ตอนที่ 670
ตาทิพย์ระบุสมบัติ
อาคารใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในเมืองลมดำ
อยู่ภายในตลาดมืด
ขณะที่เย่ว์หยางเดินเข้าไป
เขาตระหนักได้ว่าที่นี่กว้างขวางมาก พื้นที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูง มีสามช่วงตึกจากตะวันออกไปทางตะวันตกซึ่งมีสินค้าดีๆ
ทั้งหมดวางอยู่ในร้าน และมีคนชมดูหนาแน่นกว่าตลาดทั่วไป
คนจากทุกเผ่าพันธุ์มารวมกันที่นี่เหมือนมีมหกรรม
ถนนทองจากเหนือไปถึงใต้พอให้รถม้าสิบคันวิ่งผ่าน เชื่อมโยงอาคารทั้งสามหลัง มีอาคารขนาดใหญ่สูงเทียมเมฆ อาคารที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเมือง
เป็นที่สองรองจากจวนเจ้าเมืองเรียกว่าอาคารพาณิชย์ทอง
การเข้าสู่ตลาดมืดไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม และต้องการแค่เพียงลงทะเบียนชื่อเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือการขาย
อย่างไรก็ตามการเข้าไปในอาคารพาณิชย์ทอง บางคนจะต้องซื้อตั๋ว เย่ว์หยางใช้เงินสิบเหรียญทองซื้อตั๋วใบหนึ่งเข้าอาคาร
“เชิญดูๆ กระดูกเสือเพลิงอย่างดีที่สุด!
เมื่อใช้ของนี้ผสมเหล้าจะช่วยขับไล่พิษความหนาวเหน็บ เสริมสุขภาพให้แข็งแรง
เหล้าที่ผสมกระดูกเสือนี้มีราคาขวดละหนึ่งเหรียญทอง ดีต่อสุขภาพหัวใจของท่าน เชิญดูๆ! นี่คือกระดูกเสือเพลิง นี่หนังเสือ นี่ตัวเดียวอันเดียวของเสือ แน่นอนว่านี้มีราคาร้อยเหรียญทอง ข้าไม่ลดราคาแม้แต่เหรียญเดียว” ทั้งสองข้างทางมีแผงลอยชั่วคราว
พ่อค้าเร่บางส่วนไม่ได้มีสถานะการเงินดีพอจะอยู่ในตลาดมืดได้นาน
ดังนั้นพวกเขาทำได้แต่เช่าแผงริมทางและส่งเสียงตะโกน
เย่ว์หยางเห็นแทบจะเหมือนกันทุกแผงลอยก่อนที่เขาจะเทเลพอร์ต
แต่เป็นความสะดวกสำหรับพ่อค้าที่นี่เพราะไม่มีผู้ตรวจการเมือง
เว้นแต่จะมีธุรกรรมเกิน
100 เหรียญทอง ทางตลาดมืดจะไม่เก็บภาษี
ค่าธรรมเนียมจัดการ?
ป้องกันการซื้อแผงลอยไม่ให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเมือง?
ผู้คนไม่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้ในแดนสวรรค์
ตราบใดที่พ่อค้าเร่ไม่รับการจัดระเบียบแผงลอยที่หน้าจวนเจ้าเมือง
ก็คงไม่มีใครสนใจพวกเขา
“ไข่แมลงปอแดง เมื่อทำสัญญามันจะฟักตัวทันที เมื่อฟักตัวแล้วแทบจะมีพลังปราณดินระดับหนึ่ง พอโตขึ้นจะมีพลังระดับปราณฟ้า ขายเพียง 50 เหรียญทอง! ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง
นี่เป็นตัวพิเศษหนึ่งในร้อยที่รอดจากโรคระบาด ฝึกปรือฟรี พ่อหนุ่มรูปงาม
ทำไมเจ้าไม่ซื้อสักตัวเล่า?
เมื่อมันโตขึ้นมันจะกลายเป็นแมลงปอแดง อสูรรบ และนั่นคือจ้าวเวหาที่แท้จริง!”
พ่อค้าเร่หัวโตพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อจะขายให้เย่ว์หยาง
“มันจะกลายเป็นจ้าวเวหาแน่นอน แต่จะต้องฝึกมันนานเท่าไหร่?” เย่ว์หยางถามพลางยิ้ม
“อา, ขึ้นอยู่กับทักษะการฝึกฝน..”
มนุษย์หัวกลมมีท่าทางอายเล็กน้อย
ไม่คิดว่าเย่ว์หยางจะถามเขาเกี่ยวกับจุดอ่อนของแมลงปอแดง
แมลงปอแดงถ้าโตเต็มวัยจะไม่อ่อนแอ
อย่างไรก็ตามช่วงระยะเวลาเติบโตนั้นยาวนานเกินไป หลายร้อยปีเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเวลา
ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามพันปีเพื่อการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด
ที่สำคัญยิ่งกว่า
ตัวอ่อนแมลงปอแดงเรียกกันว่า แมลงน้ำต้องอาศัยอยู่ในน้ำเป็นเวลายาวนาน
จับตัวอ่อนแมลงอื่นหรือไม่ก็ปลา กุ้งเป็นอาหารเปลี่ยนรูปลักษณ์ตั้งหลายครั้ง แต่ละตัวอ่อนมีพฤติกรรมการกินอาหารที่แตกต่างไป
และต้องใช้เวลาหลายพันปีกว่าตัวอ่อนจะเติบโตเต็มวัยและกลายเป็นแมลงปอแดง สำหรับมนุษย์คนหนึ่งการฝึกอสูรรบที่ต้องใช้เวลายาวนานและซับซ้อนเป็นเรื่องไร้ความหมาย
เป็นการกระทำที่โง่เขลา
นอกจากนี้ระหว่างกระบวนการฝึกปรือ อาจเกิดอุบัติเหตุบางอย่างได้
ถ้าตัวอ่อนแมลงปอแดงอ่อนแอตาย อย่างนั้นที่ทำมาก็เป็นการสูญเปล่า!
มนุษย์หัวกลมไม่กล้าโม้มากเมื่อเขาสังเกตว่าเย่ว์หยางอาจรู้เรื่องธุรกิจ
เขาล้วงขวดใบหนึ่งออกมาและรีบเขย่าอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเย่ว์หยางจะเห็นหรือไม่
พ่อค้ากล่าวอย่างเป็นนัย
“น้องชายตัวอ่อนด้วงเกราะทองได้รับการขนานนามว่าพยัคฆ์น้ำเกราะทอง มันดุร้ายมาก ใช้เวลาเติบโตสั้นมาก
อัตราการกลายพันธุ์สูง อัตราการเสียชีวิตก่อนวัยต่ำ มันเป็นสัตว์เป็นมิตรที่สุดในแดนสวรรค์ 100
เหรียญทอง ข้าแถมลูกอ๊อดหลังดำให้สิบตัว
และกุ้งเท้าบางอีกสิบตัวเอาไว้ฝึกฝน เจ้าคิดว่ายังไง?”
เย่ว์หยางรู้ว่าคนผู้นี้พูดจริงแต่เฉพาะข้อดี
โดยไม่พูดข้อเสียใดๆ
ด้วงเกราะทองเป็นอสูรที่ป้องกันน้ำได้ดี ถ้าเลี้ยงอย่างถูกต้อง
มันจะกลายเป็นอสูรที่น่ากลัวมากตั้งแต่ช่วงเวลาที่มันเกิด
อย่างไรก็ตาม
จุดอ่อนยิ่งใหญ่ที่สุดของมันก็คือความตะกละ
ถ้าอสูรรบทั้งหมดในแดนสวรรค์ถูกจัดลำดับไว้
ด้วงเกราะทองอาจเข้าทำเนียบติดอันดับหนึ่งในอสูรที่ตะกละที่สุด
ตามบันทึกลับแดนสวรรค์
ที่เขาได้รับมาจากผู้เฒ่าหนานกง เขียนขึ้นโดยมหาบัณฑิตตันชิงยุคจักรพรรดิอวี้
ด้วงเกราะทองคือหนึ่งในอสูรแดนสวรรค์ 3600 ชนิดที่ถูกเขียนบันทึกไว้
นิสัยของมันตะกละ!
กล่าวกันว่ามีใครบางคนเคยทดลองมาแล้ว ระบุว่าด้วงเกราะทองสามารถกินอาหารได้มากกว่ามังกรหนุ่มสิบตัว ถ้าคนธรรมดาต้องการฝึกปรือด้วงเกราะทองที่มีความหิวกระหายไม่รู้จบ
พวกเขาจะตายเพราะความยากจน
ทั้งนี้เป็นเพราะการฝึกปรือด้วงเกราะทองสิ้นเปลืองยิ่งกว่าการฝึกปรือมังกรยักษ์เสียอีก แล้วจะทนกับเรื่องนี้ได้ยังไง?
มันกินจุยิ่งกว่ามังกรเสียอีก แต่พลังของมันน้อยกว่ามังกรเล็กน้อย
นี่มันอสูรรบแบบไหน?
แน่นอนว่าประโยชน์ใช้งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของด้วงเกราะทองไม่ใช่เอาไว้ต่อสู้ แต่เอาไว้กิน
มันคืออาหารโอชะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรแมลงที่เปลี่ยนไปเป็นด้วงเกราะทอง
นั่นคืออาหารโอชะคุณภาพสูงสุดในแดนสวรรค์
แต่บางทีอาจจะมีเฉพาะเจ้านายใหญ่โตในแดนสวรรค์เช่น
ราชาใจสิงห์ก็ได้ที่ชอบกิน!
“แล้วมีด้วงเต็มวัยบ้างไหม?” เย่ว์หยางถามอย่างเอาเรื่อง
ถ้าคนหัวกลมบอกว่ามีเป้าหมายแรกของเย่ว์หยางจะต้องเป็นเขาแน่นอน โชคดีที่คนหัวกลมมีสีหน้าจนใจขณะโบกมือ “ถ้ามีตัวเต็มวัย ข้ายังต้องมาขายที่นี่หรือ? ข้าคงได้รับเชิญให้เข้าไปในตลาดประมูลนานแล้ว
เจ้าอาจไม่รู้ว่าบางครั้งที่ผ่านมา เจ้าแคว้นมรกตซื้อด้วงเกราะทองปราณดินระดับห้า
และใช้ในงานจัดเลี้ยง มันราคาตั้งห้าแสนเหรียญทอง
ข้ากล้าตบอกรับรองได้เลยว่าถ้าด้วงเกราะทองอยู่ในระดับที่สูงกว่า
อาจจะระดับเจ็ดหรือเหนือกว่า อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะขายกันในราคาน้อยกว่าล้านเหรียญทอง เจ้าต้องเข้าใจนะว่า
ระดับของมันเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ความอร่อยก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”
“น่าเสียดาย”
เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการเขาหมุนตัวและเดินจากไป
“โอว!” เมื่อบุรุษหัวกลมสังเกตว่าธุรกิจไม่ประสบผลสำเร็จ
เขาได้แต่ระบายลมหายใจยาว
เมื่อพบกับคนที่เข้าใจเรื่องธุรกิจที่เขาทำต่อให้เขาสามารถปั้นคำพูดเป็นดอกบัว เขาก็คงทำอะไรไม่ได้
เย่ว์หยางเดินดูรอบตลาดมืด
มีสิ่งของมีค่าไม่ว่าจะเป็นอสูรรบ
หรือแร่ หรือสมบัติ เขาจะแอบบันทึกเอาไว้
ในไม่ช้าก็เร็ว
เขาคงต้องลงมือแน่
แน่นอนว่าเขาต้องเลือกของดีๆ
สำหรับของอย่างตัวอ่อนด้วงเกราะทองและตัวอ่อนแมลงปอแดง เขาไม่เคยต้องการมันเลย แค่นี้คงไม่พอให้ฮุยไท่หลาง และเขาคงไม่หาเรื่องลำบากให้ตัวเอง
ถ้าเขามีตัวอ่อนที่สามารถกินอาหารได้มากกว่ามังกรยักษ์?
มีของดีๆ
อยู่มากมายบนถนนแผงลอย แต่ว่ามีน้อยเกินไป
ยกเว้นร้านขายสมบัติสองสามร้าน เย่ว์หยางรังเกียจของธรรมดา
เจ้าอยากได้ของขวัญหรือไม่?
เป็นเรื่องยากมาก
แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงก้านหญ้า คนที่นี่จะยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจกล่าวได้ว่าคุณค่าของสิ่งของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ที่นี่ถูกพวกพ่อค้าขุดค้นมา สำหรับราคานั้นก็สมเหตุผลมาก
จะมีบางอย่างเท่านั้นที่แพงกว่าที่อื่นอยู่เล็กน้อยไม่ขาดไม่เกิน แค่แพงกว่าสิบเท่าเอง เย่ว์หยางมีพรสวรรค์ในการแยกแยะ เดินดูรอบๆ
แถวนี้เป็นเวลานานและพบว่ามีสมบัติเพียงอย่างเพียงนั่นคือเถาปรสิต
ซึ่งพ่อค้าที่นี่ไม่รู้จัก
เมื่อเขาแนะนำให้แลกเถาปรสิตกับผลึกเวทของเขา
คนขายแก่ผิวเหี่ยวย่นเหมือนเปลือกไม้เก่ากำลังหลับตา
ถึงกับเลิกคิ้วตาเป็นประกายน่ากลัว
เขาเสนอเงื่อนไขว่าไม่เพียงแต่เขาจะให้เถาปรสิตนี้กับเย่ว์หยางเท่านั้น แต่เขาจะให้ร้อยเหรียญทองกับเย่ว์หยางด้วย
ในการแลกเปลี่ยน
เย่ว์หยางจะต้องบอกเขาเกี่ยวกับผลกระทบของเถาปรสิต
“อย่างนั้นก็ช่างเถอะ” เย่ว์หยางหมุนตัวเดินออกมา
“เดี๋ยวก่อน”
เจ้าของร้านชราผู้ดูเหมือนอาจตายได้ทุกเมื่อเพราะความชราภาพ เคลื่อนไหวเร็วกว่าเสือชีตาร์และหยุดเย่ว์หยางไว้ เขาทักทายอย่างให้เกียรติและจริงใจ
เชิญเย่ว์หยางให้เข้ามารับน้ำชาในร้าน
เถ้าแก่ร้านค้าไม่มีความคลางแคลงใจเรื่องผลกระทบของเถาปรสิตทันที
แต่ค่อนข้างกระตือรือร้นเอาเหล้าชั้นดีและกับแกล้มออกมาต้อนรับเย่ว์หยาง
เมื่อเย่ว์หยางกินอาหารเย็นและเหล้าจนอิ่มเอมแล้ว
เขาวางทับทิมเพชรทับทิมสามเม็ดเทียบเท่ากับหมื่นเหรียญทองและไม้กฤษณาที่มีค่าหมื่นเหรียญทอง สิ่งเหล่านี้เย่ว์หยางได้สังเกตแล้วเมื่อตอนเข้ามาที่ร้าน
แม้แต่เย่ว์หยางเองก็ไม่คาดว่าแค่เพียงเหลือบมองดู
เถ้าแก่ร้านชราหนังเหี่ยวย่นก็สังเกตได้ทั้งที่เขายังหลับตา ตาของนักธุรกิจคมกล้าจริงๆ
ในที่สุดก็ได้เถาปรสิตและการ์ดเงินมูลค่าหมื่นเหรียญทอง
หลังจากนำเสนอสิ่งเหล่านี้เถ้าแก่ชราคำนับเย่ว์หยางอย่างสุดซึ้ง
“ถ้าท่านอาคันตุกะผู้มีเกียรติรู้สึกว่าเงื่อนไขตอบแทนยังไม่พอเพียง
พูดออกมาได้เลย เราผู้เฒ่าจะทำอย่างดีที่สุด”
“ท่านไม่กลัวว่าเถาปรสิตนี้จะกลายเป็นขยะจริงๆ
หรือ?
การลงทุนหนักขนาดนั้นจะคุ้มค่าไหม?
แทนที่จะตอบเย่ว์หยางถามพลางยิ้ม
“ความจริงเมื่อ 500 ปีที่แล้ว ผู้อาวุโสชราท่านหนึ่งเดินผ่านร้านของข้า
และถามเกี่ยวกับราคาของเถาปรสิต
ข้าไม่อยู่และลูกชายข้ากำลังทำธุรกิจอยู่ในร้าน
เขารู้สึกว่าเถาปรสิตไม่มีราคามาก
ดังนั้นเขาจึงวุ่นวายอยู่กับตัวเองและทักทายกลุ่มลูกค้าที่คุ้นเคยอื่น
จนกระทั่งภายหลังข้าพบว่าผู้อาวุโสท่านนั้นก็คือจ้าวเภสัชจากหุบเขามังกรซ่อน” เถ้าแก่ชราคารวะเย่ว์หยางอีกครั้งและกล่าว
“สำหรับเรื่องที่ผ่านมาห้าร้อยปี
มีเพียงท่านนี่แหละที่สามารถระบุของนี่เหมือนกับจ้าวเภสัช หมื่นเหรียญทองเป็นข้าต้องการจ่าย
แต่เกรงว่าจะไม่เพียงพอ
ขอบคุณท่านบัณฑิตผู้ทรงภูมิรู้”
“ท่านเยินยอข้าเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงผู้เยาว์รุ่นหลัง
จะมีปัญญาเปี่ยมไปด้วยภูมิรู้ได้ยังไง! เย่ว์หยางหัวเราะปฏิเสธและโบกมือ
“มีสมบัติหายากอย่างหนึ่งในร้านของข้าซึ่งไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก
แค่เอาไว้ตบตานักสู้ที่มีปัญญาน้อย
เป็นไปได้ไหมที่คนมีชื่อเสียงอย่างแท้จริงจะทำให้มันมีค่าได้?
สิ่งที่ข้าพบว่ามีประโยชน์มากที่สุดก็คือเพชรพลอยและไม้กฤษณา
และเมื่อท่านเข้ามา ท่านมองของเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจสินค้าอื่น ถ้าท่านไม่ใช่บัณฑิตผู้ทรงภูมิรู้
ท่านจะฉลาดขนาดนี้ได้ยังไง!
เมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว
อาคันตุกะของเราก็มีหลั่งไหลกันมาอย่างมากมาย
ใครจะสามารถบอกได้ว่าเถาปรสิตนั้นแตกต่างจากอย่างอื่น?” สายตาของเถ้าแก่ชราร้ายกาจมาก
ทำให้เย่ว์หยางแอบเตรียมพร้อม
โชคดีที่คนผู้นี้เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่นักสู้ทรงพลัง มิฉะนั้นเขาคงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว
“ถ้าท่านตกลงด้วยว่าในอนาคตเถาปรสิตทุกๆ
สิบก้านจะเสนอให้ข้าหนึ่งก้าน และข้าเป็นผู้มีสิทธิ์คนแรกที่จะซื้อ อย่างนั้นข้าจะบอกประสิทธิภาพทางยาของเถาปรสิตแก่ท่าน”
เย่ว์หยางไตร่ตรองชั่วครู่ก่อนจะยื่นเสนอเงื่อนไข
“ถ้าอาคันตุกะผู้มีเกียรติบอกวิธีปลูกฝังกับข้า ข้าจะเสนอให้สองก้านต่อสิบก้าน” ตาของเถ้าแก่ชราเป็นประกาย
และเขายื่นข้อเสนอกลับทันที
“....” เย่ว์หยางไม่ตอบ
“สามก้าน ถ้าลูกค้าผู้มีเกียรติบอกวิธีให้กับข้าจะทุ่มเทกำลังปลูกเถาปรสิตอย่างดีที่สุดให้อาคันตุกะผู้มีเกียรติ” เถ้าแก่ร้านค้ารีบเพิ่มเงื่อนไขต่อรอง
“ถ้าเถาปรสิตพิเศษที่ข้ากำหนดไว้ให้ปลูกจะไม่รั่วไหลออกไป อย่างนั้นเราสามารถลงนามในสัญญาได้” เย่ว์หยางไม่กังวลเรื่องข้อมูลรั่วไหล เพราะนอกจากเขา
ไม่มีใครอื่นสามารถใช้วิธีเช่นนั้นเพื่อปรุงยาได้
เพราะไม่มีใครที่มีเพลิงอมฤต
อย่างไรก็ตามเขาจะไม่ลดเงื่อนไขลง ในการเจรจาต่อรอง ยิ่งเงื่อนไขเข้มงวด
ก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายมีความสุข
เมื่อเย่ว์หยางลงนามในสัญญาด้วยชื่อจวินอู๋เย่ เขาเขียนวิธีเพาะปลูกเถาสี่วิธีลงในกระดาษแต่ละชิ้น
วิธีหนึ่ง
แจกจ่ายจัดการได้ อีกสามวิธีเป็นความลับ
สัญญาแบบนี้
ยังต้องใช้ความพยายาม
หากเถ้าแก่ชราไม่ซื่อสัตย์
ปรสิตลับเหล่านี้จะไร้ประโยชน์ต่อคนอื่น
นอกจากนี้เย่ว์หยางสามารถบอกได้ว่าเขามีความซื่อสัตย์ต่อสัญญาหรือไม่ ถ้าเถ้าแก่ชราผิดสัญญา เขาสามารถฆ่าเขาได้ทันที
แม้กระทั่งยึดทรัพย์สินของเขา
“วางใจได้
ข้าขอเอาสมบัติในร้านหลายร้อยปีเป็นประกัน” เถ้าแก่ชรายังคงงงตั้งแต่เย่ว์หยางออกไป
ทันทีที่เขาตื่นขึ้น
เขาปิดร้านทันที
เย่ว์หยางเอาเถาปรสิตออกมาด้วย
ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือรีบกักสัญญาและวิธีปลูกในโดม นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูล
ที่นี่ด้วยเพชรพลอยสามชิ้น ไม้กฤษณาหนึ่งชิ้น เถาปรสิตและเงินหมื่นเหรียญทอง
เย่ว์หยางเข้าไปในอาคารพาณิชย์ทองเพื่อดูว่ามีการประมูลอะไรดีๆ
มีของดีๆ น้อยมาก
เป้าหมายที่แท้จริงของเขารับเอาสมบัติที่สามารถประมูลได้
13 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ มาปล้นนะท่องไว้ๆ
ขอบคุณคับ ติดตามๆๆๆๆ
ขอบคุณครับ
สายพ่อค้าช่วงนี้งดบู้มาทำมาหากินสักพัก ก็งี้มีหลายชีวิตต้องเลี้ยงดู
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น