วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 808 เริ่มเสียใจ


ตอนที่  808  เริ่มเสียใจ
 “ข้าน่ะหรือ?” บุรุษผมงูเป็นคนแรกที่มาถึง และเขามีปฏิกิริยาและแสดงอาการลำพองทันที  “อย่างนั้นก็ดูกันเอง”
 
 “รบ!” เย่ว์หยางเหยียดมือเล็กน้อย  เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลอยตัวอยู่ราวกับมีเส้นใยอยู่บนฝ่ามือของเขา
 “รอก่อน ช่วยตอบเราผู้เฒ่าให้หายข้องใจก่อนสู้กันได้หรือไม่?  ขออภัย, เจ้าค้นพบว่าข้าเป็นอสูรพิทักษ์ไม่ใช่จอมปีศาจลี่ตี้ที่แท้จริงได้ตรงที่ใดกัน?”  บุรุษผมขาวควักปากกาและกระดาษออกมาพร้อมจดทันที  ดูเหมือนเขาต้องการจดบันทึกคำตอบ  แม้ว่าอาจไม่ได้ใช้ในอนาคต แต่อย่างน้อยก็ยังได้รู้ข้อบกพร่อง
 “ความจริงเป็นเรื่องง่าย.... เป็นเพราะทักษะแฝงเร้น ถ้าเจ้าเป็นจอมปีศาจลี่ตี้ตัวจริง อย่างนั้นเขาก็ต้องเป็นอสูรพิทักษ์  ถ้าเขาเป็นอสูรพิทักษ์เป็นไปไม่ได้ที่หลอกลวงเราด้วยทักษะแฝงเร้นสะท้อนอาการบาดเจ็บและล่อหลอกเราด้วยวิธีการต่างๆ  นี่คือข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเราใช้ความฝันของเมทริกซ์และกฎจ้าวนรกมาทดสอบ เจ้าก็ยังสร้างอุบายที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บทำร้ายตัวเองและทักษะแฝงเร้นสะท้อนอาการบาดเจ็บและกระจกทนทุกข์ ก็เลยทำให้เราสงสัย  นอกจากจุดบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดนี้ ถ้าเจ้าเป็นจอมปีศาจลี่ตี้ และปล่อยให้โซ่ผนึกน้ำแข็งห้อยร่างตนเองไว้อาศัยแต่พลังของอสูรพิทักษ์ ไม่มีทางที่จะจากเราไปได้  เพราะเจ้ารู้ว่าในวิหารปีศาจดินมีกฎห้ามสัตว์อสูรไม่ให้ต่อสู้กัน ในวิหารปีศาจดินนี่คือข้อห้าม แม้ว่ามันสามารถปรากฏตัวได้ แต่จะไม่มีพลังต่อสู้  ถ้าเจ้าไม่รู้ความลับนี้  เจ้ายังจะพูดลำพองว่าสามารถปล่อยเราไปได้ยังไง!  คำพูดของเย่ว์หยางทำให้ชายชราผมขาวและบุรุษผมงูหน้าถอดสี
 “เมื่อครู่นี้เราไม่ได้เรียกอสูรของเราออกมา ก็แค่เพื่อบีบบังคับให้เจ้าเริ่มโจมตี  เพื่อกำจัดความกังวลของเรา  เจ้าถึงกับเรียกอสูรจักรกลออกมาโจมตี  ความจริงทันทีที่มันออกมาเราก็ตัดสินใจได้ทันทีว่า กฎของวิหารปีศาจดินห้ามใช้อสูรโจมตีจริงๆ”  เสวี่ยอู๋เสียเปิดคัมภีร์แห่งสัจจะด้วยความเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อยสง่างาม และพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย  “คัมภีร์แห่งสัจจะของข้ากับอสูรพิทักษ์ของข้าเชื่อมโยงทางใจถึงกัน  นี่ หากความคิดแบบนี้ถูกแยกโดดเดี่ยว ข้าได้แต่ตัดสินว่าเป็นเพราะพลังกฎธรรมชาติของผนึก”
 “มิน่าเล่า!  พวกเจ้ามองเห็นแผนของเราอยู่แต่แรกแล้ว”  บุรุษผมขาวถอนหายใจยาว
 “ตู๋กูฉางฟงเข้าในวิหารปีศาจดินและยังกล้าดื่มเหล้าเพลิงต่อหน้าผู้คน  ในฐานะศิษย์ของตระกูลใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่จะประมาทไม่ระมัดระวังตัวขนาดนั้น”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบอกว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่มาก
 “ต่อไปเราจะต้องให้ความสนใจกับรายละเอียดนี้แน่นอน”  หลังจากบุรุษผมขาวบันทึกข้อความไว้ เขาเงยหน้าถามในที่สุด “พวกเจ้ามีคำสั่งเสียใดจะบอกอีกบ้างไหม?”
 “เขียนลงไปอีกประโยค”  เย่ว์หยางแค่นเสียง  “นี่เป็นคำถามที่ข้าได้ยินเป็นครั้งที่เก้าสิบเก้าแล้ว”
 “แต่ก็ยังเป็นครั้งสุดท้ายอยู่ดี”  ชายชราผมขาวเก็บปากกาและกระดาษไว้อย่างดี
บุรุษผมงูเป็นจอมปีศาจลี่ตี้อย่างแท้จริง
เขาหลุดออกมาจากผนึกน้ำแข็งได้อย่างง่ายดาย
ด้วยทักษะแฝงเร้นของเขาและกระจกทนทุกข์ เขาสามารถเปลี่ยนพลังผนึกให้ส่งไปที่ชายชราผมขาวซึ่งเป็นอสูรพิทักษ์ของเขาได้  แม้ว่าเขาจะไม่สามารถไปจากวิหารปีศาจดินได้  และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดพ้นไปจากผนึกกฎสวรรค์  อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขาในการดึงพลังทั้งหมดออกมาต่อสู้
แค่เพียงเขาขยับมือ กระจกทนทุกข์ก็กลับไปอยู่ในมือขวาของจอมปีศาจลี่ตี้
จอมปีศาจลี่ตี้เปลี่ยนชุดและสวมเกราะวิเศษปีศาจฟ้าซึ่งด้อยกว่าเกราะชั้นเทพเล็กน้อย นี่เป็นเกราะคุณภาพดีที่สุด แค่เพียงอีกเล็กน้อยจะกลายเป็นสมบัติระดับเทพ
แน่นอนว่าความแตกต่างนี้จะไม่เหมือนกันตลอดไป  สมบัติที่ด้อยกว่าสมบัติระดับเทพเพียงเล็กน้อยไม่สามารถเทียบกับสมบัติเทพได้ ไม่ว่าจะคุณภาพดีปานใดก็ตามก็เหมือนกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงไหนก็ตาม แต่มิอาจเทียบกับอสูรเทพได้
เกราะวิเศษปีศาจฟ้าได้มาจากจักรพรรดิปีศาจไคเทียน  แม้ว่าจะไม่ใช่สมบัติระดับเทพ แต่เป็นไปไม่ได้ที่พลังโจมตีของนักสู้ปราณฟ้าจะทะลุผ่านไปได้
เว้นแต่จะมีอาวุธวิเศษและพลังปณิธานราชันย์หรือพลังกฎสวรรค์
มิฉะนั้นเกราะวิเศษปีศาจฟ้าก็เป็นสมบัติที่ไม่มีวันทำลายลงได้
ไม่ว่าจะเป็นเกราะหมวก เกราะไหล่ ชุดเกราะรบ เข็มขัด เกราะแขน เกราะแข้ง รองเท้า ชุดเกราะทั้งหมดเปล่งประกายรัศมีศักดิ์สิทธิ์  ถ้าไม่ใช่เพราะในวิหารปีศาจดินถูกผนึกไว้อย่างแข็งแกร่งพลัง
คลื่นระเบิดจากเกราะจึงไม่เล็ดรอดออกมาข้างนอก และขับไล่ความมืดมิดแม้เย่ว์หยางจะเตรียมตัวอยู่ก่อน แต่ก็ยังถูกคลื่นพลังระเบิดของเกราะกวาดใส่จนต้องถอยหลังไปถึงสามก้าว  ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่เป็นการกระจายสลายพลังของเกราะเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงศักดิ์ศรีของคู่ต่อสู้
จอมปีศาจลี่ตี้บุรุษผมงูเรียกคัมภีร์อัญเชิญระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมาลอยอยู่หน้าตนเอง
กระจกทนทุกข์ในมือขวาของเขาลอยวนอยู่เหนือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแผ่วเบา
ขณะเดียวกันเขาเปิดไปอีกหน้าและดึงขวานปีศาจดินขนาดใหญ่ออกมา
ขวานปีศาจดินยังด้อยกว่าสมบัติชั้นเทพเล็กน้อย ไม่ใช่สมบัติที่ได้รับมาจากจักรพรรดิปีศาจไคเทียน  แต่เป็นอาวุธสร้างชื่อให้กับจอมปีศาจลี่ตี้เอง คุณภาพระดับเดียวกับกระจกทนทุกข์ และเป็นรองเพียงเกราะศักดิ์สิทธิ์ปีศาจฟ้าซึ่งสมบัติคุณภาพดีที่สุดของเขาเพียงเล็กน้อย
ขวานในมือของจอมปีศาจลี่ตี้หนักเกือบหมื่นชั่ง สีเหมือนสาหร่าย จอมปีศาจยกขวานได้ราวกับไม่มีน้ำหนัก
ควั่บ
ทันใดนั้นพื้นที่ระหว่างจอมปีศาจลี่ตี้และเย่ว์หยางมีรอยแยกปรากฏให้เห็นทันที  จอมปีศาจลี่ตี้ชี้ขวานไปที่รอยแยกนั้นและพูดอย่างมั่นใจ “นี่จะเป็นที่ฝังศพของเจ้า เจ้าจะไม่มีทางหนี และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะข้ามเขตแดนไปได้  เพราะถ้าเจ้าทำเช่นนั้นศพเจ้าจะถูกตัดแบ่งทันที”
 “นี่เขาบ่นอะไรของเขากันแน่?”  เย่ว์หยางถามเสวี่ยอู๋เสีย
 “ไร้ประโยชน์  แต่เขาขยายเวลาได้ เพราะเราไม่มีทักษะแฝงเร้นแบบเขา  ดังนั้นตราบใดที่เจ้าใช้พลังตนเอง ผนึกจะมองว่าเป็นเป้าหมายที่ไม่เป็นมิตร และผนึกไว้กับคัมภีร์เทพปีศาจดินนี้”  เสวี่ยอู๋เสียไม่ได้เงยหน้า  นางพลิกคัมภีร์แห่งสัจจะและตอบตามปกติ
 “ถ้าเราไม่ต่อต้านอีกต่อไป อย่างนั้นชายชราผมเงินจะฉวยโอกาสลอบใช้พลังเยือกแข็งกับเรา” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่งเสียงดัง
ความจริงชายชราผมหงอกถูกผนึกไว้  และถ้าเขาใช้พลังโจมตี  อย่างมากเขาก็ถูกลงทัณฑ์มากขึ้น
แต่ถ้าเย่ว์หยางไม่ต้านเอาไว้  เขาจะตายอย่างน่าอนาถ
จอมปีศาจลี่ตี้เคลื่อนมาอยู่ด้านหน้าอสูรพิทักษ์ เมื่อดูเขากับขวานใหญ่ อสูรพิทักษ์ร่างมนุษย์ตัวคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนถูกโกงเล็กน้อย ศัตรูเจ้าเล่ห์ไร้ยางอายใช้พลังกฎสวรรค์และพลังผนึกของวิหารปีศาจดิน ไม่ว่าจะเริ่มต้นหรือไม่ก็ตามจะต้องจบลงที่ความตาย ยอดฝีมือที่หลงเข้ามาท้าทายในวิหารปีศาจดินจะไม่มีชีวิตรอดกลับไป  เย่ว์หยางสงสัยว่าปีศาจโชคร้ายที่อยู่ในกลุ่มรูปปั้นน้ำแข็งคงมีตู๋กูฉางฟงจากสี่ตระกูลใหญ่แดนสวรรค์อยู่ด้วย  มิฉะนั้นจอมปีศาจลี่ตี้จะแกล้งทำเป็นคนแปลกหน้าได้ยังไง  นอกจากนี้จอมปีศาจลี่ตี้ไม่ได้รับข้อมูลจากตู๋กูฉางฟง เขาจะรู้เรื่องจักรพรรดิอวี้และเฟ่ยเหวินหลีว่าเป็นหรือตายได้ยังไงทั้งที่พวกเขาไม่เคยเข้ามาท้าต่อสู้?
จอมปีศาจลี่ตี้ถอนหายใจโล่งอก และขวานปีศาจดินกลายเป็นคมดาบที่จะใช้ประหารเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตามการโจมตีที่รุนแรงที่สุดมาจากด้านหลังเย่ว์หยาง
ชายชราผมขาวจากในคัมภีร์โบราณกระโดดออกมาเหมือนกับเงาปีศาจทั้งกัดและฉีกหลังเย่ว์หยางเพื่อควักหัวใจของเขา
ภาพเงาของเย่ว์หยางหายไป
เขามาปรากฏอยู่ต่อหน้าหน้าจอมปีศาจลี่ตี้ที่กำลังควงขวานวิเศษแล้วชิงจับหัวขวานเหมือนกับปลาที่คล่องแคล่วโลดแล่นอยู่ในมุมอับของศัตรูและปล่อยหมัดใส่ปลายคางของจอมปีศาจลี่ตี้  ในท้องฟ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกระโดดฟันดาบเทพจักรพรรดิอวี้ใส่  เสวี่ยอู๋เสียปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขามือซ้ายถือสายฟ้า มือขวาถือพลังน้ำแข็งและระเบิดใส่จอมปีศาจลี่ตี้อย่างรุนแรง
ปัง!
ทั้งสามได้รับแรงสะท้อนถึงกับไถลถอยหลัง
รอให้เย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตั้งหลักได้  พวกเขาประหลาดใจเมื่อพบว่าจอมปีศาจลี่ตี้ที่ถูกโจมตีใส่อย่างหนักไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย  นอกจากนี้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ฟันถูกเกราะปีศาจฟ้า ทิ้งไว้แค่รอยขีดข่วนเป็นหลักฐานว่าโจมตีโดน  ส่วนการโจมตีร่วมอื่นของเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียไม่ได้ผลแม้แต่น้อย
 “ถึงแม้เจ้าจะมีดาบเทพก็ตาม  แต่เจ้ายังอายุน้อยเกินไปไม่สามารถใช้พลังของอาวุธเทพได้”  จอมปีศาจลี่ตี้ส่ายศีรษะ  “เจ้าอ่อนแอเกินไป  และยังอ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกที่เข้ามาท้าทายข้า  เอาล่ะ ไม่ต้องเสียเวลาเล่นอีกแล้ว ข้าจะส่งพวกเจ้าสู่เส้นทางปรภพ!
กระจกทนทุกข์ในมือขวาของเขาฉายใส่ร่างของเขา
จากนั้นหันแสงสะท้อนไปที่เย่ว์หยาง
ภาพที่เหมือนกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในมือขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟันใส่ไหล่ของเย่ว์หยาง ด้วยระดับพลังเช่นเดียวกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งใช้ออก
เย่ว์หยางไม่มีเวลาหลบ และด้านหลังของเขามีภาพอีกภาพหนึ่งฉายออกมาเหมือนกับมือของเสวี่ยอู๋เสียที่กลั่นรวมพลังน้ำแข็งและพลังสายฟ้า ฟาดเข้าที่หูของเย่ว์หยาง  ต่อหน้าเขา เย่ว์หยางมองเห็นตัวเองอีกร่างหนึ่งเข้ามาที่มุมอับของเขาและปล่อยหมัดใส่คางของเขา
แม้ว่าจะหลบด้วยความเร็วสูงสุด แต่ก็ไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง
เป็นการโจมตีทั้งหมดสามครั้ง
เย่ว์หยางมีเลือดที่ไหล่ไหลทะลัก และตัวของเขากระเด็นลอยออกไปเหมือนว่าวที่ขาดลอย
กระจกทนทุกข์และทักษะแฝงเร้นคืนสนอง เป็นการผสานพลังได้อย่างลงตัว สามารถบังคับพลังโจมตีของมันได้เหมือนพลังดั้งเดิม และไม่มีทางหลบได้ มีแต่ต้องถูกโจมตีเท่านั้น
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิ่งเข้าหาจอมปีศาจลี่ตี้ พวกนางต้องการฆ่าปีศาจนี้เพื่อแก้แค้นให้เย่ว์หยาง  จอมปีศาจลี่ตี้ถอดศีรษะออกและไม่ได้ตั้งท่าป้องกัน  “ต้องการจะตัดหัวข้าหรือ? นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย  ใช้ดาบเทพตัดศีรษะข้าล้างแค้น ข้าสามารถต่อศีรษะใหม่ได้  ข้าเป็นปีศาจ แต่ข้าไม่รู้ว่ามนุษย์ทำแบบนี้ได้หรือเปล่า  ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามนุษย์ผู้โง่เขลา ข้าจะบอกความลับอย่างหนึ่งแก่พวกเจ้า  พวกเราปีศาจเป็นเผ่าพันธุ์อมตะ ต่อให้พวกเจ้าตัดข้าเป็นชิ้นๆ ข้าก็ฟื้นฟูได้อย่างง่ายดาย... แม้แต่พลังกฎสวรรค์ก็ไม่สามารถทำลายปีศาจอย่างเราได้ง่ายๆ มิฉะนั้นทำไมพวกเขาจึงได้แค่เพียงผนึกเราไว้?  จะท้าทายวิหารปีศาจดินน่ะหรือ  พวกเจ้าช่างไร้เดียงสาจริงๆ นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีทางชนะได้  ถ้าไม่ใช่เพราะมีเวลาเหลือเฟือไม่จำกัด ข้าคงไม่เสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเจ้า   พวกเจ้าสามารถฆ่าตัวเองได้โดยตรงได้เลย!
เขาปล่อยขวานปีศาจดินลง และเหยียดมือซ้ายชูขึ้น
คลื่นพลังที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากฝ่ามือของเขา
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเหมือนกับเศษไม้ที่ลอยอยู่ในกระแสน้ำพวกนางตกตะลึงในทันที  ทั้งสองนางดูเหมือนจะถูกพลังสังหารเล่นงาน ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ร่วงตกลงบนพื้นน้ำแข็ง  จากนั้นก็ได้ยินเสียงคัมภีร์อัญเชิญระดับทองแดงร่วงออกมาจากความว่างเปล่า
 “อะไรกัน..ตายแล้วหรือนี่?  อ่อนแอเหลือเกิน ข้ายังอยากจะเล่นต่ออีกสักหน่อย”  จอมปีศาจลี่ตี้ส่ายศีรษะ “เด็กนี่ฉลาด ข้านึกว่าจะมีอะไรน่าทึ่งเสียอีก”
 “ข้าไม่แน่ใจว่าพวกเขาตายแล้ว แม้ว่าลมหายใจของพวกเขาจะหยุดไปแล้ว  แต่ความตายสุดท้ายของพวกเขา ข้ายังไม่เห็นเลยสักนิด”
บุรุษชราผมขาวสงสัยว่าเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะไม่ตาย
จอมปีศาจลี่ตี้ได้ยินคำพูดนี้ เขาชี้นิ้วและยิงแสงสีดำไปที่เย่ว์หยางที่นอนจมกองเลือด  ตอนแรกยิงใส่หัวใจของเย่ว์หยางจนเป็นรู  เมื่อเขายื่นมือออกไปจับเลือดของเย่ว์หยางกลายเป็นน้ำค้างแข็ง ไม่ถึงสิบวินาทีเย่ว์หยางก็มีน้ำค้างแข็งจับทั้งตัวกลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็งไม่ต่างจากรูปสลักน้ำแข็งที่อยู่รอบๆ
เมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางถูกฆ่าตายไปแล้ว และสตรีทั้งสองไม่มีความเคลื่อนไหว บุรุษชราผมหงอกจึงเชื่อว่าพวกเขาตายไปแล้วในตั้งแต่แรก
เขาเปิดคัมภีร์โบราณและบันทึก  วันหนึ่งในแดนสวรรค์ คนรุ่นหลังของหอทงเทียนเข้ามาที่วิหารเพื่อท้าสู้
จอมปีศาจลี่ตี้ยืนอยู่กับที่ ดวงตามีแววเดียวดาย “เมื่อไหร่จะได้ออกไปเสียที”
 “วันที่ปีศาจฟ้าได้รับอิสรภาพจะเป็นเวลาที่นายท่านเป็นอิสระ”  บุรุษชราผมหงอกบันทึกกระบวนการต่อสู้และยิ้ม  “เมื่อครู่นี้เด็กทั้งสามก็ไม่เลวจริงๆ แต่ยังอายุน้อยเกินไป ถ้าไม่เร่งรีบบุกมาท้าท้ายที่นี่ หากเวลาผ่านไปอีกไม่กี่ร้อยปี เมื่อพวกเขาเติบโตเต็มที่  อาจจะน่าตื่นเต้นมากขึ้นก็ได้!  น่าเสียดายแอปเปิลผลนี้ ยังไม่ทันสุกก็ถูกเด็ดเสียแล้ว!
 “ช่างเถอะ, อัจฉริยะอย่างนี้ ในหอทงเทียนและแดนสวรรค์ให้กำเนิดเป็นจำนวนมาก  อัจฉริยะอย่างนี้ไม่รู้ว่าเราฆ่าไปแล้วกี่คน”  จอมปีศาจลี่ตี้คิดว่าเย่ว์หยางตายไปแล้วไม่จำเป็นต้องจดจำอะไร
 “ความจริง, ข้าคิดว่าเจ้าฆ่าข้าได้แล้ว ซึ่งเป็นความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ถึงความสำเร็จ ใครไม่รู้จะหาว่าร่างของข้าไม่มีความทนเสียเลย”  เกิดภาพในอากาศ และเย่ว์หยางลอยลงมาด้วยอาการผิดหวัง เขายกมือเล็กน้อยก็ถือคัมภีร์แห่งสัจจะของเสวี่ยอู๋เสียและดาบเทพจักรพรรดิอวี้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลอยมาอยู่ในมือของเขาอย่างสง่างาม
คัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงบนพื้นและดาบเทพจักรพรรดิอวี้ รวมทั้งศพเย่ว์หยางที่กลายเป็นน้ำแข็งบนพื้นหายไปไม่เหลือร่องรอย
เย่ว์หยางยิ้มกว้าง  “ข้าคิดว่าเจ้าจะประหลาดใจเสียอีก ภาพลวงตาที่ข้าสร้างขึ้นเป็นยังไงบ้าง เหมือนจริงยิ่งกว่าที่เจ้าสร้างหรือเปล่า?  ข้าอยากจะทำให้เจ้าได้มีความภูมิใจต่ออีกสักเล็กน้อย แต่ข้าเกรงว่า เจ้าจะนึกว่าเหมือนเป็นการตบหน้า ข้าจึงต้องการให้เจ้าแปลกใจมากขึ้น... ข้าคิดว่าในโลกนี้มีสิ่งเดียวที่เจ้าไม่สามารถใช้ทักษะคืนสนองและกระจกทนทุกข์ทำอะไรไม่ได้”
จอมปีศาจลี่ตี้ไม่เชื่อแม้แต่น้อย  “ดี..งั้นอะไรล่ะ?”
นอกจากพลังกฎสวรรค์และสำนึกเทพแล้ว
ยังมีสิ่งอื่นในโลกที่ไม่สามารถสะท้อนคืนสนองได้อีกหรือ?
เย่ว์หยางปล่อยพลังเพลิงพิเศษและเขาอาบอยู่ในเปลวเพลิง เมื่อเพลิงปรากฏน้ำแข็งก็สลายหายไปจากตัวเย่ว์หยางราวกับหนูเจอแมว  และเพลิงยิ่งลุกไหม้จนในที่สุดกลายเป็นเกราะไฟคลุมร่างทั้งหมดของเย่ว์หยาง
 “เพลิงอมฤต?”  ตาของจอมปีศาจลี่ตี้กระตุก  เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเด็กหนุ่มลึกลับจะมีความสามารถควบคุมเพลิงอมฤตได้
 “นี่แค่เริ่มต้น  เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความเสียใจ!  เย่ว์หยางหัวเราะ เขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาอย่างลึกลับ...

13 ความคิดเห็น:

Mr.kong กล่าวว่า...

เสียใจ เสียใจที่จบตอนแบบนี้ โอ้โหค้าง
ขอบคุณครับ

หมูน้อย กล่าวว่า...

อย่าเลยอย่าทำแบบนี้
มันค้างครับ
ขอบคุณครับ

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Numton กล่าวว่า...

ค้าง บอกเลยตอนนี้ค้างหนักมาก แต่ต้องขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

nutzido กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Emptiest กล่าวว่า...

เอาสิ ใครเจ้าเล่ห์กว่ากัน

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ได้เวลาของจริงละ

Destiny freedom กล่าวว่า...

แล้วประเด็นคือไอ้จอใปีศาสนี่มันโดนขังมามากกว่าหมื่นปี ไม่เคยออกไปไหน มามากกว่าหมื่นปี แล้วแล้วมันรู้จักนางพญาเฟ่ย กับจักรพรรดิอวี๋ได้ยังไง ต่อให้มันถามตู๋กู่ฉางฟางมา(พวกครที่โดนสาปเป็นน้ำแข็งก่อนหน้า) แต่ตอนทางเข้าไอ้ปีศาสตี่ลี่มันบอกว่ามันได้กลิ่นนางพญาเฟ่ย กับรู้จักดาบจักรพรรดิอวี๋ได้ยังไง แล้วมันรู้ได้ยังไงว่าพวกเย่เกี่ยวค่องกับพวกนางพญากับกับจักรพรรดิ แล้วมันไปสู่กับนางพญาตอนไหน แล้วโดนสาปหัวเป็นงู คนเขียนเค้างงหรือเราคนอ่านงงเอง

แสดงความคิดเห็น