วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1327 ความจริงเพียงหนึ่งเดียว

 

ตอนที่  1327  ความจริงเพียงหนึ่งเดียว

ในเวลาสิบวัน ต้องผ่านทางเข้าโลกพันมิติที่มีความผันผวนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหรือ?

 

ตามหาตงฟาง?

มองดูผิวเผินเหมือนเรียบง่าย  แต่จริงๆ แล้วนี่เป็นงานที่ไม่มีใครทำได้เพียงลำพัง

เย่ว์หยางค้นพบว่าวงกตมิติเวลาของโลกส่วนต่างๆ กำลังเปลี่ยนแปลงทุกนาที และแม้ทุกวินาที  ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงนั้นรวดเร็วมากอย่างน่าประหลาด แม้ว่าเขาจะมีจักษุญาณทิพย์ เขาก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านได้อย่างง่ายดาย  แม้ว่าเจะเคยเห็นเส้นทางที่หลงทางมาแล้ว ฝ่าปริศนาและมุ่งไปยังโลกข้างหน้าอย่างมั่นใจเพื่อมองหาตงฟางที่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ใด เขาต้องพบกับความยากลำบากนานัปประการ

ตัวอย่างเช่นเมื่อใดก็ตามที่เขาไปยังโลกข้างหน้า เขาไม่รู้ว่าเขาจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับโลกแบบไหน หรือว่าเขาจะกลับไปยังโลกที่เขาเคยเดินผ่านมาแล้วหรือไม่

ในแต่ละโลกมิติไม่เหมือนกัน

มีการเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด

และมีคุณสมบัติลักษณะต่างๆ

สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางนึกไม่ถึงก็คือวงกตมิติเวลานี้สามารถเชื่อมต่อแดนสวรรค์ได้อย่างไม่คาดคิด บันไดสวรรค์ หอทงเทียน ทวีปมังกรทะยาน ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ฯลฯ เหมือนเป็นร่างเดียวกัน

นั่นเหลือเชื่อมาก

ถ้าเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง  เย่ว์หยางไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่เป็นความจริง

“หือ?”  เย่ว์หยางมุ่งไปด้วยความเร็วมากที่สุด ผ่านมิติโลกหลายแห่งที่แล้วที่เล่า  ทันใดนั้นเขาพบด้วยความประหลาดใจว่าตัวเขาเองกลับมายังจุดศูนย์ตั้งต้นอีกครั้ง ไม่ถึงกับเป็นจุดศูนย์เสียทีเดียว แต่เป็นสถานที่ซึ่งเย่ว์หยางเคยมาแล้ว ประตูเข้าแดนสวรรค์

ในเวลานี้ประตูสวรรค์ดูสงบเงียบเป็นพิเศษไม่มีการต่อสู้ใดๆ และไม่มีองครักษ์คอยปกป้อง

ปรากฏว่าผู้ปกป้องที่นี่ก็คือจางเว่ย

ไม่มีร่องรอย

สิ่งที่แปลกมากไปกว่านั้นก็คือ เย่คง และเจ้าอ้วนไห่ที่ออกมาช่วยต่อสู้ก็ไม่ปรากฏตัวให้เห็นเช่นกัน

มีแต่เพียงประตูที่เย่ว์หยางเปิดไว้แต่เดิม ตั้งเด่นอยู่บานเดียวในพื้นที่โล่งด้านหน้า  ประตูสวรรค์หากไม่มีอยู่จริง เย่ว์หยางจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าเขาเคยอยู่ที่นั่นและสงสัยว่านี่คือมิติเวลาอื่นของประตูสวรรค์   ประตูที่เย่ว์หยางเปิดไว้ยังคงอยู่อย่างเดิม แต่ทุกคนหายไปแล้ว เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและกำลังเสริมของพวกเขาทั้งหมด หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีร่องรอยการต่อสู้บนพื้นดิน...   เขาเชื่อว่านี่เป็นส่วนที่น่ากลัวที่สุดของวงกตมิติเวลานี้!

“ไม่ใช่แค่เพียงมิติ แม้แต่เวลาก็เป็นส่วนหนึ่งของวงกตด้วยหรือ?”  เย่ว์หยางยื่นมือไปสัมผัสประตูนั่นอย่างระมัดระวังและผลักเปิดออก

เป็นประตูล่องหนที่เขาสร้างขึ้นมาร้อยเปอร์เซ็นต์

เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง

ยิ่งไปกว่านั้น พลังเทพชนิดนี้รวมกับเจตจำนงราชันย์เป็นหนึ่งเดียวกันจะไม่ถูกขัดขวางโดยอำนาจใดๆ อย่างแน่นอน

ดังนั้นประตูนี้จึงยังคงอยู่โดยไม่ได้รับผลกระทบจากมิติและเวลา  แต่วงกตมิติได้ลบร่องรอยอื่นอย่างเงียบๆ..  เย่ว์หยางไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ในโลกแห่งประตูสวรรค์นี้  แต่เมื่อผ่านประตูเขาสามารถรู้ได้ว่าเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ ได้นำกลุ่มเข้ามาในโลกนี้แล้ว และกองทัพทั้งหมดก็ออกมา แม้กระทั่งชาวประมงและคนรับใช้อื่นของเผ่าทะเลก็ไม่มีการยกเว้น

กำลังเสริมอย่างน้อยแสนรายเข้าสู่โลกประตู

ตอนนี้หายไปไม่เหลือร่องรอย

จะต้องรู้ให้ได้

อย่างเช่นมารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นที่เริ่มมีพลังเทพ ประกายเทพ ได้ต่อสู้และทิ้งเครื่องหมายไว้โดยจงใจสามารถจัดการได้  เย่ว์หยางต้องถอนหายใจและเห็นด้วยครั้งนี้ว่าวงกตมิติเวลานั้นยอดเยี่ยมมากมาย!

“หากยังคงไปต่อแบบนี้ อย่าว่าแต่สิบวันเลย ต่อให้ทั้งปีหรือร้อยปีก็อาจหาตงฟางไม่พบ”  เย่ว์หยางขมวดคิ้วแน่น  ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนักก็มีแสงลึกลับกระพริบที่ประตูสวรรค์ อาหงและอาหมันทั้งสองปรากฏตัวข้างหน้าเขาพร้อมกัน  ทั้งสองคนประหลาดใจและดีใจที่ได้พบเย่ว์หยางที่นี่

“เป็นเรื่องที่ดีเยี่ยมจริงๆ!  ใบหน้าอาหงเปล่งประกายตื่นเต้นและโผเข้าไปกอดเย่ว์หยาง  ขณะที่อาหมันเดินช้ากว่าแต่กอดทั้งสองในอ้อมแขนอย่างมีความสุข

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า?”  เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“เราพบกับศัตรูระหว่างทาง และคนผู้นั้นปลอมตัวเป็นท่านเพื่อลอบโจมตีเรา มันน่าเกลียดเกินไป...” หลังจากเย่ว์หยางรู้ว่าอาหงพบเจออะไรมาก่อน  ปรากฏว่าพวกนางพบเจอนักสู้ระดับเทพจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของแดนสวรรค์  คนผู้นั้นแปลงร่างเป็นเขาเองโดยคิดว่าจะสามารถหลอกอาหงและอาหมันซึ่งเป็นอสูรพิทักษ์ได้  ผลที่ตามมาคือเกิดการต่อสู้และไล่ล่าเป็นเวลานาน อาหงและอาหมันไล่ตามศัตรูเข้ามาในประตูสวรรค์นี้  และเมื่อพวกนางได้พบกับเย่ว์หยางตัวจริง  พวกนางก็ตระหนักว่า แม้ว่าพวกนางจะช้ากว่านั้นเพียงไม่กี่วินาที พวกนางก็เข้าสู่อีกมิติหนึ่งพลาดเป้าหมายไป และเบี่ยงเบนเส้นทางไปอย่างสิ้นเชิง

ที่น่าแปลกก็คือทั้งสองมีความเข้าใจกันโดยปริยาย หรือไม่ก็เคลื่อนไหวได้เหมือนกัน

ก่อนนี้พวกนางผ่านมาหลายโลกหลายมิติมาก่อน

และพวกนางไม่ได้แยกจากกัน

เย่ว์หยางรู้สึกว่าดูเหมือนเขาจะจับเคล็ดได้ แต่ความคิดโดยทั่วไปนี้ยังไม่สามารถจับเคล็ดได้สำเร็จจริง เป็นเพียงประกายความคิดเล็กน้อยที่ผุดขึ้นมาเพียงวับหนึ่งเท่านั้น

“คนอื่น มีใครฟื้นขึ้นบ้าง?”  เย่ว์หยางในตอนนี้มีกระแสจิตนับล้านผ่านเข้ามาพร้อมกันเวลาเดียว เนื่องจากเขายังไม่ได้ควบคุมพลังเทพได้อย่างเต็มที่และเขายังไม่เข้าใจระดับพลังของเทพราชันย์อย่างแท้จริง เขาจึงไม่กล้าเชื่อมโยงจิตใจของเขากับทุกคนในระยะที่ไม่สิ้นสุด เพราะกลัวว่าการกระทำเช่นนั้นอาจจะก่อให้เกิดอันตราย หรืออิทธิพลที่มิอาจคาดเดาได้ต่อทุกคน

“เมื่อเราฟื้นขึ้นสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์และเป่าเอ๋อตื่นกันหมดแล้ว แต่ท่านหญิงหลายคนยังคงหลับอยู่”  อาหงบอกว่านางและอาหมันเพิ่งตื่นขึ้นมาก็ได้ต่อสู้เพียงครั้งเดียว และพวกนางกำลังไล่ล่าศัตรู

“แม้ว่าข้าจะสามารถผ่านประตูและกลับไปยังโลกคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ได้  แต่ข้าสงสัยว่าศัตรูกำลังสอดแนมอยู่ในความมืด  ดังนั้นข้าตัดสินใจที่จะไม่กลับไปในตอนนี้  พวกเจ้ากลับไปดู และถ้าพวกนางตื่นขึ้นแล้วก็ให้พวกนางมาพบข้าทันที  ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่นี่  ถ้าอู๋เสียและคนอื่นๆ ยังไม่ตื่น เจ้าก็ให้พี่หวี่ อี้หนานหรือหลิวเย่มาก่อนก็ได้... ข้าต้องการทักษะแฝงเร้นของพวกนางเพื่อยืนยันบางสิ่ง!  เย่ว์หยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขามอบค้อนชะตา พลังของเทพราชันย์ให้กับอาหมัน  “ถ้าเจ้าผ่านประตูนี้และไม่ได้กลับมาที่บ้านของเราก็ให้ใช้สิ่งนี้จัดการศัตรูทั้งหมดที่เจ้าพบเจอตามรายทาง!  จำไว้ว่าตราบใดที่เจ้าถือค้อนไว้ในมือ เจ้าจะมีพลังไม่สิ้นสุด!

อาหงและอาหมันฟังคำสั่งอย่างตั้งใจและไม่ยอมพลาดแม้แต่น้อย

ทั้งสองคนจับมือกันและเดินผ่านประตูล่องหนอย่างระมัดระวัง

วินาทีต่อมา

ร่างของพวกนางเทเลพอร์ตหายไป

สีหน้าของเย่ว์หยางแสดงอาการโกรธทันที เพราะเขารู้สึกได้ว่าอาหงและอาหมันไม่ได้กลับไปยังโลกคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อย่างที่เขาคิดไว้  แต่ถูกส่งไปยังโลกอื่นตามกระแสงวงกตมิติเวลา

เป็นไปตามคาด มีศัตรูบางกลุ่มกำลังจับตามองดูพวกเขา และวงกตมิติเวลาถูกพวกเขาควบคุมไว้

พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนประตูล่องหนที่เขาสร้างด้วยพลังเทพและสติปัญญาของเขา  แต่พวกเขาสามารถควบคุมทุกอย่างในวงกตมิติเวลาด้วยกุญแจในตำนาน  ตอนนี้ประตูสวรรค์กลายเป็นประตูที่สามารถเข้ามาข้างในได้เท่านั้น แต่หาช่องทางใหม่ไม่ได้...และเย่ว์หยางเชื่อว่าแม้ว่าเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะออกมาจากประตู พวกนางก็จะไม่ปรากฏตัวข้างๆ เขา ศัตรูจะส่งพวกนางไปยังมิติเวลาอื่นก่อน

“เป็นเจ้าสินะ?  เจ้ากำลังเล่นลูกไม้ใช่ไหม?  ราชันย์ไร้ใจ!  เย่ว์หยางเงยหน้าขึ้นมอง เสียงของเขาดังลั่น

“......” ในท้องฟ้าไม่มีเสียงสะท้อนใดๆ

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางสัมผัสได้ถึงความลึกลับที่ไม่สามารถตรวจพบได้ก่อนหน้านี้ และหายตัวไปอย่างเงียบๆ  บางทีเขาอาจจะกังวลเกี่ยวกับมาตรการรับมือของเย่ว์หยาง บางทีเขาอาจจะสับสน บางทีอาจมีเหตุผลอื่น ศัตรูถึงได้จากไปชั่วคราว

ยกเลิกการสอดแนมที่มีมาตลอดและทำตัวเป็นเหมือนเงา

เย่ว์หยางวนดูหน้าประตูและหลังประตูล่องหนบานแรก

และสร้างประตูล่องหนอีกสี่บาน

ประตูห้าบานตั้งเด่นด้วยกัน

พื้นผิวประตูวาดเป็นผังภูมิอักขระรูนโบราณที่มีเพียงเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสีย อู๋เหินและโล่วฮัวและสตรีอีกสองสามคนเข้าใจ

บางทีราชันย์ไร้ใจที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ อาจเปลี่ยนตำแหน่งประตูเทเลพอร์ตได้ แต่เขาไม่สามารถยับยั้งอักขระรูนพลังเทพที่เย่ว์หยางสร้าง  อักขระรูนเหล่านี้ เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเมื่อออกมาและเห็นอักขระรูนด้านบนที่เย่ว์หยางแสดงไว้ จะเข้าใจว่าเย่ว์หยางต้องการสื่อถึงอะไรในใจเขา

“ก่อนที่ข้าจะไปหาตงฟาง ดูเหมือนว่าข้าต้องเอาเต่าแก่ออกมาก่อน มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถหาทางออกจากวงกตได้อย่างสบายใจ”  เย่ว์หยางมีลางสังหรณ์มานานแล้วว่า จ้าวภูผา ราชันย์ไร้พ่ายมาแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่ราชันย์ไร้ใจจะยืนดูอยู่เฉยๆ ตาเฒ่าผู้นี้ต้องซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขารอโอกาสลงมือทำร้ายให้เขาบาดเจ็บสาหัส

“เราผู้ชรากำลังรอเจ้าอยู่...”  เขาไม่รู้ว่ามิติเวลาห่างไกลกันแค่ไหน แต่ทันใดนั้นมีข้อความดังกล่าวเดินทางผ่านแต่ละห้วงมิติเวลาโดยไม่มีสิ่งกีดขวางและส่งเข้าสู่ใจเย่ว์หยาง

ฟ้าเหนือฟ้าหรือ?

แดนสวรรค์ยังมีเหนือแดนสวรรค์ขึ้นไปอีกหรือ?

เย่ว์หยางฝึกอยู่ในคัมภีร์เทพและได้เข้าสู่หอคอยเหนือหอคอย ขุนเขาเหนือขุนเขาและฟ้าเหนือฟ้า ราชันย์ไร้ใจสามารถใช้มือเชื่อมโยงคัมภีร์เทพฝึกฝนเข้ากับวงกตมิติเวลาได้หรือ? ไม่, เป็นไปไม่ได้!  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาก็สามารถสังหารเขาได้อย่างสิ้นเชิงในคัมภีร์เทพได้!  แต่เขาเป็นเจ้าของคัมภีร์เทพ ต่อให้ราชันย์ไร้ใจกินเศษสมองมาก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำเช่นนั้น!  คำอธิบายและความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ ในแดนสวรรค์มีโลกฟ้าเหนือฟ้า บางทีอาจเป็นรังที่ราชันย์ไร้ใจสร้างขึ้น

หลังจากคิดเล็กน้อย เย่ว์หยางได้สลักผังภูมิอักขระรูนไว้ที่ประตูล่องหน

ระบุเป้าหมายที่เขาไป

และกลายเป็นดาวตก

พุ่งตัดผ่านท้องฟ้าและเข้าไปในประตูสวรรค์ที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่สมัยโบราณ

ทันทีที่เย่ว์หยางออกไปจากมิตินี้ โลกทั้งโลกก็เปลี่ยนไปทันทีราวกับว่าผ่านไปสิบล้านปีในหนึ่งวินาที เว้นแต่ประตูวิเศษทั้งห้าบานที่อยู่บนพื้นโลกก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน

จากนั้นเห็นเย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ กลับมาจากมิติเวลาอื่น และพวกเขายังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความประหลาดใจ และเมื่อพวกเขาหายไป โลกที่ประตูสวรรค์ตั้งอยู่ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง  เมื่อเย่ว์หยางไปที่ประตูสวรรค์อีกครั้ง โลกก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างน้อยสิบแปดครั้ง... แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อความของเจ้าอ้วนไห่บนพื้นดิน หรือเครื่องหมายพลังเทพที่มารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นๆ สลักไว้บนพื้น ก็หายไปทั้งหมดไม่เหลือร่องรอย

เย่ว์หยางไม่สนใจสภาพแวดล้อม เพียงแต่มองไปที่ประตูล่องหนที่เขาสร้างขึ้นด้วยมือของเขาเอง  ทันใดนั้นรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ราวกับพระอาทิตย์ฉายแสงตอนหลังฝนตก

ปรากฏว่าเป็นอย่างนี้นี่เอง...

ความจริง?  มีเพียงหนึ่ง!

*** *** ***

11 ความคิดเห็น:

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

SorathornBest กล่าวว่า...

ชื่อของเขาคือ.....

BJ กล่าวว่า...

หลังจากเป็นเทพ​ คนอ่านก็เริ่มงงในทักษะที่สุดยอดของตัวละครแต่ละคน55

CHANTANA กล่าวว่า...

งงงงงงงงงงงง5555555

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

Badly กล่าวว่า...

ระดับพลังเริ่มใหญ่ จนเริ่มงงกับความสามารถของศัตรูเทพ สะละ555 ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

โคนวยก็มา

mimikyu กล่าวว่า...

ทักษะดูงง ๆ

darkchanider กล่าวว่า...

โคนัน

Unknown กล่าวว่า...

ไม่ต้องติดมาก คิดแค่ว่าต้นเรื่องทำพระเอกไว้เยอะ ตอนนี้โดนตบกระบาลเรียงตัวแน่55555

Unknown กล่าวว่า...

ตั้งแต่เริ่มมีประตูนั่นนี่ มิตินั่นนี่ เริ่มไม่รู้เรื่อง 55

แสดงความคิดเห็น