เล่มที่ 8
เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 52 ตระกูลเบรุต
“ในแง่ของเชื้อสายและบุคลิกภาพ เคย์ลันเป็นคนดี”
วอร์ตันกอดนีน่าไว้ในวงแขนและพูดอย่างอ่อนโยน
“ข้าเกรงว่าพระบิดาของเจ้าจะยกเจ้าให้แต่งงานกับเคย์ลัน”
นีน่าพยักหน้า “ก็จริงอยู่ที่พระบิดาให้คุณค่ากับเคย์ลันเนื่องจากพรสวรรค์ทางด้านเวทของเขา ในอนาคต
เขามีโอกาสเป็นหัวหน้าจอมเวทระดับเก้าได้และมีกระทั่งโอกาสได้เป็นปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนได้ จักรวรรดิมียอดฝีมือเซียนอยู่หลายคน แต่ส่วนใหญ่เป็นนักรบระดับเซียน
มีปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนอยู่น้อยมาก”
วอร์ตันรู้สึกได้ว่าเคย์ลันเป็นผู้คุกคามคนหนึ่ง
แม้ว่าลามอนต์เป็นศิษย์ของวิทยาลัยเทพสงคราม แต่เขาเป็นแค่ศิษย์กิตติมศักดิ์
นอกจากนี้ตระกูลของเขาไม่มีอำนาจคุกคามเท่าใดนัก วอร์ตันคือนักรบเลือดมังกร ตราบใดที่จักรพรรดิไม่โง่ เขาก็คงเลือกวอร์ตันแน่นอน
แต่ถ้าเคย์ลันแข่งขันกับวอร์ตัน หลายๆ อย่างก็คงแตกต่างออกไป ที่สำคัญบิดาของเขาก็คือมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของจักรวรรดิมีทั้งอำนาจและอิทธิพล
“นีน่า” วอร์ตันเคร่งขรึม
“หืม?”
นีน่าขดตัวอยู่ในอ้อมแขนวอร์ตันเงยหน้ามองเขา
“ข้ากำลังจะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทและทูลขอพระองค์เป็นการส่วนตัวให้พระองค์ยกเจ้าให้แต่งงานกับข้า” วอร์ตันพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง
นีน่าตกใจจากนั้นมีแววปลาบปลื้มดีใจปรากฏอยู่บนใบหน้านาง
“จริงหรือ?”
นีน่าตื่นเต้นมาก
“ถูกแล้ว” วอร์ตันพยักหน้า “นีน่า, ก่อนที่ข้าจะทำเช่นนั้น,
เจ้าสามารถทูลบอกพระชนกของเจ้าเพื่อดูทีท่าก่อน”
นีน่าสายศีรษะอย่างจนใจ “ข้าคิดว่าข้าบอกเจ้าไปแล้ว พระชนกของข้าพระองค์ก็ยังต้องทรงทำใจ
พระองค์บอกอยู่คำเดียว “อย่าเพิ่งเร่ง” “อย่าเพิ่งเร่ง”... แต่พระชนกข้าประทับใจเจ้าอย่างมากและเห็นคุณค่าของเจ้าเช่นกัน ถ้าเจ้าทูลขอพระราชทานกับพระองค์
ข้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสสูง”
นีน่าพูดอย่างเปี่ยมไปด้วยความหวัง
มีแต่เพียงพี่สาวนางคนหนึ่งเท่านั้นที่ได้แต่งงานกับคนที่นางรัก
เพราะบรรดาพี่สาวน้องสาวของนีน่า
การแต่งงานของพวกนางเป็นการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ทางการเมืองทำให้ไม่มีความสุขมากนัก
วอร์ตันพยักหน้าเล็กน้อย
“อย่ากังวลไปเลยนีน่า
ข้าจะไม่ยอมให้ใครพรากเจ้าไปจากข้า”
วอร์ตันกระชับอ้อมแขนกอดนีน่าไว้ในแผงอ้อมอกที่ใหญ่ของเขา
ณ มณฑลพายัพ
หมู่บ้านยอดเมฆห่างไกลจากเมืองเอกมณฑล
ที่ด้านตะวันตกของหมู่บ้านยอดเมฆมีป่าอยู่ผืนหนึ่ง
ลินลี่ย์ในร่างมังกรแปลงกำลังซ้อมมืออยู่กับบีบี
“บีบี อย่าบังคับข้าเลย”
ลินลี่ย์พูดอย่างจนใจขณะควงดาบหนักอดาแมนเทียม “ถ้าเจ้ายังโจมตีข้าอย่างนี้ต่อไป
อย่างนั้นข้าอาจเผลอใช้สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินก็ได้นะ”
“หึหึ พี่ใหญ่,
ข้ารู้ว่าท่านห่วงใยข้าเกินกว่าจะลงมือเช่นนั้นกับข้า”
บีบีโฉบไปมาอยู่ในกลางอากาศและพูดด้วยภาษามนุษย์
เมื่ออสูรเวทเข้าถึงระดับเซียนแล้ว
พวกมันสามารถเปลี่ยนขนาดได้อย่างอิสระและสามารถพูดภาษามนุษย์ได้
แต่เฉพาะอสูรเวทระดับเทพเท่านั้นจึงจะสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้
ในทั่วทวีปยูลานมีแต่ราชันย์แห่งป่าทมิฬและราชันย์แห่งเทือกเขาอสูรวิเศษเท่านั้น
สองอสูรยอดฝีมือชั้นเทพทั้งสองนี้สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้
สำหรับบีบี
ใครจะรู้กันว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดก่อนที่เขาจะเข้าถึงระดับนั้น?
“เจ้าเด็กร้ายกาจ” ลินลี่ย์ถอนหายใจ “ข้าบรรลุถึงระดับเซียนแล้ว
อุตส่าห์ยกระดับเรื่องความเร็วและพลังป้องกันจนทันเจ้า
แต่เจ้ากลับยกระดับเป็นชั้นเซียนด้วยเช่นกัน ความเร็วในการยกระดับของเจ้าช่างเหลือเชื่อจริงๆ”
แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่และความเร็วในการโจมตียังคงเป็นขั้นตอนที่แตกต่างกันสองอย่าง
ความเร็วของการตวัดดาบไวกว่าความเร็วในการเคลื่อนไหวมาก ดาบหนักอดาแมนเทียมของเขายังสามารถป้องกันการโจมตีของบีบีได้ทัน ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับบีบี ลินลี่ย์ทำได้แค่ยืนอยู่กับที่และใช้ดาบหนักป้องกันตนเอง
“หึหึ” บีบีหัวเราะอย่างย่ามใจ
ความจริง
สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินของลินลี่ย์ยังคงเป็นท่าที่คุกคามบีบีได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินทั้งหมดที่ไม่สนใจการป้องกันภายนอก
ก็ทำให้พลังป้องกันของบีบีไร้ประโยชน์ได้
แต่ลินลี่ย์จะใช้พลังโจมตีที่โหดอำมหิตต่อบีบีได้ยังไง?
ดังนั้นบีบีจึงสนุกกับการซ้อมมือกับลินลี่ย์อย่างต่อเนื่อง
“พอเถอะ ร่างข้ามีรอยกรงเล็บเจ้าสองรอยแล้ว เจ้าพอใจหรือยัง?” ลินลี่ย์หัวเราะขณะลูบศีรษะบีบี “กลับกันเถอะ,
ได้เวลากินแล้ว”
ขณะที่พูด
ลินลี่ย์กลับคืนสู่ร่างมนุษย์
จากนั้นแต่งตัวด้วยชุดใหม่
“พี่ใหญ่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว” บีบีบินมาเกาะไหล่ลินลี่ย์และหัวเราะคิกคัก
ในกลุ่มของลินลี่ย์ปัจจุบันนี้
ถ้าลินลี่ย์หลีกเลี่ยงการใช้สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน
ที่นี่ไม่มีใครต่อกรกับบีบีได้เลย
บีบีเป็นอสูรเวทระดับเซียนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเหนือใครๆ
“บีบี, เจ้าเป็นอสูรเวทแบบไหนกันแน่?” ลินลี่ย์เดินพลางสนทนากับบีบี
“ข้าก็ไม่รู้จริงๆ เหมือนกัน” บีบีส่ายหัวรัว
ทันใดนั้นลินลี่ย์จำอะไรบางอย่างได้
จากนั้นเขาหันมามองบีบีอย่างประหลาดใจ
“บีบี, เจ้าจำได้ไหมย้อนไปเมื่อเราทำสัญญาเสมอภาคกัน ข้าถามว่าเจ้าชื่ออะไร? ตอนนั้นเจ้าบอกว่า ‘เบย
เบย’ เจ้าไม่ต้องการพูดอะไรอื่นที่เจ้าต้องการพูดให้ชัดๆ
ใช่ไหม?”
ลินลี่ย์จำฉากภาพนั้นได้ชัดเจน
“หนูเงาน้อย
เจ้าชื่ออะไร?” ลินลี่ย์ถามมันในใจ
หนูเงาน้อยพูดอะไรบางอย่างด้วยความตื่นเต้น “เบย..เบย..”
ลินลี่ย์จ้องมองดูหนูเงาน้อย
“หนูเงาน้อยพูดอะไรกันแน่?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจจริงๆ
เดลิน
โคเวิร์ทที่ลอยอยู่ข้างตัวเขาลูบเครายาวและพูดบอกเขาทางใจ “ลินลี่ย์, หนูเงาน้อยตัวนี้ยังเป็นทารก เขายังไม่สามารถเปล่งเสียงให้เป็นคำได้
แม้ว่าจะพยายามสื่อสารทางใจกับเจ้าก็ตาม ตอนนี้ก็แค่สื่อสารด้วยคำง่ายๆ”
เนื่องจากการเชื่อมต่อทางใจกับลินลี่ย์
เขาจึงรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของหนูเงาน้อย
แต่หนูเงาน้อยยังไม่สามารถพูดได้เลย
“ก็ได้ เมื่อเจ้าบอกว่า ‘เบย..
เบย’ งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าบีบี เป็นยังไงบ้าง?” ลินลี่ย์ยิ้มขณะมองดูหนูเงาน้อย
หนูเงาน้อยดูเหมือนจะไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่จากนั้นมันพยักหน้าอย่างมีความสุข
และตั้งแต่นั้น
ลินลี่ย์จึงตั้งชื่อเขาว่า ‘บีบี’
“ข้าพูดแบบนั้นหรือ?”
บีบีสะดุ้ง
“โอว, ใช่แล้ว” บีบีจำได้ “ข้าจำได้แล้วตอนนี้ เมื่อยังตัวเล็กมากๆ ยังเด็กมาก ข้ายังไม่สามารถลืมตาได้เลย ข้าได้ยินเสียงที่ใกล้ชิดมาก
อบอุ่นมากพูดกับข้า”
ลินลี่ย์มองบีบีทันที
เขาไม่เคยได้ยินบีบีพูดเรื่องนี้มาก่อน
เป็นเรื่องธรรมดาที่อสูรเวทจะยังไม่สามารถลืมตาได้ทันที่พวกมันเกิด ในเวลานั้น
เป็นไปได้ว่าบีบีเพิ่งจะเกิดมาไม่นาน นั่นคือความทรงจำที่ห่างไกลมาก ถ้าลินลี่ย์ไม่ขุดขึ้นมา บีบีก็คงนึกไม่ออกเช่นกัน
“เสียงนั้นบอกว่าข้าเป็นของตระกูลหนึ่ง
เสียงนั้นสั่งให้ข้าซ่อนตัวอยู่ในลานหลังคฤหาสน์ตระกูลของท่านและไม่ให้วิ่งเพ่นพ่าน และจากนั้นเสียงนั้นก็หายไป” บีบีงงงวยอยู่มาก
“ตระกูลเบ..อะไรเหรอ?” ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
“ข้ายังนึกได้ไม่ชัด ดูเหมือนจะเป็นเบย์...เบย์...โอว!” ตาน้อยๆ ของบีบีเป็นประกาย “เบรุต, ใช่แล้ว
ดูเหมือนจะเป็นเบรุต
เสียงนั้นที่บอกข้าว่าข้าเป็นสมาชิกของตระกูลเบรุตที่ทรงอำนาจ เสียงนั้นบอกข้าไม่ให้วิ่งเพ่นพ่าน เพราะข้างนอกมีอันตราย นั่นคือสาเหตุให้ข้าอยู่ในลานหลังคฤหาสน์ของท่านมาตลอดเวลา
พี่ใหญ่, เนื่องจากข้าเติบโตที่นั่นอย่างช้าๆ”
ลินลี่ย์เข้าใจในตอนนี้
“ตระกูลเบรุต?”
ลินลี่ย์งงงวย “อสูรเวทก็มีตระกูลด้วยหรือ?”
บีบีส่ายหัวอย่างสับสนเช่นกัน “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าไม่เคยพบพ่อแม่
หลังจากที่ข้าเกิด ข้าแค่อยู่ที่หลังคฤหาสน์ของท่าน
และทั้งหมดที่ทำก็คือกินเศษซากปรักหักพัง”
ลินลี่ย์จดจำชื่อนี้ไว้ในความทรงจำ
– ตระกูลเบรุต!
ลินลี่ย์มั่นใจอย่างแน่นอนว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลที่ทรงอำนาจใดๆ
ในทวีปยูลานว่ามีชื่อ เบรุต แต่ตระกูลนี้เป็นไปได้ว่าอาจเป็นตระกูลของอสูรเวท
ตระกูลของอสูรเวท?
ลินลี่ย์ไม่รู้เรื่องนี้เพราะเขาไม่ใช่อสูรเวท
แต่บีบีไม่รู้เรื่องอย่างอื่น เพราะเขาไม่มีพ่อแม่
ผ่านไปสิบกว่าวันลินลี่ย์ยังอยู่ในหมู่บ้านยอดเมฆ ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับแม็คเคนซี
พวกเขาทุกคนต้องเดินทางไปเยือนตระกูลชาร์คภายในสามสิบวัน
“พี่ลินลี่ย์ มีจดหมายถึงท่าน” เจนน์วิ่งมาจากข้างนอกอย่างตื่นเต้น
“โอว, น่าจะมาจากหอการค้าดอว์สัน”
หอการค้าดอว์สันส่งจดหมายมาให้ทุกเดือน ลินลี่ย์เดินออกมาทันที มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งจูงม้าอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นลินลี่ย์ เด็กหนุ่มคำนับและพูดอย่างสุภาพ “ท่านลีย์, เชิญรับจดหมายท่าน”
ลินลี่ย์รับจดหมายพลางหัวเราะ “เดือนหน้า เจ้าไม่จำเป็นต้องมาที่นี่อีกแล้ว”
เด็กหนุ่มมองลินลี่ย์ด้วยความสงสัย
“ในช่วงเดือนหน้า ข้าจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว” ลินลี่ย์ตัดสินใจนานแล้วว่าอีกไม่กี่วันเขาจะเดินทางไปตระกูลชาร์ค
บาดแผลของเขาหายนานแล้ว
และหลังจากแปลงร่างมังกร เขาจะเป็นนักสู้ระดับเซียน นั่นได้เวลาที่เขาจะไปเยี่ยมน้องของเขาเสียที
เป็นเวลานานแล้ว
นานแล้วที่เขาไม่ได้พบกับวอร์ตันเลย
ในใจของเขา ลินลี่ย์น้องชายที่เป็นญาติซึ่งเหลืออยู่คนเดียวของเขา
“ขอรับ, ท่านลีย์” เด็กหนุ่มพูดด้วยความเคารพ
จากนั้นก็ขี่ม้าจากไป
ส่วนลินลี่ย์เขาเปิดจดหมายออกอ่านดู จดหมายมีข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับกิจการปัจจุบันของศาสนจักรเจิดจรัสและทวีปยูลานทั้งหมด มีข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวกับเรย์โนลด์
จอร์จและเยล ในตอนท้ายพูดถึงวอร์ตัน
“จอร์จช่างน่ากลัวจริงๆ” ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชย
ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลวอลช์
จอร์จยังคงอยู่ในเส้นทางก้าวหน้าภายในจักรวรรดิยูลาน เขาเองมีพรสวรรค์มากอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญมากกว่า...
องค์ชายสามแห่งจักรวรรดิยูลานประสบความสำเร็จรับสืบทอดราชสมบัติกลายเป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิยูลาน
ก่อนที่องค์ชายสามจะเสวยราชสมบัติเป็นจักรพรรดิ จอร์จก็สนิทกับพระองค์มากอยู่แล้ว
ทั้งสองคนมีแนวคิดทางการเมืองอย่างเดียวกัน ตอนนี้องค์ชายสามสืบราชสมบัติต่อจากพระชนกกลายเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่ จอร์จกลายเป็นมุขมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในจักรวรรดิยูลาน
ทั่วทั้งทวีปยูลานมีมุขมนตรีอยู่สิบสองคน
แต่ละคนมีพลังและอำนาจที่ไม่ธรรมดา
นอกจากนี้จอร์จยังเป็นรองมหาเสนาบดีฝ่ายขวาของจักรวรรดิยูลาน
“เมื่อเทียบกันแล้ว เรย์โนลด์ยังทำไม่ได้ดีเท่าจอร์จ” ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ
จากนั้นเขาอ่านเรื่องของวอร์ตันอย่างตั้งใจ ลินลี่ย์คิดโดยทั่วไปว่าวอร์ตันกำลังทำอะไรอยู่
แต่พอได้อ่านจดหมาย...
“อะไรนะ?”
ลินลี่ย์ตกใจ “วอร์ตันทูลขออภิเษกสมรสกับองค์หญิงเจ็ดต่อจักรพรรดิ?”
หอการค้าดอว์สันส่งข่าวนี้มาที่เมืองเบซิลไม่นานนี้
ที่สำคัญเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันที่แล้ว
“จักรพรรดิไม่ทรงเห็นด้วย?”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วและอ่านต่อไป “โชคดี
แม้ว่าพระองค์ไม่เห็นด้วย
แต่ก็ไม่ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย”
ตามจดหมายนั้น
จักรพรรดิยังคงทอดเวลาออกไป
ลามอนต์ก็ทูลขอเรื่องเดียวกันนี้นานแล้ว และตอนนั้นจักรพรรดิไม่ทรงเห็นด้วย ตอนนี้วอร์ตันก็ทูลขอไปแล้ว จักรพรรดิก็ยังทรงไม่เห็นด้วย สิ่งที่พระองค์พูดก็คือ “นีน่ายังอายุเยาว์ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
นีน่าอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว
นางไม่ถือว่าอายุน้อย
แต่นีน่าเป็นทั้งจอมเวทและเป็นนักรบ
และสายธาตุสัมพันธ์ในฐานะจอมเวทของนางคือเวทน้ำซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายจอมเวท
อายุขัยของนีน่าจะยืนยาวมาก เป็นเรื่องง่ายๆ หากนางจะมีอายุยืนยาวถึง 300-400
ปี เพราะเหตุนี้เองจึงเป็นเรื่องจริงที่ว่านางไม่จำเป็นต้องรีบแต่งงาน
“อีกคนเป็นบุตรของมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของจักรวรรดิ
ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงคราม”
ลินลี่ย์บอกได้ทันทีว่าใครเป็นคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของน้องชายเขา
นั่นคือบุตรชายของมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเป็นจอมเวทนามว่าเคย์ลัน
“ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่เป็นใจ” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
ประกายเยือกเย็นฉายผ่านในดวงตา “ไม่ว่ายังไง
ข้าจะปล่อยให้วอร์ตันเดินตามเส้นทางเดียวกับข้าไม่ได้แน่ พรุ่งนี้, พรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมตระกูลชาร์ค หลังจากบรรลุข้อตกลงแล้วเราจะมุ่งตรงสู่นครหลวง
ลินลี่ย์ตัดสินใจแล้ว
แต่ในช่วงเวลานั้นเอง...
“ใต้เท้า, ใต้เท้า!”
เสียงที่คุ้นเคยของเกทส์ดังขึ้น เกทส์ดูมีชีวิตชีวามากที่สุดในพี่น้องทั้งห้า
“ใต้เท้า!” ไม่ใช่แค่เกทส์เท่านั้น คนอื่นๆ ก็ตะโกนเช่นกัน
ลินลี่ย์หันหน้าไปทางลานฝึกด้วยท่าทางมึนงง ขณะนั้นเกทส์และคนอื่นๆ ก็วิ่งเข้ามาหาเขาทันที
ใบหน้าของทุกคนมีอาการดีใจ
“พวกท่านทุกคนดูมีความสุขกันมาก มีข่าวดีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะ
“พี่รอง, พี่รองเป็นนักรบระดับเก้าได้แล้ว!” เกทส์พูดเป็นคนแรก
“อังเก้พี่รองของเราจะเป็นระดับเซียนหลังจากแปลงร่างแล้ว” เฮเซอร์น้องคนที่สามพูดด้วยความดีใจ
ลินลี่ย์ตกใจ
ในบรรดาห้าพี่น้อง
บาร์เกอร์เป็นคนแรกที่เข้าถึงระดับเก้า
หลังจากเขามีพลังระดับเซียน น้องๆ
อีกสี่คนล้วนแต่เป็นนักรบระดับแปดชั้นสูงก็ยังคงฝึกหนักต่อไป
คาดไม่ถึงเลยว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่เข้าถึงระดับเก้าในเวลาไม่นาน
“ตัวข้า บีบี บาร์เกอร์ อังเก้ พวกเราทั้งสี่คนเข้าถึงระดับเซียนกันได้แล้ว”
ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลหนึ่งจะมีนักสู้ระดับเซียนถึงสี่คน ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือ... น้องๆ
อีกสามคนสามารถบรรลุระดับเซียนได้ทุกเมื่อเช่นกัน
ลินลี่ย์ไม่มีความคิดอื่นใด เขาได้แต่ยิ้มกว้าง
บางทีในวันต่อมา
อาจมีบางคนวิ่งมาบอกเขาว่ามีหนึ่งในห้าพี่น้องบรรลุระดับใหม่ก็ได้
อย่างนั้นพวกเขาก็ยังจะมีระดับเซียนอีกคนในระดับของพวกเขา
ตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าการที่เขาตัดสินใจช่วยบาร์เกอร์และน้องๆ
นับเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดอย่างแน่นอน
ตอนนี้นอกจากบาร์เกอร์และอังเก้แล้ว น้องๆ อีกสามคนอาจมองได้ว่าเตรียมจะเป็นระดับเซียน
13 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
������
เบรุต คุ้นๆแหะ เหมือนเคยได้ยิน (หรือเรื่องอื่นหว่า)
อยากให้ลินลี่ย์โชว์พาวที่วังแล้วว
ลินลี่ย์จิไปหาน้องแว้ววววว
เย้ๆๆ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณคร๊าบบบบบ
ไม่ใช้พ่อแม่บีบี บอกว่าบารุต ของพระเอกเหรอ แต่มันฟังเพี่ยนเป็น เบ-รุต ขำๆครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุนคับ
ขอบคุณครับ
บีบีนี่ฮา+โหดมากกินๆนอนๆก็เทพได้
แสดงความคิดเห็น