ตอนที่ 808 เริ่มเสียใจ
“ข้าน่ะหรือ?” บุรุษผมงูเป็นคนแรกที่มาถึง และเขามีปฏิกิริยาและแสดงอาการลำพองทันที “อย่างนั้นก็ดูกันเอง”
“รบ!”
เย่ว์หยางเหยียดมือเล็กน้อย
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลอยตัวอยู่ราวกับมีเส้นใยอยู่บนฝ่ามือของเขา
“รอก่อน
ช่วยตอบเราผู้เฒ่าให้หายข้องใจก่อนสู้กันได้หรือไม่? ขออภัย,
เจ้าค้นพบว่าข้าเป็นอสูรพิทักษ์ไม่ใช่จอมปีศาจลี่ตี้ที่แท้จริงได้ตรงที่ใดกัน?” บุรุษผมขาวควักปากกาและกระดาษออกมาพร้อมจดทันที ดูเหมือนเขาต้องการจดบันทึกคำตอบ แม้ว่าอาจไม่ได้ใช้ในอนาคต
แต่อย่างน้อยก็ยังได้รู้ข้อบกพร่อง
“ความจริงเป็นเรื่องง่าย.... เป็นเพราะทักษะแฝงเร้น
ถ้าเจ้าเป็นจอมปีศาจลี่ตี้ตัวจริง อย่างนั้นเขาก็ต้องเป็นอสูรพิทักษ์
ถ้าเขาเป็นอสูรพิทักษ์เป็นไปไม่ได้ที่หลอกลวงเราด้วยทักษะแฝงเร้นสะท้อนอาการบาดเจ็บและล่อหลอกเราด้วยวิธีการต่างๆ นี่คือข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเราใช้ความฝันของเมทริกซ์และกฎจ้าวนรกมาทดสอบ
เจ้าก็ยังสร้างอุบายที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บทำร้ายตัวเองและทักษะแฝงเร้นสะท้อนอาการบาดเจ็บและกระจกทนทุกข์
ก็เลยทำให้เราสงสัย
นอกจากจุดบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดนี้ ถ้าเจ้าเป็นจอมปีศาจลี่ตี้
และปล่อยให้โซ่ผนึกน้ำแข็งห้อยร่างตนเองไว้อาศัยแต่พลังของอสูรพิทักษ์
ไม่มีทางที่จะจากเราไปได้ เพราะเจ้ารู้ว่าในวิหารปีศาจดินมีกฎห้ามสัตว์อสูรไม่ให้ต่อสู้กัน
ในวิหารปีศาจดินนี่คือข้อห้าม แม้ว่ามันสามารถปรากฏตัวได้
แต่จะไม่มีพลังต่อสู้
ถ้าเจ้าไม่รู้ความลับนี้
เจ้ายังจะพูดลำพองว่าสามารถปล่อยเราไปได้ยังไง!”
คำพูดของเย่ว์หยางทำให้ชายชราผมขาวและบุรุษผมงูหน้าถอดสี
“เมื่อครู่นี้เราไม่ได้เรียกอสูรของเราออกมา
ก็แค่เพื่อบีบบังคับให้เจ้าเริ่มโจมตี
เพื่อกำจัดความกังวลของเรา
เจ้าถึงกับเรียกอสูรจักรกลออกมาโจมตี
ความจริงทันทีที่มันออกมาเราก็ตัดสินใจได้ทันทีว่า
กฎของวิหารปีศาจดินห้ามใช้อสูรโจมตีจริงๆ”
เสวี่ยอู๋เสียเปิดคัมภีร์แห่งสัจจะด้วยความเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อยสง่างาม
และพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย
“คัมภีร์แห่งสัจจะของข้ากับอสูรพิทักษ์ของข้าเชื่อมโยงทางใจถึงกัน นี่ หากความคิดแบบนี้ถูกแยกโดดเดี่ยว
ข้าได้แต่ตัดสินว่าเป็นเพราะพลังกฎธรรมชาติของผนึก”
“มิน่าเล่า! พวกเจ้ามองเห็นแผนของเราอยู่แต่แรกแล้ว” บุรุษผมขาวถอนหายใจยาว
“ตู๋กูฉางฟงเข้าในวิหารปีศาจดินและยังกล้าดื่มเหล้าเพลิงต่อหน้าผู้คน ในฐานะศิษย์ของตระกูลใหญ่
เป็นไปไม่ได้ที่จะประมาทไม่ระมัดระวังตัวขนาดนั้น” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบอกว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่มาก
“ต่อไปเราจะต้องให้ความสนใจกับรายละเอียดนี้แน่นอน” หลังจากบุรุษผมขาวบันทึกข้อความไว้
เขาเงยหน้าถามในที่สุด “พวกเจ้ามีคำสั่งเสียใดจะบอกอีกบ้างไหม?”
“เขียนลงไปอีกประโยค” เย่ว์หยางแค่นเสียง “นี่เป็นคำถามที่ข้าได้ยินเป็นครั้งที่เก้าสิบเก้าแล้ว”
“แต่ก็ยังเป็นครั้งสุดท้ายอยู่ดี” ชายชราผมขาวเก็บปากกาและกระดาษไว้อย่างดี
บุรุษผมงูเป็นจอมปีศาจลี่ตี้อย่างแท้จริง
เขาหลุดออกมาจากผนึกน้ำแข็งได้อย่างง่ายดาย
ด้วยทักษะแฝงเร้นของเขาและกระจกทนทุกข์
เขาสามารถเปลี่ยนพลังผนึกให้ส่งไปที่ชายชราผมขาวซึ่งเป็นอสูรพิทักษ์ของเขาได้
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถไปจากวิหารปีศาจดินได้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดพ้นไปจากผนึกกฎสวรรค์ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขาในการดึงพลังทั้งหมดออกมาต่อสู้
แค่เพียงเขาขยับมือ
กระจกทนทุกข์ก็กลับไปอยู่ในมือขวาของจอมปีศาจลี่ตี้
จอมปีศาจลี่ตี้เปลี่ยนชุดและสวมเกราะวิเศษปีศาจฟ้าซึ่งด้อยกว่าเกราะชั้นเทพเล็กน้อย
นี่เป็นเกราะคุณภาพดีที่สุด แค่เพียงอีกเล็กน้อยจะกลายเป็นสมบัติระดับเทพ
แน่นอนว่าความแตกต่างนี้จะไม่เหมือนกันตลอดไป
สมบัติที่ด้อยกว่าสมบัติระดับเทพเพียงเล็กน้อยไม่สามารถเทียบกับสมบัติเทพได้
ไม่ว่าจะคุณภาพดีปานใดก็ตามก็เหมือนกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงไหนก็ตาม
แต่มิอาจเทียบกับอสูรเทพได้
เกราะวิเศษปีศาจฟ้าได้มาจากจักรพรรดิปีศาจไคเทียน แม้ว่าจะไม่ใช่สมบัติระดับเทพ
แต่เป็นไปไม่ได้ที่พลังโจมตีของนักสู้ปราณฟ้าจะทะลุผ่านไปได้
เว้นแต่จะมีอาวุธวิเศษและพลังปณิธานราชันย์หรือพลังกฎสวรรค์
มิฉะนั้นเกราะวิเศษปีศาจฟ้าก็เป็นสมบัติที่ไม่มีวันทำลายลงได้
ไม่ว่าจะเป็นเกราะหมวก
เกราะไหล่ ชุดเกราะรบ เข็มขัด เกราะแขน เกราะแข้ง รองเท้า
ชุดเกราะทั้งหมดเปล่งประกายรัศมีศักดิ์สิทธิ์
ถ้าไม่ใช่เพราะในวิหารปีศาจดินถูกผนึกไว้อย่างแข็งแกร่งพลัง
คลื่นระเบิดจากเกราะจึงไม่เล็ดรอดออกมาข้างนอก
และขับไล่ความมืดมิดแม้เย่ว์หยางจะเตรียมตัวอยู่ก่อน
แต่ก็ยังถูกคลื่นพลังระเบิดของเกราะกวาดใส่จนต้องถอยหลังไปถึงสามก้าว ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่เป็นการกระจายสลายพลังของเกราะเท่านั้น
แต่ยังเป็นการแสดงถึงศักดิ์ศรีของคู่ต่อสู้
จอมปีศาจลี่ตี้บุรุษผมงูเรียกคัมภีร์อัญเชิญระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมาลอยอยู่หน้าตนเอง
กระจกทนทุกข์ในมือขวาของเขาลอยวนอยู่เหนือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแผ่วเบา
ขณะเดียวกันเขาเปิดไปอีกหน้าและดึงขวานปีศาจดินขนาดใหญ่ออกมา
ขวานปีศาจดินยังด้อยกว่าสมบัติชั้นเทพเล็กน้อย
ไม่ใช่สมบัติที่ได้รับมาจากจักรพรรดิปีศาจไคเทียน
แต่เป็นอาวุธสร้างชื่อให้กับจอมปีศาจลี่ตี้เอง คุณภาพระดับเดียวกับกระจกทนทุกข์
และเป็นรองเพียงเกราะศักดิ์สิทธิ์ปีศาจฟ้าซึ่งสมบัติคุณภาพดีที่สุดของเขาเพียงเล็กน้อย
ขวานในมือของจอมปีศาจลี่ตี้หนักเกือบหมื่นชั่ง
สีเหมือนสาหร่าย จอมปีศาจยกขวานได้ราวกับไม่มีน้ำหนัก
ควั่บ
ทันใดนั้นพื้นที่ระหว่างจอมปีศาจลี่ตี้และเย่ว์หยางมีรอยแยกปรากฏให้เห็นทันที
จอมปีศาจลี่ตี้ชี้ขวานไปที่รอยแยกนั้นและพูดอย่างมั่นใจ
“นี่จะเป็นที่ฝังศพของเจ้า เจ้าจะไม่มีทางหนี
และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะข้ามเขตแดนไปได้
เพราะถ้าเจ้าทำเช่นนั้นศพเจ้าจะถูกตัดแบ่งทันที”
“นี่เขาบ่นอะไรของเขากันแน่?” เย่ว์หยางถามเสวี่ยอู๋เสีย
“ไร้ประโยชน์
แต่เขาขยายเวลาได้ เพราะเราไม่มีทักษะแฝงเร้นแบบเขา ดังนั้นตราบใดที่เจ้าใช้พลังตนเอง
ผนึกจะมองว่าเป็นเป้าหมายที่ไม่เป็นมิตร และผนึกไว้กับคัมภีร์เทพปีศาจดินนี้” เสวี่ยอู๋เสียไม่ได้เงยหน้า นางพลิกคัมภีร์แห่งสัจจะและตอบตามปกติ
“ถ้าเราไม่ต่อต้านอีกต่อไป
อย่างนั้นชายชราผมเงินจะฉวยโอกาสลอบใช้พลังเยือกแข็งกับเรา”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่งเสียงดัง
ความจริงชายชราผมหงอกถูกผนึกไว้ และถ้าเขาใช้พลังโจมตี อย่างมากเขาก็ถูกลงทัณฑ์มากขึ้น
แต่ถ้าเย่ว์หยางไม่ต้านเอาไว้ เขาจะตายอย่างน่าอนาถ
จอมปีศาจลี่ตี้เคลื่อนมาอยู่ด้านหน้าอสูรพิทักษ์
เมื่อดูเขากับขวานใหญ่ อสูรพิทักษ์ร่างมนุษย์ตัวคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนถูกโกงเล็กน้อย
ศัตรูเจ้าเล่ห์ไร้ยางอายใช้พลังกฎสวรรค์และพลังผนึกของวิหารปีศาจดิน
ไม่ว่าจะเริ่มต้นหรือไม่ก็ตามจะต้องจบลงที่ความตาย
ยอดฝีมือที่หลงเข้ามาท้าทายในวิหารปีศาจดินจะไม่มีชีวิตรอดกลับไป เย่ว์หยางสงสัยว่าปีศาจโชคร้ายที่อยู่ในกลุ่มรูปปั้นน้ำแข็งคงมีตู๋กูฉางฟงจากสี่ตระกูลใหญ่แดนสวรรค์อยู่ด้วย
มิฉะนั้นจอมปีศาจลี่ตี้จะแกล้งทำเป็นคนแปลกหน้าได้ยังไง
นอกจากนี้จอมปีศาจลี่ตี้ไม่ได้รับข้อมูลจากตู๋กูฉางฟง เขาจะรู้เรื่องจักรพรรดิอวี้และเฟ่ยเหวินหลีว่าเป็นหรือตายได้ยังไงทั้งที่พวกเขาไม่เคยเข้ามาท้าต่อสู้?
จอมปีศาจลี่ตี้ถอนหายใจโล่งอก
และขวานปีศาจดินกลายเป็นคมดาบที่จะใช้ประหารเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตามการโจมตีที่รุนแรงที่สุดมาจากด้านหลังเย่ว์หยาง
ชายชราผมขาวจากในคัมภีร์โบราณกระโดดออกมาเหมือนกับเงาปีศาจทั้งกัดและฉีกหลังเย่ว์หยางเพื่อควักหัวใจของเขา
ภาพเงาของเย่ว์หยางหายไป
เขามาปรากฏอยู่ต่อหน้าหน้าจอมปีศาจลี่ตี้ที่กำลังควงขวานวิเศษแล้วชิงจับหัวขวานเหมือนกับปลาที่คล่องแคล่วโลดแล่นอยู่ในมุมอับของศัตรูและปล่อยหมัดใส่ปลายคางของจอมปีศาจลี่ตี้
ในท้องฟ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกระโดดฟันดาบเทพจักรพรรดิอวี้ใส่ เสวี่ยอู๋เสียปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขามือซ้ายถือสายฟ้า
มือขวาถือพลังน้ำแข็งและระเบิดใส่จอมปีศาจลี่ตี้อย่างรุนแรง
ปัง!
ทั้งสามได้รับแรงสะท้อนถึงกับไถลถอยหลัง
รอให้เย่ว์หยาง
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตั้งหลักได้
พวกเขาประหลาดใจเมื่อพบว่าจอมปีศาจลี่ตี้ที่ถูกโจมตีใส่อย่างหนักไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ฟันถูกเกราะปีศาจฟ้า
ทิ้งไว้แค่รอยขีดข่วนเป็นหลักฐานว่าโจมตีโดน
ส่วนการโจมตีร่วมอื่นของเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียไม่ได้ผลแม้แต่น้อย
“ถึงแม้เจ้าจะมีดาบเทพก็ตาม
แต่เจ้ายังอายุน้อยเกินไปไม่สามารถใช้พลังของอาวุธเทพได้” จอมปีศาจลี่ตี้ส่ายศีรษะ “เจ้าอ่อนแอเกินไป
และยังอ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกที่เข้ามาท้าทายข้า เอาล่ะ ไม่ต้องเสียเวลาเล่นอีกแล้ว
ข้าจะส่งพวกเจ้าสู่เส้นทางปรภพ!”
กระจกทนทุกข์ในมือขวาของเขาฉายใส่ร่างของเขา
จากนั้นหันแสงสะท้อนไปที่เย่ว์หยาง
ภาพที่เหมือนกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในมือขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟันใส่ไหล่ของเย่ว์หยาง
ด้วยระดับพลังเช่นเดียวกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งใช้ออก
เย่ว์หยางไม่มีเวลาหลบ
และด้านหลังของเขามีภาพอีกภาพหนึ่งฉายออกมาเหมือนกับมือของเสวี่ยอู๋เสียที่กลั่นรวมพลังน้ำแข็งและพลังสายฟ้า
ฟาดเข้าที่หูของเย่ว์หยาง ต่อหน้าเขา เย่ว์หยางมองเห็นตัวเองอีกร่างหนึ่งเข้ามาที่มุมอับของเขาและปล่อยหมัดใส่คางของเขา
แม้ว่าจะหลบด้วยความเร็วสูงสุด
แต่ก็ไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง
เป็นการโจมตีทั้งหมดสามครั้ง
เย่ว์หยางมีเลือดที่ไหล่ไหลทะลัก
และตัวของเขากระเด็นลอยออกไปเหมือนว่าวที่ขาดลอย
กระจกทนทุกข์และทักษะแฝงเร้นคืนสนอง
เป็นการผสานพลังได้อย่างลงตัว สามารถบังคับพลังโจมตีของมันได้เหมือนพลังดั้งเดิม
และไม่มีทางหลบได้ มีแต่ต้องถูกโจมตีเท่านั้น
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิ่งเข้าหาจอมปีศาจลี่ตี้
พวกนางต้องการฆ่าปีศาจนี้เพื่อแก้แค้นให้เย่ว์หยาง
จอมปีศาจลี่ตี้ถอดศีรษะออกและไม่ได้ตั้งท่าป้องกัน “ต้องการจะตัดหัวข้าหรือ?
นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย
ใช้ดาบเทพตัดศีรษะข้าล้างแค้น ข้าสามารถต่อศีรษะใหม่ได้ ข้าเป็นปีศาจ
แต่ข้าไม่รู้ว่ามนุษย์ทำแบบนี้ได้หรือเปล่า
ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามนุษย์ผู้โง่เขลา ข้าจะบอกความลับอย่างหนึ่งแก่พวกเจ้า พวกเราปีศาจเป็นเผ่าพันธุ์อมตะ ต่อให้พวกเจ้าตัดข้าเป็นชิ้นๆ
ข้าก็ฟื้นฟูได้อย่างง่ายดาย...
แม้แต่พลังกฎสวรรค์ก็ไม่สามารถทำลายปีศาจอย่างเราได้ง่ายๆ
มิฉะนั้นทำไมพวกเขาจึงได้แค่เพียงผนึกเราไว้?
จะท้าทายวิหารปีศาจดินน่ะหรือ
พวกเจ้าช่างไร้เดียงสาจริงๆ นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีทางชนะได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเวลาเหลือเฟือไม่จำกัด
ข้าคงไม่เสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเจ้า
พวกเจ้าสามารถฆ่าตัวเองได้โดยตรงได้เลย!”
เขาปล่อยขวานปีศาจดินลง
และเหยียดมือซ้ายชูขึ้น
คลื่นพลังที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากฝ่ามือของเขา
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเหมือนกับเศษไม้ที่ลอยอยู่ในกระแสน้ำพวกนางตกตะลึงในทันที ทั้งสองนางดูเหมือนจะถูกพลังสังหารเล่นงาน
ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ร่วงตกลงบนพื้นน้ำแข็ง
จากนั้นก็ได้ยินเสียงคัมภีร์อัญเชิญระดับทองแดงร่วงออกมาจากความว่างเปล่า
“อะไรกัน..ตายแล้วหรือนี่? อ่อนแอเหลือเกิน
ข้ายังอยากจะเล่นต่ออีกสักหน่อย” จอมปีศาจลี่ตี้ส่ายศีรษะ
“เด็กนี่ฉลาด ข้านึกว่าจะมีอะไรน่าทึ่งเสียอีก”
“ข้าไม่แน่ใจว่าพวกเขาตายแล้ว
แม้ว่าลมหายใจของพวกเขาจะหยุดไปแล้ว แต่ความตายสุดท้ายของพวกเขา
ข้ายังไม่เห็นเลยสักนิด”
บุรุษชราผมขาวสงสัยว่าเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะไม่ตาย
จอมปีศาจลี่ตี้ได้ยินคำพูดนี้
เขาชี้นิ้วและยิงแสงสีดำไปที่เย่ว์หยางที่นอนจมกองเลือด ตอนแรกยิงใส่หัวใจของเย่ว์หยางจนเป็นรู เมื่อเขายื่นมือออกไปจับเลือดของเย่ว์หยางกลายเป็นน้ำค้างแข็ง
ไม่ถึงสิบวินาทีเย่ว์หยางก็มีน้ำค้างแข็งจับทั้งตัวกลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็งไม่ต่างจากรูปสลักน้ำแข็งที่อยู่รอบๆ
เมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางถูกฆ่าตายไปแล้ว
และสตรีทั้งสองไม่มีความเคลื่อนไหว
บุรุษชราผมหงอกจึงเชื่อว่าพวกเขาตายไปแล้วในตั้งแต่แรก
เขาเปิดคัมภีร์โบราณและบันทึก ‘วันหนึ่งในแดนสวรรค์
คนรุ่นหลังของหอทงเทียนเข้ามาที่วิหารเพื่อท้าสู้
จอมปีศาจลี่ตี้ยืนอยู่กับที่
ดวงตามีแววเดียวดาย “เมื่อไหร่จะได้ออกไปเสียที”
“วันที่ปีศาจฟ้าได้รับอิสรภาพจะเป็นเวลาที่นายท่านเป็นอิสระ”
บุรุษชราผมหงอกบันทึกกระบวนการต่อสู้และยิ้ม “เมื่อครู่นี้เด็กทั้งสามก็ไม่เลวจริงๆ
แต่ยังอายุน้อยเกินไป ถ้าไม่เร่งรีบบุกมาท้าท้ายที่นี่ หากเวลาผ่านไปอีกไม่กี่ร้อยปี
เมื่อพวกเขาเติบโตเต็มที่ อาจจะน่าตื่นเต้นมากขึ้นก็ได้! น่าเสียดายแอปเปิลผลนี้
ยังไม่ทันสุกก็ถูกเด็ดเสียแล้ว!”
“ช่างเถอะ, อัจฉริยะอย่างนี้
ในหอทงเทียนและแดนสวรรค์ให้กำเนิดเป็นจำนวนมาก
อัจฉริยะอย่างนี้ไม่รู้ว่าเราฆ่าไปแล้วกี่คน”
จอมปีศาจลี่ตี้คิดว่าเย่ว์หยางตายไปแล้วไม่จำเป็นต้องจดจำอะไร
“ความจริง, ข้าคิดว่าเจ้าฆ่าข้าได้แล้ว ซึ่งเป็นความรู้สึกเล็กๆ
น้อยๆ ถึงความสำเร็จ ใครไม่รู้จะหาว่าร่างของข้าไม่มีความทนเสียเลย” เกิดภาพในอากาศ
และเย่ว์หยางลอยลงมาด้วยอาการผิดหวัง เขายกมือเล็กน้อยก็ถือคัมภีร์แห่งสัจจะของเสวี่ยอู๋เสียและดาบเทพจักรพรรดิอวี้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลอยมาอยู่ในมือของเขาอย่างสง่างาม
คัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงบนพื้นและดาบเทพจักรพรรดิอวี้
รวมทั้งศพเย่ว์หยางที่กลายเป็นน้ำแข็งบนพื้นหายไปไม่เหลือร่องรอย
เย่ว์หยางยิ้มกว้าง “ข้าคิดว่าเจ้าจะประหลาดใจเสียอีก
ภาพลวงตาที่ข้าสร้างขึ้นเป็นยังไงบ้าง
เหมือนจริงยิ่งกว่าที่เจ้าสร้างหรือเปล่า?
ข้าอยากจะทำให้เจ้าได้มีความภูมิใจต่ออีกสักเล็กน้อย แต่ข้าเกรงว่า เจ้าจะนึกว่าเหมือนเป็นการตบหน้า
ข้าจึงต้องการให้เจ้าแปลกใจมากขึ้น...
ข้าคิดว่าในโลกนี้มีสิ่งเดียวที่เจ้าไม่สามารถใช้ทักษะคืนสนองและกระจกทนทุกข์ทำอะไรไม่ได้”
จอมปีศาจลี่ตี้ไม่เชื่อแม้แต่น้อย “ดี..งั้นอะไรล่ะ?”
นอกจากพลังกฎสวรรค์และสำนึกเทพแล้ว
ยังมีสิ่งอื่นในโลกที่ไม่สามารถสะท้อนคืนสนองได้อีกหรือ?
เย่ว์หยางปล่อยพลังเพลิงพิเศษและเขาอาบอยู่ในเปลวเพลิง
เมื่อเพลิงปรากฏน้ำแข็งก็สลายหายไปจากตัวเย่ว์หยางราวกับหนูเจอแมว
และเพลิงยิ่งลุกไหม้จนในที่สุดกลายเป็นเกราะไฟคลุมร่างทั้งหมดของเย่ว์หยาง
“เพลิงอมฤต?”
ตาของจอมปีศาจลี่ตี้กระตุก
เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเด็กหนุ่มลึกลับจะมีความสามารถควบคุมเพลิงอมฤตได้
“นี่แค่เริ่มต้น เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความเสียใจ!” เย่ว์หยางหัวเราะ
เขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาอย่างลึกลับ...
13 ความคิดเห็น:
เสียใจ เสียใจที่จบตอนแบบนี้ โอ้โหค้าง
ขอบคุณครับ
อย่าเลยอย่าทำแบบนี้
มันค้างครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ค้าง บอกเลยตอนนี้ค้างหนักมาก แต่ต้องขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เอาสิ ใครเจ้าเล่ห์กว่ากัน
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ได้เวลาของจริงละ
แล้วประเด็นคือไอ้จอใปีศาสนี่มันโดนขังมามากกว่าหมื่นปี ไม่เคยออกไปไหน มามากกว่าหมื่นปี แล้วแล้วมันรู้จักนางพญาเฟ่ย กับจักรพรรดิอวี๋ได้ยังไง ต่อให้มันถามตู๋กู่ฉางฟางมา(พวกครที่โดนสาปเป็นน้ำแข็งก่อนหน้า) แต่ตอนทางเข้าไอ้ปีศาสตี่ลี่มันบอกว่ามันได้กลิ่นนางพญาเฟ่ย กับรู้จักดาบจักรพรรดิอวี๋ได้ยังไง แล้วมันรู้ได้ยังไงว่าพวกเย่เกี่ยวค่องกับพวกนางพญากับกับจักรพรรดิ แล้วมันไปสู่กับนางพญาตอนไหน แล้วโดนสาปหัวเป็นงู คนเขียนเค้างงหรือเราคนอ่านงงเอง
แสดงความคิดเห็น