วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 959 ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ พายุทะเลคลั่ง


ตอนที่  959  ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์  พายุทะเลคลั่ง
เมื่อดาบนี้ยังไม่ถูกชักออก มันดูเหมือนดาบที่มีสนิมธรรมดาขายกันอยู่ในร้านอาวุธเล่มละหนึ่งเหรียญเงิน และอาจถูกกดราคาเหลือเพียงสามเหรียญทองแดง  อย่างไรก็ตามเมื่อจักรพรรดิฟู่โฉวชักดาบออกมา นักสู้ปราณฟ้าทุกคนที่ถืออาวุธต่างอึดอัดหายใจแทบไม่ออก และรู้สึกว่าอาวุธของตนเองถูกสะกัดขัดขวางไม่ให้ใช้ออก  พวกเขาพยายามยับยั้งความกลัวในก้นบึ้งหัวใจประหนึ่งว่าเป็นความกลัวสัตว์ตัวเล็กยามเผชิญหน้ากับพยัคฆ์เจ้าป่า  พยัคฆ์เจ้าป่านั้นมีราศีบารมีของราชาตั้งแต่เกิดเป็นพลังบริสุทธิ์ที่ไม่มีใดแทนได้
 
เคียวปีศาจสีดำของราชาสองหน้าส่งเสียงร้องหึ่งๆ อยู่เป็นเวลานานต่อเนื่อง
มันเริงร่าเพราะความกระหายเลือด
ราวกับว่านักสู้ที่แข็งแกร่งพบเจอศัตรู หัวใจของเขากำลังเดือดดาล
ไม่เพียงแต่เคียวปีศาจเท่านั้น แต่ลึกลงไปในดวงตาของราชาสองหน้ามีแววประกายกระหายเลือดชนิดหนึ่ง ราวกับว่าต้องการจะเปิดฉากฆ่าไม่หยุดยั้ง  เพียงแต่ต้องมุ่งมั่นอดทนรอเวลาที่ดีที่สุด
หลังจากดาบธรรมดาถูกชักออก ดาบเปล่งประกายแสงสีเงินระยิบระยับ
ยังไม่มีการกวัดแกว่ง ยังคงหยุดนิ่ง
ท้องฟ้ากลายเป็นเต็มไปด้วยจุดดวงดาวสว่างสวยงามทันที
เมื่อเจ้าของดาบเริ่มควงดาบ มิติที่ว่างเปล่าถูกตัดด้วยอาวุธที่มองไม่เห็น คล้ายจะพังทลายได้ทุกเมื่อ
นักสู้ปราณฟ้าผู้อยู่ในที่นั้นรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจทันที  รู้สึกเหมือนกับว่าลึกลงไปในวิญญาณของพวกเขาดาบแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ฟันใส่ ไม่สามารถหยุดเลือดที่ไหลรินได้... ยกเว้นราชาสองหน้าผู้ถือเคียวดำปีศาจ หมิงลี่ฮ่าวและเย่ว์หยางผู้มีปณิธานอมตะรวมทั้งมารสัมฤทธิ์ฟ้าและจักรพรรดิมังกร ล้วนเห็นภาพลวงตาว่าถูกดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ฟันใส่
ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์!
นี่คือดาบศึกที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรพรรดิฟู่โฉว
ตอนแรกที่จักรพรรดิฟู่โฉวใช้ออก มันไม่คิดหยุดเอาชีวิตศัตรู และไม่หยุดทำให้ศัตรูเจ็บปวด แม้ว่าราชาสองหน้าจะมีเคียวดำปีศาจอยู่ในมือก็ตาม ทั้งสองเป็นอาวุธวิเศษระดับเตรียมเทพทั้งนั้น  อย่างไรก็ตามอาวุธทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกันก็จริง แต่พลังและจิตสังหารต่างกัน
แม้แต่คนตาบอดก็รู้ได้ว่าดาบวิเศษแข็งแกร่งกว่าเคียวดำปีศาจมาก
หากไม่ได้สนามพลังและฝีมือของราชาสองหน้าคลื่นเคียวดำปีศาจคงไม่สามารถต้านดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายได้
 “มีคำพูดใดจะสั่งเสียไหม?”  จักรพรรดิฟู่โฉวไม่เคยละทิ้งความตั้งใจจะฆ่าศัตรู  เขาไม่มีความเมตตาให้ศัตรู ภายใต้ดาบของเขาจะไม่มีทางให้อภัยศัตรู ตราบเท่าที่เขาตาย ตราบเท่าที่ใช้เลือดล้างความเกลียดชังในใจของเขา!
 “ข้าจะบอกก่อนตายแน่  แต่ไม่ใช่ตอนนี้”  มารสัมฤทธิ์ฟ้ายืนขึ้น
 “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!  จักรพรรดิฟู่โฉวประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนกล้ายืนขึ้นท้าทายตัวเขา
 “อย่างนั้นก็ยังมีเรา”  จักรพรรดิมังกรและจักรพรรดิใต้พิภพก็ยืนขึ้นเช่นกัน  ฮุยไท่หลางเห็นว่าจักรพรรดิฟู่โฉวไม่อาจตอแยได้ง่าย มันต้องการทำตัวเป็นสุนัขเลี้ยงต่อไป  แต่ถูกเย่ว์หยางใช้เท้ายันมันออกมา
การปรากฏตัวของฮุยไท่หลางทำให้จักรพรรดิฟู่โฉวชำเลืองมอง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย  อสูรเทพ? เมื่อก่อนนี้เขาไม่เห็นมันจริงๆ!
ราชาสองหน้าที่อยู่ห่างออกไปมองฮุยไท่หลางอย่างไม่ตั้งใจ ตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจ
มีอสูรเทพเพิ่มขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง ดูเหมือนมันยังไม่โตเต็มที่ ทั้งยังต้องการสู้กับจักรพรรดิแดนดิน
นอกจากนี้จักรพรรดิฟู่โฉวยังมีดาบแสงศักดิ์สิทธิ์อาวุธสมบัติระดับเตรียมเทพ!
ราชาจื่อฟงตื่นเต้นมาก “มารสัมฤทธิ์ฟ้าและฮุยไท่หลางยินดีจะยืนหยัดต่อสู้   พวกเขาละอายใจหวังว่าจะมีใครยื่นมือช่วยได้  อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่แข็งแกร่งมากพอจะยืนหยัดขึ้นต้านทานได้จริงๆ  สายตาของเขามองไปที่เย่ว์หยางหวังว่าเขาจะพูดต่อ  ถ้าเขาใช้ศักดิ์ศรีจากตระกูลจากแดนสวรรค์บนยกเลิกความตั้งใจของจักรพรรดิฟู่โฉวได้ย่อมเป็นการดีที่สุด
ความจริงฝ่ายของเขากับจักรพรรดิฟู่โฉวนอกเหนือจากการเป็นปรปักษ์กันแล้ว ไม่มีเรื่องขัดแย้งผลประโยชน์อะไรกันเลย
ถ้าคุณชายไตตันยินดีจะขอร้องไกล่เกลี่ย บางทีจักรพรรดิฟู่โฉวอาจจะยอมเห็นแก่ตระกูลของเขาก็ได้ “......”  หญิงงามจูกวงยังคงมองดูเย่ว์หยาง
 “ข้าก็อยากสู้  แต่เราสู้กันไปมา เราก็ต้องระมัดระวังคอยควบคุมไม่ให้พลั้งมือทำลายที่สาธารณะ  การปกป้องสภาพแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ ต่อให้ไม่มีเด็ก แต่การสร้างความเสียหายให้ต้นไม้ใบหญ้า ดอกไม้ก็คงไม่ใช่เรื่องดี”  เย่ว์หยางเอ่ยปากพูดทุกคนแทบทรุด สมกับเป็นคุณชายที่ถือช้อนเงินช้อนทองมาเกิด  เขาไม่เคยเห็นโลกที่โหดร้ายมาก่อน
 “เมี้ยว..” ยกเว้นฮุยไท่หลาง ไม่มีใครคิดว่าเย่ว์หยางพูดมีเหตุผล
ฮุยไท่หลางไม่เพียงแต่ปรบมือเท่านั้น  แต่มันยังแสดงอาการชื่นชมเจ้านายของมันเต็มที่
ทั้งยังใช้อุ้งเท้าชูหัวแม่มือ (เท้า)ให้เจ้านาย
ถึงเย่ว์หยางลืมไม่ได้พกยาขัดรองเท้ามาด้วย มันก็คงเลียรองเท้าให้เขาจนสะอาดเรียบ
ทุกคนมองเห็นเต็มตา นี่เป็นสิ่งที่สุนัขเฝ้าบ้านทำ ต้องฉลาดและภักดีขนาดไหนถึงทำได้เช่นนี้ ตรงกันข้าม แม้แต่คนยังทำได้ไม่ดีเท่าสุนัขตัวนี้!
หัวหน้าจินฟันทองและหัวหน้าพ่อบ้านเย่รู้สึกละอายใจ และความรู้สึกการแสดงออกของพวกเขาก่อนหน้านั้นแย่เกินไป  แทบจะในเวลาเดียวกัน ทั้งสองกัดฟันตัดสินใจ ต่อไปพวกเขาจะต้องเรียนรู้จากฮุยไท่หลาง  ยังมีมารสัมฤทธิ์ฟ้า คนที่บ้าการต่อสู้ ก้าวออกมาข้างหน้าเย่ว์หยาง เขาไม่ได้ยืนอย่างโง่เขลาเบาปัญญา และทั้งยังจะสู้กับจักรพรรดิฟู่โฉว เป็นเรื่องที่ยากกว่ามาก!  ถ้าเขาขี้เกียจ ก็คงขี้เกียจต่อไป  อยู่ตรงนี้คอยจับตาราชาสองหน้าไว้  จะเล่นกับอะไรน่ะหรือ? แน่นอน ด้วยพลังในปัจจุบันของมารสัมฤทธิ์ฟ้า จะสู้กับจักรพรรดิฟู่โฉว  นั่นคือการล่วงเกิน  แน่นอนว่าเย่ว์หยางมีเจตนาดีผิดปกติ  เขาเหยียดมือเรียกเงาปีศาจยักษ์
ในท่ามกลางสายตาของทุกคน มารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพและฮุยไท่หลางได้รับเสริมพลังกันทั้งหมด
มารสัมฤทธิ์ฟ้าเสริมพลังเพิ่มเป็นสองเท่า
เขาปลดปล่อยพลังปราณ
แผ่นดินสั่นสะเทือน
ในที่สุดเมื่อมารสัมฤทธิ์ฟ้าปรับตัวได้ พลังของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองสามเท่า
ฮุยไท่หลางอสูรเทพที่เย่ว์หยางฝึกฝนมันขึ้นมีพลังเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยเท่า
มันคำรามขึ้นท้องฟ้าและกลายร่าง ขณะที่ดาบเทพอสูรเทาเถี้ยก็แปลงร่างเช่นกัน
จากนั้นระเบิดพลังออกมาทันที
อสูรเทพทำให้นักสู้ปราณฟ้าตกใจกลัวแทบหมดสติ
ไม่เพียงแต่เคียวดำปีศาจ  แม้แต่ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ยังส่งเสียงร้องเช่นกัน
ราชาสองหน้าก็ตะลึงเช่นกัน
ราชาจื่อฟงและคนอื่นๆ ถึงกับทำตัวไม่ถูก
มือสังหารฝ่ายศัตรูถึงกับหงุดหงิด มิน่าเล่าคุณชายไตตันผู้นี้มีเงาปีศาจนี้ ช่วยเสริมพลังเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าได้?  น่ากลัวเกินไปหรือเปล่า?
 “ไม่เลว, ในทะเลสันตินี้ ถ้าพวกเจ้าต้านรับข้าได้ร้อยกระบวนท่าโดยไม่ตายได้ ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”  จักรพรรดิฟู่โฉวฟันดาบออกสามท่าทันที สามดาบจู่โจมสังหารพวกมารสัมฤทธิ์ฟ้า ฮุยไท่หลาง และอาวุธเทพร่างอสูร  ตอนนี้เขาเห็นว่าคนเหล่านี้และอสูรเทพไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเสิ่นกวง  แต่เป็นนักสู้ที่มีศักดิ์ศรีภูมิใจเป็นของตนเอง ไม่ยอมกลับคำง่ายๆ เขาใช้ร้อยกระบวนท่าเป็นตัวกำหนด นับว่าไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ
 “ระวังตัวด้วย!” จักรพรรดิมังกรตั้งหลักได้มั่นคงที่สุด เมื่อมารสัมฤทธิ์ฟ้าบินออกไปพร้อมกับจักรพรรดิฟู่โฉว เขารั้งท้ายเพื่อกระตุ้นเตือนเย่ว์หยาง
ด้วยพลังของเย่ว์หยาง เขาไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเตือนเลย
อย่างไรก็ตามการกระทำเช่นนั้น ช่วยขจัดความกังวลเกี่ยวกับศัตรู และทำให้ศัตรูต้องปรับแผนตั้งหลักกันใหม่เพราะความลี้ลับรอบตัวเย่ว์หยาง
พี่น้องกระทิงเถื่อนเห็นว่าจะมีการต่อสู้ ก็มีความรู้สึกเหมือนกับขี้ยาเห็นยาเสพติด เหมือนพวกขี้เหล้าได้เห็นเหล้าชั้นดี  แต่ไม่มีคำสั่งจากเย่ว์หยาง พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามออกไป ได้แต่ขยี้เท้า  เย่ว์หยางแค่นเสียงเย็นชา  พวกเขากลัวว่าจะทำลายเรื่องสำคัญของเย่ว์หยางมากกว่า
เย่ว์หยางมองดูพวกเขา และโบกมือให้ไม่พอใจ
สองพี่น้องกระทิงต่างดีใจ
ขอบคุณไม่หยุดหย่อน
แต่พวกเขาไม่ออกไปในทันที ยังคงมองดูเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางจ้องมองกระทิงสองพี่น้องตอนแรก  เห็นได้ชัดว่าทั้งสองต้องการออกไปสู้ แล้วทำไมไม่ลงมือ?
 “สิ่งนั้น..เราต้องการสิ่งนั้น คุณชาย”  กระทิงพี่ใหญ่พูด  เย่ว์หยางเข้าใจ และหัวเราะลั่นทันที  “ทุกคนบอกว่าเจ้าโง่  ข้าไม่คิดว่าเจ้าโง่ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าต้องการเงาปีศาจยักษ์เสริมพลัง ฮะฮะ เจ้านี่ฉลาดมากที่คิดอย่างนี้  ข้าเห็นว่าเจ้าฉลาดนะ ข้าจะเพิ่มเงาปีศาจให้เป็นสองเท่าเป็นยังไง?”
 “เยี่ยม!  สองพี่น้องกระทิงตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าคุณชายไตตันก็ยังไม่มั่นใจเต็มที่นัก คนอย่างมารสัมฤทธิ์ฟ้าได้รับเงาปีศาจยักษ์ไปหนึ่งร่าง ก็ยังรู้สึกว่ายากจะควบคุม ถ้าเป็นอย่างสองพี่น้องกระทิงเถื่อนควบคุมไม่ได้ ดูแล้วคงเป็นเรื่องน่าอัดอัดอยู่บ้าง
แต่นี่จะให้เงายักษ์คนละสองร่างเชียวหรือ?
ผลก็คือพลังของสองพี่น้องกระทิงเถื่อนจะเพิ่มขึ้นอีกมาก  แต่ว่ามากเกินไป พลังควบคุมไม่เพียงพอ สองพี่น้องกระทิงเถื่อนจะมิเดินเหมือนเป็ดหรอกหรือ?
คาดกันว่าพวกเขาจะออกไปสู้กับจักรพรรดิฟู่โฉว แม้ว่าจักรพรรดิฟู่โฉวจะไม่ฆ่าพวกเขาก็ตาม  แต่ทั้งสองก็คงจะถูกทรมาน  ฟงจิน, จินหวิน, หัวหน้าจินฟันทองและคนอื่นเห็นสองที่น้องกระทิงเถื่อนยังคงดีใจ พวกเขาถึงกับเหงื่อไหลพรั่งพรู คุณชายไตตันมิอาจรุกรานล่วงเกินได้จริงๆ
การต่อสู้ที่ด้านนอกปะทุขึ้นแล้ว  จักรพรรดิฟู่โฉวยังคือถือดาบใช้ต้านรับพลังกดดันของหมัดที่หนักหน่วงของมารสัมฤทธิ์ฟ้า
ร่างของมารสัมฤทธิ์ฟ้าจมลงในทะเลสันติ
ร่างของมารสัมฤทธิ์ฟ้าทำลายสมดุลพลังงานที่ผิวทะเลสันติที่สงบราบเรียบทันที
เกิดแรงระเบิดที่รุนแรงมากกว่าภูเขาไฟปะทุถึงพันเท่าหรือหมื่นเท่าทันที ทั่วทั้งทะเลสันติกลายเป็นสภาพพายุทะเลคลั่ง คลื่นทะเลสูงครอบคลุมท้องฟ้าเป็นพันฟุต  ทะเลที่เงียบสงบกลายเป็นอ่างน้ำวนเหมือนสัตว์ประหลาดยักษ์ขนาดมหึมา ฮุยไท่หลางกระแทกเข้ากับเสื้อคลุมจักรพรรดิของจักรพรรดิฟู่โฉว มันคอยลอบโจมตีผสานกับการต่อสู้ของมารสัมฤทธิ์ฟ้า และประสบความสำเร็จเป็นอยอ่างดี!
จักรพรรดิฟู่โฉวใช้ดาบฟันใส่ฮุยไท่หลางทันที
เขาตั้งใจจะฟันร่างของมันให้ขาด
อสูรเทาเถี้ยช้ากว่าเล็กน้อย แต่ก็มาทันเวลารับมือการโจมตีของจักรพรรดิฟู่โฉว มันอ้าปากกว้างใช้ฟันที่คมกริบรับการโจมตีไว้ได้
 “ไม่เลว!  นับว่ายังคู่ควรกับการเหลียวมอง!  จักรพรรดิฟู่โฉวเตะใส่ฮุยไท่หลางและเทาเถี้ยสองเท้าและใช้ดาบฟันใส่คอของจักรพรรดิมังกร
 “ต้าน!  จักรพรรดิมังกรรับหน้าที่ป้องกัน เขาใช้โล่มังกรคุ้มกันชีวิตจากดาบศักดิ์สิทธิ์
พอมารสัมฤทธิ์ฟ้าตั้งหลักในอากาศได้ เขาระเบิดพลังสายฟ้าและโจมตีใส่จักรพรรดิฟู่โฉวทันที
พื้นที่มิติแตก ทะเลสันติกลายเป็นพายุทะเลคลั่ง
ทำให้พื้นที่นี่สั่นสะเทือน
เป็นไปได้ว่าจะถล่มทลายได้ทุกเวลา
อย่างไรก็ตาม การตัดสินที่ยุติธรรมยังไม่ได้เริ่มขึ้น และการเจรจาต่อรองระหว่างราชาจื่อฟงกับฝ่ายมือสังหารเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น “........” บุรุษชุดทองที่มีลักษณะคล้ายกับจักรพรรดิฟู่โฉวโผล่ออกมาจากด้านหลังกลุ่มมือสังหารและยิ้มเต็มหน้าราวกับพบเจอสหายสนิท  “ราชาจื่อฟง ข้ามักให้เกียรตินับถือเจ้าในฐานะราชา ในระหว่างนี้ข้าถือโอกาสเชิญพี่สะใภ้มาเข้าร่วมประชุมด้วย ความจริงเราไม่มีเจตนาร้ายอันใดเราแค่ต้องการยืมสะเก็ดศิลาดวงดาวของท่าน  ข้ารับประกันได้ว่าเมื่อเราใช้สะเก็ดศิลาดวงดาวเสร็จแล้ว เราจะคืนให้ท่านโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น”
ราชาจื่อฟงหน้าซีด เขาพยายามข่มความโกรธ  “เจ้าฟังเรื่องสะเก็ดศิลาดวงดาวมาจากใคร? คนอย่างข้าหรือจะมีสมบัติวิเศษอย่างนั้นได้?”
ถึงตอนนี้นักสู้ปราณฟ้าที่ไม่เคยแสดงตัวมาก่อนปรากฏตัวออกมาทันที
เป็นอดีตหัวหน้าองครักษ์ผู้จงรักภักดีของราชาจื่อฟงนามว่าหวีเฉา เขายังคงดูเหมือนกับวันนั้น
ทว่าน้ำเสียงของเขาแตกต่างจากในอดีต “ข้าเป็นคนพูดเอง, ราชาจื่อฟง ถ้าข้าจำได้ไม่ผิดเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ท่านได้รับสมบัติหีบหนึ่งซึ่งมีสะเก็ดศิลาดวงดาวบรรจุอยู่ในนั้นไม่ใช่หรือ?  ปกติแล้วคนอย่างท่านจะไม่ให้คุณค่าความสำคัญกับสะเก็ดศิลาดวงดาว แม้ว่าจะเป็นชิ้นเล็กน้อยก็ตาม คนฉลาดอย่างท่านควรจะเข้าใจภาษิตที่ว่า คนไม่ผิด  ผิดที่ครอบครองหยก สะเก็ดศิลาดวงดาวไม่ใช่สมบัติที่คนอย่างท่านจะมีได้  มอบสะเก็ดศิลาดวงดาวออกมาก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทั้งท่านยังสามารถกลับไปเป็นราชาจื่อฟงต่อไปได้  นอกจากนี้ท่านยังสามารถดื่มกิน ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย มีหญิงงามคุกเข่ารับใช้อยู่ใกล้ๆ....”
สนมจูกวงพอได้ยิน นางหลั่งน้ำตาทันที  “ฝ่าบาท!  มอบสะเก็ดศิลาดวงดาวให้เขาไปเถิด  เราสู้พวกเขาไม่ได้!
เย่ว์หยางลอบสะกิดหมิงลี่ฮ่าว
เหมือนจะถามว่าสะเก็ดศิลาดวงดาวคืออะไร?

8 ความคิดเห็น:

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

ตกเป็นของพี่เย่วแหงๆ

Numton กล่าวว่า...

โดนพี่เย่ว์ยึดตามระเบียบแบบนี้

WingF กล่าวว่า...

เสร็จโจร

ulomzx กล่าวว่า...

มีรางวัลมีล่อเย่ว์หยางแล้ว

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น