วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1246 สวรรค์และโลกคือกระดาน ทุกสิ่งอย่างคือตัวหมาก

 

ตอนที่  1246  สวรรค์และโลกคือกระดาน ทุกสิ่งอย่างคือตัวหมาก

“เจ้ายั่วให้ข้าโกรธได้สำเร็จแล้ว”  บัณฑิตวัยกลางคนสูดหายใจลึก และตาแดงของเขากลับคืนสู่ความสงบ  เขามองเย่ว์หยางด้วยสายตาเย็นชา  “เดิมทีข้าแค่ต้องการเอาสิ่งของที่เป็นของข้ากลับคืนมา  แต่ตอนนี้ข้าเสียใจที่ต้องบอกเจ้าหนุ่มน้อยว่า เจ้าทำให้ข้าโกรธมากขึ้น  และนั่นไม่ใช่วิธีที่ฉลาด”

 

“ในเมื่อเจ้าทำงานขายตัว ก็ไม่ต้องปักป้ายอวดอ้างความบริสุทธิ์ตนเอง”  เย่ว์หยางแค่นเสียงเยาะเย้ย  “ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำตัวสุภาพกับคนทรยศ  นั่นแหละคือเหตุผล!

บัณฑิตวัยกลางคนไม่พูดอีกต่อไป

เขาไม่ต้องการเถียงกับเย่ว์หยางอีกต่อไป  เพราะเขาพบว่าการทำเช่นนั้นนับว่าไม่ฉลาด

เกี่ยวกับแนวคิดควบคุมคุณชายสามที่อยู่ข้างหน้า เขาต้องพับเก็บแผนนี้ไว้ก่อน เขาต้องยอมรับว่าถ้าเป็นแค่เพียงการปะทะคารมเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้จริงๆ   เพราะคำพูดของเด็กหนุ่มถ้าไม่หยาบคายต่ำช้า ก็คมยิ่งกว่ามีด

สำหรับคู่ต่อสู้เช่นนี้บัณฑิตวัยกลางคนคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือใช้ความแข็งแกร่งบดขยี้พวกมันเหมือนกับบี้มดแมลง  สำหรับคู่ต่อสู้ที่ฉลาดเท่าเขาความแข็งแกร่งที่แท้จริงคือสิ่งสุดท้ายที่ดีที่สุด  แน่นอนว่าหลังจากตรวจสอบบางอย่าง เขารู้แล้วว่าเด็กหนุ่มข้างหน้าเขามีพลังเช่นไร มีไพ่ในมือแบบไหน  ตอนแรกเขาปล่อยซิวคงและจิ่วเซียว หลังจากนั้นเป็นจ้าวปีศาจโบราณ และต่อมาเป็นจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงและจ้าวสุริยาแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ล้วนแต่พ่ายแพ้ในเงื้อมมือเจ้าเด็กนี่ทีละคน คุณชายสามตระกูลเย่ว์...  ยิ่งกว่านั้นเบื้องหลังของเจ้าเด็กนี่ยังมีผู้แข็งแกร่งคอยหนุนหลังอยู่!

ถ้าไม่มีความแน่นอน เขามิอาจลงมือกำจัดได้ง่ายๆ

แต่ว่า

ตอนนี้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว

ไม่ว่าเจ้าเด็กนี่จะดีแค่ไหน  เขาไม่สามารถหลบพ้นเงื้อมมือของเขาได้

ที่สำคัญ  อัจฉริยภาพที่ไม่ธรรมดาไม่มีทางเทียบได้กับแผนการที่เขาคำนวณวางไว้ยาวนานเป็นพันๆ ปี

บัณฑิตวัยกลางคนโบกมือเบาๆ ความเคลื่อนไหวราบรื่นนุ่มนวล  ทันใดนั้นทิศทัศน์ของโลกก็เปลี่ยนไป  ป่าเขาผนังหินหายไป น้ำพุน้ำตกที่ไหลกระทบหินส่งเสียงไพเราะก็หายไป  โลกเสมือนฝันนี้เปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน  ยกเว้นเย่ว์หยางและกระดานหมากรุกบนโต๊ะหินข้างหน้าเขา  ทุกอย่างไม่มีอยู่จริงในโลกนี้  โลกนี้มีเพียงคนสองคนและโต๊ะตัวเดียว

บัณฑิตวัยกลางคนเอื้อมมือหยิบชิ้นหมากรุกอีกครั้ง ขณะนี้เขากลับคืนสู่ความสงบเยือกเย็นราวกับว่าถือโลกไว้ในกำมือ

เขาแสดงรอยยิ้มของผู้ชนะต่อเย่ว์หยาง  “กระดานนี้ ถ้าเจ้าเล่นชนะข้าได้  อย่างนั้นข้าจะยกทุกอย่างให้เจ้า  แต่ถ้าเจ้าแพ้ ทุกอย่างก็จะไม่มีอีกต่อไป”

บนผิวพื้นโต๊ะหิน

มีตัวหมากรุกสีดำและขาว

บัดนี้บัณฑิตวัยกลางคนกำลังหยิบหมากสีขาว  ถ้าตามกฎของการเล่นเย่ว์หยางได้แต่เล่นด้วยหมากดำเท่านั้น

เมื่อบัณฑิตวัยกลางคนวางหมากสีขาวเบาๆ  เขายื่นมือออกมากวาดเบี้ยดำที่มุมกระดานจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นหมากของเย่ว์หยางออกไป  และการกวาดหมากครั้งนี้ทำให้หมากที่ด้อยกว่าเล็กน้อยตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายทันทีเกือบทั้งกระดานถูกต้อนเข้ามุม

“บัดซบ!  นี่หมากอะไรของเจ้า!  เย่ว์หยางคิดว่าเล่นหมากรุกผลัดกันเดินตาละครั้งก็พอแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าคนทรยศของหอทงเทียนนี้จะโกงมากยิ่งขึ้น  เจ้าผู้นี้นับว่าป่าเถื่อนขี้โกงยิ่งนัก หมากตัวเดียวกินมุมกระดานหมากของคนอื่นทั้งยังกินหมากคนอื่นได้อีกเป็นโหล

“นี่คือหมากฟ้า-ดิน”  บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะอย่างภูมิใจ  “เอาฟ้ากับดินมาเป็นกระดานหมากรุก  ตัวหมากต่างๆ มากมายเหล่านี้คือผู้ชนะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ผู้พ่ายแพ้พินาศไปด้วยมือของเทพเจ้าใช้จัดการความเป็นไปของชีวิต”

คำพูดของเขายังไม่จบ ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าก็เปลี่ยนไป

มีภาพหลายสิบภาพในท้องฟ้า

แต่ละภาพเป็นฉากภาพส่วนต่างๆ ของหอทงเทียน พื้นที่เหล่านี้กระจายอยู่ทั่วหอทงเทียน  แม้แต่สามอาณาจักรในทวีปมังกรทะยานมีทั้งเมืองไป๋สือเฉิงปรากฏให้เห็น  ปราสาทตระกูลเย่ว์และอาณาจักรต้าเซี่ย สถานบันฉางชุนเฉิงในเมืองหลวง  ภาพเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากปกติ ยกเว้นสิ่งหนึ่งในท้องฟ้า ขุนพลเทพร่างทองตนหนึ่งมีรัศมีดุจดวงอาทิตย์

ขุนพลเทพนี้กำลังรอคอยเงียบๆ ดวงของเขาดูเหมือนจะมองมาทางเย่ว์หยาง

บัณฑิตวัยกลางคนโบกมือเบาๆ

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสามารถมองเห็นบัณฑิตวัยกลางคนสั่งการได้  ขุนพลเทพร่างทองคารวะรับคำสั่ง จากนั้นควบแน่นพลังแสงทำลายล้างและส่งคลื่นระเบิดทำลายล้างขนาดใหญ่กวาดไปที่เป้าหมายคือเมืองไป๋ซือเฉิง และปราสาทตระกูลเย่ว์และกวาดอาคารสิ่งก่อสร้างอื่นหายไป

“บัดซบ!  เย่ว์หยางเต้นผาง

เขาจ้องมองไปที่เมืองไป๋ซือเฉิง ปราสาทตระกูลเย่ว์และสถาบันฉางชุนเฉิงและพื้นที่อีกหลายแห่ง  ทันใดนั้นพื้นที่เหล่านั้นทั้งหมดกลายเป็นซากหักพังและควันไฟหนาทึบในทันที  ด้วยพลังทำลายล้างของขุนพบเทพทองซึ่งมีพลังโจมตีไม่ด้อยไปกว่าสี่ราชาของจ้าวสุริยา  อย่าว่าแต่ทวีปมังกรทะยานเลย แม้แต่อาณาจักรที่แข็งแกร่งหลายแห่งที่อยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มกันที่แข็งแกร่งกว่าอย่างเมืองหลวงปีศาจแดนนรกก็พังทลายได้ในสิบวินาที

ม่านพลังปกป้องระดับสูงของดินแดนปีศาจนรกยังพังทลายจากแรงระเบิดครั้งนี้

มีเพียงน้อยคนที่หลบหนีรอดได้

ส่วนใหญ่เป็นตระกูลนักรบ รวมทั้งพลเรือน

พวกเขาถูกทำลายจากการโจมตีอย่างกะทันหัน และแม้แต่กำแพง หอคูประตูรบ ปราสาทและกำแพงภูเขาอยู่ในสภาพถูกทำลาย  อาคารส่วนใหญ่กลายเป็นผุยผงและทุกอย่างบนพื้นดินหายไป ..... ตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจแล้ว  มิน่าเล่าตงฟางผู้ทรยศไม่มีความเกรงกลัวเลย ปรากฏว่าเขาได้จัดการลงมือลับๆ และโจมตีตลบหลังหอทงเทียน  ภายใต้แขนเสื้อของเขานั่นไม่ใช่หมากรุก แต่เป็นการจัดการรูปแบบการรบ  คนผู้นี้มีทักษะแฝงเร้นเช่นนี้ มองผิวเผินเหมือนกับกำลังเล่นหมากรุก  แต่การเดินหมากของตงฟางแต่ละครั้งมีการเชื่อมโยงกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา  คำสั่งแต่ละคำสั่งเพียงไม่กี่คำสามารถทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ในมิติเวลาที่ห่างไกลสามารถดำเนินการได้

“ใช่แล้ว นี่คือทักษะแฝงเร้นหมากรุกของข้า!” บัณฑิตวัยกลางคนไม่ได้ปฏิเสธ เขายิ้มเฉื่อยชาวางมาดต่อหน้าเย่ว์หยาง “ภายใต้ทักษะแฝงเร้นหมากรุกของข้า  ทุกสิ่งนับไม่ถ้วนล้วนแต่เป็นหมากของข้า  นักรบผู้น่ากลัวหรืออสูรทรงภูมิปัญญาทั้งหมดไม่อาจหนีพ้นกฎสวรรค์กระดานหมากรุกของข้าได้  ภายใต้เจตจำนงของข้า  ทุกอย่างคือหมากของข้า  แน่นอนว่าถ้าไม่มีฝ่ายตรงข้ามในเวลาเล่นหมากรุกมันช่างเป็นชีวิตที่น่าเบื่อ  ดังนั้นข้าตัดสินใจให้เจ้ามีคุณสมบัติได้เล่นหมากรุกดู  ลองใช้ความเป็นผู้เชี่ยวชาญหมากระดับโลกนำสิ่งมีชีวิตทั้งหมดมาเป็นตัวหมากสำหรับเดิน เป็นยังไงบ้างเด็กน้อย ความรู้สึกอย่างนี้ดีไหม?  โปรดทราบไว้ว่าการกระทำทั้งหมดของเจ้าล้วนมีการสนองตอบ  เมื่อเจ้าลงมือทำไปแล้วจะมาสำนึกเสียใจภายหลังไม่ได้  เพื่อความปลอดภัยของคนที่เจ้ารัก จงเดินหมากด้วยความระวัง!

ในคำพูดของเขาทำให้ภาพการโจมตีเปลี่ยนไป

ฉากภาพระเบิดทำลายล้างหายไป

ตอนนี้ภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางเป็นกลุ่มเด็กหนุ่มที่มีบาดแผลมากมาย ใกล้ๆ กันนั้นเป็นคุณชายที่ลักษณะใกล้เคียงกับเทพ

เย่ว์หยางที่เดิมทีโกรธอัดอกเหมือนภูเขาไฟใกล้ระเบิดกล้ำกลืนเก็บความโกรธทั้งหมด  ตอนแรกเขาต้องการปล่อยหมัดกระแทกบัณฑิตวัยกลางคนโดยตรง  เขาเริ่มเข้าใจว่า นี่มิใช่การต่อสู้ที่สามารถคลี่คลายได้ด้วยเพลงหมัดมวย  เพื่อเอาชนะศึกนี้ จำเป็นต้องเอาชนะผู้ทรยศหอทงเทียนซึ่งมิทราบว่าได้คำนวณแผนมานานเพียงไหน และตงฟางเป็นที่นับถือกันว่าเป็นปราชญ์อันดับหนึ่งแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์

โลกในภาพที่เห็นเหมือนกับว่ามองดูอยู่ข้างๆ โดยมีกระจกใสคั่นกลาง

ราวกับว่าเอื้อมมือออกไป

ก็สามารถทำลายม่านพลังขัดขวางได้

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางมิได้ทำเช่นนั้น  เขารู้ว่าเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์  ถ้าเขาต้องการช่วยเด็กหนุ่มร่างโชกเลือดหลายคนในภาพ สิ่งแรกที่ต้องทำคือสงบจิตใจเสียก่อน!

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?  คุณชายผู้นี้เป็นภูตผีปีศาจหรือ?”  เจ้าอ้วนไห่พบว่าในท้องฟ้าที่กว้างใหญ่เหนือศีรษะของเขา เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดทันใด มีประกายสายตาแปลกประหลาดของบัณฑิตวัยกลางคนที่เขาไม่คุ้นเคยกำลังเล่นหมากรุกกับบุรุษหนุ่มที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว ดวงตาของเขาแทบมีไฟพุ่งออก

เด็กหนุ่มผู้นี้ ในฐานะลูกพี่ เขารู้จักแน่นอน

อย่างไรก็ตามเขาเห็นว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะระเบิดอารมณ์โกรธได้โดยง่าย

ตราบเท่าที่ยังมีจุดวิกฤตอีกจุดหนึ่ง ขั้นต่อไปเขาเกรงว่า เขาจะสูญเสียเหตุผลอย่างสิ้นเชิงและโกรธคลุ้มคลั่งทำลายฟ้า!

“ท่านพ่อ!  คุณชายหลี่หมิงผู้บีบบังคับเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่นๆ จนแทบพังทลายดีใจแทบคลุ้มคลั่ง  เขาตื่นเต้นมากจนน้ำตาไหลเป็นทางยาว  คุณชายหลี่หมิงหันหน้าไปทางบัณฑิตวัยกลางคนในท้องฟ้าด้วยความเชื่อมั่น เขาคุกเข่าโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรง  เสียงของเขาสะอื้นเหมือนเด็กที่ถูกคนอื่นรังแก  พอเห็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งมาปกป้องตนเอง เขาถึงกับหลั่งน้ำตา “ท่านพ่อ!  ข้ารู้ว่าด้วยสติปัญญาอันกระจ่างดุจดวงสุริยาของท่านจะไม่เพิกเฉยต่อความอับอายของผู้บุตร ข้ารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของท่าน  และทั้งหมดนี้อยู่ในความควบคุมของท่านแล้ว!

“อา...แย่แล้ว...” ต่างจากคุณชายหลี่หมิงที่มีความตื่นเต้น  หัวใจของเย่คงกังวลเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัด  สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องเห็นก็คือความโกรธของเย่ว์หยางที่มากขึ้นจนใกล้จะคลุ้มคลั่ง  ถ้าเขาสูญเสียสติสัมปชัญญะ  อย่างนั้นทุกอย่างจะจบลงจริงๆ

ศัตรูใช้จุดนี้ข่มเขาอยู่

ถ้าเย่ว์หยางถูกหลอก

อย่างนั้นผลที่ตามมาคงเกินกว่าจะคาดคิด

หอทงเทียนจะไม่สามารถคงอยู่ได้  จะไม่มีตัวเขา ไม่มีเจ้าอ้วนไห่ ไม่มีเสวี่ยทันหลาง ไม่มีองค์ชายเทียนหลัว จะไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น  และจะไม่มีคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นำทุกคนก้าวย่างไปข้างหน้า!  ไม่ว่ายังไงในช่วงเวลานี้ จะปล่อยให้เขาคลุ้มคลั่งสูญเสียสติไม่ได้..  “พี่อู๋เสีย!

จื้อจุน!

ฝ่าบาท

แม่สี่!

ขณะเดียวกัน ชื่อหลายชื่อผุดขึ้นมาในใจพร้อมกัน

เสียงตะโกนเรียกพี่สาวของเสวี่ยทันหลางดังขึ้น  เขาหวังว่าเย่ว์หยางในขณะนี้จะได้คิดถึงพี่สาวของเขา และกลับมามีสติ และเย่คงตะโกนเรียกจื้อจุน เขารู้ว่าเย่ว์หยางเหมือนศิษย์ของจื้อจุน เมื่อได้ยินชื่อนาง เขาต้องรู้สึกถึงความสำคัญ  องค์ชายเทียนหลัวก็กังวลเช่นกัน เขาตะโกนเรียกฝ่าบาท แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป เขาต้องทำให้เย่ว์หยางสงบจิตใจให้ได้  แต่คนสุดท้ายที่ตะโกนเรียกชื่อแม่สี่อย่างกล้าหาญก็คือนางนวลสายลมที่อยู่ในร่างสตรีเท้าเปล่า นางรู้เรื่องเย่ว์หยางดีขึ้นว่าเขาเป็นคนใส่ใจครอบครัว  มองดูผิวเผินเขากังวลถึงเครือญาติ แต่ก็ยังด้อยกว่าแม่สี่อย่างแน่นอน

น่าเสียดายที่เย่ว์หยางสามารถเห็นความตึงเครียดและความกังวลบนใบหน้าของพวกเขา เห็นพวกเขาอ้าปาก แต่ไม่สามารถได้ยินคำที่พวกเขาพูดออกมาจากปาก

เขาไม่มีทักษะแฝงเร้นเหมือนกับบัณฑิตวัยกลางคน และเขาไม่สามารถได้ยินเสียงผ่านมิติเวลาได้

แม้ว่าฉากภาพนั้นนำเสนออย่างจงใจโดยบัณฑิตวัยกลางคน

“ดูเหมือนสหายของเจ้าจะกังวลห่วงใยเจ้าจริงๆ!  ต้องการฟังไหมว่าพวกเขาเรียกเจ้าว่าอะไร?  โอว...น่าซาบซึ้งใจจริงๆ!  บัณฑิตวัยกลางคนจงใจปิดกั้นเสียง ที่เย่ว์หยางเห็นได้มีเพียงเย่คงและเสวี่ยทันหลาง  ปากของพวกเขาพะงาบๆ แต่เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

“ข้าได้ยิน!

ทันใดนั้นเย่ว์หยางฟื้นฟูสติทันที และจิตวิญญาณของเขาสงบ มั่นคงดุจภูเขา  เขาชี้ที่ใจตนเอง  “ข้าได้ยินเสียงหัวใจ  ข้าสามารถฟังได้ด้วยใจข้า!

 

5 ความคิดเห็น:

CHANTANA กล่าวว่า...

เริ่มแล้วสู้ฯไอ้3

Unknown กล่าวว่า...

หยางรู้จักล้มกระดานมะ จะสู้ตามเกมส์คนอื่นทำไม

Lazykuma กล่าวว่า...

ต้องเทกระดานทิ้งและตบตาแก่ที่วางมาดเป็นคนดีให้หาฟันไม่เจอ

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

SatunG_NonG กล่าวว่า...

ล้มกระดานซะวีถีผู้ชนะ

แสดงความคิดเห็น