วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 357 มุ่งสู่หอทงเทียนชั้นที่หก


ตอนที่  357  มุ่งสู่หอทงเทียนชั้นที่หก



หลังจากจบศึกวังเทพจักรพรรดิอวี้แล้ว ผู้เฒ่าเต่ามังกรมีความสุขมาก  เขาได้ใช้คทาเทพจักรพรรดิอวี้และใช้วิชาลับทำการฟื้นฟูพลังตนเอง
สำหรับเรื่องที่เย่ว์หยางปฏิเสธยืนกรานไม่ให้ผนึกเทพจักรอวี้เขา  ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถใช้ผนึกเทพจักรอวี้ได้ในตอนนี้  แต่เย่ว์หยางผู้ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจในระยะใกล้ๆ นี้  ก็ยังต้องการมัน แม้มันจะใช้ได้แค่เอาไว้ทุบลูกเกาลัดก็ตาม
 
ในที่สุดเขาทำการเก็บกวาดพื้นที่ในวังเทพจักรพรรดิอวี้หลังจากต่อสู้มาอย่างหนัก หลังจากสามารถขับไล่สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ออกไปได้
ถ้าไม่ได้รับของวิเศษบางอย่างเป็นตอบแทน เย่ว์หยางคงรู้สึกผิดหวังหนัก
ดังนั้น คทาเทพจักรพรรดิอวี้คืนให้ผู้เฒ่าเต่ามังกร, ผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ตกเป็นของเย่ว์หยาง  สำหรับดาบเทพจักรพรรดิจักรพรรดิอวี้ยกให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน  ยิ่งกว่านั้นนางเป็นผู้เดียวที่ใช้มันได้
เย่ว์หยางยังอ้างว่าเขาเป็นผู้มีส่วนร่วมมากที่สุด  ดังนั้นเขายืนยันว่าเขาต้องได้รับรางวัลสองชิ้น เขาจึงแอบฮุบเอาเสาเจ็ดดาวสำหรับฝึกฝีมือของจักรพรรดิอวี้ไปด้วย
ผู้เฒ่าเต่ามังกรแม้จะยืนกรานไม่เห็นด้วย  แต่เงื่อนไขของเขาไม่เป็นที่ยอมรับของเย่ว์หยาง  จึงได้แต่ทำเป็นไม่เห็น
เย่ว์หยาง, เสวี่ยอู๋เสียและคนอื่นๆ ยังไม่ได้จากไปทันที  พวกเขากลับอยู่วังเทพจักรพรรดิอวี้โดยพักอยู่ในโลกคัมภีร์ต่อสามวันจนกระทั่งฟื้นฟูเรี่ยวแรงและหายเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ในศึกใหญ่ครั้งนี้  จากนั้นพวกเขาใช้เวลาต่ออีก 2-3 วันเก็บกวาดสมบัติที่ได้จากการศึกทั้งหมดจากวังเทพจักรพรรดิอวี้   พวกเขาแยกชิ้นส่วนตะขาบยักษ์สวรรค์ เขี้ยวพิษและเปลือกนอกของมันออกเป็นชิ้นๆ  ทั้งยังเก็บเอาเม็ดพลังของหนอนทรายปีศาจ ปีก อาวุธและเกราะของนักรบแดนสวรรค์  วัสดุทั้งหมดนี้ถูกนำกลับเข้าไปเก็บไว้ในโลกคัมภีร์ เพื่อรอแปรสภาพต่อไป
พวกเขาเก็บกวาดพื้นที่ทั้งหมดจนไม่มีอะไรเหลือให้เลือก  จากนั้นเย่ว์หยางจึงได้ออกจากวังเทพจักรพรรดิอวี้  ผู้เฒ่าเต่ามังกรใช้วิชาเทเลพอร์ตลับนำพวกเขากลับออกมา
ในบรรดานักรบแดนสวรรค์ที่ถูกผนึกไว้ทั้งหมด  มีเพียงตัวประหลาดแองเจิ้ลเท่านั้นที่เหลืออยู่
เขาเกือบจะถูกนางพญาดอกหนามมงกุฏทองจับกินเสียแล้ว
โชคดีที่เย่ว์หยางให้สัญญาว่าจะไว้ชีวิตเขาก่อนหน้านั้นแล้ว
แองเจิ้ลเก็บของเที่ระลึกประจำตัวของสหายหลายสิบชิ้น จากนั้นก็ก้าวเดินทีละก้าวๆ ออกจากวังเทพจักรพรรดิอวี้ออกจากประตูเทเลพอร์ตไป
ก่อนเขาจะจากไป  เขาหันกลับมามองเป็นครั้งสุดท้าย
บางที่นั่นอาจเป็นท่าทีแสดงความเศร้าโศกในใจเขาที่มิอาจพูดออกมาได้  ดูเขาไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย  กลับหดหู่ใจเล็กน้อย  เย่ว์หยางไม่ได้ให้ความสนใจเขาเลย  แต่พอฟังแองเจิ้ลพึมพำ  เขาพบว่าแองเจิ้ลเคยมีสหายราวๆ 50 คนมาก่อน  แต่ตอนนี้เหลือเพียงแต่เขา  เขาหาของที่ระลึกของพวกเขาเกินกว่าสิบชิ้น  พวกเขาสูญหายไปเกือบทั้งหมด  เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เขาเศร้าสลด
ได้รับอิสรภาพคืนมานับเป็นเรื่องดี  แต่ตอนนี้  เขากลับกลายเป็นคนเดียวดาย
หกพันปีผ่านไป เขาสูญเสียร่างดั้งเดิมกลายเป็นมนุษย์กึ่งสัตว์ประหลาด  และเขายังจะกลับแดนสวรรค์ได้อีกหรือ?
ด้วยพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 เขาจะกลับแดนสวรรค์ได้อย่างปลอดภัยยังไง
อย่าว่าแต่เขาไม่ค่อยมีความมั่นใจเลย  แม้แต่เย่ว์หยางผู้ไม่เคยไปแดนสวรรค์มาก่อนก็ยังนึกดูแคลนเขา
 “ข้าจะใช้ชีวิตอยู่ในหอทอเทียนสักระยะหนึ่ง  ข้าอยากจะปรับตัวเสียก่อน...” ความจริงตัวประหลาดแองเจิ้ลต้องการบอกว่าเขาต้องการติดตามเย่ว์หยางไปแดนสวรรค์  แต่เขาเห็นว่าเย่ว์หยางยังไม่มีความคิดที่แน่นอน  ดังนั้นเขาจึงไม่พูดถึงเรื่องนั้น  เขาเชื่อว่าเมื่อเย่ว์หยางจะไปแดนสวรรค์ในอนาคต ก็คงต้องการผู้นำทางสักคน  แองเจิ้ลเชื่อว่าเขาเป็นตัวเลือกในการนำทางที่ดีที่สุด  ดังนั้นเขาไม่รีบร้อน  ก่อนอื่นเขาจะฝึกฝนให้มีความก้าวหน้าที่หอทงเทียนระดับต่ำก่อน
พอแยกทางกับแองเจิ้ล  เย่ว์หยาง, เสวี่ยอู๋เสียและสาวอื่นๆ กลับไปที่บ้านในสวนน้อย
ศึกวังเทพจักรพรรดิอวี้ไม่เพียงแต่สร้างผลกระทบมหาศาลให้เย่ว์หยางเท่านั้น  แต่ยังสร้างผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่กับเสวี่ยอู๋เสียและหญิงสาวอื่นๆ ด้วย
สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์  นักรบแดนสวรรค์ยังไม่ตาย ร่างของตะขาบยักษ์แดนสวรรค์มีความทนทานสุดยอด... ภายในหัวใจทุกคน  หลังจากผ่านศึกนี้มาได้ ก็เหมือนกับว่าพวกเขาเกิดความรู้ลึกแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น  เมื่อพวกเขาคิดเรื่องที่พวกเขาได้รับการยอมรับในดินแดนมนุษย์  พวกเขารู้สึกเป็นเหมือนกับกบในก้นบ่อ  แดนสวรรค์ย่อมเป็นสถานที่ไม่ธรรมดา  ถ้าพวกเขาต้องการก้าวหน้าเข้าสู่แดนสวรรค์ด้วยพลังที่พวกเขามีในตอนนี้  นั่นเป็นเรื่องฝันเฟื่องตลกจริงๆ
แดนสวรรค์ไม่ใช่ดินแดนที่พวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายๆ แน่นอนในทันทีที่พวกเขาบรรลุขอบเขตแดนปราณก่อกำเนิด
หลังจากได้รับบทเรียนในครั้งนี้  เย่ว์หยาง, เสวี่ยอู๋เสียและคนอี่นๆ ก็พบเป้าหมายที่แน่นอน  พวกเขาตัดสินใจไม่คิดเรื่องหาวิธีเข้าประตูแดนสวรรค์ ซึ่งจะเปิดออกร้อยปีต่อครั้ง
สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เรื่องรีบเข้าแดนสวรรค์
แต่พวกเขาควรจะฝึกฝนเพื่อให้มีพลังที่สูงยิ่งขึ้น  ต้องแข็งแกร่งขึ้นและมีพลังมากยิ่งขึ้น
ขณะที่เย่ว์หยางและคนอื่นๆ เริ่มเตรียมฝึกหฤโหด  หญิงสาวขี้เมาและแพนด้าน้อยหนิวหนิวก็เข้ามาที่บ้านสวนน้อยทันทีพร้อมกับข่าวที่น่าตกใจ จื่อจุนประธานใหญ่พันธมิตรปราณก่อกำเนิด, จักรพรรดินีราตรี, ผู้เฒ่าหนานกงและคนอื่นๆ กลับมาจากหอทงเทียนชั้นที่สิบแล้ว  พอทราบเรื่องการบุกรุกทวีปมังกรทะยาน  ทำให้จื่นจุนโกรธแค้นมาก  อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครทราบ  พันธมิตรปราณก่อกำเนิดไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อสืบสวนเอาผิดประมุขนิกายพันปีศาจ, นิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตกและอาณาจักรสือจิน  แน่นอนว่าทุกคนเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลัง อีกอย่างซุ่นเทียน จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและประมุขนิกายพันปีศาจก็พากันไปซ่อนตัวกันแล้ว  ไม่มีผู้ใดกล้าอยู่สู้หน้าจื่นจุน
 “จื่อจุนกลับมาแล้วหรือ?”  เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียมองหน้ากันและ  การกลับมาของจื่อจุนก็หมายความว่าการเดินหน้าเข้าแดนสวรรค์ล้มเหลวอย่างนั้นหรือ?
 “ดูเหมือนว่านางกำลังตามหาเจ้า  ผู้เฒ่าหนานกงก็ตามหารองครูใหญ่เพื่อปรึกษาบางเรื่อง  แต่ข้าไม่แน่ใจเรื่องนั้น”  พี่สาวขี้เมาสงสัยพลังของเย่ว์หยางอยู่บ้าง  นางอาจไม่ค่อยตกใจกับความก้าวหน้าพรวดพราดของเขา  แต่เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร?  เป็นไปได้ไหมว่าการฝึกผสานร่างมีผลขนาดนั้นจริงๆ?
 “ถ้าอย่างนั้น เรากลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์กันเถอะ!” นอกจากนี้เย่ว์หยางคิดว่าพวกเขาคงอยู่ในวังเทพจักรพรรดิอวี้นานเกินไป  จึงได้พลาดข่าวสารในโลกภายนอก
เมื่อเย่ว์หยางกลับไปปราสาทตระกูลเย่ว์  ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ พากันดีใจกันถ้วนหน้า
จักรพรรดิจุนอู๋โหย่วและราชันย์ฟ้าบูรพาก็รีบเร่งตามมาสมทบเช่นกัน
ที่สำคัญที่สุดก็คือพวกท่านเป็นบิดา คงเป็นเรื่องโกหกถ้าจะบอกว่านไม่สนใจห่วงใยธิดาของตน
ตอนนี้ พอเห็นว่าธิดาของพวกตนและว่าที่ลูกเขยปลอดภัย  พวกท่านถึงกับถอนหายใจโล่งอก  ยิ่งกว่านั้น  พวกเขาทุกคนยังมีความรุดหน้ามากมาย  ความจริงพวกท่านควรจะปล่อยให้พวกผู้เยาว์ฝึกกันเอง  ไม่เช่นนั้นธิดาของพวกท่านจะรุดหน้ามากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?  มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดเกิดขึ้นตามหลังเย่ว์หยาง เจ้าเด็กที่ไม่ธรรมดาถึงสามคน  เป็นความจริงที่เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดกันทั้งหมด  ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนครั้งก่อนๆ ทุกคนคงจะพูดแต่เพียงว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ในความฝันเท่านั้น...
หลังจากที่อยู่ในช่วงฉลอง  จักรพรรดินีราตรีก็ติดต่อผ่านทางคลื่นความคิดในหัวเย่ว์หยาง
จื่อจุนกับนางไม่ปรากฏตัวให้คนเห็น  แต่ทั้งสองผลัดกันถามเย่ว์หยางถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวังเทพจักรพรรดิอวี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งสองถามถึงสถานการณ์ของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์
 “นางเป็นยังไงบ้าง?”  ในที่สุดจื่อจุนก็ถาม  เป็นคำถามที่นางถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  แต่เย่ว์หยางเข้าใจว่านางถามถึงนางเซียนหงส์ฟ้าน้องสาวนาง
 “ก็ยังไม่ดี แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ นางยังคงหลับอยู่” ความจริง เย่ว์หยางยังไม่พบนางเซียนหงส์ฟ้า แต่ตามคำบอกของสาวกิเลน  หลังจากนางเซียนหงส์ฟ้าใช้เพลิงชีวิตร้อยเท่าเกือบทั้งหมดสู้กับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์  จะเป็นดีที่สุดหากปล่อยให้นางนอนหลับไปเช่นนี้จนกว่าจะฟื้นเอง เย่ว์หยางรู้สึกขอบคุณแล้วที่นางยังคงมีชีวิตอยู่  ถ้าสาวกิเลนออกมาช้าไปเล็กน้อย  นางเซียนหงส์ฟ้าอาจตายจริงๆ เพราะทักษะเพลิงชีวิตของนางก็ได้
 “ตอนนี้เจ้ายังไม่ควรคิดถึงเรื่องผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เป็นดีที่สุด   คิดมากไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย  กลับจะทำให้เจ้ากลายเป็นคนหมกมุ่นเสียเปล่าๆ สิ่งที่เจ้าจะต้องเร่งให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือปรับสร้างพื้นฐานของตัวเจ้าให้ดีขึ้น” จื่อจุนหายไปทันทีหลังจากพูดคำนี้จบ
 “สหายน้อย, เจ้าต้องการถามถึงการเดินทางไปหอทงเทียนชั้นสิบของเราว่าเป็นเช่นไรไม่ใช่หรือ?”   ความจริง จักรพรรดินีราตรีก็อยากจะหยอกล้อเย่ว์หยางเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพัง
 “ผลการเดินทางของท่านเป็นยังไงบ้าง?”  เย่ว์หยางเดาว่าผลที่ออกมาก็คงจะไม่ดี
 “แดนสวรรค์เป็นดินแดนกว้างใหญ่มาก มีประตูทางเข้าอยู่สี่แห่ง  เราไปถึงฐานประตูที่ที่สี่ซึ่งน่าจะเป็นประตูทิศตะวันตกจากบรรดาประตูทิศเหนือ, ตะวันออกและใต้ ตามตำนานกล่าวไว้ว่าประตูแดนสวรรค์จะเปิดร้อยปีต่อหนึ่งครั้ง, นี่ก็ถูกต้องแน่นอน  อย่างไรก็ตาม ประตูแดนสวรรค์ที่อยู่ข้างหน้ามีเส้นทางผ่านที่ผนึกไว้เป็นระยะยาว ผนึกที่ปกป้องเส้นทางผ่านก็น่ากลัวมาก   คนที่สามารถเข้าไปจะไม่มีทางออกมาได้  ดังนั้น เราจึงยกเลิกไม่เดินทางไปต่อ  เราคิดว่าบางทีอาจมีกับดัก ต้องมีทางเข้าแดนสวรรค์ในตำแหน่งอื่นแน่นอน  มิฉะนั้นในสมัยโบราณ นักรบมนุษย์มากมายหลายคนจะผ่านเข้าไปในแดนสวรรค์ได้ง่ายๆ อย่างไร?”  จักรพรรดินีราตรีไม่ได้กักเม้มเรื่องราวไว้จากเย่ว์หยาง  นางบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาทุกอย่างในลักษณะเรียบง่าย
 “ก็หมายความว่า พวกท่านยกเลิกที่จะเข้าไป และพยายามหาทางใหม่ใช่ไหม?”  เย่ว์หยางขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่ามีผนึกที่สร้างขึ้นมาเหมือนกับของจักรพรรดิอวี้?
 “ถูกแล้ว บางทีเราจะต้องคุยกับพวกเจ้าเหล่าผู้เยาว์กันอีกสักครั้ง รอให้พวกเจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย  มิฉะนั้น ถ้าข้าไม่อาจกลับมาได้  พวกเจ้าจะตกอยู่ในอันตรายอีก”  จักรพรรดินีราตรีพูดความจริง  แม้ว่าก่อนนี้ นักสู้อย่างจักรพรรดินีราตรี, จื่อจุนและผู้เฒ่าหนานกงสามารถยืนยันว่าพวกเขากลับมาจากดินแดนสวรรค์  ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและประมุขนิกายพันปีศาจก็เตรียมแผนการโจมตีไว้แล้ว  ถ้าจื่อจุนและคนอื่นไม่สามารถกลับมาได้  คงเป็นเรื่องแปลกถ้าพวกเขาไม่วางแผนโจมตีเย่ว์หยางและคนอื่นๆ
 “อย่างนั้นพวกท่านคงต้องการรอไปสักช่วงเวลาหนึ่ง...”  เย่ว์หยางรู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะมีทักษะผสานร่าง  แต่ก็ยังเร็วไปสำหรับเขา, เสวี่ยอู๋เสีย,และคนอื่นๆ สำหรับการเข้าสู่ดินแดนสวรรค์
 “ไม่เป็นไร  เราจะสอนพวกเจ้าที่โดดเด่นเป็นการเฉพาะ”  จักรพรรดินีราตรีหัวเราะคิกคักเหมือนเพื่อนสาวขี้เล่นทั่วไป
เสียงหัวเราะของนางไพเราะเหมือนระฆังเงินก้องอยู่ในหูของเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่สามารถรู้สึกถึงการปรากฏตัวของนางได้
เทียบกับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์แล้ว  จักรพรรดินีราตรียังไม่ทรงพลังเท่าพวกเขา  แม้ต้องเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ในสภาพที่อ่อนแอ  ก็ยังเป็นเรื่องยากที่นางจะเอาชนะได้  นั่นเป็นเพราะจักรพรรดินีราตรีอาจจะแข็งแกร่งกว่านางเซียนหงส์ฟ้าเพียงเล็กน้อย  และนางเซียนหงส์ฟ้าก็ทำได้เพียงทำร้ายผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ให้บาดเจ็บหนัก หลังจากนางใช้พลังเพลิงชีวิตร้อยเท่า  ถ้าไม่มีพลังเพลิงชีวิตก็คงเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว  หากจักรพรรดินีราตรีจะสามารถต่อสู้ได้เสมอกับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ได้
แน่นอนว่าจื่อจุนมีความแข็งแกร่งเหนือล้ำคนทั้งสองแน่  แต่ในความเห็นของเย่ว์หยาง บางทีนางอาจมีโอกาสเอาชนะจิ่วเซียวซึ่งแข็งแกร่งที่สุดได้
ถ้าผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ยังไม่ฟื้นฟูพลังเต็มที่ต้องมาเผชิญกับจื่อจุน  พวกเขาคงพบกับชะตาที่น่าอนาถ
จื่อจุนในสายตาของเย่ว์หยาง ก็คือจักรพรรดิอวี้ในร่างสตรีนั่นเอง
บางทีจื่อจุนในปัจจุบันนี้คงไม่สามารถเทียบได้กับจักรพรรดิอวี้ได้  แต่ในอนาคต นางจะประสบผลสำเร็จเทียบเท่าจักรพรรดิอวี้จนได้  เย่ว์หยางมั่นใจว่าต้องเป็นเช่นนั้น
ในแผ่นดินมังกรทะยาน ยังมีคนสองคนที่เย่ว์หยางยังไม่อาจประเมินได้ หนึ่งนั้นก็คือจื่อจุน  คนที่สองก็คือมารดาของสหายผู้น่าสงสาร
หลังจากสนทนากับจักรพรรดินีราตรีแล้ว  เย่ว์หยางคิดว่านางคงล้อเกี่ยวกับเรื่องสอนพวกเจ้าเหล่าผู้เยาว์ที่โดดเด่นด้วยตัวพวกเราเอง
นึกไม่ถึงเลยว่าในวันต่อมา นางมารับตัวเจ้าเมืองโล่วฮัวจากไปจริงๆ  ในเวลาเดียวกันอาจารย์ลึกลับขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็มาด้วยเช่นกัน เย่ว์หยางไม่รู้จักหญิงสูงวัยนี้  แต่เขาพบว่านางปกปิดพลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 เอาไว้ เขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
กลับกลายเป็นว่ามีคนที่มีพลังระดับนั้นคอยปกป้องราชตระกูลอยู่
ป้าของอี้หนานก็มารับตัวอี้หนานจากไป
แม่เฒ่าอู่เถิงซึ่งรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บภายในด้วยยาเม็ดพลังยุทธก็มารับตัวเย่ว์ปิงจากไป
อาจารย์ของเย่ว์หวี่มาพานางจากไปด้วยเช่นกัน  นางหัวเราะเบาๆ พร้อมกับบอกว่านางไม่อาจสอนวิทยายุทธหรือทักษะต่อสู้ได้  แต่นางยังมีความรู้ต่างๆ และประสบการณ์อีกมากมายที่สามารถแบ่งปันลูกศิษย์ของนางได้
เดิมทีเย่ว์หวี่ก็ยินดีใช้เวลาร่วมกับอาจารย์ของนางอยู่แล้ว  เพราะนางเป็นเหมือนมารดาที่นางโหยหา
เสวี่ยอู๋เสียเป็นผู้ที่โชคดีที่สุด  จื่อจุนมารับตัวนางและตัดสินใจสอนนางเป็นการส่วนตัว
สำหรับตระกูลเสวี่ย นี่เป็นโอกาสที่เหมือนฝัน ไม่มีผู้ใดในตระกูลเสวี่เคยคิดมาก่อนว่าเสวี่ยอู๋เสียจะได้รับความโปรดปรานจากจื่อจุนหนึ่งในโลกหล้า
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย  แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่เคยคาดมาก่อน
ในที่สุดทุกคนก็จากไป ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปฝึก  เหลืออยู่แต่สาวงามอู๋เหิน
 “อย่าห่วงไปเลย  ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะอยู่กับเจ้าเสมอ  ข้าจะพักอยู่ที่นี่”  หญิงงามอู๋เหินยิ้มอ่อนโยนขณะที่นางคล้องแขนเย่ว์หยางกลัวว่าเขาจะรู้สึกเหงา  อย่างไรก็ตามการเดินทางของทุกคนเป็นการลาจากกันชั่วคราว  ทุกคนจะได้รับการฝึกฝนจากผู้อาวุโสต่างๆ ด้วยประสบการณ์ความรู้ที่แตกต่าง  พวกนางจะก้าวหน้าและแข็งแกร่งขึ้นมากแน่นอน  หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง  เมื่อพวกนางมาพบกัน พวกนางจะกลายเป็นคู่หูที่ดีของเย่ว์หยางแน่นอน  และจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้
 “เจ้าเองก็ไม่ควรเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้านอย่างนี้นะ น่าจะออกไปสำรวจโลกภายนอก”  ก่อนที่จื่อจุนจะจากไป  นางให้คำแนะนำเย่ว์หยาง
 “ใช่แล้ว เจ้าควรจะฟังคำของจื่อจุน... จะไม่ลองไปที่หอทงเทียนชั้นหกดูบ้างหรือ?  เจ้าต้องการไปไหม?  บางทีเจ้าจะได้ฝึกฝนที่นั่น  แม้ว่าจะยังไม่ยกระดับ  แต่อย่างน้อยก็จะได้เรียนรู้มากขึ้น”  หญิงงามอู๋เหินคิดว่าคำพูดของจื่อจุนสมเหตุผล  ถ้าพวกเขาไม่ออกไปข้างนอก เอาแต่ฝึกภายใน โลกทัศน์ของพวกเขาก็จะคับแคบ  ยิ่งกว่านั้น การไปที่ชั้นหกหอทงเทียนคงจะไม่มีเรื่องขัดแย้งใดๆ  เย่ว์หยางสามารถออกไปฝึกข้างนอกในตอนกลางวันและกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ตอนกลางคืน นางอยู่เคียงข้างเขาอยู่แล้ว  ดังนั้นเขาจะไม่รู้สึกว้าเหว่เดียวดาย  นางไม่เกรงว่านางจะเบื่อหน่ายอยู่ในโลกคัมภีร์  เพราะนางเพลิดเพลินกับการค้นคว้าอักษรรูนทั้งวัน  ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คิดถึงนาง เขาก็จะกลับไปใช้เวลาอยู่กับนางได้
 “หอทงเทียนชั้นหก?”  ก่อนนั้นเย่ว์หยางได้ไปแต่เพียงหอทงเทียนชั้นสี่เป็นอย่างมาก
ตำนานบอกไว้ว่าหอทงเทียนชั้นหกเป็นที่รวมชาติพันธุ์ที่หลากหลายแตกต่าง และเป็นที่ตั้งของพันธมิตรปราณก่อกำเนิด
หอทงเทียนชั้นที่หก  จะเป็นสถานที่เช่นไรกันแน่

14 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ว้ายยย โดนภรรเมียทิ้งหมดเบยย

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

QuadElement กล่าวว่า...

ฟาร์มต่อหมดเวลาเล่นแล้วบักเย่ว์

Renmaster กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ. ได้เวลาฟาร์มเลเวลอีกแล้ว

Lucky กล่าวว่า...

ได้เวลาหาฮาเร็มเพิ่มอีกแล้ว

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แหง่ะ โดนพรากเมียไปหมดเลย ยังดีเหลือคนหนึ่ง ไม่งั้นเหงาตาย

Unknown กล่าวว่า...

น่าสงสารโดนเมียทิ้งไปหมด

zOrGod กล่าวว่า...

อย่างน้อยยังเหลืออู๋เหิน

Nopanser Kung กล่าวว่า...

แยกย้ายๆ เหล่าสาวๆแยกย้ายไปกันหมดเลย ~ เย่ว์หยางจะกลับมาฉายเดี่ยวอีกครั้งแล้วสินะ!

ป.ล. เหลือแต่อู๋เหินกับเย่ว์หยางแบบนี้....รู้ชะตากรรมของเธอเลย ศึกหนักแน่ๆ หล่อนเอ๊ยยย

Unknown กล่าวว่า...

ต่อไปพี่เย่ว์เราจะเทพขึ้นขนาดไหยเนี่ยยยย

8lek8 กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

ruber2497 กล่าวว่า...

คู่หมั้นหลายคนก็จริง แต่อู่๋เหินไม่เดือดร้อนได้นอนกกปั๋วอยู่คนเดียว เหมือนคนอื่นเป็นได้แค่กิ๊ก มีกี่คนกี่คนนางก็ไม่อิจฉา

แสดงความคิดเห็น