วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1210 หนึ่งกระบี่กำลังมา ยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน

 

ตอนที่  1210  หนึ่งกระบี่กำลังมา ยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน

วงจักรล้างโลก วงจักรนิรันดร

 

จมผสานเข้าไปในร่างของเย่ว์หยางร่วมผสานการเกิดใหม่พร้อมกับเขา

อสูรทงเทียนในตำนานกลายร่างเป็นมังกรน้อย มันส่ายหัวและพันร่างกับแขนเย่ว์หยางและดูดซับพลังปั่นป่วนที่กระจายออกจากร่างของเขาต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างตัวเองวิวัฒนาการและเติบโตอย่างต่อเนื่อง สองพี่น้องอาหยูอาเหยาคืนร่างเป็นมนุษย์กอดอยู่ที่ขาของเขา แต่ละนางสะท้อนพลังกับเขาทั้งกายและใจ สนามพลังสร้างโลกที่เกิดขึ้นใหม่นี้และ โลก แห่งคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เหมือนใครของเย่ว์หยางกำลังรวมเข้ากับดาราจักรทางช้างเผือก ระเบิดดวงดาว กลุ่มดาวสิบสองนักษัตรที่ฉายรัศมีสว่างไสว ฯลฯ  แสงทำลายล้างเติมเต็มทั่วพื้นที่สนามพลัง  แต่แสงดับสุริยากลับบินข้าไปในแหล่งพลังงานดูดกลืนภายในร่างของเย่ว์หยางและรวมเป็นหนึ่งเดียว

เสี่ยวเหวินหลีบินเข้ามาโอบกอดเอวเย่ว์หยาง

เงยหน้ามอง

ขณะเดียวกันแสงเทพฉายออกจากดวงตาเธอพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าสอดประสานกับพลังของเย่ว์หยาง

รูปฉายปีศาจอสรพิษทองขนาดหนึ่งกิโลเมตรปรากฏเด่นในท้องฟ้า แต่เทียบกับยักษ์เทพชะตาที่มองเห็นเลือนลางแล้วสูงไม่เกินเข่า

ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเองและสนามพลังสร้างโลกเท่านั้น แต่ทั่วทั้งโลกคัมภีร์กำลังเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าคว่ำดิน ตอนนี้ในโลกคัมภีร์ไม่มีผู้ใดที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่มีวิวัฒนาการ

ทุกคนรวมทั้งเสวี่ยอู๋เสียที่กำลังหลับมีการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกลับ

แม้แต่ตั่วตั่ว เจี้ยงอิง อาหง อาหมัน อิคคาและเว่ยหลายที่อยู่ข้างนอก รวมทั้งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและนางเซียนหงส์ฟ้าที่ไม่ใช่อสูรพิทักษ์แต่เป็นภรรยาของเขารับรู้สื่อสารทางจิตได้ว่าเย่ว์หยางกำลังมีความก้าวหน้า

ไกลออกไปถึงหอทงเทียนชั้นหนึ่ง ที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ทวีปมังกรทะยาน  ฮุยไท่หลางที่นอนเกียจคร้านไม่ยอมขยับเคลื่อนไหวจู่ๆ ก็กระโดดสะดุ้งส่งเสียงหอนยาว ดูเหมือนมันรับรู้สื่อสารถึงเย่ว์หยางที่อยู่ในมิติดินแดนฝึกฝนในแดนสวรรค์ได้   แม่สี่ผู้อยู่ในมิติกระจกวังเทียนหลัว จู่ๆ นางก็ใจสั่นจูงซวงเอ๋อออกไปข้างนอกและเงยหน้ามองฟ้าด้วยความประหลาดใจ

จักรพรรดินีราตรีอยู่ที่บันไดสวรรค์ขั้นที่ห้าแสน และจื้อจุนตอนนี้ก้าวผ่านระดับขั้นที่ล้านไปแล้ว

ล้วนสะท้อนถึงพลังเขาได้ทั้งหมด

นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่รับรู้สะท้อนพลังของเขาได้จากที่ในระยะไกล

พลังสะท้อนที่ลึกลับนี้ ไม่มีใครรู้ถึงแหล่งกำเนิดและสถานะของมันได้

ขณะที่คัมภีร์เทพปรากฏโดยอัตโนมัติในอากาศ ยักษ์ชะตาลอยอยู่เหนือศีรษะของเย่ว์หยาง เมื่อบรรลุระดับเทพ ได้ประกายเทพ สำนึกเทพจึงจะรวมผสานกันในร่างของเทพใหม่

กระบี่เล่มหนึ่งมาจากทางตะวันออก

รวดเร็วมากพลังกระบี่นั้นตัดทอนจัดแต่งประกายเทพเย่ว์หยางทั้งหมด พลังเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือล้ำมนุษยชาติถูกชี้นำด้วยพลังของกระบี่เล่มนั้นและเข้าไปในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังไม่ได้ผ่านขอบเขตส่วนต่างๆ ของพลังเทพ และเย่ว์หยางที่ยังไม่ได้ร่างเทพและประกายเทพซึ่งยังไม่มีเวลากลั่นตัวมากพออยู่ในโลกคัมภีร์ ไม่มีใครสามารถรู้แจ้งเข้าใจพลังเทพสองครั้งได้ ไม่มีเลยสักคนเดียว ทุกคนไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จในระดับเทพสองครั้งได้  หลังจากบรรลุแล้วยังต้องใช้เวลาเตรียมตัวอีกระยะหนึ่ง

ปัจจุบันนี้ไม่มีใคร นอกจากเย่ว์หยางที่มีโอกาสเช่นนั้น

กระบี่ที่น่าอัศจรรย์

อาจกล่าวได้ว่ามหัศจรรย์ไร้ที่ติสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก

ไม่มีคำพูดใดจะอธิบายถึงกระบี่ที่ลอยมาจากฟากฟ้านี้ได้

แสงอรุณแห่งการรู้แจ้งปรากฏที่หน้ากระบี่นี้

และดูเหมือนบดบังจนมองไม่เห็น

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางผู้สูญเสียสำนึกจมอยู่ในพลังเทพ รวมทั้งสาวๆ คนอื่นอยู่ในสภาพจิตใจว่างเปล่า ไม่มีใครรู้ว่ามีกระบี่อย่างนั้นอยู่...

เมื่อเย่ว์หยางตื่นขึ้น เขาประหลาดใจเมื่อพบว่ากำลังนอนอยู่ในที่คุ้นเคยแต่แปลกประหลาด

ไม่ว่าจะเป็นพื้นดินภูเขา แม่น้ำ หรือเวียงวังอาคารสิ่งก่อสร้างด้านหลังแตกต่างจากโลกคัมภีร์สิ้นเชิง ที่นี่กว้างใหญ่ไพศาลกว่าโลกคัมภีร์มาก ท้องฟ้าสูง แต่หลายไมล์ มีภูเขามีป่าเขียวขจีเต็มไปหมด ทะเลสาบเล็กเดิมขยายขนาดออกไปไม่เห็นฝั่งราบเรียบไม่มีคลื่นลม มองเห็นระลอกเล็กๆ เย่ว์หยางลองแตะชิมดูรู้สึกว่าหวานอร่อย และเข้าใจผิดว่าเป็นทะเล ไม่ใช่ทะเลสาบ

ป้อมบนก้อนเมฆหายไป

เสาศิลาเจ็ดดาวที่ได้มาจากวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ก็หายไป  มีแต่สายลมพัดเฉื่อย

มีภูเขาอยู่บนท้องฟ้า

เช่นเดียวกับภูเขาสมบัติของภูตในตำนาน มีน้ำตกลอยเหมือนมีชีวิตชีวา เย่ว์หยางที่เป็นเจ้าของที่นี่ยังไม่รู้จักดอกไม้ใบหญ้า สัตว์อสูรไม่ว่าในท้องฟ้าหรือในพื้นหญ้า ข้างสระทะเลสาบใสมีพุ่มดอกไม้

กระท่อมไม้ที่ปลูกสร้างขึ้นโดยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีใบไม้เถาวัลย์ขึ้นกลมกลืนกับป่า

วังแก้วผลึกที่เย่ว์หยางกับอู๋เหินสร้างขึ้นได้เปลี่ยนรูปแบบเป็นสถานปัตยกรรมใหม่แต่ดูมีกลิ่นอายโบราณ สถานที่มีของตกแต่งมากมายที่ไม่อาจตรวจเจอก่อนหน้านี้ ล้วนสมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อบกพร่องใดๆ

นี่คือสิ่งที่เขาสร้างเองหรอกหรือ?

ทำไมเหมือนกับมีความมั่นใจน้อยลงไปเล่า?  เขาทำเองหรือ?

 “แม้ว่าความเคลื่อนไหวค่อนข้างใหญ่ แต่ข้าคิดว่าครั้งนี้ดีกว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุด!  อู๋เหินและเย่ว์หวี่ลอยตัวได้เหมือนกับเทวดา พวกนางประหลาดใจแต่ก็ยังสงบใจอยู่ได้ พวกนางอาจทำได้ไม่ดีเท่าเย่ว์หยาง แต่ก็ตกใจที่แม้แต่พวกนางก็สามารถสร้างได้

 “เดี๋ยวก่อน อย่าหนีนะ!  ไม่ต้องพูดถึงเป่าเอ๋อที่ตื่นขึ้นมาได้ก็ตื่นเต้นวิ่งไล่ภูตอสูรที่ไม่คุ้นเคย แต่ไม่ยอมพูดด้วย

 “นี่คือบ้านในฝันข้า  ข้ามีความสุขมาก!  ไป่ลู่และไห่หลานพึมพำ

“ยากจะจินตนาการจริงๆ!  หัวหน้าลี่เยี่ยนส่ายหน้าถอนหายใจ

 “โอว” แม้แต่หลิวเย่ที่ปากไม่พูดอะไร แต่อ่านได้จากปากก็พอรู้ได้วา อาจารย์ทรงพลังที่สุดในโลก

 “เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยอียังคงสับสน นางตื่นขึ้นมาและพบว่าโลกทั้งโลกเปลี่ยนไป นางอดคิดไม่ได้ว่านางถูกลักพาตัว โชคดีที่เย่ว์หยางอยู่ไม่ไกลจึงค่อยตั้งหลักสงบจิตใจได้ จุ้ยมาวอี้รีบมาสมทบพร้อมกับแพนดาน้อยหนิวหนิว แต่หนิวหนิวมาได้ครึ่งทางก็ให้ความสนใจผีเสื้อสวยงามขนาดใหญ่ที่บินเข้าไปในหมู่ดอกไม้ ขณะที่เท้าเดินตามมารดา แต่เธอหันหน้าไปมองทางอื่นและไม่อาจเห็นได้อีกต่อไป จนกระทั่งไปถึงเย่ว์หยางหนิวหนิวรีบรายงานการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ให้เขาฟังทันที  “ข้าเพิ่งเห็นผีเสื้อตัวใหญ่ มันกระพือปีกบินสวยงามมาก สวยงามกว่าว่าวผีเสื้อตัวใหญ่!

หนูน้อยเล่าแบ่งปันการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ให้เย่ว์หยางฟังอย่างไม่เห็นแก่ตัว

เด็กหนุ่มจากโลกอื่นกอดเธออย่างเอ็นดูและให้รางวัลเป็นขนมหวานแก่แพนดาน้อยผู้น่ารัก  “ต่อไปเจ้าค้นพบอะไรดีๆ อย่าลืมมาบอกข้า” แพนดาน้อยปรบมือและจูบหน้าเย่ว์หยาง แต่กลัวมารดาว่าจึงรีบซ่อนขนมหวานไว้ด้านหลัง

จนกระทั่งจุ้ยมาวอี้และเย่ว์หวี่คุยกันในหมู่พวกนาง พวกนางจึงไม่ได้สนใจเธอ

เธอแอบอยู่ข้างหลังเย่ว์หยาง

ขณะที่มองดูมารดาสนทนาเธอยื่นหน้าน้อยๆ แอบดูขณะเลียอมยิ้มในมืออย่างใจจดใจจ่อ

 “อย่าถามข้า, ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เย่ว์หยางเองก็ยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจำได้เพียงว่ากำลังระลึกถึงกระบวนการต่อสู้กับคนลึกลับ พิจารณาถึงตนเอง และจากนั้นคิดตามแนวที่สามสาวเทวทูตในโลกไร้ที่สิ้นสุดในคัมภีร์เงินได้แนะนำไว้.. หลังจากนั้นก็เหมือนมีเสียงระเบิดในหัวและจำอะไรไม่ได้”

 “คงเป็นการบรรลุระดับใหม่”  จุ้ยมาวอี้ให้คำรับรอง

 “ไม่เหมือนกับการยกระดับ!” เย่ว์หยางขึ้นชั้นระดับเทียมเทพแล้ว เมื่อบรรลุระดับใหม่ก็ควรเป็นระดับเทพไม่ใช่หรือ?  แต่บัดนี้ภาพฉายเงาเทพอยู่ที่ไหน?

 “บางทีอาจเป็นการรู้แจ้งแบบพิเศษที่ไม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่งภายนอก แต่เกี่ยวกับพลังจิตวิญญาณ ภูมิปัญญาและสนามพลัง ฯลฯ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่อย่างนั้นโลกคัมภีร์จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้หรือ?”  เย่ว์หวี่ไม่รู้ว่ามีกระบี่วิเศษเล่มหนึ่งได้เปิดดินแดนขอบเขตระดับเทพเมื่อเย่ว์หยางบรรลุ ทำให้เย่ว์หยางมีโอกาสฝึกปรือต่ออีกครั้ง

 “ไม่เป็นไร ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ต้องคาดเดา ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดี”  สาวงามอู๋เหินปลอบให้ทุกคนสงบใจและจัดการปรับตัวเองให้เข้ากับชีวิตในโลกใหม่

รอจนทุกคนกำลังวุ่นวาย เย่ว์หยางรีบไปดูเสวี่ยอู๋เสียที่เขาห่วงใย

ภาพแรกที่เห็นทำให้เขาตกใจ

เพราะ

เสวี่ยอู๋เสียหายไป

สุ่ยอู๋เหินพอได้ยินข่าว นางรู้สึกประหลาดใจมาก นางไม่รู้จะปลอบใจเย่ว์หยางอย่างไร

แต่เป่าเอ๋อพูดทันที  “ข้าเพิ่งเห็นพี่อู๋เสีย ทุกคนจะไม่เห็นได้อย่างไร?  อา, ข้าเข้าใจแล้ว ต้องเป็นเพราะนางเพิ่งตื่น เป็นธรรมดาที่ต้องไปหวีผมล้างหน้าแน่”

เย่ว์หวี่กลัวว่าเย่ว์หยางจะคาดคั้นเป่าเอ๋อและทำให้เอลฟ์น้อยตกใจ นางรีบขวางด้านหน้าทันที

 “นางตื่นแล้ว ทำไมนางถึงไม่พบเรา?” เย่ว์หยางสงบใจ และคิดอย่างหนัก

 “บางทีนางคงกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์”  เย่ว์หวี่เดาว่าอย่างนี้

 “จริงสิ” ทันใดนั้นจุ้ยมาวอี้เลิกคิ้ว “เป็นไปได้ไหมว่านางถูกขับออกจากดินแดนมิติฝึกฝนเหมือนอย่างหมิงเยี่ยกวง  ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น หากไม่ใช่กรณีนี้ ต่อให้นางกลับมายังโลกคัมภีร์ นางจะต้องมาพูดทักทายเราและจะไม่หายไปอย่างไม่มีเหตุผล”  อู๋เหินกลัวว่าเย่ว์หยางจะตกใจจึงรีบบอก  “หมิงเยี่ยกวงถูกขับออกจากดินแดนมิติฝึกปรือเพราะนางเลื่อนเป็นระดับเทพ  ก่อนนางจากไปนางกล่าวทักทายได้ไม่กี่วินาที”

 “อู๋เสียคงต้องเลื่อนเป็นนักสู้ระดับเทพแน่”  จุ้ยมาวอี้ยังคงยืนยันในเหตุผลตนเอง

 “แม้ว่านางจะทักทายเรา และขุนเขาเหนือขุนเขาและหอคอยเหนือหอคอยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  หุบเขามนุษย์ ไม่มีผู้ทดสอบระดับเทพในหุบเขามนุษย์  ที่นี่ขุนเขาเหนือขุนเขา คนลึกลับไม่ได้พูดว่าซื่อเสินและแปดเทพเป็นนักสู้ระดับเทพ  แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นเทพด้วยความช่วยเหลือของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก ก็มิอาจกล่าวได้ว่าเป็นเทพแท้  ที่สำคัญระดับเทพแท้ทำไมพวกเขาถึงไม่ถูกขับออกจากขุนเขาเหนือขุนเขา?  ยิ่งกว่านั้นนี่คือโลกคัมภีร์ของข้า กฎสวรรค์ของมิติดินแดนฝึกฝนมิอาจส่งผลมาถึงที่นี่!  เย่ว์หยางโบกมือแสดงว่าเป็นการอนุมานเหตุผลที่ผิด  ต้องมีเหตุผลอื่น

 “บางที...” หลิวเย่มองดูเย่ว์หยางทันที และไม่พูดอะไร

 “เจ้าคิดว่ายังไง, บางทีเจ้าอาจคาดได้ถูก!  เย่ว์หยางสนับสนุนให้สาวน้อยได้พูด บางครั้งสัญชาตญาณของนางก็แม่นยำ

 “ท่านหญิงอู๋เสีย บางที บางทีอาจเหมือนกับตั่วตั่วและเจี้ยงอิงที่ทุกคนไปฝึกฝนกับน้องปิงหยิน.. ข้า ข้าไม่แน่ใจว่าเดาถูกหรือไม่”  หลิวเย่พูดก็แอบแลบลิ้นด้วยความประหม่า กลัวว่าอะไรไม่ดีและส่งผลต่ออารมณ์ของเย่ว์หยาง

 “ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว!  ไม่ทราบว่าใครกล่าวแต่ว่าตรงกับใจของทุกคนและทุกคนเห็นด้วย

 “อ่า..ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้าง”  เย่ว์หยางลูบอก ความจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ที่เขากลัวว่าสาวหิมะจะหายไป เมื่อนางกลับมาเขาคงต้องลงโทษนางเสียบ้าง

ปมในใจก่อนหน้านี้หายไปทันที

ความทรงจำมากมายยังเลือนลาง

ดูเหมือนว่ามีกระบี่เล่มหนึ่งตัดเขาขาดครึ่ง จำได้ไม่ชัดเจน ในที่สุดหลังคิดเป็นเวลานาน เย่ว์หยางจับข้อมูลได้เลือนรางเขาจำได้ว่าช่วงที่จมอยู่ในพลังเทพ เขาเห็นพี่น้องหงส์เพลิงบินผ่าน และอาจเป็นเทพธิดากระบี่ฟ้าปรากฏตัว เขาคิดว่ากระบี่นั้นเป็นนางลงมือด้วยตนเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นั่นเป็นภาพลวงตาที่เสมือนจริง  หรือเป็นภาพในใจเย่ว์หยางก็ยังไม่แน่ใจ



14 ความคิดเห็น:

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

Kokuryu กล่าวว่า...

ปิงหยินขโมยเมียไปอีกเปล่าหรือเทพธิดากระบี่พาไปฝึก

zen zen กล่าวว่า...

ในที่สุดๆเองก็เป็นเทพซะที

CHANTANA กล่าวว่า...

ยังฯไม่เป็นเทพอีก

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

โดนสาวกิเลนขโมยเมียอีกแล้วเหรอ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ยังไม่ได้เป็นเทพ ได้ฝึกต่ออีกหน่อย

Unknown กล่าวว่า...

ฝึกต่อ5555

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ฟาร์มต่อไปได้

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

ฝึกเพื่อตบเทพต่อไป

chay กล่าวว่า...

ปิงหยินไม่ใช่ขโมยนะ แค่ขอยืม 555

แสดงความคิดเห็น