วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 912 แผนของมนุษย์?


ตอนที่  912  แผนของมนุษย์?
ในพื้นที่ผนึก ไม่ใช่ว่าเย่ว์หยางไม่เคยเข้ามาเลยสักครั้ง   ความจริงไม่มีผนึกใดน่ากลัวยิ่งไปกว่าผนึกหลุมดำที่ใช้กักนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอีกแล้ว
 
นอกจากในผนึกมิติหลุมดำแล้ว  เย่ว์หยางยังได้ศึกษาถ้ำมังกรปีศาจที่ใช้เป็นผนึกกักขังจักรพรรดิชื่อตี้  ผนึกอาคารลงทัณฑ์บ่อโลหิตซึ่งใช้กักขังยักษ์ไตตันอูซู และผนึกเจดีย์ดำที่ใช้กักขังจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่โลกวารี บันไดสวรรค์ชั้นหนึ่งและผนึกที่หุบเขาฝังดาบ ผนึกโลกนาฬิกาทรายที่ใช้กักจ้าวอัคคีปีศาจและภูตไหมฟ้ากั้นโลกไฟกับโลกน้ำ อีกทั้งด้วยความรู้ตกทอดของพี่สาวแม่สี่ ทำให้เขาได้ข้อสรุปว่าผนึกใดๆ ก็ตามมีขีดจำกัดที่เงื่อนไขคุณสมบัติเฉพาะธาตุเท่านั้น
ถ้ามีความเป็นไปได้ คนบางคนอาจจะวิ่งเข้าไปในผนึกอย่างโง่เขลา โดยไม่ละเมิดกฎสวรรค์ก็ย่อมได้
จากนั้นเขาย่อมอยู่ในผนึกนั้นได้อย่างปลอดภัย
ตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน
ไม่เคยมีใครทำอย่างนี้มาก่อน อย่าว่าแต่รู้ความลับนี้ ต่อให้รู้ก็ไม่มีใครเสี่ยงเข้าไปในผนึกอย่างไม่มีเหตุผล  เพราะเป็นการเสี่ยงและหาเรื่องเจ็บตัว
 “สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เลว!  เย่ว์หยางเหมือนทำเรื่องโง่เขลาวิ่งเข้าไปในผนึกที่ใช้กักชี่เทียนเหอ
 “เจ้าเข้ามาทำอะไรในนี้?”  ชี่เทียนเหองงเล็กน้อย เจ้าเด็กนี่โง่หรือเปล่า?
 “เรื่องนี้ข้าอธิบายได้จริงๆ”  เย่ว์หยางไม่ได้ดิ้นรนเพื่อออกจากแสงสีขาวที่ปล่อยออกมานับไม่ถ้วนเพื่อควบคุมตัวเขาไว้ในผนึกกฎสวรรค์ที่นี่ เพราะเย่ว์หยางไม่ได้ดิ้นรน แสงที่พันธนาการร่างเขาไว้ไม่ให้เขาออกไปจึงยอมหยุดมัดเขา จนเขามองดูราวกับมัมมี่
ที่น่ากลัวกว่าทั้งหมดก็คือเจ้าเด็กนี่เอาปีกไก่น้ำผึ้งที่ยังปิ้งไม่เสร็จออกมาปิ้งกินต่อ
เขากินได้มากจนแทบไม่ต้องเลียนิ้วมือ
จนกระทั่งชี่เทียนเหอชักขุ่นเคืองและเตรียมระเบิดอารมณ์โกรธออกมา เขาค่อยๆ ยกนิ้วชี้ “อย่าเพิ่งโมโหนักเลย  ไม่ว่ายังไงข้าก็เข้ามาแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่ก็ตาม เรายังต้องใช้เวลาร่วมกัน  อย่าโวยวายอย่างโง่งมหน่อยเลย  ข้ารู้ว่าไม่ใช่ความผิดของเจ้าที่ดันไปคล้ายกอริลลา นั่นเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์  เอ่อ..ก็ได้ หลีกเลี่ยงพูดถึงเรื่องที่จะทำให้เจ้ารู้สึกด้อยค่าดีกว่า! แน่นอนว่าข้าเข้ามาเจรจาที่นี่ไม่ใช่ว่าข้าจะพิศวาสอะไรเจ้านักหนาหรอกนะ  รสนิยมทางเพศของข้าเหมือนบุรุษปกติ  นอกจากสาวงามรอบตัวข้าแล้วข้าจะคลั่งไคล้เจ้าได้ยังไง  คนหยาบกร้านอย่างเจ้าไม่มีน้ำยาในเรื่องอย่างนี้เป็นแน่!
เย่ว์หยางโยนกระดูกไก่ทิ้งทันที
แสงกฎสวรรค์จับกระดูกไก่ไว้และรัดอย่างรวดเร็ว  แสงกฎสวรรค์ปฏิบัติต่อวัตถุอย่างเท่าเทียมกัน
เย่ว์หยางดึงกระดาษออกมาเช็ดปากและพูดเนิบนาบ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะโกรธนัก ข้าบอกได้เลย ความจริง ข้ามาช่วยเจ้า”
เขาเข้าใจผิดหรือเปล่า?
เจ้าเด็กนี่บอกว่าจะช่วยเขา?
เย่ว์หยางดึงกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดปากแล้วปันให้แหลมใช้ต่างไม้แคะฟัน และพูดเหมือนม้ากำลังเคี้ยวหญ้า  “เจ้าเข้าใจไม่ผิดหรอก  และข้าก็มิได้พูดผิด ข้ามาช่วยให้เจ้าพ้นจากอันตรายจริงๆ  เพียงแต่เมื่อครู่นี้เจ้าเอาแต่คุยโม้โอ้อวดราวกับกลัวว่าทุกคนไม่รู้จักโปรไฟล์ส่วนตัวของเจ้า   ข้าไม่ต้องการโวยวายก็เลยปล่อยให้เจ้าได้มีโอกาสโม้ไปก่อน...  นี่ยังจะโกรธอีกหรือ เจ้าต้องหัดอดทน หัดฟังคนอื่นอย่างให้เกียรติ... นี่เป็นวิวัฒนาการของอุรังอุตังเต็มวัย.. อ้าว..ข้าพูดถึงไหนแล้ว?  พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วเจ้าก็เอาแต่โมโห เอาแต่จะกำจัดข้า ไม่ให้ความร่วมมือกับข้า นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการใช่ไหม?  เจ้าต้องการออกไป ข้าก็ดีใจที่ได้เห็นอย่างนั้น  พฤติกรรมของเจ้าสอดคล้องตรงกับใจข้าเป็นอย่างดี   ก่อนหน้านี้ข้าเคยโยนกล้วยให้ลิงอุรังอุตังในสวนสัตว์ มันก็ยังโค้งคำนับขอบอกขอบใจข้า แสดงให้เห็นวิวัฒนาการที่ยิ่งใหญ่ของมัน  ว่าไง? เจ้าต้องการกล้วยบ้างไหม?”
ชี่เทียนเหอโกรธมีสีหน้าดุร้าย เขาตวาดลั่น “เจ้าวอนหาที่ตายซะแล้ว!
สาเหตุที่ชี่เทียนเหอโกรธเพราะเย่ว์หยางพูดไปด้วยปอกเปลือกกล้วยไปด้วยแล้วกัดกินหน้าตาเฉย  “แย่จริงๆ ให้กล้วยอุรังอุตัง ของดีๆ แบบนี้จะเสียเปล่าได้”
กรรรร..
ชี่เทียนเหอมีสีหน้ากราดเกรี้ยว หน้าของเขาแดงจนถึงเส้นผม
เป็นที่คาดกันว่าก็เหมือนกับเคราของมนุษย์ ถือได้ว่าเป็นเครื่องหมายของเผ่าพันธุ์ที่น่ากลัว  นอกจากนี้ถ้ามีพลังจนถึงระดับชี่เทียนหอได้ ต่อให้รูปลักษณ์ดั้งเดิมไม่ดีก็ยังถือได้ว่าสง่างาม  ลักษณะที่เห็นนั้นไม่จำเป็นต้องพูด แต่เย่ว์หยางกลับเรียกเขาเสียหายเช่นนั้นทำให้ชี่เทียนเหออดกลั้นความโกรธไม่ได้  ถ้าไม่ใช่เขาไม่สามารถต่อสู้ในพื้นที่ผนึกได้ เพราะยิ่งสู้ผนึกจะยิ่งรัดแน่น ป่านเขาคงฉีกเจ้าเด็กนั่นเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
ไม่มีใครกล้าเรียกเขาเป็นลิงอุรังอุตัง และไม่มีใครกล้าถามเขาว่าต้องการกล้วยหรือเปล่า?
จริงๆ แล้วลิงอุรังอุตังอยู่ในกรงขังสำหรับให้คนดูอย่างนั้นหรือ?
เย่ว์หยางไม่โกรธด้วย และไม่สูญเสียความมีชีวิตชีวา  เขาหาวหลับตาเหมือนกับเพิ่งจะหลับ รอจนชี่เทียนเหอด่าทอระบายความโกรธเสร็จ เขาลืมตาแล้วพูดต่อ  “ก็แค่เจ้าล่อลวงให้ข้าถูกกำจัด ข้าไม่ถูกกำจัด นี่ถือว่าผิดพลาดเล็กน้อย  ข้ามาเพื่อแสดงความจริงใจและเห็นอกเห็นใจเจ้า  อย่างไรก็ตามพวกเรามีความตั้งใจที่ดี เพราะกลัวว่าเจ้าจะไม่คุ้นเคยและจะช่วยให้เจ้าได้หลบหนีออกไปได้  แต่เจ้ากลับไม่มีความเป็นมิตร พยายามบีบบังคับต่อต้านการช่วยเหลืออย่างจริงใจของเรา แล้วยังทำร้ายน้ำใจของเราผู้เยาว์... แต่ผู้ใหญ่ของเรามีจำนวนมากและจะไม่ต่อรองกับเจ้าที่เอาแต่โกรธเหมือนกับอุรังอุตัง ถ้าเจ้ากังวลนัก  เราจะไม่ทำก็ได้”
ชี่เทียนเหอไม่สามารถโกรธได้
ตอนนี้เขาแค่ต้องการรู้เหตุผลที่เด็กนี้ถึงได้อยากทำลายการคุมขังจองจำนี้
ยิ่งกว่านี้เมื่อเขาไม่เข้ามาเร็วไม่เข้ามาช้า ทั้งที่อีกไม่นานผนึกจะคลายตัว นั่นเป็นเพราะเหตุไร?
บางทีท่าทีที่ชี่เทียนเหอแสดงออกยังดูความกังวลคลางแคลงใจ  เย่ว์หยางรีบตอบอย่างง่ายๆ “ถ้าเจ้าอยากจะถามว่าทำไมข้าถึงเข้ามาในนี้? ตอนนี้ข้าพูดได้ ข้าเป็นคนใจดีมีเมตตา ข้าตั้งใจกระทำกรรมดี  เจ้าไม่รู้ว่าต้องใช้ความยากลำบากเพียงไหน ข้าเพิ่งจะเอาชนะความกังวลที่ยิ่งกว่าภูเขา  เจ้าเคยได้ยินอะไรดีๆ บ้างไหม?  เจ้ารู้หรือไม่สมัยเด็กๆ  ข้าต้องทำใจฝืนช่วยจูงคนแก่ข้ามถนน  จนถึงวันนี้ข้าถึงกล้าเอาความกล้าหาญนั้นมาใช้  ทั้งที่ยายแก่คนนั้นข้าก็ช่วยไปแล้ว!  เฮ้อ..บอกเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง เจ้าก็ไม่เข้าใจ ด้วยสติปัญญาของเจ้า ข้าจะบอกตรงๆ ก็แล้วกัน  ข้าเข้ามาข้างใน ก็แค่ต้องการแทนที่เจ้า  ข้าต้องการให้เจ้าหลุดออกไปจากผนึก!
 “ว่าไงนะ?”  ชี่เทียนเหอตะลึง  เป็นไปไม่ได้  เจ้าเด็กนี่ใจดีถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
 “ดูเอาเถอะ ข้าเพิ่งพูดไปแท้ๆ ด้วยสติปัญญาของเจ้า  เรื่องง่ายๆ ก็ยังไม่ยอมเข้าใจ น่าเศร้าชะมัด!  แต่ช่างเถอะ  ไม่ง่ายนักหรอกที่อุรังอุตังจะวิวัฒนาการมาถึงได้ระดับเจ้า.....”   เย่ว์หยางทำหน้าเหมือนโล่งใจพร้อมกับให้อภัยไปด้วย
 “เจ้ารอให้ข้าปลดแขนออกจากผนึกได้ข้างหนึ่งแล้วจึงเข้ามา  เจ้าคิดว่าข้าอยู่ในกลาง และข้าไม่สามารถควบคุมข้างทั้งสองได้!  ในที่สุดชี่เทียนเหอก็พบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่ว์หยาง
ในชีวิตของเขา เขาไม่เคยเห็นมนุษย์หน้าด้านขนาดนี้มาก่อน
นักรบหลายคนไร้ยางอาย ทำทุกวิถีทางที่ทำได้
อย่างไรก็ตามชี่เทียนเหอสามารถบอกได้ว่ามนุษย์ทั่วหอทงเทียนเมื่อเทียบกับเจ้าเด็กนี่ คงมีความละอายได้ไม่ถึงหนึ่งในร้อย
ไม่มีทางที่เจ้าเด็กนี่จะจัดการกับเขาได้   ต่เขาแกล้งทำเฉยปล่อยให้เขาปลดผนึกที่แขนจนเป็นอิสระข้างหนึ่ง  ขณะที่ในส่วนร่างกายตรงกลางเขาทำอะไรไม่ได้  เขาไม่สามารถเดินหน้าหรือถอยออกไปได้ จึงได้เข้ามาในผนึกนี้ ตรงจุดนี้ใครจะกล้าโจมตีในภายนอก?  เมื่อชี่เทียนเหอคิดได้เช่นนี้ เขาแสดงผนึกให้เห็นทันที  และด้วยสำนึกเทพเขามั่นใจว่านักดาบหญิงที่ถืออาวุธเทพ คงจะกลับมาฟันแขนทึ่หลุดเป็นอิสระของเขาแน่
เมื่อคิดได้ดังนี้ชี่เทียนเหอเข้าใจหลายเรื่องขึ้นมาทันที
เจ้าเด็กข้างหน้าเขาวางแผนเอาไว้แล้ว
เขายังต้องการใช้โอกาสประเมินเย่ว์หยางที่ไม่รู้ตัวว่าความหวังของเขาพังทลายแล้ว... อย่างไรก็ตามมนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์  เทพก็ยังเป็นเทพ  ต่อให้มนุษย์มีแผนดีที่สุด แต่มิอาจเทียบได้กับเทพเจ้าแน่นอน!
 “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
ชี่เทียนเหอหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาหัวเราะจนน้ำตาไหล
เย่ว์หยางมองดูอย่างเงียบงันเหมือนกำลังมองคนวิกลจริต นอกจากเย้ยหยันเงียบๆ ดูเหมือนมีแววสมเพช
ไม่รู้ว่าเขาหัวเราะนานแค่ไหน ในที่สุดชี่เทียนเหอก็หยุดหัวเราะ  แต่บางครั้งพอเขานึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาหัวเราะได้  เขาก็หัวเราะขึ้นอีก จนกระทั่งเขาหยุดยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเย่อหยิ่ง  “เจ้ามดแมลงที่น่าสมเพช!  เจ้าคิดว่าการสุมหัวร่วมคิดของเจ้าจะทำอะไรได้?  เจ้าโจมตีข้าได้หรือไม่?  เจ้าฆ่าข้าได้หรือไม่?  ข้ากำลังจะออกไป เจ้าหยุดข้าได้หรือ?  เมื่อข้ายังไม่ออกไปจากผนึก สหายของเจ้าไม่สามารถทำร้ายข้าได้ มีแต่จะทำให้ผนึกอ่อนกำลังอย่างรวดเร็ว  เมื่อข้าออกไปจากผนึก  พวกเจ้าจะจมดิ่งอยู่ที่นี่ และข้าจะฆ่าสหายของเจ้าและทำลายหอทงเทียนทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย!  ใช่แล้ว ถ้าเจ้าเข้ามาข้างในผนึก  นี่อาจทำให้ข้าลำบากขึ้นเล็กน้อย  แต่สิ่งที่เจ้าทำก็เป็นแค่เพียงวิธีหนึ่ง   เจ้าไม่มีทางเป็นศัตรูกับเทพเจ้าได้!
เย่ว์หยางเอามือแคะหูและยิ้มเจ้าเล่ห์  “ชี่เทียนเหอ  ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด  เจ้าเป็นแค่ระดับเตรียมชั้นเทพเท่านั้น หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่ง เจ้าเป็นเพียงนักสู้ปราณราชันย์ระดับสูงสุด... ข้าไม่รู้ว่าเจ้าฝึกมายังไง แต่ข้ามั่นใจว่าเป็นเพราะเจ้ามีเลือดเทพชนิดหนึ่งไหลเวียนอยู่ในร่างกายและมีเลือดเทพที่มาก ในเมื่อเจ้าสามารถมาถึงระดับนี้  ก็ยังไม่ถือว่าเจ้ามีความสำเร็จอย่างแท้จริง  ถ้าเจ้าไม่มีเลือดเทพในตัว  เจ้าก็ไร้ค่าไม่มีอะไร!
 “เจ้าต้องการหาเลือดเทพของข้าหรือ?  น่าขันจริงๆ เจ้าคิดหรือว่าจะทำร้ายร่างเทพได้?”  ชี่เทียนเหอหัวเราะอย่างมีความสุข
 “แน่นอนว่าอยู่ข้างนอก ไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะเจ้า”  เย่ว์หยางยิ้ม แต่ที่นี่  ในผนึกแห่งนี้ข้าไม่จำเป็นต้องเอาชนะเจ้าแต่อย่างใด แค่เอื้อมมือออกไปก็ทำได้แล้ว”
 “เฮอะ, โอ้อวดต่อไปเถอะ!  ชี่เทียนหอไม่เชื่อแม้แต่น้อย
 “ก็ดี หลังจากข้าหลอมรวมกับแก่นอักขระรูนโบราณได้  ข้าจะพิสูจน์ว่าเจ้าสามารถทำลายผนึกออกไปได้ภายในสามวัน  แต่ก่อนนั้นขอให้เจ้ามีความสุขกับชีวิตช่วงสุดท้ายเถอะนะ!  เย่ว์หยางพูดจบ ปรากฏวงจักรนิรันดรอยู่ที่ใต้เท้าเขา และพลังเทพสำหรับโจมตีของชี่เทียนเหอใช้ได้แค่เพียงนอกวงจักรนิรันดร และภายในผนึกเพราะความผันผวนแปรปรวนของพลังทำให้ชี่เทียนเหอมึนงงเล็กน้อย
ชี่เทียนเหอไม่สนใจอาการสับสนนี้  เขาแค่ต้องการฆ่าเย่ว์หยาง มนุษย์ตัวเล็กผู้น่ารังเกียจ
อย่างไรก็ตามเขามองเห็นประจักษ์ด้วยตนเอง
ร่างของเย่ว์หยางค่อยๆ ผ่านวงจักรนิรันดรหายเข้าไปในวงเวทรูน ... ชี่เทียนเหอยังรู้สึกได้ว่าเจ้าเด็กนี่ยังคงอยู่ที่นั่น และวงจักรนิรันดรก็ยังอยู่ และเพราะเหตุนี้จึงไม่มีทางโจมตีพร้อมกัน!  เจ้าเด็กนี่ต้องการหลอมรวมกับแกนอักขระรูนโบราณจริงๆ หรือ?
ถ้าเขาทำได้สำเร็จจริง เขาจะมิกลายเป็นเหยื่อผนึกของเขาหรือ?
ชี่เทียนเหอรู้สึกสังหรณ์ในใจไม่ดีเล็กน้อย
นอกจากนี้ ร่างเทพของเขารู้สึกแปลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน !-!

9 ความคิดเห็น:

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

หมูน้อย กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ulomzx กล่าวว่า...

เย่ว์หยางคิดชิงรา่งเทพหรือ

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

WingF กล่าวว่า...

รับบริจาคเลือดจ้าาาา

Lex กล่าวว่า...

เตรียมเลือด กับ ค่างเทพไปอัพเกรดลูกน้อง เมีย และพรรตพวก

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆครับ

chay กล่าวว่า...

ได้เลือดมังกรมาแล้ว ถึงคิวเลือดเทพลิง

แสดงความคิดเห็น