วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1317 ไม่มีวัฒนธรรม น่ากลัวจริง

 

ตอนที่  1317  ไม่มีวัฒนธรรม น่ากลัวจริง

“ประตูของเจ้าเป็นของปลอม!  จางเว่ยไม่เห็นความแตกต่างระหว่างประตูที่เย่ว์หยางสร้างขึ้นกับของตน  แต่เขาเชื่อว่าทั่วทั้งแดนสวรรค์ นอกจากทักษะแฝงเร้นของเขาแล้ว ไม่มีใครอื่นที่สามารถสร้าง ประตู ได้

 

ต่อให้นักสู้ระดับเทพสร้างประตูที่คล้ายกันได้ก็ตาม  แต่ต้องเป็นของปลอม

ลักษณะภายนอกเป็นรูปประตู แต่ไม่มีคุณสมบัติของประตู

หลังจากที่เขาเลื่อนระดับขึ้นเป็นนักสู้ชั้นเทพ จางเว่ยต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามพันปีในการหลอมรวมและศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพความสามารถของเขาให้สูงสุดก่อน ในที่สุดก็สร้างประตูเทพสองบานซึ่งผสานเป็นหนึ่งเดียวกับพลังเทพ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งประตูเทพทวารบาลต้องใช้เวลาเกือบสองพันปี  มันถูกสร้างมาอย่างสมบูรณ์แบบความยากไม่ต่างจากการสร้างโลกใบเล็ก  เย่ว์ไตตันที่อยู่ต่อหน้านี้ ไม่เคยสัมผัสประตูที่คล้ายกันมาก่อนและเขาไม่มีความสามารถเช่นนี้  ทำไมเขาถึงสร้างประตูแบบเดียวกันได้ทั้งที่เพิ่งมองเห็นแท้ๆ   ยิ่งกว่านั้นยังเป็นการสร้างประตูเทพสามบาน เป็นไปไม่ได้แน่นอน

ดังนั้นจางเว่ยมั่นใจเต็มร้อยว่าประตูทั้งสามเป็นของปลอมแน่นอน

เพียงแต่มีลักษณะภายนอกใกล้เคียงกัน

แค่ทำให้ผู้คนสับสน

“ประตูของข้าคือประตูเทพทวารบาลที่มีความพิเศษสุดในแดนสวรรค์  ถ้ามีประตูบานนี้จะไม่มีพลังใดๆ สามารถผ่านไปได้และภายใต้เจตจำนงของข้า ผู้พ่ายแพ้ทั้งหมดจะถูกขังอยู่ในโลกแห่งประตู  นั่นไม่ใช่อย่างที่สายตาเจ้าเห็น  ประตูเจ้ามันธรรมดามาก แค่เอาไว้ใช้เดินผ่านไปมาเท่านั้น!  ประตูเทพทวารบาลยังมีความลับที่สำคัญมากกว่าอย่างแน่นอน  แต่จางเว่ยไม่พูดออกมาง่ายๆ  เขาแค่บอกลักษณะบางอย่างของประตูเทพทวารบาลที่เขาสร้างขึ้นด้วยความสามารถเหล่านี้ที่คนอื่นไม่มีและตอบโต้เย่ว์ไตตันผู้ที่พยายามเลียนแบบลักษณะของประตูเพื่อหลอกลวงคนดู

พลังเทพและทักษะแฝงเร้นที่ไม่เหมือนใครของเขาเองจะให้พวกบ้านนอกในหอทงเทียนมาเลียนแบบเล่นได้อย่างไร

ประตูก็เช่นเดียวกับโลกของมัน

เจ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมารดาไม่วันเข้าใจ!

นี่คือความมั่นใจของทหารรักษาการณ์อันดับหนึ่งในฐานะเทพทวารบาลแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์.... “แค่ก แค่ก!  ถูว่านร่างกายบอบช้ำและอ่อนแอยากจะฟื้นตัวด้วยพลังเทพได้  เขาถอยห่างออกมาจากเย่ว์หยางเงียบๆ ไม่ว่าเย่ว์หยางจะสร้างประตูได้หรือไม่? หรือใช้ความสามารถของผู้อื่น? หรือมีความสามารถอย่างอื่น เขาไม่ต้องการรู้อีกแล้ว

อยู่ห่างๆ จะปลอดภัยที่สุด

บางทีอาจไปกระทบอีกฝ่าย

ถูว่านรู้สึกว่าตั้งแต่เขาพบเห็นเจ้าเด็กเย่ว์ไตตัน เขาพบแต่ความซวยทุกข์ทรมานซ้ำซาก ไม่มีอะไรดีขึ้น

แต่ตอนนี้จ้าวภูผาผนึกพลังกันโจมตีเย่ว์ไตตัน  เจ้าเด็กนี่ยังไม่ได้ทำอะไร แต่เขาแทบไม่เหลือกระดูก ถ้าไม่ใช่เพราะมีร่างเทพ น่ากลัวว่าเขาคงตายไปหมื่นครั้งแล้ว ผีพราย  เทพทวารบาล ใครเป็นคนควบคุม และทำได้อย่างไร เขาไม่ต้องการสงสัยใคร่รู้อีกต่อไป เขาไม่ต้องการเข้าไปใกล้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม การเข้าไปใกล้เย่ว์ไตตันไม่ใช่เรื่องดีเลย!

ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถไปจากโลกกระดานหมากรุกได้  ถูว่านต้องการถอนตัวออกมา ไม่ต้องการเล่นต่อ

ทำไมคนอื่นสู้กัน ตัวเขาต้องมาได้รับบาดเจ็บด้วย?

เขาไม่ใช่ผู้เล่น!

ความด้อยคุณภาพของนักสู้มีความแตกต่างกัน ว่าไปแล้วนี่ไม่ใช่ปัญหาคุณภาพของนักสู้แม้แต่น้อย เรื่องการเลือกปฏิบัติแบบนี้อย่าได้เกิดซ้ำสองอีก

ถูว่านรู้สึกผิดลึกๆ เขาตั้งใจอยู่ให้ห่างจากสนามต่อสู้ให้มากที่สุด  อยู่ให้ห่างจากเย่ว์ไตตันตัวซวยก็ยังดี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่สำคัญ แต่เขาถูกกำหนดไม่ให้หลีกเลี่ยงชะตากรรมแล้ว

เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ทันทีที่เขาขยับตัว จ้าวภูผาก็สังเกตพบอย่างเยือกเย็น

ถูว่านสูงห้าเมตรกลายเป็นยักษ์แคระเมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวภูผาที่สูงถึงยี่สิบเมตรซึ่งมีทั้งความแข็งแกร่งและความสามารถ ช่องว่างขอบเขตความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองก็พอกัน  ถูว่านไม่พอใจ เขาอยากจะเลิกสู้ที่เขาต้องกลายเป็นกระสุนปืนใหญ่อย่างไร้สติ  แต่จ้าวภูผามาปรากฏอยู่ด้านหลังถูว่านด้วยความเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าทันที

เท้าขนาดใหญ่

ยันถูว่านลอยเข้าหาเย่ว์หยาง

กระแทกเข้ากับประตูเขียวสดใสนั้นโดยตรง

ตงฟางซึ่งควบคุมโลกกระดานหมากรุกทั้งหมดอยู่เบื้องหลังไม่ได้คัดค้าน แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงผันผวนในพื้นที่ของโลกกระดานหมากรุก  ถูว่านที่พยายามดิ้นรนเหมือนผีที่กำลังจมน้ำพุ่งเข้าประตูอันงดงาม 

ประตูที่เย่ว์ไตตันสร้างมีคุณบัติพิเศษเหมือนของประตูเทพของจางเว่ยหรือไม่?

หลังจากนั้น

จะมีคำตอบออกมา

ประตูสีดำเปิดออกมีลาสีดำที่งงงวยร้องลั่นวิ่งหนีเย่ว์ไตตัน... เกิดอะไรขึ้น? เห็นได้ชัดว่าถูว่านวิ่งเข้าไป แต่ออกมากลายเป็นลาโง่ได้อย่างไร?

ทุกคนจ้องมองตะลึง ประตูที่เย่ว์ไตตันสร้าง เป็นประตูเทพของแท้หรือ?

จักรพรรดิอสูรตะลึงอยู่ก่อน จากนั้นก็หัวเราะลั่น

คนที่ดูการต่อสู้หันไปมองเขา

แต่เขาไม่พูดอะไร

สนุกและตลกอยู่คนเดียว ทำให้คนอื่นเห็นแล้วอิจฉา

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่จ้าวภูผาคนที่ถีบถูว่านเข้าประตูและจางเว่ยก็หัวเราะลั่นไปด้วย  คนเดียวที่จริงจังก็คือถูซื่อพี่ชายของถูว่าน เขายิงแสงเทพไปบนร่างลาดำเหมือนว่าจะสลายพลังบางอย่างออกไปด้วยพลังเทพและเจตจำนงที่แข็งแกร่ง  ร่างลาดำเปลี่ยนสภาพไปเป็นร่างถูว่านที่มีสีหน้าตกใจเหมือนเดิม

“เจ้าพบเห็นอะไรในประตู?”  หลังจากกลั้นหัวเราะอย่างยากลำบากในที่สุดจ้าวภูผาที่เป็นคนถีบถูว่านเข้าประตูถามความรู้สึกของเขา

“บัดซบ...”  ถูว่านสบถด่า ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าและพลังแตกต่างเกินไป เขาคงเตะอีกฝ่ายหนึ่งคืนแล้ว

“นี่ไม่ใช่ประตูเทพ เป็นแค่ใช้เคล็ดแปลงร่างเท่านั้น!  หลังอ่านสถานการณ์จบ จางเว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก  เขาพบว่าสิ่งที่เย่ว์ไตตันสร้างขึ้นนั้นไม่ใช่ประตูเทพเหมือนที่เขาเองสร้าง  แต่เป็นอย่างอื่น การค้นพบนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก  หากเย่ว์ไตตันมีความสามารถในการสร้างประตูเทพได้อย่างรวดเร็ว อย่างนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ก็คงลำบาก  คนผู้นี้เจ้าเล่ห์ไม่ธรรมดาอย่างนี้ คงสู้ได้ไม่ดีเป็นแน่!

“ประตูเปลี่ยนร่างหรือ?”  จ้าวภูผาเห็นว่าแปลกไปบ้าง แต่ยังไม่แน่ใจนัก

“เลียนแบบได้คล้ายมาก  แต่ดูเหมือนจะมีเพียงความสามารถใช้ในการเปลี่ยนร่างเท่านั้น”  แม้ว่าน้ำเสียงของถูซื่อจะเบา แต่ความระวังของเขาไม่ได้ลดลง

“ผิดแล้ว นี่คือประตูรอบรู้” เย่ว์หยางโบกมือ และเขาทำท่าเลียนแบบท่าทางมั่นใจที่จางเว่ยเพิ่งทำก่อนนี้ ด้วยท่าทางที่ดูดี ประตูเขียวเปล่งรัศมีกระพริบวาบและมีบรรทัดข้อความปรากฏ

ข้อความนี้ไม่ใช่ภาษาในแดนสวรรค์หรือหอทงเทียน ไม่ใช่ทั้งภาษารูน

แต่เป็นตัวอักษรรูปทรงสี่เหลี่ยมปะติดปะต่อด้วยเส้นขีดแปลกประหลาด

จัดวางอย่างเรียบร้อย

มองดูทีแรกเขาไม่รู้สึกอะไร แต่เขาสังเกตเป็นเวลานานก็รู้สึกว่าน่าสนใจ รู้สึกด้วยถึงความงดงามที่มิอาจบรรยายได้  แม้ว่าจะไม่รู้จัก แต่ทุกคนในปัจจุบันนี้เชื่อว่านี่เป็นข้อความที่สมบูรณ์  บางทีอาจเป็นข้อความที่เคยเผยแพร่ในสมัยโบราณ  แต่ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้ว และไม่มีใครสามารถจดจำได้อีกต่อไป... ข้อความตัวหนังสือรูปสี่เหลี่ยมเหล่านี้ถูกจัดวางเรียงอย่างน่าอัศจรรย์ลอยลงมาจากท้องฟ้า เป็นโศลกบทกวีที่เปรียบเปรยว่ากล่าวคนโง่บทหนึ่ง

ทุกคนมองเห็นได้ชัด แต่ไม่มีใครรู้ ได้แต่เบิกตากว้าง

ไม่มีใครเข้าใจว่าคำเหล่านี้มีความหมายอะไร

รวมทั้งผู้รอบรู้อย่างเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางก็ไม่มีข้อยกเว้น

“นี่คือความหมายพื้นฐานของประตูรอบรู้  ใครก็ตามที่เข้าประตูรอบรู้นี้และไม่สามารถไขปริศนาของประตูได้จะถูกลงโทษโดยพลังเทพสาปให้เป็นลา”  เย่ว์หยางกลั้นหัวเราะและแนะนำผลงานชิ้นเอกของเขาให้ทุกคนฟังอย่างจริงจัง  ในที่สุดเขาถอนหายใจ  “ในฐานะนักรบชั้นเทพ  คำศัพท์ไม่กี่คำก็ยังไม่รู้ น่าสมเพช ไม่มีวัฒนธรรมเอาเสียเลย!

หน้าของถูว่านเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ เขาอยากเป็นไส้เดือนที่สามารถแทรกแผ่นดินหนีไปได้จริง  ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยโดนหยามหน้า  แต่ไม่เคยโดนหนักขนาดนี้

เขาเป็นนักสู้ระดับเทพคนหนึ่ง!

ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นคนโง่ไม่รู้หนังสือได้อย่างไร?

ต้องตกอยู่ภายใต้สายตาคนระดับต่ำกว่าเหมือนโดนตบหน้า เขาตายตาไม่หลับจริงๆ

“มันก็แค่กับดัก ไม่ใช่ประตูเทพแต่อย่างใด”  จางเว่ยเข้าใจได้ในที่สุด  เจ้าเด็กเย่ว์ไตตันผู้นี้ไม่สามารถใช้ประตูได้เลย และเขาไม่เคยสร้างประตูได้ ที่เขาสร้างเป็นกับดักที่ดูเหมือนประตูเท่านั้น  แต่อย่างไรก็ตาม เขาทึ่งตั้งแต่เห็นการเลียนแบบการใช้งาน  เย่ว์ไตตันใช้เวลานานเพียงไหน?  ตงฟางบอกว่าเจ้าเด็กนี่เป็นภัยคุกคามซึ่งก็ไม่เลวจริง!  สติปัญญาที่ไม่ธรรมดาและทักษะแฝงเร้น ถ้าเจ้าเด็กนี่มีเวลาฝึกฝนสักหลายร้อย หลายพันปี อย่างนั้นคาดว่าแดนสวรรค์บนคงถูกเขาทำล่มสลายได้ อย่าว่าแต่แดนสวรรค์เลย

“ลองอีกครั้ง!  จ้าวภูผาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังถูว่านที่รีบหมอบลงกับพื้น ครั้งที่สองนี้ถูว่านผู้โชคร้ายถูกเตะโด่งเข้าไปประตูที่สองข้างหน้าเย่ว์หยาง

นอกจากนี้ยังเป็นบานประตูที่วิจิตรงดงาม

ถูว่านร้องเสียงหลง

เขาต้องการบอกว่าทำไมถึงต้องเป็นเขา  แต่ในฐานะกระสุนปืนใหญ่ใช้แล้วทิ้ง เขาไม่มีสิทธิ์เอ่ยปาก

อย่าว่าแต่จางเว่ยและตงฟางเลย แม้แต่ถูซื่อผู้เป็นพี่ชายที่นับถือก็ไม่ปฏิเสธ ทำตัวเหมือนกับคนนอกยืนมองดูเหตุเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างเยือกเย็น

“ปัง!

ประตูที่วิจิตรงดงามเปิดเป็นครั้งสองหลังจากปิดเพียงวินาทีเดียว

ความสว่างนับไม่ถ้วนฉายอยู่ในท้องฟ้า มีเงาร่างหนึ่งถูกโยนลงมาบนพื้นเหมือนกับสุนัขตาย  ทุกคนเพ่งตามองดูและพบว่าเงาดำที่เห็นในสนามไม่ใช่ลาดำอีกต่อไป แต่เป็นภูตน้อยอ่อนแอที่น่าเกลียด  ภูตน้อยที่น่าเกลียดนี้ยืนตัวสั่นอยู่ตรงกลาง เย่ว์หยางทนให้ผู้คนโดยรอบมองดูอย่างไม่เกรงใจ

และยังคงเป็นถูซื่อผู้เป็นพี่ชายที่ขับไล่สลายพลังของประตูที่มีแสงเทพงดงามวิจิตร ฟื้นฟูสภาพของภูตน้อยน่าเกลียดกลายเป็นถูว่าน

ถูว่านคืนร่างได้ก็ร่ำไห้ทันที

เขาร้องไห้เสียใจ

การโจมตีนี้รุนแรงเกินไป อย่าว่าแต่ฝ่ายพันธมิตรเดียวกันและผู้ชมดูเลย แม้แต่ศัตรูอย่างเย่ว์หยางก็ยังรู้สึกเห็นใจ

“นี่คือกับดักอะไรอีก?  ประตูอสูรหรือ?”  จางเว่ยแกล้งทำเป็นเหยียดหยาม เขาพบว่าพลังของประตูบานที่สองนี้แตกต่างกับประตูบานก่อนอย่างสิ้นเชิง แต่ให้ผลคล้ายกันทำให้เขางงงวย

“ผิด, นี่คือประตูยุติธรรม!  เย่ว์หยางเถียงกลับอย่างไม่สบอารมณ์

จากนั้นโบกมือ

ท่าทีโต้ตอบที่มั่นคงนี้ทำให้จางเว่ยหน้าดำเป็นหมึก แต่เย่ว์หยางไม่รู้สึกแม้แต่น้อย  เขาพูดกับผู้ชมดู  “พวกเขาเคยเห็นคำเหล่านี้ไหม?  นี่คือความลับของประตูยุติธรรม”

ข้อความลับที่เขาเขียนไว้ แมวกินปลา หมากินเนื้อ สัตว์ใหญ่กินสัตว์น้อย เป็นคำเด่นสง่า

ตามมุมมองของเย่ว์หยาง ผู้บุกรุกทุกคนไม่สามารถไขปริศนาของประตูยุติธรรมนี้ได้  ถ้าไม่มีความรู้สึกถึงความยุติธรรม ก็จะถูกพลังเทพลงโทษ และทุกคนตกตะลึง  ทุกคนหันไปดูถูว่านพร้อมกัน ส่วนใหญ่มองดูด้วยความดูถูก  มีแต่เด็กหนุ่มผู้ดื้อด้านเท่านั้นที่มองดูด้วยความเห็นอกเห็นใจ  “มันไม่สำคัญว่าจะต้องมีความยุติธรรมหรืออะไรก็ตาม  เป็นลูกผู้ชายต้องอาละวาดให้สมใจ  อย่างไรก็ตามในฐานะที่เจ้าเป็นเทพที่อวดรู้  ข้าไม่มีความยุติธรรมที่จะอวดแม้แต่น้อย  ดูเหมือนว่าจะมีความขัดแย้งบางอย่าง นี่คือภาพลวงตาของข้าหรือ?”

ได้ยินเด็กหนุ่มอสูรหัวดื้อพูด ถูว่านยิ่งเศร้ามากกว่าเดิม

สนามรบเงียบอยู่เป็นเวลานาน

ทุกคนกำลังคิดหาวิธีจัดการ

เย่ว์ไตตันผู้นี้ ในโลกกระดานหมากรุกสามารถสร้างกับดักได้  ต้องไม่ประมาทเขา ต่อไปจะโจมตีฆ่าเขาอย่างไรกันแน่?

ขณะที่ถูซื่อและจางเว่ยกำลังคิดอย่างหนัก ตงฟางพูดขึ้นทันที “เย่ว์ไตตัน ถ้าความรู้แจ้งทั้งหมดเหล่านี้เป็นความสามารถของเจ้า  อย่างนั้นการต่อสู้ก็จบลงแล้ว อย่าลืมนี่คือโลกที่ข้าสร้างขึ้น  ตราบใดที่เจตจำนงของข้าไม่อนุญาตให้สิ่งนั้นมีก็จะไม่มีประตูในโลกกระดานหมากรุกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประตูจริงหรือประตูปลอม”

หลังจากนั้นมีแสงสว่างฉายเข้ามาในโลกกระดานหมากรุก

ไม่ว่าจะเป็นประตูเทพทวารบาลของจางเว่ย หรือประตูเทพสามบานที่เย่ว์หยางสร้างขึ้นล้วนหายไปไม่เหลือร่องรอย

*********

** ผีพราย ไม่ใช่ภูตเพลิงฟ้าครับ นั่นเป็นนั่นเป็นอสูรที่เย่ว์หยางทำสัญญาแล้ว  แต่พวกผีพรายจะเป็นพวกสัมภเวสีที่ทนทรมานอยู่ตามที่ต่างๆ และบังเอิญเย่ว์หยางช่วย เช่นที่ หุบเขาราคะด่านฝึกฝีมือที่สี่  หรือตอนไปผจญภัยหาสมบัติกับหลิวเย่ ก็ช่วยปลดปล่อยวิญญาณสัมภเวสีทั้งเมือง  และสัมภเวสีเมืองนั้นได้มีส่วนร่วมแบกรับพลังเทพชะตา ก็เลยได้รับผลประโยชน์ครั้งใหญ่ไปด้วย  และการต่อสู้ของเย่ว์หยางต่อไปนี้ จะเจอแต่ตัวโหดระดับเทพ

11 ความคิดเห็น:

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ตัวโหดๆนี่พี่เย่คงหืดขึ้นคอเลยรึป่าว

Kjui กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
เข้าใจผิดคิดว่าเป็นภูติเพลิงฟ่าเหมือนกันครับ

CHANTANA กล่าวว่า...

บันเทิงเลยงานนี้มันฯ

Unknown กล่าวว่า...

....ยังไม่รู้สินะว่า เฮียหยางกลายเป็นเทพราชันย์เเล้ว

Deils(of)darK กล่าวว่า...

ขอบคุณเลยครับ

Failz กล่าวว่า...

ขอบคุณ​คับ

Popcorn กล่าวว่า...

ประตูถูกยึดไปแล้ว

Unknown กล่าวว่า...

สนุกละทีนี้

Anunaki กล่าวว่า...

นี่ก็โหดสุดแล้วไหมนะ

สายลมโชย กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ เข้าใจผิดเพราะเม้นครับ ขอบคุณที่อภิปราย

แสดงความคิดเห็น