วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1226 มังกรพิรุณกับร่างอวตารขนาดดวงดาว

 

ตอนที่  1226  มังกรพิรุณกับร่างอวตารขนาดดวงดาว

โลกคัมภีร์

 

เย่ว์หยางกำลังงีบหลับอยู่บนเก้าอี้ผวาลุกขึ้นนั่งทันที สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์กำลังนั่งร้อยดอกไม้ นางหยุดมองเขาด้วยความสงสัย ดวงตากลมของนางเบิกกว้าง

 “ใครกำลังเรียกข้า?”  เย่ว์หยางพบว่าตนเองกำลังฝันร้ายอีก

สิ่งที่ประหลาดที่สุดคือความฝันนั้นชัดเจนมาก แต่เมื่อเขาตื่นขึ้น เขากลับลืมไปอย่างสิ้นเชิง

มีเหตุผลใด? มีการรุกล้ำของพลังชนิดหนึ่งหรือเปล่า หรือว่ามีบางคนที่เรียกหาตัวเขาจริงๆ?  แม่สี่หรือว่าใครอื่น?

เขาเอื้อมมือลูบศีรษะสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์เบาๆ เย่ว์หยางตัดสินใจออกเดินทางเพื่อระบายแรงกดดันของเทพปีศาจเว่ยกวง  แม้ว่าการต่อสู้กับเทพปีศาจเว่ยกวงจะยังไม่เริ่ม  แต่ความกดดันที่มองไม่เห็นนั้นกำลังใกล้เข้ามา  หลังจากการต่อสู้ครั้งแรกกับบุรุษลึกลับ เย่ว์หยางเริ่มตระหนักถึงความยากลำบากในการเผชิญหน้ากับเทพปีศาจเว่ยกวง  โชคดีที่ร่างที่แท้จริงของเทพปีศาจเว่ยกวงถูกผนึกไว้ที่หุบเขามนุษย์  และคัมภีร์อัญเชิญก็ถูกผนึกไว้ที่หอคอยเหนือหอคอยไม่สามารถแสดงพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้  มิฉะนั้นเย่ว์หยางรู้สึกว่า เขาไม่ต้องต่อสู้ มิฉะนั้นเขาจะต้องแพ้แน่นอน!

ลองนึกถึงภาพเทพปีศาจเว่ยกวงถูกปล่อยออกมาจากหอคอยเหนือหอคอย

ลองคิดถึงร่างอวตารของเขาที่มีขนาดใหญ่มากน่ากลัวมองไม่เห็นร่างสิ้นเชิง

แค่เพียงนิ้วหนึ่ง

ก็เทียบได้กับภูเขาในโลกนี้

หากเทพปีศาจเว่ยกวงสามารถใช้ร่างจริงและคัมภีร์อัญเชิญ  เย่ว์หยางสงสัยว่าเขาสามารถฆ่าชายลึกลับได้ทันทีในไม่กี่วินาที...  เขาไม่รู้ว่าใครที่สร้างผนึกที่แข็งแกร่งมากมายขนาดนี้ บางทีอาจเป็นมหาเทพมังกรทอง บางทีอาจเป็นมหาเทพโบราณที่ทรงพลังมากยิ่งกว่า ยิ่งพลังมีขอบเขตมาก ก็ยิ่งรู้สึกได้มาก

เย่ว์หยางบินออกไปที่ขุนเขาเหนือขุนเขา และบินไปในท้องฟ้าอย่างอิสระ ขณะที่เขาคิดในใจเพลินๆ

เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวเหวินหลีติดตามที่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อใด

เงียบงัน

เธอบินตามหลังเขาไปตลอดทาง

รอจนเย่ว์หยางรู้สึกตัวจากห้วงภวังค์ เขาพบว่าเสี่ยวเหวินหลีตามอยู่ด้านหลังของเขา เขาหันกลับไปยิ้มให้เธอ  “เรากลับไปหาแม่เจ้ากันดีไหม?”

คำว่าแม่เจ้าที่เย่ว์หยางกล่าวนั้นก็คือนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมารดาของเสี่ยวเหวินหลีนั่นเอง  เมื่อเขาต่อสู้กับบุรุษลึกลับ เขามีความรู้สึกแปลกๆ ว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีกำลังจะออกมาช่วย แต่ต่อมาด้วยเหตุผลบางอย่างนางเปลี่ยนใจ และเขาพลิกสถานการณ์ได้  ครั้งนี้เขาจะต้องสู้กับเทพปีศาจเว่ยกวง  เขาเชื่อว่านางจะต้องออกมาช่วยเขาแน่นอน  พวกเขาจะร่วมมือกันอย่างไรนั้นก็ควรหารือกันให้ดี และใช้พลังอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด  ไม่ว่าเย่ว์หยางจะภูมิใจแค่ไหน และจิตใจอาจหาญแค่ไหน  เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านเทพปีศาจเว่ยกวง ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่ง  เขาไม่โง่พอเรียกตัวเองว่าวีรบุรุษ!

ตอนนี้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีฟื้นฟูเต็มที่แล้ว และแปลงพลังหลุมดำให้เป็นโลกหิมะน้ำแข็ง

นางพญาผู้พิชิตเทียบได้กับในอดีตที่มีพลังสูงสุด

ตอนนี้นางทรงพลังมากขึ้น

ถ้านางต้องเข้าต่อสู้  เป็นไปได้ว่าจะเอาชนะเทพปีศาจเว่ยกวงได้ และเย่ว์หยางจะไม่มีทางปฏิเสธ

แม้ว่าในใจของเขาจะเสียใจบ้างที่เสวี่ยอู๋เสียตื่นขึ้นแล้วไม่รู้ว่าไปที่ใด สามารถจัดการรับมือเทพปีศาจเว่ยกวงได้

รอต่ออีกสองสามวัน

บางทีสาวเสวี่ยอู๋เสียอาจกลับมาทันทีที่นางรู้ตัว

เย่ว์หยางคิดอย่างนั้น เขาค่อนข้างอดทนน้อยเมื่อเห็นเสวี่ยอู๋เสีย

ทันใดนั้นเสี่ยวเหวินหลี่พุ่งผ่านจะด้านหลังเขาและโบกดาบคู่ชี้ไปที่ขอบฟ้าอย่างกระวนกระวาย

 “อะไรกัน?”  เย่ว์หยางเชื่อในสัญชาตญาณต่อสู้ของเธอว่าเหนือกว่า แล้วรีบส่งสำนึกเทพออกค้นหาศัตรูที่ไม่รู้จัก ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นจีอู๋ลี่ที่หลบหนีไปวันนั้น หรืออาจเป็นสำนึกเทพที่บุรุษลึกลับเหลือทิ้งไว้ที่ขุนเขาเหนือขุนเขา พอสำนึกจับเป้าหมายได้เขาถึงกับสบถออกมา  “บ้าจริง, เทพปีศาจเว่ยกวงหลุดออกมาจากผนึกแล้วหรือ?”

เดิมทีเขาคิดว่าจะมีเวลาพักสักสองสามวันให้ได้ปรับสภาพใจให้ดีที่สุด

คาดไม่ถึงแลยว่าเทพปีศาจเว่ยกวงทำลายผนึกหลุดเป็นอิสระได้

ทั้งยังเข่นฆ่ามาตลอดทาง

แต่การโจมตีครั้งนี้แปลกเกินไป!  กฎสวรรค์โบราณทำลายกันได้ง่ายๆ หรือ?

เช่นเดียวกับการต่อสู้ที่หอคอยเหนือหอคอย เย่ว์หยางไม่สามารถมองเห็นเทพปีศาจเว่ยกวงได้ เมื่อสำนึกเทพสัมผัสถึงมันได้  ก็รู้สึกได้ถึงพลังเทพชนิดหนึ่งที่สามารถบดขยี้โลกได้กระจัดกระจาย หนักหน่วงยิ่งกว่าภูเขาเป็นแสนเท่า ทั้งที่เย่ว์หยางอยู่ห่างไกลก็ยังรู้สึกอึดอัดทรมานหายใจไม่ออก

ที่ขอบฟ้า มีเงาทะมึนปกคลุมท้องฟ้า

เขาไม่สามารถเห็นได้ว่าร่างของมันมีขนาดใหญ่แค่ไหน ถ้าเห็นได้ก็ประมาณว่าขนาดเท่าดวงดาว นั่นต้องเทียบหมาป่าฟ้าที่สามารถกลืนกินดวงตะวัน และท้องฟ้ามืดมิดราวกับว่าถูกอสูรยักษ์โบราณจำนวนมากกลืนกิน  ด้วยพลังจักษุญาณทิพย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่ว์หยางเขาเห็นว่านั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกินจินตนาการใหญ่เกินกว่า 2-3 กิโลเมตรกำลังคืบคลานอยู่

ที่จริงแล้วคืบคลานอย่างช้าๆ แต่ความจริงระดับความเร็วของมันน่ากลัวมาก อาจจะมากกว่าร้อยกิโลเมตรต่อวินาที

เย่ว์หยางถึงกับพูดไม่ออก

สัตว์ประหลาดใหญ่โตขนาดนั้นใครจะต้านทานมันได้!  เจ้าตัวนี้เกิดมาก็เป็นเจ้านายใหญ่ตัวร้ายที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตได้ทั้งกลุ่มไม่มีอะไรต้านทาน ไม่ว่าจะมีคนเป็นล้าน สิบล้านหรือแม้แต่ร้อยล้านก็ตามไม่อาจต้านทานพลังตบของเจ้ายักษ์ใหญ่นี่ได้!

แต่เดิมเขาคิดว่ามือหินยักษ์อวตารที่หอคอยเหนือหอคอยก็ไม่ธรรมดามากพอแล้ว คาดไม่ถึงว่านั่นจะเป็นแค่พลังเด็กๆ

ตอนนี้ร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงอาจจะใหญ่กว่าที่หอคอยเหนือหอคอยสิบเท่า

ปรากฏว่าใช้แค่นิ้วเดียว เทียบได้ภูเขาทั้งลูก

แต่ตอนนี้เย่ว์หยางแทบจะมองไม่เห็นนิ้วเดียว ตลอดทั้งร่างของเทพปีศาจเว่ยกวงผู้นี้คาดว่าจะใหญ่ยิ่งกว่าดวงดาว แล้วใครจะไปสู้ได้!  เมื่อเจ้าผู้นี้กดนิ้วลง ทุกคนจะถูกบดขยี้เหมือนมด ถ้าใช้หมัดสามารถทำให้ทะเลเหือดแห้ง แค่พ่นลมหายใจก็กลายเป็นพายุเฮอริเคนได้ คาดว่าถ้าจามเพียงครั้งเดียวคงพัดพาผู้คนกระเด็นออกไปไกลเป็นหมื่นไมล์  เจอตัวบอสขนาดนี้ ถือว่ารังแกคนเล่นเกมเกินไปหรือไม่?  เขาจะร้องเรียนได้อย่างไรกัน....เย่ว์หยางถอนหายใจและรู้สึกว่าสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ขนาดนี้ใครจะไปเอาชนะมันได้

ตอนแรกเขาคิดว่าสร้างมังกรพิรุณขึ้นมาได้

จะสามารถเอามาต่อต้านได้บ้าง

ใครจะรู้ว่า

มังกรพิรุณขนาดร้อยแปดกิโลเมตร เทียบกับร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงขนาดดวงดาวเท่ากับลำธารเล็กที่น่าสงสาร

เทพปีศาจเว่ยกวงถูกผนึกอยู่ในหอคอยเหนือหอคอยในหุบเขามนุษย์และพลังของมันลดเหลือน้อยเนื่องจากกฎสวรรค์ห้ามอาวุธ

แต่ในขณะนี้เมื่อมันมาถึงขุนเขาเหนือขุนเขา ไม่มีพลังกฎสวรรค์ห้าม

พลังของมันอาจเพิ่มขึ้นเกินสิบเท่า

เย่ว์หยางไม่สามารถรอชุบชีวิตบุรุษลึกลับและฆ่ามันอีกครั้ง  การปล่อยเทพปีศาจเว่ยกวงเป็นเรื่องน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า?  หากปราศจากกฎสวรรค์ของหุบเขามนุษย์ เทพปีศาจจะสามารถใช้พลังมนุษย์ต้านทานได้หรือเปล่า?

 “เกิดอะไรขึ้น?”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและโล่วฮัวออกมาข้างนอกพร้อมกันเพราะใจพวกนางรู้สึกได้  เมื่อมองท้องฟ้าแวบแรก ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงราวกับราหูอมตะวัน พวกนางรู้สึกกลัวไม่รู้จะทำอย่างไรดี  เมื่อว่าถึงเรื่องการต่อสู้ ไม่ได้หมายความว่าศัตรูยักษ์ใหญ่อย่างนี้ฆ่าไม่ได้  ร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงมีขนาดใหญ่เท่าดวงดาว ต่อให้เป็นปลาวาฬเกาะ หรืออสูรน้ำปีศาจยักษ์ไม่คู่ควรแก่การเอ่ยอ้างเมื่อเทียบขนาดยักษ์นี้  เป็นไปไม่ได้

 “รีบกลับเดี๋ยวนี้ ถ้าข้ายังไม่อนุญาต ห้ามออกมาเด็ดขาด!  เย่ว์หยางรีบสั่งให้พวกนางกลับเข้าไปทันที

ล้อเล่นหรือเปล่า

เทพปีศาจเว่ยกวงนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถต่อสู้หรือต่อต้านได้

ความแตกต่างในด้านขนาดมีระยะห่างเกินไป!  เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงนี้ เว้นแต่จะมีพลังเท่ากัน

 “เสี่ยว..เสี่ยวซาน เจ้าต้องระมัดระวัง อย่าฝืนสู้เกินไป....”  เย่ว์หวี่ตกใจและตกตะลึง นางถึงกับพูดไม่ออกตาแดงขณะกระตุ้นเตือนน้องชาย ถ้าไม่ใช่เพราะพลังนางไม่ใช่สายต่อสู้ นางคงบังคับเขาให้กลับเข้าโลกคัมภีร์และไม่ยอมให้เขาออกมาอีกแน่

 “วางใจได้  ข้าจะกลับมาแน่นอน และชัยชนะสุดท้ายจะต้องตกเป็นของเรา!  เย่ว์หยางกอดนางแน่น แล้วให้เสี่ยวเหวินหลีส่งนางกลับ

 “ข้าจะไม่พูดอะไรแล้ว”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้เจตจำนงราชันย์บังคับตนเองให้สงบ  นางเป็นคนสุดท้ายที่จะกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์  และหลังจากที่ทุกคนกลับเข้าไปก่อนแล้ว นางกางแขนกอดเขาแน่นเป็นครั้งแรก  เมื่อนางกอดเขาแน่นทำให้เขาสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของนางนั้นมีเพียงผิวเผิน แต่แท้จริงแล้วภายในของนางเปราะบางนัก

นางจูบเขาด้วยริมฝีปากที่สั่นและขลาดกลัวเล็กน้อย

เมื่อเขาจูบนางอย่างลึกซึ้ง

เมื่อนางผ่อนคลายจิตใจที่หวาดกลัวได้ นางกัดริมฝีปากเขาแน่นไม่ปล่อย ฟันนางงับริมฝีปากเขาจนแตกเลือดไหล จากนั้นนางจึงปล่อยเขา อย่างไม่เต็มใจนัก

เงียบ

ความรักความจริงใจขยายเต็มหัวใจทั้งสองดวง

ไม่มีการตีหรือทุบเหมือนอย่างปกติที่นางเคยทำ นางแค่ใช้สายตาแม่เสือสาวมองเขาจนกระทั่งน้ำตาคลอเบ้า

เป็นครั้งแรกที่นางหลั่งน้ำตา นางกลับเข้าโลกคัมภีร์ภายใต้การนำของเสี่ยวเหวินหลี  ฝ่ามือเย่ว์หยางรองรับหยดน้ำตาอุ่นของนางไว้ได้และหายไปในพริบตาเหมือนถูกพายุกวาดหายไป น้ำตาอุ่นน้ำแสดงถึงอารมณ์ที่ยากแสดงออกเหมือนกับเพลิงอมฤต แต่เย่ว์หยางรู้สึกได้จากส่วนลึกของหัวใจ และเปลี่ยนเป็นความทรงจำนิรันดร์

เย่ว์หยางไม่เคยเห็นแม่เสือสาวผู้กล้าหาญหลั่งน้ำตามาก่อน

เขาได้แต่มองนาง

หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดรุนแรง

เขาไม่ควรปล่อยให้นางอันเป็นที่รักร้องไห้เพราะตัวเขาเอง แม้แต่ครั้งเดียว

ฮึ่ม!!!

หัวใจของเย่ว์หยางแผดเผาด้วยไฟโกรธปรารถนาจะต่อสู้  ต่อให้ร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงจะมีขนาดใหญ่ครอบคลุมบดบังฟ้าและดินก็ตาม?  ไม่ว่าใครกล้าบดบังท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขา มันผู้นั้นต้องถูกแผดเผา มิฉะนั้นเจ้าสิ่งนี้จะบุกทำลายทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าท่าน

ในโลกนี้ใครบังอาจขัดขวางเขา  ถ้าอย่างนั้นก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง

ทำลาย แล้วก็สร้าง จากนั้นคงอยู่นิรันดร์!

นี่คือการสร้างของตัวเขาเอง

ในโลกของตัวเขา ทุกอย่างเป็นไปตามเจตจำนงของเขา ไม่ว่าจะเป็นการทำลาย สร้าง หรือความนิรันดร์

 “มังกรพิรุณ!  เย่ว์หยางส่งเสียงคำรามสะเทือนแผ่นดิน เสียงของเขาแฝงไปด้วยเจตจำนงราชันย์ทำให้พื้นโลกสั่นสะเทือนทันที  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีที่หลับอยู่ในโลกน้ำแข็งลืมตาทันทีขณะที่นางมีพลังเต็มเปี่ยมเหมือนเมื่อก่อน  มังกรพิรุณซึ่งลอยตัวอยู่ในโลกน้ำแข็งมีขนาดร้อยแปดกิโลเมตร เปลี่ยนจากเงียบสงบเป็นแผดเสียงคำรามขานรับการเรียกหาของเจ้านายและทำลายม่านพลังในโลกหิมะน้ำแข็งพุ่งผ่านมิติหลุมดำทะลุออกมาที่ขุนเขาเหนือขุนเขาทันที

มันโลดแล่นอยู่ในอากาศ

เชิดหัวมังกร

ตอนแรกไต่ระดับขึ้นไประดับสูง

จากนั้นดำดิ่งลงมาหาเย่ว์หยางเจ้านายของมันเพื่อหลอมรวมเป็นหนึ่ง  หัวมังกรเชิดขึ้น ขณะที่ขับเคลื่อนด้วยส่วนท้องจากนั้นเชิดหัวคำรามสะท้านสะเทือนไปทั้งโลกและสวรรค์บินตรงเข้าหาร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงที่มีตัวขนาดดวงดาวซึ่งกำลังเคลื่อนที่อยู่ในท้องฟ้า



10 ความคิดเห็น:

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ข้าก็แค่ชายผู้ผ่านทางมา กล่าวว่า...

มันช่างค้างจริงๆ

เดือนดับ กล่าวว่า...

แสงสีส้มใต้มังกรมีลูกแก้วอยู่7ลูกชิมิ

Lazykuma กล่าวว่า...

บอสโผล่มาไวเกินไปแล้วเฟร้ยยยย

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Unknown กล่าวว่า...

ลุยยยยยย การต่อสู้จะออกมาในรูปแบบไหนน้าาา ลุ้นๆ

CHANTANA กล่าวว่า...

ไห้มันจบแล้วกลับหอนะไอ้3😁😁😁😁😁😁😢😢😢😝😝😝😝

zen zen กล่าวว่า...

มังกรพิรุณตูเละเป็นต่อนแน่เลย

Unknown กล่าวว่า...

ฆ่ามันเลย แต่อย่าหลายตอนนะหยางนะ

chay กล่าวว่า...

มังกรกลายพยาธิไปแล้ว

แสดงความคิดเห็น