ตอนที่ 934
เลื่อนระดับพยัคฆ์ขาวเป็นอสูรเทพ
การยกระดับพลังองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นระดับพลังปราณราชันย์คือเป้าหมายที่อยู่ในใจของเย่ว์หยางมาโดยตลอด
แค่อาศัยพลังนางตามลำพัง ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
แต่ต้องใช้เวลานาน
ก่อนจะเปลี่ยนแปลงถึงขั้นนั้นเย่ว์หยางได้แต่รออยู่เงียบๆ
ตอนนี้มีศัตรูมากขึ้นเรื่อยๆ
สถานการณ์วิกฤติกำลังแผ่ขยาย
จำเป็นต้องยกระดับพลังของนางเป็นพลังปราณราชันย์ให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
นอกจากนี้เย่ว์หยางก็มีขอบเขตพลังปราณราชันย์ที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็ยังหันกลับมามีส่วนร่วมกับเขาอีกครั้ง
นางสัมผัสได้ถึงข้อบกพร่องของพลังปราณราชันย์ได้อีกครั้ง เพื่อชดเชยข้อบกพร่องจึงต้องปล่อยให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฝึกตามลำพัง!
ดังนั้นเย่ว์หยางจึงคาดหวังว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฝึกลำพังคนเดียวจะทำให้แข็งแกร่งมากกว่า
แต่ก่อนจะได้รับมุกพยัคฆ์ขาวศักดิ์สิทธิ์ เย่ว์หยางมีแผนอย่างหนึ่ง ตอนนี้ได้มุกพยัคฆ์ขาวศักดิ์สิทธิ์
แม่เสือสาวตื่นเต้นอย่างคาดไม่ถึงที่ได้มุกศักดิ์สิทธิ์ เย่ว์หยางรู้สึกว่าเวลาสุกงอมเต็มที่แล้ว
และเขาได้ปรับปรุงแผนเดิมโดยดำเนินการสามขั้นตอน
ขั้นตอนแรกใช้พลังงานของอัญมณียกระดับพยัคฆ์ขาวอสูรศักดิ์สิทธิ์ของแม่เสือสาวไปเป็นสุดยอดอสูรศักดิ์สิทธิ์ และจะดีที่สุดถ้าไปได้ถึงระดับเตรียมอสูรเทพ
ขั้นที่สองใช้พลังงานบริสุทธิ์ของหญ้าวิญญาณเทพอัคคีบวกกับเลือดเทพเพื่อยกระดับมันให้ใกล้ระดับอสูรเทพมากที่สุด
ระดับที่สามขั้นสุดท้ายซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เย่ว์หยางเตรียมชักนำองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนให้บรรลุผ่านระดับปราณราชันย์
และหลอมรวมปรับแต่งให้เข้ากับดาบเทพจักรพรรดิอวี้
และเปลี่ยนให้เป็นสมบัติวิเศษของนางเอง ตามวิธีนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังไม่สามารถถึงระดับสุดยอดปราณราชันย์ได้เหมือนเย่ว์หยาง แต่อย่างน้อยก็เป็นการบรรลุระดับใหม่ที่สมบูรณ์
มีอสูรพิทักษ์กลายเป็นอสูรเทพและมีอาวุธเทพอยู่ในมือ
เขาเชื่อว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้บรรลุระดับปราณราชันย์ จะเป็นนักสู้หลัก
และกลายเป็นนักดาบหญิงในสนามรบได้
“ไม่ต้องกังวล
วันนี้พักไว้ตรงนี้ก่อน
อย่างน้อยข้าต้องการเวลา”
ความคิดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถูกแยกจากกันในสภาวะฝึกพลังคู่รัก
เมื่อยังไม่ถึงระดับปราณราชันย์
นางไม่สามารถรู้สึกได้ถึงโลกในจิตใจของเขาอยู่เป็นเวลานาน.. ความรู้สึกนั้น
เหมือนกับเย่ว์หยางไม่สามารถรู้สึกได้ถึงจื้อจุน,
จักรพรรดินีราตรีและใจของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอยู่เป็นเวลานาน
จักรพรรดินีราตรีจะดีกว่าเล็กน้อย
และพลังในปัจจุบันของเย่ว์หยางใกล้เคียงกับระดับของนาง
เย่ว์หยางยังตามหลังจื้อจุน
แต่ความรู้สึกผสานพลังกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะชัดเจนที่สุด
ในช่วงแรกเย่ว์หยางแทบไม่สามารถทนได้แม้แต่วินาทีเดียว
ต่อมาภายใต้โลกพฤกษาเขาเข้าใจและหลอมรวมกับใจนางสำรวจพลังของกันและกัน
นั่นยังไม่เพียงพอสำหรับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ซึ่งก็เป็นอย่างนี้
นางรู้สึกว่านางยังต้องเงยหน้ามองดูเย่ว์หยาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งใจของนาง เมื่อมองดูขอบเขตระดับเทพ
นั่นยากที่จะคงอยู่ได้เป็นเวลานาน
ขอบเขตของเย่ว์หยางไม่ปรากฏตอนนี้
นางไม่สามารถสำรวจเหนี่ยวนำได้
แน่นอนว่าสภาพใจแบบนี้จะผสานได้สมบูรณ์แบบมาก แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมาก แต่ก็ได้รับประโยชน์มาก
หลังจากพยายามหลายรอบในที่สุดใจของทั้งสองก็ผสานเข้าด้วยกันเป็นเวลานาน
พยัคฆ์ขาวอสูรพิทักษ์ซึ่งหลอมรวมกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยอมรับใจของเย่ว์หยางในขอบเขตเทพเป็นครั้งแรกและรับถ่ายทอดแหล่งพลังโกลาหลมาจากในร่างของเขาและรับการชำระวิญญาณด้วยปราณกระบี่และเพลิงอมฤต
อ๊าาาาาาาา.......
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส
ราวกับว่าร่างมนุษย์ของตนเองถูกเพลิงอมฤตเผาผลาญจากในออกมาข้างนอก
อย่างไรก็ตามการเผาผลาญเช่นนี้คงอยู่ตลอดไป เมื่อใดก็ตามที่พลังในร่างนางขาดไปเล็กน้อย
จะมีพลังจากแหล่งพลังปั่นป่วนและพลังปราณกระบี่เข้ามาช่วยเสริม
เพื่อให้เพลิงอมฤตทำการชำระต่อไปได้
แม้ว่านางทำท่าว่าไม่สามารถทนได้
เย่ว์หยางจะเปิดใช้วงจักรนิรันดรบังคับให้นางอยู่ในสภาวะชำระวิญญาณไม่ปล่อยให้นางเลิกรากลางครัน
ความเจ็บปวดเช่นนี้ยากที่คนธรรมดาจะทนได้
ด้วยทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ของนาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะรับความรู้สึกได้เร็วกว่า ความรู้สึกจึงมากกว่าคนอื่นๆ
เป็นธรรมดา พูดให้ถูกก็คือนางจะทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดมากกว่าคนอื่นถึงร้อยเท่า อย่างไรก็ตามสิ่งที่เย่ว์หยางต้องการก็คือ
นางจะต้องได้รับการรักษาและเกิดใหม่ด้วยพลังชำระที่ยิ่งใหญ่ นั่นเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดและทรงพลังที่สุด
ทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ซึ่งถูกชำระจนรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส
จะทำให้ประสาทรับรู้ทั้งหกทรงพลังอย่างที่สุด
และยกระดับพยัคฆ์ขาวอสูรพิทักษ์
มันจะเติบโตในสภาพที่ดีที่สุด
เย่ว์หวี่และจุ้ยมาวอี้รอดูอยู่ด้านนอกด้วยความกระวนกระวาย
แต่มิอาจช่วยได้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องผ่านความยากลำบากไปให้ได้ด้วยตัวนางเอง
ผ่านการทดสอบที่แท้จริงนี้ จะได้ทองเนื้อดีที่สุด
การฝึกฝนยังคงดำเนินต่อไป
หนึ่งนาที
สามนาที ห้านาที สิบนาที หนึ่งชั่วโมง สามชั่วโมง ห้าชั่วโมง ในช่วงกลางครันของการฝึกฝน
เย่ว์หวี่และจุ้ยมาวอี้หักห้ามความอายหันไปมองเย่ว์หยางที่อยู่ในสภาพเปลือยกายฝึกปรือพลังคู่รักถ่ายทอดพลังงาน
พวกนางช่วยเขาให้คงอยู่ในสภาวะฝึกฝนต่อได้
แต่ไม่กล้าเผชิญหน้า
เพราะกลัวจะรบกวนสมาธิองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจนเกิดความล้มเหลวในที่สุด
ขณะเดียวกันทั้งสองนางตกใจกับความพากเพียรขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
แม้ว่าเย่ว์หยางจะช่วยอย่างเต็มที่และบางครั้งด้วยพลังช่วยเหลือจากวงจักรนิรันดร
อย่างไรก็ตามสามารถดำเนินการฝึกฝนต่อเนื่องถึงห้าชั่วโมงก็นับว่าเป็นความอดทนอย่างเหลือเชื่อ
เย่ว์หวี่ประหลาดใจในความมุ่งมั่นขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
และจุ้ยมาวอี้ลอบละอายใจว่านางยังเป็นรองมาก
นางชื่นชมความมุ่งมั่นของแม่เสือสาวจริงๆ
การฝึกยังคงดำเนินต่อไป
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด
จู่ๆ
สรรพสิ่งก็เงียบลงในทันที
แต่ทันใดนั้นมีเสียงพยัคฆ์คำรามดังออกมาและมีพลังปะทุออกมาจากร่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
เกิดคลื่นแรงระเบิดกระจายไปทั่วโลกคัมภีร์ของเย่ว์หยางอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าพยัคฆ์ขาวอสูรพิทักษ์ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะบรรลุผ่านระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นระดับสุดยอดอสูรศักดิ์สิทธิ์หรือระดับเตรียมอสูรเทพ
ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดมาถึง จะมีการบรรลุอีกครั้ง
หรือจะอยู่ในระดับขอบเขตนี้ไปอีกนานเพื่อรอเวลาในอนาคต?
“ลงมือกันเถอะ!”
เย่ว์หวี่กับจุ้ยมาวอี้มองหน้ากันและพยักหน้ายืนยัน
คนหนึ่งถือหญ้าวิญญาณเทพอัคคีซึ่งเย่ว์หยางปรุงเป็นของเหลวแล้ว
อีกนางหนึ่งถือเลือดเทพที่เย่ว์หยางเตรียมเอาไว้
ในช่วงเวลาของการเลื่อนระดับของพยัคฆ์ขาว
แผนการของเย่ว์หยางก้าวหน้าเป็นอย่างดี
ขั้นแรกและขั้นที่สองทำได้ดีที่สุดในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะหลังจากสำเร็จขั้นที่หนึ่ง
โดยไม่ต้องคำนึงถึงการปรับสภาพร่างกายขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน พยัคฆ์ขาวยังคงมีสภาวะมั่นคงหลังจากเลื่อนระดับ
ต้องใช้เวลาสักครู่แล้วจึงจะยกระดับใหม่ได้ เวลาต้องทิ้งช่วงกันนาน เพราะเหตุที่ต้องแข่งกับเวลา
จะต้องทำให้สำเร็จในพริบตาเดียว
การใช้พลังจากมุกศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาว น้ำยาหญ้าเทพอัคคีและเลือดเทพ
เพื่อบรรลุพลังระดับใหม่เป็นอสูรเทพในทันที
ร่างขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเปล่งรัศมีเป็นพันสาย
คมชัดเหมือนคมมีด
แรงระเบิดทำให้เสื้อผ้าของเย่ว์หวี่และจุ้ยมาวอี้สลายเป็นผุยผง
และพวกนางเกร็งพลังต่อต้าน
พวกนางพยายามฝ่าเข้าไปหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและหยดของเหลว
หยดเลือดเทพบนมุกพยัคฆ์ขาวบนหน้าผากนาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเกือบจะล้มหมดสติอยู่หลายครั้ง
เย่ว์หยางปล่อยให้อัญมณีพยัคฆ์ขาวคุ้มครองนาง ส่วนตนเองใช้มือประคองหลังศีรษะนาง
เสี่ยวเหวินหลีช่วยประคองหลังมือเย่ว์หยางอีกครั้ง
อัญมณีพยัคฆ์ขาวแปะอยู่ที่ระหว่างคิ้วขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
น้ำยาวิเศษและเลือดเทพ
ถูกหยดไว้แล้ว
และซึมเข้าไปในอัญมณีสีขาวทันที
พลังงานของอัญมณีพยัคฆ์ขาวซึมเข้าไปในใจของพยัคฆ์ขาวอสูรพิทักษ์ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโดยตรง
กลั่นพลังวิญญาณให้อยู่ในสภาพสูงสุดและหลอมรวมกับเลือดเทพ ศักยภาพในขณะนั้นถูกระเบิดและปลดปล่อยพลังออกมาจนถึงขีดสุด
คัมภีร์อัญเชิญขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปรากฏออกมาทันที
รัศมีสีทองสามสายฉายลงที่ด้านบนคัมภีร์อัญเชิญ บนศีรษะองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หยาง
ฉายขึ้นท้องฟ้าบิดเป็นเกลียวพลุ่งตรงขึ้นไปด้านบนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ดูเหมือนว่ามีภาพที่พยัคฆ์ขาวที่ดุร้ายโดดออกมาจากร่างขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจากนั้นกลายเป็นภาพพยัคฆ์ขาวขยายเต็มท้องฟ้าของโลกคัมภีร์
มันอ้าปากคำรามเงียบๆ
แต่ทั้งโลกสั่นสะเทือนเหมือนจะทนไม่ได้อีกต่อไปขณะพยัคฆ์ขาวคำราม
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่เกือบจะหมดสติอยู่แล้วลืมตาขึ้นทันที
ดวงตาของนางฉายประกายเจิดจ้าเทียบได้กับเทพเจ้าผู้ทรงพลัง คัมภีร์อัญเชิญของนางเปล่งรัศมีเจิดจ้าจนยากจะมอง
และมีแสงสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าคัมภีร์อัญเชิญเดิมเลื่อนระดับเป็นคัมภีร์เพชรชั้นสุดยอดใกล้เคียงกับคัมภีร์ระดับศักดิ์สิทธิ์ คัมภีร์อัญเชิญพลิกหน้าเปิดโดยอัตโนมัติ
และมีหน้าใหม่ปรากฏเป็นภาพพยัคฆ์ขาวตั้งแต่วัยเด็กและกลายเป็นอสูรเทพ!
ส่วนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ
ยังไม่สามารถบรรลุระดับใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
นางถึงขีดจำกัดและหมดสติอยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หยาง
สนามพลังศักดิ์สิทธิ์มีอสูรศักดิ์สิทธิ์ในตำนานปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สายฟ้า ธาตุดิน
น้ำแข็งและเปลวเพลิงปรากฏเต็มทั้งฟ้า
การเพิ่มพลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาวช่วยสนับสนุนพลังสนามพลังศักดิ์สิทธิ์
เกิดรอยฉีกขาดในพื้นที่นับพันจนแทบทำลายโลกคัมภีร์ของเย่ว์หยาง
โชคดีที่โลกคัมภีร์ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
และเย่ว์หยางควบคุมพลังปณิธานไว้ได้หลังจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหมดสติแล้ว
ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะพังพินาศทันที
“แม่เสือสาวนี้บรรลุระดับพลังใหม่ได้น่ากลัวจริงๆ!”
จุ้ยมาวอี้ตกใจและเกือบถูกปราณดาบของนางฆ่า
โชคดีที่มีการปกป้องจากเย่ว์หยางและเสี่ยวเหวินหลี มิฉะนั้นผลที่ตามมาคงสุดคาดคิด
“หลังจากผ่านความทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสามารถอดทนผ่านไปได้
ถ้านางสามารถบรรลุระดับปราณราชันย์ นางจะหลอมรวมกับดาบเทพได้
จากนั้นจะไม่มีใครหยุดความก้าวหน้าระดับติดปีกบินในเส้นทางของนางได้
นางกับเสวี่ยอู๋เสียจะเป็นนักสู้ปราณราชันย์ระดับอัจฉริยะแน่นอน!”
เย่ว์หวี่ทั้งมีความยินดีกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและรู้สึกเศร้าใจกับตัวนางเองที่ยังยืนหยัดด้วยตนเองไม่ได้
แม้ว่านางจะว่าเป็นไปไม่ได้
แต่นางยังหวังว่านางจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเสี่ยวซานและสามารถตามดูแลเขาได้มากยิ่งขึ้น สักวันนางอาจจะถูกทิ้งจนอยู่ห่างตลอดไป....”
“เจ้าก็ทำได้เช่นกัน
เพียงแต่เจ้ายังไม่ได้ทุ่มเทอย่างแท้จริง”
จุ้ยมาวอี้คิดว่าเย่ว์หวี่นี้ก็เป็นอัจฉริยะตัวจริง และอนาคตของนางมิอาจจะคาดคิดได้
แต่เนื่องจากสถานะนาง
นางจึงมิอาจโน้มน้าวใจเย่ว์หวี่ได้
ที่สำคัญตอนนี้เย่ว์หวี่คือพี่สาวรองของเขา
คำพูดบางคำเป็นเรื่องน่าอายเกินกว่าจะพูดออกไป
เย่ว์หยางถ่ายเทพลังให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่หมดสติ
และฟื้นฟูสภาพร่างกายของนาง เขามิอาจฝืนความเหนื่อยล้าได้ในที่สุด
ยังไม่ทันรับแก้วน้ำจากจุ้ยมาวอี้ก็ทรุดลงกับพื้น
จุ้ยมาวอี้กับเย่ว์หวี่รับร่างเขาและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไว้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เป็นไร
นางเพียงแต่ปรับสภาพร่างกายรับการยกระดับพลังต่อเนื่องไม่ไหว
นางแค่ต้องการปรับตัวและหลับพักผ่อน
ส่วนเย่ว์หยางเหนื่อยหนักสายตัวแทบขาด
สองสาวมองหน้ากันเองและจุ้ยมาวอี้เบือนสายตาจากเย่ว์หวี่และอุ้มองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนออกไป
ปล่อยให้เย่ว์หวี่อยู่ตามลำพัง
นางรู้ว่าเย่ว์หยางเหนื่อยล้าต้องการฟื้นฟูร่างกาย
นั่นต้องเป็นหน้าที่ของเย่ว์หวี่
มีแต่พลังน้ำที่บริสุทธิ์ของนางจะใช้ได้ผลดีที่สุด
จุดนี้พลังน้ำแข็งบริสุทธิ์ของเสวี่ยอู๋เสียยังเป็นรองอยู่มาก
จุ้ยมาวอี้อุ้มองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจากไป
เย่ว์หวี่ค่อยรู้สึกหายอึดอัดใจ
สำหรับน้องชายของนางที่เหน็ดเหนื่อยจนหลับ
นางเห็นมามากและช่วยให้เขาฟื้นฟูพลังมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งในการทดลอง
หลังการต่อสู้หรือเมื่อหลอมรวมกับอักขระรูน หรือปรุงยาก็ตาม
เมื่อเขาเหนื่อยนางจะใช้พลังเพื่อช่วยเหลือเขาแทบจะทันที นางคุ้ยเคยกับสถานการณ์นี้นานแล้ว
และนางไม่อาจรออะไรอื่นได้ นางรีบก้มและกอดน้องสามที่ทั้งน่ารำคาญและน่ารัก
ขณะที่ฟื้นฟูพลังให้เขานางก็บ่นเขาไปด้วย
“ยิ่งโตก็ยิ่งทำตัวเหมือนเด็ก เมื่อไหร่เจ้าจะทำให้พี่สาวของเจ้าสบายใจได้เสียที!
ไม่ทราบว่าข้าเป็นหนี้เจ้าแต่ชาติปางไหน
ชาตินี้ถึงต้องมาชดใช้คืนให้เจ้า...”
สิ่งที่เย่ว์หวี่พูดนั้น
เย่ว์หยางไม่ได้ยิน เพราะเขาหลับไปแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา
นางจะไม่พูดกับเขาเรื่องนี้
พอวันแรกที่เย่ว์หยางฟื้นฟูร่างกายได้ก็เผ่นวิ่งไปหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
“แม่เสือสาว, ขอดูเจ้าหน่อยซิ
อสูรเทพกับเจ้านายอยู่ในสภาวะเดียวกัน ข้ายังไม่เคยเห็นเลย”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าจุ้ยมาวอี้และเย่ว์หวี่กำลังพักผ่อนและยังไม่ลุกขึ้น
นางใช้กำปั้นยันหน้าอกเย่ว์หยาง
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ว์หยางประหลาดใจ แม่เสือสาวไม่พอใจอย่างนั้นหรือ?
“เจ้าพูดไม่รู้จักอายแบบนั้น
ข้ากลายเป็นพยัคฆ์ขาวจริงๆ แล้ว!” หน้าขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแดงทันที
และร้อนผ่าวด้วยความอาย
“อะไรนะ?” เย่ว์หยางไม่เข้าใจ หลังจากอึ้งอยู่นานเขาค่อยสนองตอบ “ด้วยอสูรเทพ มันกลายเป็นพยัคฆ์ขาวหรือ?
ข้าไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? ขอข้าดูก่อน”
“ดูเงาหัวเจ้าเองเถอะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นอาการช่างสงสัยของเจ้าเด็กนี่แล้ว
นางอับอายกลายเป็นโกรธ นางทุบเขาลอยกระเด็น
7 ความคิดเห็น:
พี่เย่วช่างหน้าด้านนัก 555
ใช่ๆองค์หญิงมีพยัคฆ์ขาวอยู่ตัวหนึ่ง..พยัคฆ์ขาวตัวนั้นไม่มีขนด้วยสิ5555
เจ้าเมืองโล่วฮัวมีกระต่ายขาว 1 คู่นะ ไอ้สามได้แล้วทำเป็นลืม
ใจจ้า
ขอบคุณครับ
หัาห้า. ขอดูพยัคฆ์ขาวกันหน้าด้านๆเลย 👍👍👍
บางทีก็น่าลำคานเชี่ยนเชี่ยนเหมือนกันนะ
แสดงความคิดเห็น