ตอนที่ 955
อย่าเล่นมากเกินไป เดี๋ยวเขาร้องไห้
“ว่านเจียวอยู่กับเราตลอดเวลา เราไม่ได้ทำอะไร จื่อฟง!
เจ้ากล่าวหาต้องมีหลักฐาน”
ราชาชิงหลางแม้จะคิดว่าการโจมตีทั้งสองครั้งน่าสงสัย แต่ไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้
ว่านเจียวน่าสงสัยนักหรือ?
“สงบไว้ก่อน
บางทีนี่อาจเป็นการตอบโต้ของศัตรูก็ได้”
ราชาโหลวลั่วเข้ามาขัดขวาง
“เอาหลักฐานออกมา ไม่อย่างั้นข้าจะไม่มีทางเชื่อแน่” หน้าของราชาว่านเจียวบิดเบี้ยวปั้นยาก
เขาพยายามข่มความโกรธและแสดงความบริสุทธิ์ใจของตนอง
“ถ้าไม่ใช่เพราะมารสัมฤทธิ์ฟ้าและจักรพรรดิมังกร
ทั้งสองคนนี้เตือนข้าให้สนใจความผิดปกติเป็นพิเศษ
ข้าก็คงยังงมงายอยู่ในความมืด
ยังไม่ต้องพูดถึงการโจมตีครั้งนี้ก่อน
เราลองนึกถึงตั้งแต่ตอนแรก ในเมืองลู่หลิวงานเลี้ยงในวังของข้า
ทุกคนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ดูเหมือนจะเป็นของวิเศษมุกธารดาราของจักรพรรดิฟู่โฉว
ที่มีพลังพิเศษในการกักการลงมือได้
ในการโจมตีนั้นศัตรูมีเป้าหมายอยู่ที่น้องไตตัน
ต่อมาเพราะฮุยไท่หลางอสูรเทพนี้ พาตัวน้องไตตันหลบไปก่อน
ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนใจชั่วคราวและแสร้งทำเป็นปล้นเลือดเทพ...
ถ้าเป้าหมายเดิมคือเลือดเทพ ก็คงไม่จำเป็นต้องมีจักรพรรดิฟู่โฉวปลอมปรากฏตัวชิงเลือดเทพและชิงตัวสนมจูกวงเพื่อพยายามสร้างอิทธิพลต่อจิตใจของข้าทำให้ข้าตัดสินใจผิด หันไปโกรธแค้นจักรพรรดิฟู่โฉว
ขณะนั้นคนแรกที่เรียกขานชื่อจักรพรรดิฟู่โฉวก็คือว่านเจียว!”
ราชาจื่อฟงจ้องมองราชาว่านเจียวอย่างเย็นชา
“ไม่,
คนแรกที่เรียกขานชื่อของจักรพรรดิฟู่โฉวก็คือข้า!” ราชาชิงหลางจำได้และแก้ไขข้อมูลทันที
“ไม่ใช่เจ้า, ก่อนหน้าที่เจ้าจะพูดนั้น
ว่านเจียวพูดออกมาเบาๆ ก่อน
และเจ้าก็คล้อยตามคำแนะนำของเขาทันที ก่อนที่เจ้าจะตะโกนออกมา
ดังนั้นคนที่พูดถึงจักรพรรดิฟู่โฉวก่อนใครก็คือว่านเจียว เจ้าแค่ถูกเขาชักจูงเท่านั้น!” พอราชาจื่อฟงพูด
นักสู้ปราณฟ้าในที่นั้นดูเหมือนจะนึกได้เลือนลางทันที ก่อนที่ราชาชิงหลางจะตะโกนออกมา
ราชาว่านเจียวอุทานมาก่อนเล็กน้อย
ราชาว่านเจียวตะโกนเมื่อทุกคนจิตใจว้าวุ่น
มีหลายคนเชื่อถือทันที
เพียงแต่เวลานั้นราชาจื่อฟงยังไม่ปักใจเชื่อ
เขายังมีข้อสงสัยบางอย่าง
ทุกคนมองดูราชาว่านเจียวดูว่าเขาจะมีคำอธิบายเช่นไร ถ้ามีคำอธิบายที่สมควร
อย่างนั้นความสงสัยของราชาจื่อฟงก็ไม่มีเหตุสมควร
ราชาว่านเจียวยิ่งฟังก็ยิ่งหน้าเขียวคล้ำ “ข้าแค่ร้องบอกออกไปโดยไม่รู้ตัว เจ้าก็ตัดสินว่าข้าเป็นคนทรยศแล้วหรือ? เจ้าเสียสติหรือเปล่า?”
ราชาจื่อฟงพยายามระงับความโกรธ “เฮอะ.. ข้าไม่ได้เสียสติ ไม่ได้บ้า
เจ้าหวังจะให้ข้าเป็นบ้า แต่ข้าจื่อฟงก็ต้องพูด
หลังจากรอดชีวิตจากมรสุมวิกฤติมาได้
แม้ว่าเจ้าจะทำร้ายข้าอย่างหนัก ชิงตัวสนมรักข้าไป แม้ว่าหวีเฉาที่หลอกลวงอยู่ข้างข้าเป็นกบฏต่อข้า
ทำร้ายข้าเกือบตาย แผนการชั่วร้ายของเจ้าก็ยังล้มเหลวทั้งหมด”
ราชาโหลวลั่วและราชาว่านเจียวเป็นสหายที่ดีต่อกันเสมอมา
ขณะนั้นเขาลุกขึ้นขึ้นกล่าวแก้ต่างให้กับราชาว่านเจียว “จื่อฟง!
เจ้าไม่มีข้อพิสูจน์ว่าว่านเจียวทรยศ เว้นแต่ต้องมีหลักฐานใหม่ มิฉะนั้นข้าไม่ยอมรับเช่นกัน”
มารสัมฤทธิ์ฟ้าโบกมือ “หลักฐานย่อมมีอยู่แน่ ตัวอย่างเช่น
เมื่อจักรพรรดิฟู่โฉวตัวปลอมปรากฏตัวครั้งแรก”
จากนั้นจักรพรรดิมังกรหัวเราะแล้วพูดขึ้น
“ถ้าเป็นพลังของสมบัติวิเศษ มารสัมฤทธิ์ฟ้าคงไม่ถูกจำกัดความเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
เพราะเขามีความสามารถพิเศษจำกัดความสามารถของสมบัติวิเศษได้ทันที
แน่นอนว่าข้าเองก็มี เพียงแต่ยังช้ากว่า
แต่ในเวลานั้น ไม่มีใครในพวกเราที่สามารถขยับได้
ได้แต่มองดูจักรพรรดิฟู่โฉวตัวปลอมชิงเลือดเทพจากไป
แน่นอนว่ามีสมบัติที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ในโลก
แต่ข้าแน่ใจว่าสร้อยธารดาราไม่ใช่แน่
มันเป็นสร้อยคอที่ช่วยเสริมพลัง แต่ไม่ใช่สมบัติสำหรับโจมตี”
จักรพรรดิใต้พิภพปกติจะไม่ค่อยพูด
เขายังคงไม่ทำตัวให้โดดเด่น
แต่ถึงขณะนี้
เขาลุกขึ้นยืนและกระแอมสองครั้ง
“ในเมื่อทุกคนเอ่ยปากพูดแล้ว
ข้าขอพูดบ้างสักเล็กน้อย!
ตามทักษะแฝงเร้นและฝีมือถนัดของข้า
ข้าสงสัยว่าการจำกัดความเคลื่อนไหวของเราในช่วงสั้นๆ เป็นพลังจากสนามพลังที่ราชาว่านเจียวแผ่ขยายออกมาล่วงหน้า
เตรียมการไว้ก่อนจะมีการลอบสังหาร
นอกจากนี้หลังจากที่เข้าจับกุมและมีคำสาปแพร่กระจายออกมา
ข้ามีเหตุผลถึงแปดในสิบที่จะสงสัยว่าเป็นการกระทำของราชาว่านเจียว เพราะมีคนในกลุ่มนั้นทั้งหมดต้องคำสาป
ยกเว้นฮุยไท่หลางที่พาคุณชายไตตันออกไปก่อนในเวลานั้น และยังมีอีกคนหนึ่งที่ไม่ต้องคำสาป
นั่นก็คือราชาว่านเจียว”
“ว่าไงนะ?” นักสู้ปราณฟ้าทุกคนตกใจ
ว่านเจียวไม่มีคำสาปอยู่ในร่างอย่างนั้นหรือ?
แม้แต่ชิงหลางและโหลวลั่วยังรู้สึกประหลาดใจมองดูว่านเจียว
สีหน้าของพวกเขารู้สึกเหลือเชื่อ
พวกเขาทั้งสองคนคุ้นเคยกับว่านเจียวมากที่สุด
รู้ว่าสนามพลังของว่านเจียวก็คือ ‘จำกัดพลัง’ ด้วยความช่วยเหลือของพลังธาตุมืดและสมบัติวิเศษบางอย่าง
แต่ก็มีความเป็นไปได้ในการจำกัดพลังของศัตรูได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
นี่สามารถอธิบายได้ว่าการลอบฆ่าก่อนนั้นของมือสังหาร
ร่างของพวกเขามีหมอกสีดำคลุม
และเจ้าโจรที่ร่างโปร่งแสงใช้ความสามารถระเบิดคำสาปออกมาได้
ภายใต้แสงสีเงินเจิดจ้า
เมื่อความสนใจของทุกคนอยู่ที่จักรพรรดิฟู่โฉวตัวปลอม
ราชาว่านเจียวก็วาดมือวาดเท้าได้เต็มที่
จักรพรรดิใต้พิภพชี้นิ้วลงพื้น
“นอกจากนี้การโจมตีระลอกที่สองก็ยังเป็นนักฆ่าร่างสีเงิน
ได้ใช้ความเร็วขั้นสูงเป็นพิเศษเอาชนะราชาจื่อฟงและฆ่าเทวีเสรีภาพที่ถูกสับเปลี่ยนตัวไปแล้ว
มองอย่างผิวเผิน นี่คือพลังของฝ่ายตรงข้าม
แต่ข้าอยากจะบอกว่าถ้ามือสังหารร่างสีเงินมีพลังแข็งแกร่งจริงๆ ไม่ต้องใส่ใจกับการล้อมโจมตีของเรา
เขาไม่จำเป็นต้องลอบโจมตี
พลังของเขาก็คือพลังที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น ใครจะทำอย่างนี้ได้ มีเพียงสองคนในโลกนี้ก็คือ
ราชาว่านเจียว และคนที่สองก็คือข้า”
จักรพรรดิมังกรพยักหน้าให้เย่ว์หยาง
เหมือนกับองครักษ์ที่อนุญาตเจ้านายแสดงความเห็น
หลังจากได้รับอนุมัติจากเย่ว์หยางแล้ว
เขาพูดความลับอีกอย่างหนึ่ง
“การโจมตีครั้งที่สองว่านเจียววางเป้าหมายไว้ที่จักรพรรดิฟู่โฉว...
เวลานั้นเราได้พิจารณาข้อสงสัยอย่างถี่ถ้วนระหว่างราชาว่านเจียวกับราชาโหลวลั่ว
อย่างไรก็ตามเราไม่มีหลักฐานไม่สามารถตรวจสอบได้จึงได้แต่ลอบเฝ้าสังเกต
ในการโจมตีครั้งที่สองไม่ใช่เทวีเสรีภาพ แต่เป็นคุณชายไตตัน”
“ทำไมเป็นอย่างนั้น?” ราชาชิงหลางถาม
“เพราะการโจมตีเทวีเสรีภาพไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย
เนื่องจากเทวีเสรีภาพมีพลังเทพอยู่ในร่างนาง นางไม่ใช่เป้าหมายที่จะฆ่าได้ง่ายๆ ต่อให้ทำร้ายนางจนบาดเจ็บอย่างหนัก
พลังเทพจะฟื้นฟูร่างกายนางอย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้แม้แต่เราที่เป็นอาคันตุกะก็ยังรู้
ตัวมือสังหารเองย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่รู้” จักรพรรดิมังกรอธิบายเรื่องนี้
“นั่น
นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเป้าหมายการโจมตีครั้งนี้คือคุณชายไตตัน!” ราชาโหลวลั่วยังรู้สึกสงสัย
“คุณชายไตตันกลับไปพักผ่อนชั่วคราวในโลกคัมภีร์อัญเชิญ” จักรพรรดิมังกรหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ราชาว่านเจียวทิ้งร่องรอยลับไว้ให้มือสังหาร
และพยายามก่อกวนให้เขาอยู่ข้างนอก แต่น่าเสียดายที่คุณชายไตตันไม่ใส่ใจ ยังกลับเข้าไปพักผ่อนในโลกคัมภีร์ทำให้แผนการของเขาล้มเหลว
แต่ราชาว่านเจียวทำอะไรไม่ถูกต้องปรับเปลี่ยนแผนและลอบปล่อยอสูรที่มีพลังมืดออกไปหวังจะไปช่วยแจ้งมือสังหารให้ทันเวลาไม่ให้ดำเนินการตามแผนที่เตรียมไว้
แต่เขาไม่รู้ว่าฮุยไท่หลางของเราจมูกไวเพียงไหน
ใช่แล้วมันจับอสูรศึกของเจ้าไว้ได้
และเพราะเหตุนั้นมารสัมฤทธิ์ฟ้าและข้าจึงตระหนักรู้ได้ว่าการโจมตีระลอกใหม่จะมาถึงในไม่ช้า”
“อสูรที่ถูกส่งไปแจ้งเตือนถูกควบคุมไว้ได้
และการโจมตีมาถึงตามที่คาดไว้ และเพื่อไม่ให้เราพบเห็น
ในครั้งนี้ราชาว่านเจียวไม่พอใจกับแผนนี้ เขาต้องใช้ความสามารถของเขาอีกครั้ง
ในท่ามกลางความมืดความเร็วของนักฆ่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก
จากนั้นเขาลอบแจ้งฝ่ายตรงข้ามว่ามีการเปลี่ยนแปลงแผน
นั่นทำให้มือสังหารเปลี่ยนใจทันที ทำให้หมัดแรกที่เขาโจมตีใส่หน้าราชาจื่อฟงมีพลังลดทอนลงไปมาก”
ยิ่งจักรพรรดิใต้พิภพพูดมากขึ้นเท่าใด
หน้าของราชาว่านเจียวก็เขียวคล้ำมากขึ้นทุกที
“อย่างนั้นทำไมยังมีคลื่นพลังโจมตีสุดท้ายอีกเล่า?” ราชาชิงหลางเข้าใจขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ยังมีข้อสงสัยสุดท้าย
“เนื่องจากความล้มเหลวในการโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้
ในที่สุดศัตรูส่งหนึ่งในมือสังหารที่ทรงพลังที่สุด มือสังหารเข้ามารอซุ่มโจมตีอย่างลับๆ
อยู่ในพื้นที่โลกคัมภีร์ของราชาว่านเจียวรอให้คุณชายไตตันปล่อยเทวีเสรีภาพออกมาจากแหวนกักกัน
และได้รับการยืนยันตัวตนของนางแล้ว มือสังหารจึงออกมาและทุ่มโจมตีสุดกำลังอย่างรวดเร็ว
น่าเสียดายที่หลอกนัยน์ตาของฮุยไทหลางกับดาบอสูรเทาเถี้ยไม่ได้ พวกมันกลับไปแจ้งคุณชายไตตันตั้งแต่แรก และคุณชายไตตันก็ได้วางแผนรับมือทันที ในเวลากลางวัน ว่านเจียวยากจะปกปิดความจริงได้
จึงได้แต่แสร้งออกมาทักทายเราและคอยลอบประสานให้ความช่วยเหลือนักฆ่าฝ่ายศัตรู...ราชาว่านเจียว
ถ้าเจ้าไม่กังวลเท่าใดนัก อย่างนั้นเจ้าก็ควรระวัง แล้วเจ้าจะตรวจพบตำแหน่งของเรา,
ฮุยไท่หลางและเทาเถี้ย
และเหยื่อล่อเงาร่างคุณชายไตตันที่ถูกสร้างขึ้นด้วยอักขระรูน” จักรพรรดิใต้พิภพหัวเราะในที่สุด “พลังธาตุมืดของเจ้าไม่เลว
แต่เจ้าคิดว่าจะใช้หลอกทุกคนได้หรือ?”
“....”
ถึงตอนนี้ราชาว่านเจียวพูดไม่ออกอีกต่อไป
ขณะนั้น ราชาชิงหลางและราชาโหลวลั่วหลั่งเหงื่อเยียบเย็นเช่นกัน
การสังเกตและความสามารถในการวางแผนสู้ของมารสัมฤทธิ์ฟ้า
จักรพรรดิมังกรน่ากลัวจริงๆ
บุคลิกที่น่ากลัวอย่างนี้ยังเป็นแค่เพียงองครักษ์หรือ นักสู้ปราณฟ้าจากแดนสวรรค์บนไม่ธรรมดาจริงๆ!
แม้แต่คุณชายไตตันที่ดูเหมือนจะไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อคนและสัตว์ก็ไม่ถูกหลอก
ถ้าว่านเจียวต้องเผชิญหน้ากับหนึ่งในพวกเขา คาดว่าก็คงหนักหนากินแรงพอแล้ว แต่นี่พวกเขาอยู่กันเป็นกลุ่ม
ถ้าเขาจะพบกับหายนะก็คงจะไม่แปลก
ไม่ต้องพูดถึงคน
แค่เจ้าสุนัขสกปรกที่ชื่อฮุยไท่หลางก็ยังยากจะตอแยได้
สุนัขเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
มันสามารถจับอสูรศึกของว่านเจียวและมองแผนการร้ายของฝ่ายตรงข้ามออก
และดูเหมือนจะกลับเข้าไปรายงานเจ้านายในโลกคัมภีร์ได้
นี่เป็นภูมิปัญญาแบบไหนกัน?
ความเฉลียวฉลาดแบบนี้หมายความว่ายังไง?
โลกมีสุนัขที่เฉลียวฉลาดแบบนั้นได้อย่างไรกัน?
ว่านเจียวตกอยู่ในเงื้อมมือมัน
ก็ยังไม่รู้ตัว
ราชาจื่อฟงไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไป ชิงหลางและโหลวลั่วสองราชาถอนหายใจเบือนหน้าหนีว่านเจียว
ในเวลานี้พวกเขาไม่ได้เป็นสหายกันอีกต่อไปแล้ว
เพราะว่านเจียวไม่เพียงแต่วางแผนร้ายต่อราชาจื่อฟงและคุณชายไตตันเท่านั้น แต่ยังรวมเอาพวกเขาไว้ด้วย
คำสาปนั้นส่งผลต่อทุกคนรวมทั้งชิงหลางและโหลวลั่ว พวกเขามองว่านเจียวว่าเป็นสหาย
เป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง แต่เขากลับปล่อยคำสาปที่ชั่วร้ายใส่พี่น้องเช่นนี้ได้!
“ข้าต้องขอบอกว่าสุนัขของพวกเจ้าฉลาดมากจริงๆ
และมันคงมาจากแดนสวรรค์บนจริงๆ ถึงได้หลอกลวงมันได้ยาก”
ราชาว่านเจียวถอนหายใจกล่าวเสียงแผ่วเบา
“ถ้าไม่มีเจ้าอยู่ที่นั่น
มีแต่เพียงจื่อฟง ชิงหลางและโหลวลั่ว
พวกเจ้าไม่มีทางมองข้าออกตลอดชีวิต
น่าเสียดายที่ข้าคิดว่าจะได้ใช้แผนการนั้นอีกครั้งที่เกาะกลาง”
“วางใจได้
เราจะช่วยเจ้าวางเค้าโครงแผนการให้สมบูรณ์ได้
และเราพอใจที่จะทำเช่นนั้น”
เย่ว์หยางที่ไม่พูดมาตลอดยิ้มให้คำรับประกัน ยิ่งเขาทำเช่นนี้มากเท่าใด
ราชาว่านเจียวยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ
คำพูดนี้ยิ่งตอกย้ำความล้มเหลวของเขา
นี่คือคุณชายไตตัน
อย่างไรก็ตาม
ตัวเขาเองยังจะใช้วิธีการอะไรได้อีก?
คุณชายไตตันมีของวิเศษอย่างหนึ่ง
เป็นร่างเงาที่มีรูปร่างเหมือนกัน
อสูรเทพและเทพอาวุธร่างอสูรอยู่ทางซ้ายมือ
มีสามองครักษ์อยู่ทางด้านขวา มีกลุ่มนักสู้ปราณฟ้าอยู่ข้างหลังพวกเขา
การฆ่าเขายากยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นสวรรค์เสียอีก
ราชาว่านเจียวมองดูราชาชิงหลางและโหลวลั่วสหายทั้งสองของเขาและกล่าวขออภัย “ชิงหลาง, โหลวลั่ว! ความจริงเรื่องการใช้พลังคำสาปไม่ใช่เป็นความตั้งใจดั้งเดิมของข้า
แต่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้จริงๆ
เราเป็นสหายกันมาหลายร้อยปี ต้องมาลากพวกเจ้ามาร่วมตายด้วย
ข้ารู้สึกเสียใจเล็กน้อย
หลังจากที่ข้าระเบิดตัวเองตายไปแล้ว
พวกเจ้าควรจะรีบฆ่าตัวตายซะ เพราะหลังจากคำสาปทำงานแล้ว พวกเจ้าจะต้องเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ นอกจากนี้อิทธิพลที่หนุนหลังข้าอยู่
ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะเข้าไปตอแยได้ เมื่อเทียบกันแล้ว
เจ้าเป็นแค่กุ้งตัวเล็กตัวน้อย
ถ้าเจ้ายังคิดว่าข้าเป็นสหาย
ดีที่สุดก็คือฆ่าตัวตายทันทีหลังจากที่ข้าตายไปแล้ว...”
ชิงหลางทุกข์ใจโกรธมีความรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า “ขอบคุณมาก ข้าดูแลตัวเองได้ ไม่ว่าข้าจะเป็นหรือจะตายยังไง
เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก”
โหลวลั่วมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่าชิงหลาง เขาถอนหายใจพูด “ว่านเจียว!
เจ้าต้องการให้ทุกคนพินาศไปพร้อมกันอย่างนี้จริงๆ หรือ? เจ้าคลี่คลายคำสาปเถอะ
ข้าจะช่วยขอขมาจื่อฟงและคุณชายไตตันขออภัยความผิดนี้ หลังจากนั้นข้าจะกลับ และทุกคนยังเป็นพี่น้องกันอยู่!
ว่านเจียวส่ายศีรษะ
“ความจริงข้ามายังภูมิภาคสวนสวรรค์ไม่เคยคิดเรื่องมีสหายอยู่แล้ว เจ้าเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ข้าใช้
ใจของข้าแค่ภักดีต่อสถานที่นั้น....”
เมื่อราชาจื่อฟงและมารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นๆ
ตั้งท่าโจมตี จู่ๆ ว่านเจียวก็หัวเราะขึ้น
เขาแหงนหน้าหัวเราะ “พวกเจ้ามองแผนการของข้าออก
สามารถตอบโต้โจมตีข้าได้
แต่พวกเจ้าไม่มีทางจับข้าได้
ข้ามีสนามพลังอันธกาล สามารถใช้คำสาปมืดได้ แม้จะอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์
แต่คำสาปก็ยังคงอยู่ไม่สูญสลายหายไปหลังจากข้าตาย
พวกเจ้าทุกคนที่ต้องคำสาปจะต้องเจ็บปวดทวีคูณขึ้นเป็นสิบเท่าในทุกคืนวัน ลาก่อนศัตรูและสหายของข้า พวกเจ้าฉลาดกว่า มีปัญญามากกว่า
แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงมดแมลงที่ดิ้นรนต่อสู้เท่านั้น!”
ร่างของว่านเจียวขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว
โป่งกลมเหมือนกับลูกหนัง
มันขยายขนาดออกไปสองสามเท่าภายในไม่กี่วินาที
พลังธาตุมืดในร่างของเขาเพิ่มขึ้นถึงขีดที่น่ากลัว หากแตะต้องเพียงเล็กน้อย
เชื่อได้ว่าจะทำให้เกิดการระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ขณะที่ราชาว่านเจียวมองไปรอบๆ
ด้วยสายตาที่เย้ยหยัน เขาตั้งใจจะระเบิดพื้นที่รอบตัวเขาทั้งหมดรวมทั้งคนอื่น หมิงลี่ฮ่าวทำเหมือนกับกำลังดูหนังก็ยังอดตะโกนไม่ได้
แต่แทนที่จะหยุดยั้งราชาว่านเจียว
แต่กลับพาเย่ว์หยางที่กำลังเกาะแขนของเขามองดูภาพข้างหน้า
“น้องสาวของเจ้าคงไม่ต้องการยิงมันใช่ไหม?
ถึงได้ผลักดันเราคุณชายให้ช่วยออกหน้า?
เย่ว์หยางหงุดหงิด
อย่างไรก็ตามต่อหน้าธารกำนัล
ไม่ใช่เรื่องดีกับการระบายอารมณ์ใส่หมิงลี่ฮ่าว
“แค่ก แค่ก”
เย่ว์หยางถูกดันมาอยู่กลางพื้นที่
ภายใต้สายตาของทุกคน เขาจำเป็นต้องพูด “ข้ากล้าบอกได้เลยว่าว่านเจียว เจ้าไม่กล้าระเบิดตัวตายแน่นอน ลองดูก็ได้ เอ่อ..แต่นี่ไม่ใช่โอกาสจะทดสอบ!”
“....” ทุกคนทรุดลงกับพื้น
ขณะที่ว่านเจียวยิ้มและเตรียมจะระเบิดตัวเอง
มีเงาน้อยสายหนึ่งบินออกมาจากร่างเย่ว์หยาง
เป็นปีศาจอสรพิษน้อยผู้น่ารัก และเมื่อเธอออกมาได้เธอใช้ดวงตากลมโตน่ารักจ้องมองราชาว่านเจียว
ราชาว่านเจียวกำลังจะระเบิดร่างตัวเองกลับพบว่าทุกอย่างหยุดยั้งลงรวมทั้งพลังธาตุมืดในร่าง ปีศาจอสรพิษน้อยเสี่ยวเหวินหลีไม่เพียงแต่จ้องมองราชาว่านเจียวที่เตรียมระเบิดร่างเท่านั้น
แต่เธอใช้มือน้อยๆ ตบร่างกลมของราชาว่านเจียวเหมือนกำลังเล่นวอลเลย์บอล
บอลกระเด้งเหมือนกับลูกหนัง
ขณะที่เธอยกมือขึ้นลงอยู่ในความว่างเปล่าเหมือนทำท่าทางสักอย่าง
ราชาว่านเจียวมีร่างโป่งพองเหมือนกับลูกหนังขนาดใหญ่
พลอยกระเด้งตามไปด้วย
เย่ว์หยางพบว่าลูกสาวตัวน้อยเอาแต่เล่นมากเกินไป เขารีบกระตุ้นเตือนเธอ “เฮ้ๆ, สนุกพอประมาณ อย่าเอาแต่เล่นนานเกินไป
ถ้าเจ้านั้นผู้ร้องไห้ เจ้าจะทำยังไง?”
เสี่ยวเหวินหลีหยุดเล่นอย่างว่าง่าย
แต่ฮุยไท่หลางกับดาบเทพอสูรเทาเถี้ยเล่นสนุกต่อ
ทั้งสองวิ่งเข้ามาตบเล่นบ้าง
ทุกคนที่เห็นภาพนี้
รู้สึกเหมือนจะเป็นลมล้มลงกับพื้น
พระเจ้าช่วย?
นี่พวกเขากังวลห่วงคุณชายไตตันมากเกินจำเป็นหรือไม่? นอกจากอสูรเทพแล้ว
เขายังมีอสูรในตำนานที่ออกมาลงมือกับราชาว่านเจียวได้อย่างง่ายดาย
ราชาว่านเจียวคิดว่าเขาสามารถฆ่าคนกลุ่มน้อยรอบด้านได้โดยง่าย
เป็นเรื่องน่าตลกขบขันที่สุด... ตระกูลจากแดนสวรรค์บนจะถูกฆ่าตายง่ายๆ ได้อย่างไร?
ว่านเจียวต้องการจะร้อง
แต่ตอนนี้เขาไม่มีน้ำตา ตอนนี้เขาไม่มีอะไรให้เลือก
นอกจากยอมตกเป็นเชลย
7 ความคิดเห็น:
ศัตรูของเย่ว์หยางอนาถทุกคนจริงๆ
ขอบคุณครับ
ลูกรัก ของพ่อเด็กดี
555++
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ใจจ้า
แสดงความคิดเห็น