วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1316 เจ้าทำมากเกินไปแล้ว!

 

ตอนที่  1316  เจ้าทำมากเกินไปแล้ว!

ผีพราย!

 

มันคืออสูรชั้นพิเศษที่หาได้ยากมากในแดนสวรรค์ เพราะมันมีความสามารถบางอย่างที่โดดเด่น ร่างของมันเสมือนจริง  อย่างไรก็ตามภูมิปัญญาศักยภาพและรูปแบบการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างอ่อนแอในระยะยาว  ดังนั้นจึงไม่เป็นที่ชื่นชอบของนักสู้ผู้แข็งแกร่งจากแดนสวรรค์บน   แม้แต่นักรบที่เหนือกว่าระดับเจ้าแคว้นก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายเริ่มทำสัญญากับอสูรพิเศษตัวนี้ มันยากจะทำงานร่วมกับผู้เป็นเจ้านาย

ศักยภาพและสติปัญญาเป็นจุดฝึกฝนที่สำคัญที่สุดสำหรับอสูรเสมอ อสูรไม่มีพลังในการต่อสู้ได้ แต่จะขาดศักยภาพไม่ได้ ประสาอะไรกับปัญญา

จู่ๆ ผีพรายที่โผล่ขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิอสูรชี้บอก

ด้วยสายตาของมังกรสองหัวกับพวก คาดว่าหลังจากผ่านไปสามวันสามคืนพวกเขาไม่มีทางนึกถึงอสูรชนิดพิเศษที่เย่ว์หยางใช้พลิกสถานการณ์ต่อสู้ มันเป็นอสูรพิเศษที่แทบไม่มีใครๆ ในแดนสวรรค์ให้ความสนใจ

“ดูไปก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว”  มีอยู่คนเดียวที่ยังคงตั้งคำถามคือ เด็กหนุ่มอสูรผู้ดื้อด้าน

แม้ว่าเขาจะไม่คุ้นเคยกับอสูรต่างๆ ในแดนสวรรค์  แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาเคยได้ยินมาหรือเห็นมันมาก่อน

ผีพรายในตำนานไม่เหมือนที่อยู่ข้างหน้าอย่างนี้เลยแม้แต่น้อย  เงาที่เรียวยาวของเย่ว์ไตตันทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นเอกลักษณ์ซึ่งมีพลังว่างเปล่าครึ่งหนึ่งหรือ?  ยิ่งไปกว่านั้นผีพรายมีสติปัญญาต่ำและมีศักยภาพต่ำเสมอจะกลายเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไร  มนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าเขามีความเป็นปัจเจกบุคคล เทพจะอยู่ในระดับอสูรเทพใกล้ความเป็นมนุษย์มากเหมือนจะมีเลือดเนื้อที่แท้จริงมากที่สุด ดวงตาเปล่งประกายแวววาวไม่ด้อยไปกว่าสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา เป็นไปไม่ได้ที่ผีพรายจะเลื่อนระดับได้มาจนถึงระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์

สิ่งที่สำคัญที่สุดผีพรายคือพลังงานชีวิตที่ไม่มีเพศ

แต่ที่อยู่ข้างหน้านี้

เป็นร่างสตรีผู้งดงามอย่างน่าทึ่ง

เย่ว์หยางเกือบลืมผีพรายไปแล้ว และขณะที่ยืนอยู่ข้างเขาอย่าว่าแต่คนภายนอกเลย ต่อให้เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นก็จำไม่ได้อย่างแน่นอนว่าหญิงงามที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือผีพรายที่มีพลังชีวิต

ร่างของนางสวมเกราะคล้ายเกราะรบจันทรา  ทุกอย่างถูกเปลี่ยนไปโดยพลังชะตาที่นางช่วยแบกรับ  แต่แท้จริงแล้วนี่เป็นสัญลักษณ์ของการกลับชาติมาเกิด ความก้าวหน้าและกลายพันธุ์ของนางทำให้นางเลื่อนชั้นเป็นเทพอสูร เป็นสิ่งที่ดำรงคงอยู่ชั่วนิรันดร์โดยอยู่ร่วมกับชะตาของเจ้าชีวิตนาง แต่ควบคุมอย่างเป็นทางการด้วยเจตจำนงอิสระส่วนตัวของนาง

เพราะช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับเย่ว์หยางซึ่งเป็นเจ้านายที่ไม่ได้ทำสัญญา นางก้าวเข้ามาช่วยสนับสนุนเขาอย่างไม่ลังเล

ผีพราย นางได้รับรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต

เลื่อนเป็นเทพอสูร

ยิ่งกว่านั้นยังมีโชคชะตาเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้านายตลอดไป ไม่หลงติดอยู่ในชีวิตที่เปราะบางของนางอีกต่อไป  นางก้าวข้ามโชคชะตาจิตวิญญาณของผีพรายเดิมเปลี่ยนไปเป็นการดำรงคงอยู่แบบอื่นโดยสิ้นเชิง ไม่เหมือนใครในภายใต้ฟ้านี้!  ตอนนี้นางเป็นเทพอสูรที่มีพลังร่างชะตาของเขาโดยไม่อาจแบ่งแยกได้ “นางไม่ใช่ผีพรายอีกต่อไปแล้ว นางกลายเป็นอสูรชนิดใหม่ นอกจากนี้ในบรรดาเทพอสูรทั้งหมดนางยอดเยี่ยมมาก!  จักรพรรดิอสูรประเมินนางไว้อย่างสูงล้ำ

“เกิดอะไรขึ้นกับถูว่าน?  แม้ว่าผีพรายจะเลื่อนชั้นไปเป็นเทพอสูรและแปลงร่างมาช่วยเย่ว์ไตตัน  แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับถูว่าน!  บางคนยังสงสัย

“อาจเป็นไปได้ว่าฝีมือของถูว่านแย่ และทำเรื่องเลวร้ายมากเกินไป”  บางคนอธิบายเช่นนี้

“คนฝีมือด้อยเป็นเรื่องน่ากลัวจริงๆ!  ทุกคนกระซิบ

“เหลวไหล!  ถูว่านดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด  “พวกเจ้างี่เง่าตาบอดหรือเปล่า นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณภาพฝีมือของคน ข้ากลายเป็นเช่นนี้เพราะเขาโจมตี ด้วยเล่ห์เหลี่ยมอุบายที่ร้ายกาจ มันเป็นเจตนาของเย่ว์ไตตัน!

ทุกคนได้ยิน

พวกเขามองดูเย่ว์หยางและทุกคนต้องการฟังเย่ว์หยางอธิบาย

เย่ว์หยางผายมือยักไหล่ “ข้าไม่ปฏิเสธว่าข้าทำเอง  แต่ถ้าท่านถูว่านไม่รู้สึกสลด ข้าขอชี้แจงว่าไม่ใช่เป็นพฤติกรรมโดยเจตนา เป็นเพียงความผิดพลาดของพาหนะ ข้าแค่พลาดเป้าหมาย เดิมทีข้าต้องการเล่นงานอีกคนหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าจ้าวภูผาจอมเจ้าเล่ห์ลื่นไหลเกินไปปล่อยถูว่านเจ้าต้องรับเคราะห์แทนอย่างน่าเสียดาย  ในโอกาสนี้ข้าขอแสดงความเห็นใจและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความโชคร้ายของท่านถูว่าน  และสำหรับพฤติกรรมที่ร้ายแรงและไร้ความรับผิดชอบในการกระทำทาน้ำมันที่เท้าเผ่นหนีเอาตัวรอด  ข้าขอประณามและขอประท้วงอย่างรุนแรง พวกเจ้าอำมหิตโหดร้ายมาก ที่ปล่อยให้ท่านถูว่านสหายที่แสนดีของเจ้ารับเคราะห์คนเดียวได้อย่างไร?  จางเว่ย เจ้ายังจำดอกเบญจมาศบานที่ทะเลสาบใกล้ตัวท่านถูว่านได้หรือไม่?”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้พวกเขาเข้าใจทั้งหมดทันที

เป็นไปตามคาด

ฝีมือของถูว่านมีปัญหา

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับราชันย์ไร้ใจ จางเว่ยและตงฟาง ฯลฯ ที่เป็นนักสู้ระดับเทพ ทุกคนกังวลสงสัย และอดทนรอคอยดูพัฒนาการสิ่งที่เกิดขึ้น

การเข่นฆ่าสังหารในตอนนี้ดูเหมือนไม่เหมาะสำหรับทุกคนในตอนนี้ แต่เรื่องนี้ไม่ขัดขวางทุกคนสำหรับการยินดีกับความโชคร้ายของคนอื่น

ไม่มีทางสู้ ไม่มีวิธีทางให้คนโชคร้าย แต่ด้วยมารยาทนี้การยืนดูและดูคนอื่นพินาศเสียหายเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นและได้ยิน!

“.....”  จ้าวภูผาถูกพลังโจมตีจนพูดไม่ออก เขาไม่เอ่ยปากดูหมิ่นโต้แย้งใดๆ

“เฮอะ!” จางเว่ยก็ไม่พูดอะไรสักคำ

พวกเขาเป็นนักรบระดับเทพทุกคน

ผ่านการต่อสู้มามากมาย

พวกเขาไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมของศัตรู  สิ่งที่พวกเขาใส่ใจก็คือวิธีพิเศษที่เย่ว์หยางคลี่คลายการต่อสู้ของพวกเขาได้  คุณชายสามตระกูลเย่ว์นี้ทำได้อย่างไร  เขาถ่ายทอดความเจ็บปวดทุกข์ทนที่จะเขาจะต้องได้รับไปให้ถูว่านได้อย่างไร?  ถ้าเย่ว์ไตตันใช้ความสามารถพิเศษของผีพรายได้  เขาซ่อนความจริงจากทุกคนทั้งถูกจับตามองได้อย่างไร?

ต่อให้ไม่พูดเรื่องนี้ก็ตาม อย่างนั้นผีพรายตนนี้มาปรากฏตัวในโลกกระดานหมากรุกอย่างไม่คาดคิดได้อย่างไร?

ในโลกกระดานหมากรุก ไม่สามารถเรียกอสูรศึกออกมาได้ ทั้งไม่อาจเรียกใช้ของวิเศษ แม้กระทั่งคัมภีร์อัญเชิญยังถูกห้าม

ผีพรายเข้ามาได้อย่างไร?

ตงฟางจะนั่งมองดูผีพรายเข้ามาในนี้โดยไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรือ?

ไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง รวมทั้งจักรพรรดิอสูร ซึ่งเฝ้าดูการต่อสู้ก็ไม่ยกเว้น ทั้งที่เขาค้นพบการปรากฏตัวของผีพรายก่อนใคร  ไม่มีเหตุผลเลยที่นางปรากฏตัวในโลกนี้

“จางเว่ย!  ปิดประตูของเจ้าซะ”  เสียงของตงฟางดังขึ้นมาจากท้องฟ้าไกล

“ไม่, ประตูของข้าไม่มีปัญหาแน่นอน!  นี่ประตูของข้า และข้าคือองครักษ์พิทักษ์ประตูของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครที่ไม่มีชีวิต หากปราศจากเจตจำนงของข้าจะผ่านไปไม่ได้แน่นอน!  มันเป็นภาพลวงตาที่เย่ว์ไตตันเอาออกมาจากประตูของข้าเอง  บัดนี้การหลอกลวงนั่นไม่ใช่เรื่องจริง  ข้าไม่ได้รับคำเตือนใดๆ จากประตูว่ามีสิ่งใดผ่านไปได้!   จางเว่ยโต้เถียงตงฟางด้วยความไม่พอใจ  เขามั่นใจว่าประตูของเขาไม่มีปัญหา  เพราะเขาคือองครักษ์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เทพประตูมังกร

“ประตูของเจ้าดี ไม่มีปัญหา  แต่เย่ว์ไตตันคงใช้ประตูของเจ้าได้เช่นกัน  ประตูของเจ้าไม่ใช่ประตูของเทพทวารบาล   แต่กลายเป็นประตูหลังในโลกกระดานหมากรุกที่ทำให้เจ้าเปิดช่องโหว่ได้ทุกเวลา”  เสียงของมือสังหารเทพถูซื่อดังแหลมขึ้น

“ปิดประตูก่อน”  จ้าวภูผาสนับสนุนความเห็นของถูซื่อและตงฟาง

เขาไม่ชอบตงฟาง และอาจบอกได้ว่าเป็นปฏิปักษ์กับตงฟางอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

แต่การต่อต้านตงฟางเป็นเรื่องส่วนตัว

ตงฟาง ใครๆ ก็เกลียดเขาและถ่มน้ำลายใส่เขา แต่ไม่มีใครมีสิทธิ์ตั้งคำถามหรือปฏิเสธเขา  หากตงฟางคิดไม่ออก ก็เชื่อได้ว่ามีเพียงไม่กี่คนในแดนสวรรค์บนที่หาคำตอบที่แท้จริงได้ นั่นคือตงฟาง!

จางเว่ยตวัดกรงเล็บด้วยความโกรธเกลียด และเขาเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ในที่สุดเขาก็อดทนและทำตามความต้องการของพันธมิตรของเขา

ปิดประตูเทพ

ท้องฟ้า

มีการผันผวนอีกระลอกหนึ่ง  เหมือนระลอกคลื่นบนน้ำ แต่นี่เป็นแสงวงกลม สั่นไหวแต่แผ่วเบา

แต่ประตูไม่ได้ปิด และประตูเทพทวารบาลที่แท้จริงและลึกลับ ไม่สามรารถปิดได้อย่างที่ทุกคนคิด

ยังคงเปิดกว้าง

“เจ้ากำลังทำอะไร?”  เสียงของถูซื่อดังแหลมคมเหมือนดังกับต้องการสู้รบ?  แม้ว่าเจ้าไม่พอใจ  แต่ก็ควรดูสถานการณ์โดยรวมเสียก่อนว่าปลอดภัยไหม?  เย่ว์ไตตันลูกหลานหอทงเทียนสามารถพลิกสถานการณ์โดยรวมได้อีกครั้ง เป็นไปได้ไหมที่เขาจะพลิกสถานการณ์และขับทุกคนออกไปจากหอทงเทียน?

“ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ข้า!  หน้าของจางเว่ยซีดขาวราวกับกระดาษทันที เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก

“ไม่ใช่ของเจ้า  อย่างนั้นเป็นของข้าหรือ?”  ถูซื่อโมโห

นอกจากเจ้าผู้เป็นเทพทวารบางของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์

ใครจะใช้ประตูได้เล่า?

ใครอื่นจะใช้ทักษะแฝงเร้นพิเศษนี้ได้?

ถ้าเจ้าไม่ต้องการปิดประตู  เจ้าไม่จำเป็นต้องแกล้งทำท่าทางไร้สาระปฏิเสธความคิดเห็นคนอื่น?  มันมากเกินไปแล้ว

ดวงตาของจักรพรรดิอสูรที่อยู่ในระยะไกล เต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนกับว่ากำลังมองดูสุนัขกัดกัน  และทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ชมดูด้วยความสาแก่ใจ  พวกเขาจับจ้องมองดู ไม่ยอมพลาดแม้แต่ครึ่งวินาทีด้วยความกลัวจะพลาดฉากสำคัญที่ยอดเยี่ยมเพื่อมิให้ต้องเสียใจในอนาคต

เด็กหนุ่มดื้อด้านจ้องมองเย่ว์หยาง

เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง

เขาคิดถึงเหตุผลหรือคำตอบที่แท้จริงว่า เขาไม่ควรอยู่ฝ่ายจางเว่ย  แต่ควรอยู่กับฝ่ายเย่ว์ไตตัน

เย่ว์หยางปรบมือเรียกความสนใจจากทุกคน รอยยิ้มของเขาสดใสราวกับดวงอาทิตย์และน้ำเสียงของเขาจริงใจเหมือนสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันมานานปี  “ความจริงแล้วพวกเจ้าเข้าใจผิดกันหมด พวกเจ้าจะไปตำหนิเทพประตูมังกรจางเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ได้ยังไง  เขาคือองครักษ์เทพทวารบาลอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ?  อันที่จริงเขาทำได้ดีอยู่แล้ว  ในความคิดของข้า เขามีความสามารถมากกว่าฮุยไท่หลางสุนัขเฝ้าบ้านของข้ามาก...”  ทันทีที่พูดประโยคนี้จบใบหน้าของจางเว่ยเป็นสีม่วงคล้ำทันที สีร่างกายดำราวกับหมึก  เย่ว์หยางทำเป็นไม่เห็นอะไร เขายิ้มเฉยเมย “ยามเฝ้าประตูที่ว่างมากก็มีสิทธิ์ถูกไล่ออกได้เช่นกัน  แต่นี่กลับมาตะโกนร่ำร้องขอกินขอดื่ม นั่นมันเกินไปหรือเปล่า?   แม้แต่สุนัขเฝ้าบ้านก็ยังต้องอยู่ในกฎ  แต่เจ้าขอมากเกินไปหรือเปล่า!

จางเว่ยหลังจากได้ยินแล้วหน้าเขียวคล้ำทันที

ไม่รอให้ทุกคนได้หัวเราะก็เปลี่ยนไปเป็นสีครามและสุดท้ายจากน้ำเงินไปเป็นสีแดงราวกับเลือด  หน้าของเขาราวกับจะมีเลือดหยาดหยดได้ทุกเวลา

ถูว่านมองดูภาพนี้ด้วยความเจ็บปวด  ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเขาโชคดีมากจริง  ที่เขาต้องทนทุกข์ไม่มีอะไรมากไปกว่าบาดแผลและอาการบาดเจ็บ  ความเจ็บปวดทางกายแม้จะมากเพียงไหนแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าผ่านมันไปได้

ถ้าเขาเปลี่ยนเป็นจางเว่ย...  คิดอย่างนี้แล้ว

ถูว่านอดสั่นสะท้านไม่ได้ เขาอาจตายทั้งเป็นร่างกายพองบวมขึ้นๆ และร่างระเบิดตายต่อหน้าเย่ว์ไตตันผู้นี้!

เมื่อเทียบกับจางเว่ยแล้ว ถูว่านพบว่าแม้ว่าจะเจ็บปวดมากมาย แต่ก็ยังค่อนข้างเบากว่า

หลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบากเย่ว์หยางกลั่นแกล้งจางเว่ย เขาเหยียดมือออกมาข้างหน้าชี้นิ้วไปข้างหน้า และแสดงประตูที่วิจิตรงดงามที่สุดต่อหน้าทุกคนทันที เมื่อเทียบกับประตูล่องหนที่แปลกประหลาดลึกลับของจางเว่ย ประตูใหม่ของเย่ว์หยางวิจิตรงดงามที่สุดในโลก  แม้จะสรรหาคำใดๆ มาบรรยายก็ไม่สามารถบรรยายได้หมด  แน่นอนว่าประตูที่สวยสดงดงามนี้ไม่ได้มีเพียงบานเดียว  แต่ภายใต้นิ้วเรืองแสงของเย่ว์หยางยังมีประตูอีกสองบาน สีสว่างสดใสบานหนึ่ง และสีหนาเข้มอีกบานหนึ่ง

ประตูลับทั้งสามบานจัดเรียงขนานกันอยู่ด้านหน้า

ไม่ว่าจะมองในมุมใดก็ตาม ก็ไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างประตูลับสามบานนี้ และประตูที่จางเว่ยเปิดมาก่อนหน้านั้น

“อะไรกัน?”  ทันทีที่ประตูทั้งสามบานถูกเย่ว์หยางเปิด ไม่เพียงแต่จางเว่ยและคนอื่นๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางที่ควบคุมการต่อสู้โดยที่ไม่มีใครมองเห็นก็ยังอดเปล่งเสียงอุทานไม่ได้

12 ความคิดเห็น:

blakaros กล่าวว่า...

ผีพรายนี ยังกับอยู่ๆก็โผล่มาเลย ไม่คุ้นซักนิดจริงๆ

Lazykuma กล่าวว่า...

ได้มาตอนใหนหว่าผีพรายจำไม่ได้แล้ววว

st. กล่าวว่า...

ประตูโดเรม่อน ตงฟางไม่ได้เปล่งวาจา 555

Deils(of)darK กล่าวว่า...

ภูติเพลิงพรายอัพเกรดตัวเองเป็นเทพอสูรซะแล้ว แล้วที่เป็นเทพอสูรอยู่แล้วแบบลูกสาวตัวน้อยจะโหดขนาดไหน
แล้วยิ่งถ้าแม่นางพญาเปิดตัวมาไม่ซ๊อกตายกันหมดเลยหรอ

Pcha กล่าวว่า...

หญิงที่เยว์หยางช่วยไม่ได้ตั้งนานละแล้วลองชุบชีวิตแต่ไม่สำเร็จ

Anunaki กล่าวว่า...

พี่เย่บอก กุอ่านโดเรมอนมาก่อน

SatunG_NonG กล่าวว่า...

คนที่ช่วยแม่สี่ตอนชิงตัวไง ตายแล้วเกิดใหม่มีจิตเชื่อมกับเฮียสาม ภูตสายธาตุ พอแบกชะตาก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเฮีย

Popcorn กล่าวว่า...

ประตูโดเรม่อนนี่หว่า. อย่าลืมไฟฉายย่อส่วนน๊าาาาา

blakaros กล่าวว่า...

อ้อ ภูตเพลิงฟ้านี่เอง เพราะชื่อเรียกเปลี่ยนเลยไม่คุ้น

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ชื่อเต่า กล่าวว่า...

ใช้ประตูเสร็จแล้วเอาไปคืนโดเรมอนด้วยนะ

Kingtest5 กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

แสดงความคิดเห็น