วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 957 ความลับและความจริงมาจากมนุษย์?


ตอนที่  957  ความลับและความจริงมาจากมนุษย์?
สำหรับตุลาการแล้วทุกคนที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่มีอะไร รวมทั้งราชาจื่อฟงนี้ก็ไม่เป็นที่รู้จัก


อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางตั้งข้อสังเกต
หลังจากที่เทวีเสรีภาพเห็นตุลาการผู้นี้ นางมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ดูเหมือนว่านางจะรู้จักว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่นางไม่เอ่ยปาก บางทีนางไม่ยินดีจะพูดถึงคนผู้นี้ แต่เมื่อเขากวาดตามองทุกคน สายตาของเขาหยุดดูที่ร่างเทวีเสรีภาพนานที่สุด  แม้ว่าช่วงเวลาจะน้อยมากไม่ทันได้สังเกตรายละเอียดรวมทั้งหมิงลี่ฮ่าว  แต่ด้วยจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง เขาสามารถเห็นทั้งหมดได้ในคราวเดียว
เจ้าคนที่อ้างตัวว่าเป็นตุลาการกับเทวีเสรีภาพรู้จักกันแน่นอน
ตอนนี้เรื่องเดียวที่เย่ว์หยางประหลาดใจก็คือเทวีเสรีภาพรู้จักคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? จะต้องมีความลับอยู่ในระหว่างนี้เป็นแน่!
 เล่าฮ่าว! เจ้าผู้นี้เป็นใคร?”  เย่ว์หยางลองถามดูเผื่อว่าหมิงลี่ฮ่าวจะรู้จักคนผู้นี้
 ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เคยได้ยินคนพูดถึง คนผู้นี้น่าจะเป็นหนึ่งในสี่ราชาบริวารของจ้าวสุริยาจากตำหนักเทพสุริยะแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ราชาสองหน้า  หมิงลี่ฮ่าวลอบส่งข้อมูลให้เย่ว์หยางเงียบๆ ขณะที่ตุลาการผู้นั้นลอยตัวเข้ามาหาราชาจื่อฟง
 จ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะคือใคร?”  เย่ว์หยางเพียงแต่ได้ยินมาว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มีสามตำหนักใหญ่แยกกันปกครองคือ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักมังกร ตำหนักโลหิต ก่อนนี้เขาพบเห็นว่าจีอู๋ลี่มีความแข็งแกร่งเคยทำสงครามกับหมู่บ้านฝังดาบ เขากับเทียนอี้อาจารย์ของเขาชิงเกราะศักดิ์สิทธิ์ของวิเศษชิ้นที่สี่ในหกของวิเศษไปได้ และกลายเป็นเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ นอกจากสามตำหนักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว  เย่ว์หยางเคยได้ยินชื่อเจ้าตำหนักแสงนามว่าจงหัว เจ้าตำหนักมืดว่านหมอและเจ้าตำหนักไฟหลานฟงรวมทั้งคนอื่นซึ่งมีพลังน่าเกรงขามมาก  ขณะที่จ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะรวมทั้งสี่ราชาบริวารของเขาและราชาสองหน้า เย่ว์หยางไม่เคยได้ยินมาก่อน
 แตกต่างจากสามตำหนักใหญ่  ที่มีกำลังผู้อาวุโสอยู่ในมือ  หมิงลี่ฮ่าวเดินตามเย่ว์หยางขณะลอบส่งข้อมูลให้เขา
 ขอรายละเอียดเพิ่มอีก  เย่ว์หยางให้ความสนใจ
 เมื่อเทียบกับจีอู๋ลี่ที่เจ้ารู้จักนั้น จ้าวสุริยาไม่ด้อยกว่าเท่าใดเลย  เขาเป็นบุคคลสำคัญคอยให้การฝึกฝนผู้อาวุโสของตำหนักกลางใหญ่เพื่อต่อกรกับผู้ปกครองสูงสุดของตำหนักกลางได้  แม้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จ้าวสุริยาจะมีพลังเทียบกับผู้ปกครองสูงสุด  แต่แน่นอนว่าจีอู๋ลี่อยู่ในระดับนั้น เพราะเขามีพลังน่าเกรงขาม จึงมีเหล่าผู้อาวุโสให้การสนับสนุน แน่นอนว่าเขาถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลอยู่ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  จ้าวสุริยามีบริวารระดับราชาอยู่สี่คนและระดับขุนพลอีกแปด  พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากผู้อาวุโสของตำหนักกลางเป็นเวลาหลายพันปี  แม้ว่าพลังความแข็งแกร่งจะยังไม่เทียบเท่ากับอีกสามตำหนักใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับตำหนักชั้นนอกดิน น้ำ ลม ไฟ มืด สว่างเป็นต้น ก็ยังไม่ห่างกันเท่าใด  นอกจากนี้ เจ้าตำหนัก รองเจ้าตำหนัก ผู้อาวุโสตำหนักรอบนอกต่างๆ  ตำแหน่งผู้อาวุโสหลายตำแหน่งที่มีพวกเขาแทรกอยู่ในนั้น  เจ้าตำหนักสูงสุดกุมอำนาจอยู่ในมือ 100% เต็มแค่เพียงสามตำหนักหลักคือ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักมังกร ตำหนักโลหิต  หมิงลี่ฮ่าวคุ้นเคยกับข้อมูลของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  คาดว่าต้องใช้ความพยายามมากในการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร
 บางทีอันดับต่ำลงมาจากเจ้าตำหนักสูงสุด มีเจ้าตำหนักใหญ่ผู้ลึกลับ อาจมีระดับพลังเหนือกว่าจีอู๋ลี่ก็ได้กระมัง?”  เย่ว์หยางยังคงถามต่อ
 ถูกแล้ว เจ้าตำหนักใหญ่นั้นมีอิทธิพลมากเป็นลำดับที่สามในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  หมิงลี่ฮ่าวพยักหน้ายืนยัน
 ดูเหมือนว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะไม่เป็นปึกแผ่นเป็นอันเดียวกัน  เย่ว์หยางรู้สึกดีใจ
 แน่นอนว่าไม่ได้เป็นปึกแผ่นอันเดียวกัน ทุกคนต้องการพลังอำนาจ  เพียงแต่เจ้าตำหนักสูงสุดแข็งแกร่งเกินไป สามารถปราบปรามข่มสถานการณ์ทั้งหมดได้อยู่หมัด  เจ้าตำหนักสูงสุดไม่เพียงแต่ต้องบอกว่า คนผู้นั้นไม่ใช่ผู้ที่เราสามารถท้าทายได้  นอกจากนี้เขายังอุทิศตนเองให้กับการศึกษาวิทยายุทธการต่อสู้ขั้นสุดยอด เรื่องราวภายนอกที่ทำให้เขากังวลได้นั้นมีอยู่น้อยนัก  ดูเหมือนว่าชื่อเดิมของเจ้าตำหนักใหญ่จะชื่อว่าตงฟาง  เขาเป็นศัตรูตัวร้ายของหอทงเทียน  กล่าวกันว่าเขาเป็นนักรบจากตระกูลที่หักหลังหอทงเทียน  แต่ก็ไม่เลวสำหรับแดนสวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลในแดนสวรรค์บนเรียกเขาว่า เจ้าตำหนักใหญ่ผู้เมตตา  พวกจีอู๋ลี่ไม่ได้เรียกว่าเขาเจ้าตำหนักใหญ่  รวมทั้งเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เจ้าตำหนักมังกร ไม่เรียกเขาว่าเจ้าตำหนักใหญ่ แต่เรียกว่าเจ้าตำหนักผู้เมตตา คาดกันว่าเทียบกับเจ้าตำหนักสูงสุด เขามีพลังต่ำกว่าหนึ่งขั้น  เจ้าตำหนักเมตตานี้ไม่ค่อยจัดการเรื่องนอกตำหนัก  เขาคอยจัดการกิจการภายในต่างๆ และเจรจาต่อรองในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  เขาได้รับความนิยมนับถือเพราะประสานผลประโยชน์ตั้งแต่แดนตะวันออกจนถึงตะวันตก เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง เขายินดีต้อนรับเรา สำหรับเราแล้วนั่นเป็นการรวมกลุ่มที่ไม่เลว!  แน่นอนว่าทัศนคติที่เขามีต่อหอทงเทียนไม่ใช่เรื่องดี เข้าขั้นเกลียดชัง เขาเป็นหนึ่งในกำลังหลักยกระดับสงครามกับหอทงเทียน  ข้าสงสัยจริงว่าการสู้กับจักรพรรดิอวี้คงเป็นเขากับเจ้าสุริยาร่วมมือกันโจมตีใส่จักรพรรดิอวี้แน่  มิฉะนั้นจักรพรรดิอวี้ที่มีของวิเศษสามอย่าง เราคงจัดการไม่ได้ง่ายๆ” หมิงลี่ฮ่าวอธิบายอย่างละเอียด
 “พลังของเจ้าตำหนักสูงสุดเป็นยังไงบ้าง?”  เย่ว์หยางถามคำถามสุดท้าย
 “ข้าไม่ทราบ เพราะไม่มีคนนอกได้พบเขามาเกือบหมื่นปีแล้ว  มีแต่จีอู๋ลี่ผู้เป็นเจ้าตำหนักใหญ่ ผู้อาวุโสระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่คน  เจ้าตำหนักสูงสุดเป็นพวกบ้าวิชาคลั่งไคล้กับการฝึกฝนมาหลายพันปีเพื่อไล่ตามขีดจำกัด ไม่มีใครรู้ว่าเขามีแข็งแกร่งเพียงไหน แต่ที่แน่นอนก็คืออยู่ในระดับเทพแล้ว...”  หมิงลี่ฮ่าวยังรายงานไม่จบ เย่ว์หยางพูดขัดจังหวะ  “เหลวไหล!
ถ้าเจ้าตำหนักสูงสุดไม่เหนือกว่านักสู้ระดับเทพ ไม่มีพลังระดับเทพ เขาจะสามารถข่มตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้หรือ?
หนึ่งในสามบริวารเจ้าตำหนักใหญ่จีอู๋ลี่ก็ยังมีพลังใกล้ระดับเทพแล้ว
เย่ว์หยางไม่ต้องการเข้าใจความแข็งแกร่งของเจ้าตำหนักสูงสุดอย่างแท้จริง
นั่นไม่ใช่เรื่องที่หมิงลี่ฮ่าวสามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอน  เย่ว์หยางแค่ต้องการรู้ว่าเจ้าตำหนักสูงสุดใช่คนที่ชิงสมบัติวิเศษชิ้นที่สี่เกราะศักดิ์สิทธิ์ไปหรือไม่  เทียนอี้เป็นอาจารย์ของจีอู๋ลี่ ถ้าตาเฒ่านี่ยังไม่ตายบางทีตอนนี้อาจกลายเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดก็ได้  แน่นอนว่าความจริงแล้วเรื่องราวภายในยังไม่ชัดเจน ไม่สามารถตัดสินใจได้เต็มที่  ขณะนี้ได้แต่เพียงสงสัยเท่านั้น
ไม่ว่าเทียนอี้จะเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดหรือไม่  เย่ว์หยางยังไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้
ยังเอาชนะไม่ได้แน่
ก่อนที่จะท้าทายเขา  เขาต้องฆ่าคนที่มีฝีมือต่ำกว่าระดับหนึ่งให้ได้เสียก่อน นั่นคือจีอู๋ลี่
เย่ว์หยางยังไม่ผ่านมิติทดสอบทั้งสิบด่าน ก็คงไม่กล้าไปท้าทายคนที่บ้าการฝึกฝนวิทยายุทธมาถึงหมื่นปีแน่ ถ้าเขายังไม่ผ่านด่านทดสอบสิบด่านชนะได้รางวัล  เรื่องนั้นยังไกลเกินไป
จากนั้นก็ต้องรอให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมาก่อน ได้รับคัมภีร์เทพ ให้แม่เสือสาว สาวหิมะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้อีกสักเล็กน้อย
คาดว่าน่าจะลองได้!
ตอนนี้เขายังคงเร่งยกระดับพลัง  ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป  “เจ้ารู้จักเสี่ยวโฉ่วโจรตัวตลกบ้างไหม?”  เย่ว์หยางนึกถึงปัญหาบางอย่างได้    
 “ถ้าเจ้าพูดถึงตัวตลกร่างผอมชอบแต่งหน้าด้วยสีสันจัดห้าสีหน้าตาบูดบึ้งราวกับกินน้ำครำ ข้าบอกเจ้าได้เลยว่ารู้จักแน่นอน!  คนผู้นี้เก่งในเรื่องการวางแผน เมื่อตอนที่เขายังไม่แข็งแกร่งมากเขาได้รับการส่งเสริมจากผู้อาวุโสตำหนัก เป็นหนึ่งในแปดขุนพล ในเวลานั้นเขาคือคนจากตระกูลที่ทรยศหอทงเทียน เขาวางแผนการร้ายต่อหอทงเทียนได้อย่างน่ากลัว ข้าไม่รู้รายละเอียดของเรื่องโดยเฉพาะ  อย่างไรก็ตาม เขาคือหนึ่งในแปดขุนพลของจ้าวสุริยา นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน”  หมิงลี่ฮ่าวยิ้มทันทีและชี้ไปที่ราชาสองหน้าที่กำลังลอยอยู่ข้างหน้า  เขากระซิบเย่ว์หยาง  “เจ้าไม่คิดหรือว่าเสี่ยวโฉ่วคล้ายกับคนผู้นี้?”
 “ก็แค่ต้นแบบ!  เย่ว์หยางพยักหน้าแน่ใจ
 “พวกเขาน่าจะมีสัมพันธ์เป็นศิษย์กับอาจารย์  ข้าจำได้ว่าเสี่ยวโฉ่วอ่อนแอมาก พวกผู้อาวุโสคงต้องใช้ความสามารถมากมายเพื่อฝึกเขาขึ้นมา จ้าวสุริยาได้มอบหมายให้หนึ่งในสี่ราชาสอนเขาเป็นพิเศษ ข้าไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร วันนี้ข้าแน่ใจว่าเจ้าผู้นี้คงเป็นราชาผู้ได้รับมอบหมายจากจ้าวสุริยาให้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ของเสี่ยวโฉ่ว”  หมิงลี่ฮ่าวเล่าเรื่องราวในอดีตของเสี่ยวโฉ่วให้เย่ว์หยางฟัง
เย่ว์หยางรู้ว่าเสี่ยวโฉ่วเคยมีพลังปราณฟ้าระดับสามมาก่อน
สามารถได้รับพลังจากผู้อาวุโสตำหนักกลางและจ้าวสุริยานับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางสงสัยก็คือพลังของเสี่ยวโฉ่วนั้นไม่ถือว่าแข็งแกร่ง  ดังนั้นหลังจากผ่านไปหลายปี ในฐานะหนึ่งในแปดขุนพล ทำไมเขาไม่ได้รับการฝึกฝนหรือ? เสี่ยวโฉ่วในมุมมองของเย่ว์หยางมีพลังปราณฟ้าระดับสี่  แม้แต่ขอบเขตปราณราชันย์ก็ยังไม่ใกล้เคียง  ห่างไกลจากราชาสองหน้าผู้เป็นอาจารย์และมีพลังปราณราชันย์ระดับหกเป็นอย่างน้อยห่างไกล... แน่นอนว่าศักยภาพของเขามีข้อจำกัด  จะต้องมีความลับบางอย่างเกี่ยวกับเสี่ยวโฉ่วที่เขาคิดไม่ถึง  ไม่ง่ายเหมือนกับที่เห็นเป็นแน่
ถ้าเพียงแต่เขาเห็นได้ในตอนนี้ ก็คงจะดี
ตอนนี้เขาจะสามารถเข้าใจความลับของเสี่ยวโฉ่วได้ทั้งหมดหรือไม่?  เย่ว์หยางลอบถอนหายใจ   ครั้งต่อไปเมื่อพบเสี่ยวโฉ่ว เขาจะต้องใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อฆ่าเจ้าผู้นี้ซึ่งมีความเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายอยู่เต็มหัว
เจ้านั่นฉลาดเกินไป ไม่อาจปล่อยให้เขามีชีวิตยาวนานเกินไป  โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านหลังของเขายังมีตำหนักกลางคอยส่งเสริม!
ราชาสองหน้าผู้ถือเคียวยมทูตอยู่ในมือ ขณะที่เขาลอยตัวอยู่ในใจกลางทะเลสันติ พื้นที่โดยรอบสงบเงียบ เขาหยุดรอคอยราชาจื่อฟงและคนอื่นๆ ค่อยๆ ตามกันมา
เขาพลิกมืออย่างลึกลับ
เคียวดำยมทูตของวิเศษชั้นเตรียมเทพตัดมิติพื้นที่รอบตัว ทะเลสันติซึ่งสงบอย่างจำกัดแต่เดิม ถูกตัดเหมือนกับชิ้นเต้าหูเป็นรูปกลม แสงรัศมีสายหนึ่งฉายเป็นรูปเหมือนประตูที่เปิดออกเชื่อมเป็นทางเดินผ่าน ราชาจื่อฟงและพวกมองอย่างตกตะลึง ทรงพลังเหลือเกิน ตัดทะเลสันติภาพให้แยกจากกันโดยไม่ก่อให้เกิดการระเบิดของพลังได้หรือนี่?
นี่เป็นพลังควบคุมแบบไหน?
มารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพมองดูเย็นชา ด้วยพลังควบคุมของเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะทำอย่างนี้!
หมิงลี่ฮ่าวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัดทะเลสันติสำหรับเขาถือว่าไม่ยากเกินไป แต่ยังคงสภาพรอยแยกไว้ได้นาน เป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนที่เข้ามา ที่สำคัญคือ ถ้าไม่มีพลังพิเศษ การจะทำได้เช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก
เขามองดูเย่ว์หยาง เด็กน้อยเจ้าเป็นตัวอะไร?  มีความสำเร็จระดับไหน?
เย่ว์หยางยักไหล่
แต่ไม่ตอบ
เขามีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเทเลพอร์ตผ่านพื้นที่มิติ  แต่เขาจำเป็นต้องบอกด้วยหรือ?
หมิงลี่ฮ่าวเห็นท่าทางเจ้าเด็กนี่แล้วอยากทุบ แต่คิดได้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริง ไม่ธรรมดา เขาเองแทบไม่อยากจะยอมรับ
 “เข้ามาให้หมด ระวังลมหายใจด้วย อย่าใช้พลังเพื่อสัมผัสสิ่งใดเด็ดขาด”  ราชาสองหน้าเตือนเสียงราบเรียบ เหมือนกับเตือนกลุ่มมดแมลงไม่ให้ล้ำเขตแดน  ทำให้ราชาจื่อฟงรู้สึกอึดอัดมาก แต่พลังระดับราชาไม่อาจเทียบนิ้วเท้าของคนอื่นได้ ช่างยากทนทานจริงๆ การสัมผัสทะเลสันติแม้แต่คนโง่ก็ยังไม่กล้าทำ
เดินผ่านทางเดินเข้าไปใจกลางทะเลสันติ ตอนนี้เย่ว์หยางพบว่าตนเองกำลังผ่านเส้นทางเทเลพอร์ตผ่านมิติพื้นที่ซึ่งแปลกประหลาด
ทางผ่านนี้ตั้งอยู่ในใจกลางทะเลสันติ ไม่ใช่ที่อื่น
พื้นที่ไม่ใช่เล็กน้อย
ประมาณว่าสนามฟุตบอลสิบสนามต่อกัน
ที่ตอนท้ายเส้นทางผ่านมีหญิงงามจูกวงที่ถูกจับเป็นเชลย กลุ่มนักฆ่า จักรพรรดิฟู่โฉวตัวปลอม มีนักสู้ปราณฟ้าสิบกว่าคนที่เย่ว์หยางไม่รู้จัก ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่ง ไม่นับตัวเขาเองกับหมิงลี่ฮ่าว ฝ่ายตรงข้ามสามารถเอาชนะราชาจื่อฟงได้ทั้งนั้น.. ในเมื่อมีพลังแข็งแกร่งเหนือกว่าก็สมควรบุกเข้ามาสู้ได้โดยตรง ทำไมต้องวางแผนซับซ้อนมากมาย? เย่ว์หยางคิดยังไง ก็คิดไม่ออก เขาได้แต่เพียงคาดเดา เมื่อพวกเขาวางแผนจัดการราชาจื่อฟงและคุณชายไตตัน ต้องมีเป้าหมายอื่นแน่นอน  คงไม่ใช่กลุ่มง่ายๆ อย่างที่เห็น!
ในไม่ช้าการคาดเดาที่ชัดเจนของเย่ว์หยางได้รับการยืนยันบางส่วน
บุรุษคนที่สามเดินเข้าไปในเส้นทางผ่าน ไม่มีใครสนใจ  แม้แต่ราชาสองหน้าก็แค่ชำเลืองมอง จากนั้นตรงเข้าไปหาเทวีเสรีภาพ  เขาเข้าไปหาทำไม?

6 ความคิดเห็น:

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น