพราะพวกเขากังวลว่าเราจะลอบทำร้าย
พวกท่านต้องแกล้งทำเป็นว่าพวกท่านไม่รู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน
และพวกท่านมีความสงสัย บางทีก็ให้ส่งอสูรไปสำรวจเส้นทางและทำหน้าสงสัย สำหรับพวกท่านเหล่าหัวหน้า
เมื่อผ่านไปชั่วขณะต้องทำทีประชุมพูดคุยหารือและแกล้งทำเป็นสมรู้ร่วมคิดกัน
ข้าเชื่อว่าเจ้าโง่นั่นจะไม่ละทิ้งชัยภูมิที่ได้เปรียบแน่นอน
และวิ่งออกไปบังคับให้พวกท่านโจมตี
อย่างไรก็ตามพวกท่านจะต้องอยู่ด้านนอกอีกต่อไป
ข้าเชื่อว่าจะทำให้พวกเขาวู่วามมากขึ้น”
เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นทำเป็นไม่สนใจ พวกเขารวมทั้งราชาหลิงหวินและถูไห่
ผู้นำทั้งหมดรวมสิบเอ็ดคนผู้มีพลังปราณฟ้าระดับห้าเป็นอย่างน้อยตัดสินใจกลับไปหุบเขาพิรุณพร้อมกับเย่ว์หยางและโจมตีกองกำลังใหญ่ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
เรื่องแบบนี้ถ้าปล่อยผ่านจะกลายเป็นหายนะของการล้างเผ่าพันธุ์
แต่เมื่อเรื่องเงียบ
ไม่มีใครรู้ คนตายพูดไม่ได้...มองผิวเผิน
นักรบปราณฟ้าระดับราชาเหมือนจะเป็นสถานะที่ดี
แต่ในฐานะที่เป็นราชาทุกคนรู้ว่ามันคือการหลั่งโลหิตและมีคนตายมากมาย!
ในฐานะราชาจะต้องฆ่าคนจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มากมาย
แต่การโจมตีขนาดใหญ่แบบนี้นับเป็นครั้งแรก
แรงกระตุ้นที่บ้าคลั่งเช่นนี้ทำให้หัวใจเต้นแรง
เย่ว์หยางเหลือบมองผ่านๆ
พวกเขาเปลี่ยนชุดและปลอมตัวอย่างง่ายๆ
หลายคนมีอสูรที่เปลี่ยนแปลงร่างได้โดยแปลงเป็นร่างพวกเขา บางคนใช้อัญมณีหรือความสามารถในการแปลง ถ้าพวกเขาปลอมตัวได้ไม่ดี พวกเขาแค่สวมหน้ากากเหมือนเย่ว์หยาง พวกเขาก็ไม่พบสถานะที่แท้จริง
ในขณะเดียวกัน
อสูรของทุกคนที่แปลงร่างได้ เมื่อพวกเขาทำเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถใช้อสูรพิทักษ์ของตนเองหรืออสูรที่เป็นครื่องหมายของตนได้ ในกรณีที่บางหนีไปได้
ตำหนักกลางแดนสวรรค์จะกำจัดครอบครัวตระกูลพวกที่ท้าทายอำนาจตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
นอกจากนางพญาเฟ่ยเหวินหลีที่ทรงพลังแล้ว
แดนสวรรค์ไม่มีใครสามารถสั่นสะเทือนตำแหน่งของพวกเขาได้
ดังนั้นทุกอย่างจะต้องทำกันอย่างลับ
“ข้าคือเบอร์หนึ่ง ราชาหลิงหวินคือเบอร์สอง
เจ้าเมืองถูไห่ ท่านคือเบอร์สาม และไล่ไปเรื่อยๆ
ทุกท่านจะมีรหัสเป็นของตนเอง”
เย่ว์หยางพูดแผนด้วยภาษาลับ จากนั้นมองคนทั้งสิบเอ็ดคนลอยตัวจากไป
เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นเข้าไปในโลกคัมภีร์ของฮุยไท่หลาง
มันจะพาพวกเขาไปด้วยรอคอยโอกาสที่เหมาะสม
แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งใดๆ
ได้ในการต่อสู้ยอดฝีมือนักสู้ระดับสูง
ด้วยระดับพลังปัจจุบันของพวกเขาเท่าที่พวกเขาจะสามารถร่วมสู้ได้
ก็ยังถือว่าไม่เลว เมื่อการต่อสู้เป็นไปตามต้องการ เมื่อศัตรูถอยร่น พวกเขาจึงค่อยออกมาไล่กดดันด้วยกัน
ฮุยไท่หลางเก็บเจ้าอ้วนไห่และพวกไว้ในคัมภีร์แล้วเปลี่ยนจากลักษณะสุนัขจอมเกียจคร้านเป็นสภาพพร้อมสู้เคียงข้างกับเย่ว์หยาง
ทางเข้าหุบเขาพิรุณ
ทหารรับจ้างแดนสวรรค์นับไม่ถ้วนตายภายใต้การโจมตีของอสูรเงา
ต่างนอนเจ็บปวดร้องครวญคราง
แต่ข้างหลังทหารรับจ้างแดนสวรรค์เหล่านี้
มีคนสามกลุ่มตั้งแถวเรียงเดี่ยว ลักษณะของแถวเป็นเส้นตรง
ตาของพวกเขาเยือกเย็นอำมหิตไม่สะทกสะท้านต่อภาพอเน็จอนาถที่เกิดอยู่ข้างหน้าพวกเขา
เมื่อเห็นทหารรับจ้างแดนสวรรค์นับพันตกตายร้องครวญคราง ทหารทั้งสามกองยังไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ
ทหารสามกองทั้งหมดอย่างน้อยมีพลังปราณฟ้าระดับสาม
คนหัวหน้ามีพลังปราณฟ้าระดับห้า
ที่ยืนอยู่หน้านายกองทหาร
เป็นร่างเงาห้าร่างในชุดคลุม ดูลึกลับยากจะหยั่งถึง
“เจ้าแน่ใจนะว่าหัวหน้าโจรสลัดเข้ามาในนี้?” ร่างเงาที่ยืนอยู่ตรงกลางพูดเสียงไม่มีสั่น
“ขอรับ, ทุกๆ ร้อยปีเขาจะมาท้าทาย
และปีนี้ก็คงไม่ยกเว้น นอกจากนี้บริวารของข้าเป็นพยานเห็นเขาเข้ามาข้างในจริง
เรื่องนี้ไม่มีการเข้าใจผิดแน่”
เงาร่างที่ยืนอยู่ซ้ายสุดตอบอย่างสง่างาม เขาพูดช้าเสียงเหมือนเสียงแตกพร่าเหมือนเหล็ก
ราวกับว่าทุกคำที่เขาพูดมีลักษณะคล้ายแผ่นเหล็ก
“ก็ดี
งั้นปีนี้ตำแหน่งที่นั่งนี้จะต้องถูกทำลาย
หัวหน้าโจรสลัดต้องถูกทำลาย!
เศษเดนของราชินีผู้พิชิต เอาชนะหอทงเทียนกำจัดพวกมันออกไปจากแดนวรรค์ ไม่ต้องคำนึงถึงแดนสวรรค์ตะวันตก
ไม่ต้องคำนึงว่าชาวโลกจะมองอย่างไร สามจอมภพแดนสวรรค์เป็นเรื่องของหอสุดยอดฝีมือและเป็นเจ้าครองแผ่นดิน
ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับที่นั่งตรงนี้!
ตำแหน่งที่นั่งตรงนี้เพียงแต่รู้ว่าถ้าหอทงเทียนยังอยู่ต่อไป
มักจะเป็นศัตรูกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เสมอ ถ้าพวกหอทงเทียนยังอยู่
สักวันตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีวันสงบ มีตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ต้องไม่มีหอทงเทียน ครั้งนี้หัวหน้าโจรสลัดจะต้องถูกทำลาย
ตำแหน่งตรงนี้จะส่งกองทัพไปทำลายเมืองเจิ้งฝูทั้งหมด ถึงเวลานั้นหอทงเทียนจะไม่มีความหวังต่อไป
ที่นั่งนี้จะทำให้หอทงเทียนตกต่ำอยู่ในความมืดนิรันดร
..เพื่อเกียรติยศของตำหนัก พวกเจ้าทุกคนต้องอุทิศชีวิต!”
“ตำหนักกลางจงเจริญ!” กองทหารทั้งสามกองมีรังสีอำมหิตแผ่ออก
ทุกคนกำหมัดทาบอกแสดงความมุ่งมั่น
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
เอาแล้วๆ สงครามๆ
แสดงความคิดเห็น