วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 933 ข้อพิสูจน์แรก


ตอนที่  933  ข้อพิสูจน์แรก
เป็นไปตามคาด ซาดราและตระกูลที่เหลือตัดสินใจเหมือนกัน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขาเห็นพายุหมุนขนาดมหึมา พวกเขาไม่กล้าคิดเป็นอย่างอื่น

สถานการณ์ของพวกเขาไม่เหลือทางเลือกให้พวกเขาเลย  พันธมิตรตระกูลชั้นสูงถูกทำลายไปแล้ว แต่ละตระกูลมีความสูญเสียครั้งใหญ่ อย่างน้อยมากกว่า 30% ของกองกำลังต้องตายไป  ความสูญเสียมากมายขนาดนั้นไม่พอจะทำลายสองสามตระกูล  แต่ที่สำคัญที่สุด พวกเขาไม่มีทางให้ถอย  พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง  และตระกูลต่างๆ ที่เลือกจากไปมีแต่ตายเร็วขึ้นเท่านั้น
ความพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวดคือประสบการณ์ที่น่ากลัวสำหรับตระกูลต่างๆ
แต่จุดที่ถูกทำร้ายหนักที่สุดก็คือกำลังใจและความมั่นใจ
ในอดีต เหตุผลที่ซาดราและพวกไม่พอใจสถานะของพวกเขาและกล้าโต้แย้งกับวิหารเพื่ออำนาจส่วนใหญ่เป็นเพราะความเชื่อมั่นของพวกเขา  และเป็นความทะเยอทะยานของผู้กล้าของตระกูลชั้นสูงต่างๆ  พวกเขาเชื่อหนักแน่นว่าพวกเขาคือเจ้าแห่งทวีปกวงหมิงที่แท้จริง  และเชื่อว่าพวกเขามีคุณสมบัติแบ่งปันอำนาจเหนือทวีปกวงหมิงกับวิหาร
ความทะเยอทะยานนี้ไม่ได้มาจากความไม่มีอะไรหรือจากสมบัติที่มากมายของพวกเขา  แต่มาจากบรรพบุรุษของพวกเขาผู้ใช้มือและเลือดตนเองสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งทรงพลัง ได้รับชัยชนะมาหลายรุ่น ผ่านความรุ่งเรืองมานับไม่ถ้วน ผ่านวันผ่านคืนสะสมความเชื่อที่สร้างสถานะให้พวกเขาเป็นตระกูลชั้นสูง
แต่เวลานี้ศรัทธาและความเชื่อมั่นของพวกเขาทั้งหมดถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง  เมื่ออยู่ต่อหน้าประมุขผู้อาวุโส พวกเขากลายเป็นอ่อนแอไร้พลังเหมือนกับเด็กๆ ที่ช่วยตัวเองไม่ได้   จำนวนผู้เสียชีวิตของตระกูลต่างๆ เพิ่มขึ้น  และพวกเขาตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้  พวกเขาไม่มีที่ให้หนี  และกลัวต่อการรอความตายโดยไม่เหลือความกล้าหาญ  ความมีชีวิตชีวาของพวกเขาและโดยอาการอย่างนั้น แม้แต่ความหวังของพวกเขาก็เริ่มลดน้อยถอยลง
การตัดสินใจของพวกเขาเพื่อเข้าร่วมกับถังเทียนหมายความว่าพวกเขาจะต้องยอมทิ้งความภูมิใจในฐานะผู้อยู่ชั้นบนของห่วงโซ่อาหาร และจากนั้นพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับมนุษย์เดินดินทั่วไป
ซาดราและประมุขตระกูลอื่นรู้เรื่องนี้  แต่เทียบกับการถูกทำลายล้างตระกูลอย่างสิ้นเชิง เสียความภูมิใจไปจะเป็นไร?  อย่างน้อยตระกูลก็ยังอยู่รอดได้
ซาดราและคนอื่นไม่มีทางเลือกอื่น
ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักว่าพวกเขาเป็นแค่ปุถุชน และการสู้รบที่พวกเขาทำอยู่นั้นเป็นการสู้กับสัตว์ประหลาด  ในเวลาอย่างนั้น พวกเขาไม่ได้วางตัวโอ่อ่าตำหนิความโง่เขลาของตัวเอง  ความแข็งแกร่งของพวกเขา ได้กำหนดไว้เพียงให้พวกเขาสนับสนุนในสมรภูมิซึ่งรวมทั้งความแข็งแรงในการสนับสนุนความทะเยอทะยานของพวกเขาด้วย
ซาดราและประมุขตระกูลคนอื่นเห็นแสงแห่งความหวังบนใบหน้าของสมาชิกตระกูลพวกเขา และความเจ็บปวดในหัวใจพวกเขาลดลง  เพลิงศักดิ์สิทธิ์รอบเมืองหิมะทั้งหมดถูกดูดลงไปในพายุหมุนกระบี่  ทำให้ทหารทุกคนผู้ทำงานจนเกินขีดความสามารถสมองจะรับได้หลับลงได้อย่างรวดเร็ว
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถพักได้อย่างปลอดภัย
ทุกคนหวังว่าสัตว์ประหลาดของพวกเขาจะชนะ และอธิษฐานจิตให้กับพายุหมุนยักษ์
เวลายังคงผ่านไป และบรรยากาศในเมืองหิมะเริ่มหนักหน่วงขึ้น ทหารที่รับผิดชอบสังเกตลำแสงสิบสี่สายที่วิหารกลับมารายงานเหตุเปลี่ยนแปลง
ทุกคนตื่นตัวทันที  ซาดราและประมุขตระกูลอีกสองสามคนไปเยี่ยมดูที่วิหาร
เสาแสงทั้งสิบสี่ที่วิหารเริ่มตกผลึกที่ฐาน และเสาเพลิงสีทองกลายเป็นผลึกใสสีทอง รังสีที่น่ากลัวทั้งสิบสี่สายแตกต่างจากที่พวกเขาได้ประสบมาเมื่อไม่กี่วันก่อน  แต่ละต้นมีพลังรุนแรงมากขึ้น  สัตว์ประหลาดที่อยู่ภายในเสาเพลิงเริ่มมีพลังมากขึ้นและเสียงหัวใจเต้นดังเหมือนกลอง  ทุกๆ จังหวะเต้นก้องทำให้เกิดระลอกในท้องฟ้า  แม้จากในที่ไกล พวกเขาก็สามารถได้ยินเสียงลมหายใจ
ซาดราและพวกมีลางสังหรณ์อัปมงคล นั่นคือเมื่อสัตว์ประหลาดที่อยู่ภายในลำแสงเพลิงอาจปรากฏตัวได้ทุกขณะ
พวกเขากลัวพายุหมุนยังคงเติบโตโดยไม่มีท่าทีจะยุติเลย  แต่ถ้าประมุขผู้อาวุโสและสัตว์ประหลาดอีกสิบสี่ตนปรากฏขึ้นก่อน  พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน  และสถานการดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่พวกเขาไม่ต้องการ
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือในท้องฟ้าด้านหลังพวกเขา  ตู้เค่อสังเกตลำแสงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม  เนื่องจากเขาเลียนแบบเพลิงศักดิ์สิทธิ์และหลอกผนึกในท้องฟ้าได้  เขาจึงสามารถบินได้ตามใจปรารถนา
ตู้เค่อสามารถรู้สึกได้ถึงรังสีน่ากลัวในลำแสงเพลิง  และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถป้องกันการเห็นของเขาได้  ทำให้เขาเห็นผ่านลำแสงเพลิงได้อย่างชัดเจน
สายไหมทองนับไม่ถ้วนที่มองดูคล้ายกับเส้นเลือดมนุษย์และบรรจบรวมเข้าหาขุนพลวิญญาณที่แยกอยู่ตามเสาแสงต่างๆ  ตู้เค่อตระหนักได้ทันที ขุนพลวิญญาณ, เพลิงแปลกประหลาดเหล่านั้นถูกเตรียมไว้ให้ขุนพลวิญญาณ
สีหน้าของตู้เค่อยังคงจริงจัง  เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังของขุนพลวิญญาณ และพวกเขามีระดับพลังอย่างที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน  มันไม่ใช่ดินแดนที่หยั่งถึง แต่เป็นการสะสมพลังงาน  ในสายตาของเขาไม่มีวิชาอะไรเป็นพิเศษแค่ใช้พลังสะสมที่บริสุทธิ์  แต่เก็บพลังนับไม่ถ้วนเพื่อบังคับขุนพลวิญญาณมีการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า
ตู้เค่อไม่เคยคิดว่าโลกจะมีวิธีการที่ง่ายและรุนแรงเพื่อเพิ่มพลังให้กับนักสู้
ใช่แล้วขุนพลวิญญาณที่อยู่ในเสาเพลิงทุกต้นเปล่งรัศมีที่เหมือนสัตว์ประหลาดปีนออกมาจากกระแสน้ำ  แม้จากระยะไกล เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวของขุนพลวิญญาณ  พวกเขาไม่ปิดบังกลิ่นอายของพวกเขา  ขุนพลวิญญาณรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาเกิดขึ้นมาจากทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ระลอกพลังสร้างจากการบีบตัวของพลังงานในปริมาณมาก และสามารถเห็นขุนพลวิญญาณได้ชัดเจนว่าอยู่ภายในลำแสงเพลิงเนื่องจากกกฎธรรมชาติปั่นป่วน
นั่นเป็นจุดสุดยอดของการบีบอัดพลังงาน ที่ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์
ตู้เค่อหรี่ตาของเขา ใจของเขาเต็มไปด้วยอาการตกใจ  ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมวิหารจึงต้องการเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไว้มากมาย   เขาสามารถรู้สึกได้ผ่านม่านฟ้าเกิดการเชื่อมต่อกับเสาอื่น  เสาลำแสงทั้งสิบสี่สามารถดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยละล่องอยู่ในทวีปเซียน
 น่ากลัวจริงๆ...
เมื่ออะไรก็ตามถึงระดับสุดยอด  หลายอย่างก็เกิดขึ้นได้
ขุนพลวิญญาณทุกตนมีท่าทีคุกคามต่อเขา  การรู้แจ้งกฎธรรมชาติของเขาอยู่ในระดับสุดยอด  และสนามพลังกฎธรรมชาติของเขามีพลังไร้คู่ต่อสู้  แต่พลังที่สะสมอยู่ภายในตัวขุนพลวิญญาณแต่ละตนยิ่งใหญ่กว่าพลังที่เขาสามารถใช้ได้
แค่พลังงานล้วนๆ ก็คุกคามต่อพลังกฎธรรมชาติของเขา
ขณะนั้นเอง ขุนพลวิญญาณที่อยู่ในเสาแสงต้นกลางลืมตาขึ้น และมองตู้เค่อด้วยสายตาเย็นชา
หัวใจของตู้เค่อตกใจ  ศัตรูพบข้าแล้วหรือ!’
เขารีบสงบจิตใจ  แม้ว่าศัตรูจะทรงพลัง  แต่เขาก็ยังมีความมั่นใจในพลังของตนเอง  ใช่แล้วแม้ด้วยสนามพลังกฎธรรมชาติของเขา ศัตรูก็ยังมีความสามารถคุกคามเขาได้  แต่ขณะเดียวกัน ไม่ว่าศัตรูจะมีพลังมากมายเช่นใด  สนามพลังกฎธรรมชาติของเขาก็ยังคุกคามศัตรูของเขาได้อยู่ดี
ก็เป็นแค่สถานการณ์ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา แต่เขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง
ประมุขผู้อาวุโสสามารถรู้สึกได้ถึงการคุกคามจากตู้เค่อและลอบตกใจ  ตาของเขาฉายประกาย  “งั้นเจ้าก็คือสมาชิกที่รอดอยู่ของแดนบาปสินะ!
เสียงประมุขผู้อาวุโสดังออกมาจากลำแสงเพลิง และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้ากลายเป็นปราดเปรียวขึ้นมาทันที  ตู้เค่อรู้สึกเหมือนกับว่าเขาตกอยู่ในพายุ สายลมพัดใส่เขา และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดพุ่งเข้าหาเขาอย่างดุดัน ราวกับว่าต้องการจะเผาเขาให้เป็นจุล
ตู้เค่อยังคงสงบ  อากาศรอบตัวเขากลายเป็นซึมเซาและไม่ว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะรุนแรงยังไง แต่พวกมันไม่สามารถเข้ามาในระยะสามสิบเมตรจากตัวเขาได้
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นคลื่นซึ่งไหลเข้าหาตู้เค่อพร้อมกับพลังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
 “วิหารทำกับพลเมืองของตนเองอย่างเลวร้ายยิ่งกว่าสุกรสุนัข  สังหารพวกเขาเพียงเพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกายตัวเจ้าเอง  บาปของเจ้าเกินกว่าจะไถ่ถอน ต่อให้ตายร้อยครั้งเจ้าไม่มีทางไถ่บาปตัวเองได้!
เพลิงศักดิ์สิทธิ์คลุมร่างตู้เค่อ  แต่เสียงดังมาจากดังมาจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจน เป็นเสียงคำรามลั่นไม่อาจปกปิดได้
ตู้เค่อเผยร่างขึ้นอีกครั้ง  เขาเหมือนกับหินที่มั่นคงอยู่ในกระแสน้ำ  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ขาวเป็นเหมือนกับน้ำที่ไหลอยู่รอบตัวเขา  เขาไม่เป็นอันตราย และยังคงนิ่งเฉย  แต่น้ำเสียงของเขายังสะท้อนก้องเปี่ยมไปด้วยพลัง
หน้าของประมุขผู้อาวุโสพลันคล้ำ  เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรตู้เค่อจึงได้แต่แค่นเสียง  “เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดได้เลย  ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะเสมอ ผู้แพ้กลายเป็นคนชั่วได้อยู่ดี  ข้าต้องการดูว่าเจ้ายังยิ้มอยู่ได้หรือไม่เมื่อเราออกมา”
พูดเพียงแค่นั้น เขาไม่สนใจตู้เค่ออีกต่อไป  แต่เขาดูดกลืนเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพิ่ม
ตู้เค่อยังคงรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถทำอะไรหรือหยุดยั้งศัตรูได้  ลำแสงเพลิงทั้งหมดและม่านเพดานที่กั้นอยู่ในท้องฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  ถ้าเขาพยายามโจมตี  ก็หมายความว่าจะต้องโจมตีทั้งหมด ซึ่งเขาไม่มีโอกาสจะชนะ
และเมื่อขุนพลวิญญาณเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลง  ร่างของพวกเขาจะมีคุณภาพที่เปลี่ยนแปลง  เวลานั้น พวกเขาจะไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในลำแสงเพลิงอีกต่อไป  และไม่จำเป็นต้องการพลังจากลำแสงเพลิงอีกต่อไป
 ขุนพลวิญญาณเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปเกือบหมดแล้ว
ตู้เค่อมองดูลำแสงเพลิงต่างๆ  จากนั้นหันไปอีกตำแหน่งหนึ่ง  เนื่องจากเขาสามารถรู้สึกได้ถึงตำแหน่งที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังไหลไปรวมกันในอีกตำแหน่งหนึ่ง  นอกจากนี้ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงรัศมีที่คุ้นเคยจากตำแหน่งดังกล่าว
 ถังเทียน!’
ตู้เค่อตื่นเต้นทันที ไม่ว่าศัตรูทรงพลังเพียงไหน แต่ถังเทียนไม่ได้นิ่งเฉยเช่นกัน  เมื่อเห็นว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์มากมายเพียงไหนกำลังหลากเข้าไปหาถังเทียนเช่นกัน  ใจของตู้เค่อก็ทำงานเช่นกัน  หรือว่าถังเทียนก็ยังใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วย?
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความเป็นไปได้ แต่เขาก็ยังสงสัย  ถังเทียนไม่ใช่บุรุษที่ใช้สามัญสำนึกตัดสินได้ และมักจะทำสิ่งที่แปลกและผิดธรรมดาออกมาได้  นี่คือสิ่งที่ตู้เค่อสรุปได้จากตัวถังเทียน  และถ้าถังเทียนไม่ทำอะไรแปลกประหลาดออกมา  ตู้เค่อนั่นแหละคงจะรู้สึกแปลกใจ
เขาเร่งความเร็วของเขาทันที ขณะที่เขาบินอยู่ในท้องฟ้าเต็มไปด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์  เขาไปได้รวดเร็วมาก  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ด้านล่าง ซาดราและผู้นำตระกูลคนอื่นๆ ตะลึงกันหมด  พวกเขาไม่รู้จักตู้เค่อ  แต่เมื่องพวกเขาเห็นว่าเขายังบินได้โดยไม่ถูกพลังจำกัดจากท้องฟ้า และสามารถต่อต้านประมุขผู้อาวุโส  พวกเขาเห็นว่าเขาไม่ได้เสียเปรียบเลย
 แข็งแกร่งทรงพลัง!’
พวกเขาทั้งหมดมีความรู้สึกเหมือนกัน  ขณะที่พวกเขาบินเข้าไปใกล้วิหาร  พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวแล้ว  แต่พลังโจมตีของเพลิงศักดิ์สิทธิ์นั้นรุนแรงมาก  แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายตู้เค่อได้  ซาดราและพวกที่เหลือรู้สึกเหมือนกับว่าความรู้เกี่ยวกับโลกของพวกเขาพังทลาย  ขณะที่มีผู้ทรงพลานุภาพทะยอยปรากฏตัวออกมา
เบาะแสอย่างเดียวที่พวกเขาได้ยินคือ “เดนตายจากแดนบาป” แต่ว่าแดนบาปมีคนคนที่ทรงพลังขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?  เขาทรงพลังมาก และยังดูอายุเยาว์อีกด้วย
 เดี๋ยวก่อน!’
พวกเขารู้สึกตัวทันที  ตำแหน่งที่นักสู้แดนบาปผู้ทรงพลังกำลังมุ่งไป คือเมืองหิมะไม่ใช่หรือ?
ทุกคนมองหน้ากันเอง และวิ่งแตกตื่นกลับเมืองหิมะ

8 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

มือขวาเทพเทียนมาอีดคนละ
อย่างล้ำ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

เรื่อกัมปนาทหายไปไหน พูดถึงแค่ประวัติเรื่อและตอนสู้แค่ 1 -2 แล้วไม่พูดอีกเลย อุตสาห์สร้างอย่างเร่งด่วน

ำรำร กล่าวว่า...

เสียดายใกล้จะจบละ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

ไม่น่าใช่มือขวาคับ แค่นิ้วๆนึง อิอิ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

เล่าถัง มาช้านะ เดวไม่ทันโชว์เน่อ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบใจจ้า

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น