วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 670 ตาทิพย์ระบุสมบัติ


ตอนที่  670  ตาทิพย์ระบุสมบัติ
อาคารใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในเมืองลมดำ อยู่ภายในตลาดมืด

ขณะที่เย่ว์หยางเดินเข้าไป เขาตระหนักได้ว่าที่นี่กว้างขวางมาก พื้นที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูง มีสามช่วงตึกจากตะวันออกไปทางตะวันตกซึ่งมีสินค้าดีๆ ทั้งหมดวางอยู่ในร้าน และมีคนชมดูหนาแน่นกว่าตลาดทั่วไป คนจากทุกเผ่าพันธุ์มารวมกันที่นี่เหมือนมีมหกรรม ถนนทองจากเหนือไปถึงใต้พอให้รถม้าสิบคันวิ่งผ่าน เชื่อมโยงอาคารทั้งสามหลัง  มีอาคารขนาดใหญ่สูงเทียมเมฆ  อาคารที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเมือง  เป็นที่สองรองจากจวนเจ้าเมืองเรียกว่าอาคารพาณิชย์ทอง
การเข้าสู่ตลาดมืดไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม  และต้องการแค่เพียงลงทะเบียนชื่อเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือการขาย
อย่างไรก็ตามการเข้าไปในอาคารพาณิชย์ทอง  บางคนจะต้องซื้อตั๋ว  เย่ว์หยางใช้เงินสิบเหรียญทองซื้อตั๋วใบหนึ่งเข้าอาคาร
 “เชิญดูๆ กระดูกเสือเพลิงอย่างดีที่สุด!  เมื่อใช้ของนี้ผสมเหล้าจะช่วยขับไล่พิษความหนาวเหน็บ เสริมสุขภาพให้แข็งแรง เหล้าที่ผสมกระดูกเสือนี้มีราคาขวดละหนึ่งเหรียญทอง  ดีต่อสุขภาพหัวใจของท่าน  เชิญดูๆ!  นี่คือกระดูกเสือเพลิง  นี่หนังเสือ นี่ตัวเดียวอันเดียวของเสือ  แน่นอนว่านี้มีราคาร้อยเหรียญทอง  ข้าไม่ลดราคาแม้แต่เหรียญเดียว”  ทั้งสองข้างทางมีแผงลอยชั่วคราว 
พ่อค้าเร่บางส่วนไม่ได้มีสถานะการเงินดีพอจะอยู่ในตลาดมืดได้นาน ดังนั้นพวกเขาทำได้แต่เช่าแผงริมทางและส่งเสียงตะโกน
เย่ว์หยางเห็นแทบจะเหมือนกันทุกแผงลอยก่อนที่เขาจะเทเลพอร์ต  แต่เป็นความสะดวกสำหรับพ่อค้าที่นี่เพราะไม่มีผู้ตรวจการเมือง
เว้นแต่จะมีธุรกรรมเกิน 100 เหรียญทอง ทางตลาดมืดจะไม่เก็บภาษี
ค่าธรรมเนียมจัดการ?
ป้องกันการซื้อแผงลอยไม่ให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเมือง?
ผู้คนไม่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้ในแดนสวรรค์  ตราบใดที่พ่อค้าเร่ไม่รับการจัดระเบียบแผงลอยที่หน้าจวนเจ้าเมือง ก็คงไม่มีใครสนใจพวกเขา
 “ไข่แมลงปอแดง เมื่อทำสัญญามันจะฟักตัวทันที เมื่อฟักตัวแล้วแทบจะมีพลังปราณดินระดับหนึ่ง  พอโตขึ้นจะมีพลังระดับปราณฟ้า  ขายเพียง 50 เหรียญทอง!  ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง นี่เป็นตัวพิเศษหนึ่งในร้อยที่รอดจากโรคระบาด ฝึกปรือฟรี  พ่อหนุ่มรูปงาม ทำไมเจ้าไม่ซื้อสักตัวเล่า?  เมื่อมันโตขึ้นมันจะกลายเป็นแมลงปอแดง อสูรรบ และนั่นคือจ้าวเวหาที่แท้จริง!  พ่อค้าเร่หัวโตพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อจะขายให้เย่ว์หยาง
 “มันจะกลายเป็นจ้าวเวหาแน่นอน  แต่จะต้องฝึกมันนานเท่าไหร่?”  เย่ว์หยางถามพลางยิ้ม
 “อา, ขึ้นอยู่กับทักษะการฝึกฝน..” มนุษย์หัวกลมมีท่าทางอายเล็กน้อย ไม่คิดว่าเย่ว์หยางจะถามเขาเกี่ยวกับจุดอ่อนของแมลงปอแดง
แมลงปอแดงถ้าโตเต็มวัยจะไม่อ่อนแอ
อย่างไรก็ตามช่วงระยะเวลาเติบโตนั้นยาวนานเกินไป  หลายร้อยปีเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเวลา ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามพันปีเพื่อการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด
ที่สำคัญยิ่งกว่า ตัวอ่อนแมลงปอแดงเรียกกันว่า แมลงน้ำต้องอาศัยอยู่ในน้ำเป็นเวลายาวนาน จับตัวอ่อนแมลงอื่นหรือไม่ก็ปลา กุ้งเป็นอาหารเปลี่ยนรูปลักษณ์ตั้งหลายครั้ง  แต่ละตัวอ่อนมีพฤติกรรมการกินอาหารที่แตกต่างไป และต้องใช้เวลาหลายพันปีกว่าตัวอ่อนจะเติบโตเต็มวัยและกลายเป็นแมลงปอแดง  สำหรับมนุษย์คนหนึ่งการฝึกอสูรรบที่ต้องใช้เวลายาวนานและซับซ้อนเป็นเรื่องไร้ความหมาย เป็นการกระทำที่โง่เขลา  นอกจากนี้ระหว่างกระบวนการฝึกปรือ อาจเกิดอุบัติเหตุบางอย่างได้ ถ้าตัวอ่อนแมลงปอแดงอ่อนแอตาย  อย่างนั้นที่ทำมาก็เป็นการสูญเปล่า!
มนุษย์หัวกลมไม่กล้าโม้มากเมื่อเขาสังเกตว่าเย่ว์หยางอาจรู้เรื่องธุรกิจ
เขาล้วงขวดใบหนึ่งออกมาและรีบเขย่าอย่างรวดเร็ว  ไม่ว่าเย่ว์หยางจะเห็นหรือไม่ พ่อค้ากล่าวอย่างเป็นนัย  “น้องชายตัวอ่อนด้วงเกราะทองได้รับการขนานนามว่าพยัคฆ์น้ำเกราะทอง  มันดุร้ายมาก ใช้เวลาเติบโตสั้นมาก อัตราการกลายพันธุ์สูง อัตราการเสียชีวิตก่อนวัยต่ำ  มันเป็นสัตว์เป็นมิตรที่สุดในแดนสวรรค์ 100 เหรียญทอง  ข้าแถมลูกอ๊อดหลังดำให้สิบตัว และกุ้งเท้าบางอีกสิบตัวเอาไว้ฝึกฝน เจ้าคิดว่ายังไง?”
เย่ว์หยางรู้ว่าคนผู้นี้พูดจริงแต่เฉพาะข้อดี โดยไม่พูดข้อเสียใดๆ
ด้วงเกราะทองเป็นอสูรที่ป้องกันน้ำได้ดี  ถ้าเลี้ยงอย่างถูกต้อง  มันจะกลายเป็นอสูรที่น่ากลัวมากตั้งแต่ช่วงเวลาที่มันเกิด
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนยิ่งใหญ่ที่สุดของมันก็คือความตะกละ  ถ้าอสูรรบทั้งหมดในแดนสวรรค์ถูกจัดลำดับไว้  ด้วงเกราะทองอาจเข้าทำเนียบติดอันดับหนึ่งในอสูรที่ตะกละที่สุด
ตามบันทึกลับแดนสวรรค์ ที่เขาได้รับมาจากผู้เฒ่าหนานกง เขียนขึ้นโดยมหาบัณฑิตตันชิงยุคจักรพรรดิอวี้ ด้วงเกราะทองคือหนึ่งในอสูรแดนสวรรค์ 3600 ชนิดที่ถูกเขียนบันทึกไว้ นิสัยของมันตะกละ!  กล่าวกันว่ามีใครบางคนเคยทดลองมาแล้ว ระบุว่าด้วงเกราะทองสามารถกินอาหารได้มากกว่ามังกรหนุ่มสิบตัว  ถ้าคนธรรมดาต้องการฝึกปรือด้วงเกราะทองที่มีความหิวกระหายไม่รู้จบ พวกเขาจะตายเพราะความยากจน
ทั้งนี้เป็นเพราะการฝึกปรือด้วงเกราะทองสิ้นเปลืองยิ่งกว่าการฝึกปรือมังกรยักษ์เสียอีก  แล้วจะทนกับเรื่องนี้ได้ยังไง?
มันกินจุยิ่งกว่ามังกรเสียอีก  แต่พลังของมันน้อยกว่ามังกรเล็กน้อย
นี่มันอสูรรบแบบไหน?
แน่นอนว่าประโยชน์ใช้งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของด้วงเกราะทองไม่ใช่เอาไว้ต่อสู้  แต่เอาไว้กิน
มันคืออาหารโอชะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรแมลงที่เปลี่ยนไปเป็นด้วงเกราะทอง นั่นคืออาหารโอชะคุณภาพสูงสุดในแดนสวรรค์  แต่บางทีอาจจะมีเฉพาะเจ้านายใหญ่โตในแดนสวรรค์เช่น ราชาใจสิงห์ก็ได้ที่ชอบกิน!
 “แล้วมีด้วงเต็มวัยบ้างไหม?”  เย่ว์หยางถามอย่างเอาเรื่อง  ถ้าคนหัวกลมบอกว่ามีเป้าหมายแรกของเย่ว์หยางจะต้องเป็นเขาแน่นอน  โชคดีที่คนหัวกลมมีสีหน้าจนใจขณะโบกมือ  “ถ้ามีตัวเต็มวัย ข้ายังต้องมาขายที่นี่หรือ?  ข้าคงได้รับเชิญให้เข้าไปในตลาดประมูลนานแล้ว เจ้าอาจไม่รู้ว่าบางครั้งที่ผ่านมา เจ้าแคว้นมรกตซื้อด้วงเกราะทองปราณดินระดับห้า และใช้ในงานจัดเลี้ยง มันราคาตั้งห้าแสนเหรียญทอง ข้ากล้าตบอกรับรองได้เลยว่าถ้าด้วงเกราะทองอยู่ในระดับที่สูงกว่า อาจจะระดับเจ็ดหรือเหนือกว่า อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะขายกันในราคาน้อยกว่าล้านเหรียญทอง  เจ้าต้องเข้าใจนะว่า ระดับของมันเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ความอร่อยก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”
 “น่าเสียดาย”  เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการเขาหมุนตัวและเดินจากไป
 “โอว!”  เมื่อบุรุษหัวกลมสังเกตว่าธุรกิจไม่ประสบผลสำเร็จ เขาได้แต่ระบายลมหายใจยาว  เมื่อพบกับคนที่เข้าใจเรื่องธุรกิจที่เขาทำต่อให้เขาสามารถปั้นคำพูดเป็นดอกบัว  เขาก็คงทำอะไรไม่ได้
เย่ว์หยางเดินดูรอบตลาดมืด
มีสิ่งของมีค่าไม่ว่าจะเป็นอสูรรบ หรือแร่ หรือสมบัติ เขาจะแอบบันทึกเอาไว้
ในไม่ช้าก็เร็ว เขาคงต้องลงมือแน่  แน่นอนว่าเขาต้องเลือกของดีๆ  สำหรับของอย่างตัวอ่อนด้วงเกราะทองและตัวอ่อนแมลงปอแดง  เขาไม่เคยต้องการมันเลย   แค่นี้คงไม่พอให้ฮุยไท่หลาง  และเขาคงไม่หาเรื่องลำบากให้ตัวเอง ถ้าเขามีตัวอ่อนที่สามารถกินอาหารได้มากกว่ามังกรยักษ์?
มีของดีๆ อยู่มากมายบนถนนแผงลอย  แต่ว่ามีน้อยเกินไป
ยกเว้นร้านขายสมบัติสองสามร้าน  เย่ว์หยางรังเกียจของธรรมดา
เจ้าอยากได้ของขวัญหรือไม่?
เป็นเรื่องยากมาก แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงก้านหญ้า  คนที่นี่จะยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจกล่าวได้ว่าคุณค่าของสิ่งของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ที่นี่ถูกพวกพ่อค้าขุดค้นมา  สำหรับราคานั้นก็สมเหตุผลมาก จะมีบางอย่างเท่านั้นที่แพงกว่าที่อื่นอยู่เล็กน้อยไม่ขาดไม่เกิน  แค่แพงกว่าสิบเท่าเอง  เย่ว์หยางมีพรสวรรค์ในการแยกแยะ เดินดูรอบๆ แถวนี้เป็นเวลานานและพบว่ามีสมบัติเพียงอย่างเพียงนั่นคือเถาปรสิต ซึ่งพ่อค้าที่นี่ไม่รู้จัก
เมื่อเขาแนะนำให้แลกเถาปรสิตกับผลึกเวทของเขา คนขายแก่ผิวเหี่ยวย่นเหมือนเปลือกไม้เก่ากำลังหลับตา ถึงกับเลิกคิ้วตาเป็นประกายน่ากลัว
เขาเสนอเงื่อนไขว่าไม่เพียงแต่เขาจะให้เถาปรสิตนี้กับเย่ว์หยางเท่านั้น  แต่เขาจะให้ร้อยเหรียญทองกับเย่ว์หยางด้วย
ในการแลกเปลี่ยน เย่ว์หยางจะต้องบอกเขาเกี่ยวกับผลกระทบของเถาปรสิต
 “อย่างนั้นก็ช่างเถอะ”  เย่ว์หยางหมุนตัวเดินออกมา
 “เดี๋ยวก่อน”  เจ้าของร้านชราผู้ดูเหมือนอาจตายได้ทุกเมื่อเพราะความชราภาพ เคลื่อนไหวเร็วกว่าเสือชีตาร์และหยุดเย่ว์หยางไว้   เขาทักทายอย่างให้เกียรติและจริงใจ เชิญเย่ว์หยางให้เข้ามารับน้ำชาในร้าน
เถ้าแก่ร้านค้าไม่มีความคลางแคลงใจเรื่องผลกระทบของเถาปรสิตทันที  แต่ค่อนข้างกระตือรือร้นเอาเหล้าชั้นดีและกับแกล้มออกมาต้อนรับเย่ว์หยาง
เมื่อเย่ว์หยางกินอาหารเย็นและเหล้าจนอิ่มเอมแล้ว  เขาวางทับทิมเพชรทับทิมสามเม็ดเทียบเท่ากับหมื่นเหรียญทองและไม้กฤษณาที่มีค่าหมื่นเหรียญทอง  สิ่งเหล่านี้เย่ว์หยางได้สังเกตแล้วเมื่อตอนเข้ามาที่ร้าน  แม้แต่เย่ว์หยางเองก็ไม่คาดว่าแค่เพียงเหลือบมองดู  เถ้าแก่ร้านชราหนังเหี่ยวย่นก็สังเกตได้ทั้งที่เขายังหลับตา  ตาของนักธุรกิจคมกล้าจริงๆ
ในที่สุดก็ได้เถาปรสิตและการ์ดเงินมูลค่าหมื่นเหรียญทอง
หลังจากนำเสนอสิ่งเหล่านี้เถ้าแก่ชราคำนับเย่ว์หยางอย่างสุดซึ้ง  “ถ้าท่านอาคันตุกะผู้มีเกียรติรู้สึกว่าเงื่อนไขตอบแทนยังไม่พอเพียง พูดออกมาได้เลย เราผู้เฒ่าจะทำอย่างดีที่สุด”
 “ท่านไม่กลัวว่าเถาปรสิตนี้จะกลายเป็นขยะจริงๆ หรือ?  การลงทุนหนักขนาดนั้นจะคุ้มค่าไหม?  แทนที่จะตอบเย่ว์หยางถามพลางยิ้ม
 “ความจริงเมื่อ 500 ปีที่แล้ว ผู้อาวุโสชราท่านหนึ่งเดินผ่านร้านของข้า และถามเกี่ยวกับราคาของเถาปรสิต  ข้าไม่อยู่และลูกชายข้ากำลังทำธุรกิจอยู่ในร้าน เขารู้สึกว่าเถาปรสิตไม่มีราคามาก ดังนั้นเขาจึงวุ่นวายอยู่กับตัวเองและทักทายกลุ่มลูกค้าที่คุ้นเคยอื่น จนกระทั่งภายหลังข้าพบว่าผู้อาวุโสท่านนั้นก็คือจ้าวเภสัชจากหุบเขามังกรซ่อน”  เถ้าแก่ชราคารวะเย่ว์หยางอีกครั้งและกล่าว “สำหรับเรื่องที่ผ่านมาห้าร้อยปี มีเพียงท่านนี่แหละที่สามารถระบุของนี่เหมือนกับจ้าวเภสัช  หมื่นเหรียญทองเป็นข้าต้องการจ่าย แต่เกรงว่าจะไม่เพียงพอ  ขอบคุณท่านบัณฑิตผู้ทรงภูมิรู้”
 “ท่านเยินยอข้าเกินไปแล้ว  ข้าเป็นเพียงผู้เยาว์รุ่นหลัง จะมีปัญญาเปี่ยมไปด้วยภูมิรู้ได้ยังไง!  เย่ว์หยางหัวเราะปฏิเสธและโบกมือ
 “มีสมบัติหายากอย่างหนึ่งในร้านของข้าซึ่งไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก แค่เอาไว้ตบตานักสู้ที่มีปัญญาน้อย  เป็นไปได้ไหมที่คนมีชื่อเสียงอย่างแท้จริงจะทำให้มันมีค่าได้?  สิ่งที่ข้าพบว่ามีประโยชน์มากที่สุดก็คือเพชรพลอยและไม้กฤษณา และเมื่อท่านเข้ามา ท่านมองของเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจสินค้าอื่น  ถ้าท่านไม่ใช่บัณฑิตผู้ทรงภูมิรู้ ท่านจะฉลาดขนาดนี้ได้ยังไง! เมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว  อาคันตุกะของเราก็มีหลั่งไหลกันมาอย่างมากมาย  ใครจะสามารถบอกได้ว่าเถาปรสิตนั้นแตกต่างจากอย่างอื่น?”  สายตาของเถ้าแก่ชราร้ายกาจมาก ทำให้เย่ว์หยางแอบเตรียมพร้อม  โชคดีที่คนผู้นี้เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่นักสู้ทรงพลัง  มิฉะนั้นเขาคงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว
 “ถ้าท่านตกลงด้วยว่าในอนาคตเถาปรสิตทุกๆ สิบก้านจะเสนอให้ข้าหนึ่งก้าน และข้าเป็นผู้มีสิทธิ์คนแรกที่จะซื้อ  อย่างนั้นข้าจะบอกประสิทธิภาพทางยาของเถาปรสิตแก่ท่าน”  เย่ว์หยางไตร่ตรองชั่วครู่ก่อนจะยื่นเสนอเงื่อนไข
 “ถ้าอาคันตุกะผู้มีเกียรติบอกวิธีปลูกฝังกับข้า  ข้าจะเสนอให้สองก้านต่อสิบก้าน”  ตาของเถ้าแก่ชราเป็นประกาย และเขายื่นข้อเสนอกลับทันที
 “....” เย่ว์หยางไม่ตอบ
 “สามก้าน ถ้าลูกค้าผู้มีเกียรติบอกวิธีให้กับข้าจะทุ่มเทกำลังปลูกเถาปรสิตอย่างดีที่สุดให้อาคันตุกะผู้มีเกียรติ”  เถ้าแก่ร้านค้ารีบเพิ่มเงื่อนไขต่อรอง
 “ถ้าเถาปรสิตพิเศษที่ข้ากำหนดไว้ให้ปลูกจะไม่รั่วไหลออกไป  อย่างนั้นเราสามารถลงนามในสัญญาได้”  เย่ว์หยางไม่กังวลเรื่องข้อมูลรั่วไหล  เพราะนอกจากเขา ไม่มีใครอื่นสามารถใช้วิธีเช่นนั้นเพื่อปรุงยาได้  เพราะไม่มีใครที่มีเพลิงอมฤต  อย่างไรก็ตามเขาจะไม่ลดเงื่อนไขลง ในการเจรจาต่อรอง  ยิ่งเงื่อนไขเข้มงวด ก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายมีความสุข
เมื่อเย่ว์หยางลงนามในสัญญาด้วยชื่อจวินอู๋เย่  เขาเขียนวิธีเพาะปลูกเถาสี่วิธีลงในกระดาษแต่ละชิ้น
วิธีหนึ่ง แจกจ่ายจัดการได้  อีกสามวิธีเป็นความลับ
สัญญาแบบนี้ ยังต้องใช้ความพยายาม
หากเถ้าแก่ชราไม่ซื่อสัตย์ ปรสิตลับเหล่านี้จะไร้ประโยชน์ต่อคนอื่น  นอกจากนี้เย่ว์หยางสามารถบอกได้ว่าเขามีความซื่อสัตย์ต่อสัญญาหรือไม่  ถ้าเถ้าแก่ชราผิดสัญญา  เขาสามารถฆ่าเขาได้ทันที แม้กระทั่งยึดทรัพย์สินของเขา
 “วางใจได้  ข้าขอเอาสมบัติในร้านหลายร้อยปีเป็นประกัน”  เถ้าแก่ชรายังคงงงตั้งแต่เย่ว์หยางออกไป
ทันทีที่เขาตื่นขึ้น เขาปิดร้านทันที
เย่ว์หยางเอาเถาปรสิตออกมาด้วย ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือรีบกักสัญญาและวิธีปลูกในโดม นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูล ที่นี่ด้วยเพชรพลอยสามชิ้น ไม้กฤษณาหนึ่งชิ้น เถาปรสิตและเงินหมื่นเหรียญทอง เย่ว์หยางเข้าไปในอาคารพาณิชย์ทองเพื่อดูว่ามีการประมูลอะไรดีๆ
มีของดีๆ น้อยมาก เป้าหมายที่แท้จริงของเขารับเอาสมบัติที่สามารถประมูลได้

13 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ มาปล้นนะท่องไว้ๆ

Flame กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ ติดตามๆๆๆๆ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

WingF กล่าวว่า...

สายพ่อค้าช่วงนี้งดบู้มาทำมาหากินสักพัก ก็งี้มีหลายชีวิตต้องเลี้ยงดู

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

สายลมโชย กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น