ตอนที่ 233 สู้ศึกด้วยตัวเอง
การตรวจพบความตั้งใจสู้ของอาหู่ทำให้ปิงเริ่มเลือดเดือด
แต่เขาไม่ได้อยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง กลับควบคุมพยัคฆ์ฟ้าอย่างสงบ
จิ้งจอกหิมะผงะตกใจกับความเร็วของพยัคฆ์ฟ้า
ความเร็วของเขาเหนือกว่าอาวุธจักรกลใดๆ ที่เขาเคยเห็นมา
นั่นคืออาวุธจักรกลใหม่หรือนี่?
ความสงสัยเกิดขึ้นในใจของจิ้งจอกหิมะ
อาวุธจักรกลนี้ความจริงมีวิศวกรจักรกลอยู่เบื้องหลังมัน
และมาตรฐานของวิศวกรจักรกลจะเป็นตัวกำหนดมาตรฐานของอาวุธจักรกล
ห้ามือสังหารได้เดินทางมามากและฆ่านักสู้อาวุธจักรกลมาหลายคน แต่ที่จะทำให้จิ้งจอกหิมะรู้สึกว่าเขามีมาตรฐานฝีมือดี
กลับมีไม่มาก
วิศวกรจักรกลและนักสู้จักรกลเป็นเหมือนพี่น้องคู่กัน
ทั้งสองอาชีพนี้เกิดขึ้นจากความบันเทิงของผู้มั่งคั่ง
แต่นักสู้จักรกลที่อยู่ต่อหน้าเราดูเหมือนจะแข็งแกร่ง
จิ้งจอกหิมะตื่นเต้น เขายืดระยะห่างระหว่างพวกเขาโดยอัตโนมัติ เขาต้องการดูว่านักสู้จักรกลและตัวอาวุธจักรกลมีมาตรฐานเช่นไร
ปีกของพยัคฆ์ฟ้าคลี่ออกและเหมือนประกายสายฟ้าสีน้ำเงิน
เขาหายไปในอากาศ
ปิงรู้ว่าคู่ต่อสู้ต้องการดูเขาเพิ่ม
แต่นี่หมายความว่าเขากำลังเล่นอยู่ในมือเขา
เขาไม่เคยเห็นอาหู่โกรธมาก่อน
แม้ว่าเขาไม่เคยเห็นอาหู่โกรธมาก่อน ตั้งแต่วันที่เขาได้พยัคฆ์ฟ้ามา
อาวุธจักรกลชุดนี้ได้ขุดรื้อความรู้สึกเก่าในเรื่องอาวุธจักรกลของเขาออก
ความสามารถหลายๆ อย่างเขาต้องค้นหาด้วยตนเอง
และแม้แต่เซรีนก็ยังไม่รู้วิธีใช้อาวุธจักรกลที่นางสร้างขึ้นมานี้
ปิงจำเป็นต้องค้นหาทีละนิดทีละนิด และในช่วงเวลาที่สวมใช้สอยมันนี้ เขาเรียนรู้ได้สองสามอย่าง การทำงานของพยัคฆ์ฟ้าเชื่อมโยงกับอาหู่
(พยัคฆ์) โดยตรง และอาหู่ก็คือจิตวิญญาณพลังยุทธพร้อมกับพลังใช้งานที่ต่างจากเครื่องจักรกล พลังงานของอาหู่มีผลต่อความสามารถของพยัคฆ์ฟ้า
(อาหู่ – จิตวิญญาณพลังยุทธที่ควบคุมเกราะ,
พยัคฆ์ฟ้า – ตัวเกราะ)
สำหรับนักสู้จักรกล
การทำความเข้าใจอาวุธจักรกลของเขาและสามารถใช้ศักยภาพพลังงานได้มากที่สุดเป็นความสามารถพื้นฐานที่สุด
ความสนใจของปิงในอาหู่มีมากกว่าจิ้งจอกหิมะเสียอีก
พยัคฆ์ฟ้าจะได้รับผลกระทบจากความโกรธของอาหู่ได้ยังไง?
เขาสังเกตดูอย่างรอบคอบ อาวุธจักรที่มีชีวิตนี้ทำให้เขาไม่คุ้นเคย แต่เต็มไปด้วยความสงสัยและความคาดหวัง เพราะมันฉลาดมาก
เทียบกับเขาในอดีตที่รู้วิธีใช้อาวุธจักรกลทั้งหมด
ภายใต้ความโกรธของอาหู่
ความเร็วของพยัคฆ์ฟ้าเพิ่มขึ้น ปฏิกิริยาเร็วขึ้น สัญชาตญาณโจมตีก็แข็งแกร่งขึ้นโดยอัตโนมัติ ตราบใดที่เขาออกคำสั่งให้โจมตี มันจะตื่นเต้น
แต่ถ้าเขาสั่งให้มันตั้งรับ มันจะมีท่าทีขัดขืนปฏิเสธ
หลายอย่างที่คนอื่นไม่สามารถรับรู้ได้กลับหลั่งไหลเข้ามาในใจของปิงเหมือนสายน้ำ
**********************************
ม้าศึกตัวใหญ่ที่สุดและสูงที่สุด บนอกของเขาสักเป็นรูปม้าดำ
ดังนั้นเขาจึงมีชื่อว่า ม้าศึก
เขาเจอฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด
ชายชราตาบอด, คนใช้ใบ้และขุนพลวิญญาณที่ใช้ขลุ่ย
หนึ่งในสามคนนี้สู้กับเขาตามลำพังย่อมไม่ใช่คู่มือเขา แต่เมื่อร่วมมือกัน
เขาพบว่ายากเกินไปที่จะรับมือได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเผชิญหน้ากับนักสู้สายเสียงเพลงถึงสองคน พวกเขามีความลงตัวเข้ากันได้เมื่อร่วมมือกันทำให้เขาสูญเสียสมาธิและถูกกดดันโดยคนใช้ใบ้ทันที
เฒ่าบอดซอกำศรวลนั้น ม้าศึกจำเขาได้
จากรายชื่อพลังของทั้งสองคนต่างกันมาก เฒ่าบอดอยู่อันดับที่ 9900 ขณะที่เขาอยู่ในอันดับที่ 9870
แม้ว่าเขาจะดีกว่าถึงสามสิบอันดับ
ในทำเนียบสวรรค์วิถี
แม้ว่าพลังจะแตกต่างเพียงอันดับเดียวแต่ก็อาจแตกต่างกันมาก
ทั้งสองแตกต่างกันอย่างน้อยสิบอันดับ นั่นไม่ใช่ระดับความห่างที่ธรรมดา
อันดับต่างกันสามสิบอันดับก็หมายความว่าถ้าทั้งสองต่อสู้กัน
ม้าศึกจะชนะโดยอัตโนมัติ
แม้ว่าจะมีคนใช้ใบ้ แต่ก็ไม่เพียงพอเพิ่มโอกาสชนะให้ชายชราตาบอด
เมื่อต่อสู้ด้านจำนวน และด้วยระดับฝีมือที่ใกล้เคียงกัน ถ้าพลังของคู่ต่อสู้แตกต่างกันมากเกินไป
ไม่ว่าจะเพิ่มคนมากเท่าใด พวกเขาคงไม่เพิ่มระดับจนพลังใกล้เคียงได้แต่อย่างใด
นักสู้ผู้แข็งแกร่งสามารถเปลี่ยนธรรมชาติและเคลื่อนย้ายแผ่นดินได้เพียงแค่ยกมือ
พวกเขาสามารถทำลายหมู่ดาวได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว
หลายอย่างเคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มาก่อนและนักสู้หลายๆ
คนก็ทำได้สำเร็จสามารถสร้างตำนานให้ตนเอง
ม้าศึกพบกุญแจระหว่างพวกเขาแล้ว นั่นก็คือขุนพลวิญญาณผู้ใช้ขลุ่ยบรอนซ์!
พลังของขุนพลวิญญาณไม่สูง ปราณแท้ของเขาอ่อนแอ แต่เพลงของเขาประหลาด
และมักทำลายจังหวะการโจมตีของเขา
และบ่าวใบ้ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ
แต่ภายใต้อิทธิพลของเสียงเพลง เขากลับกล้าหาญและไม่ต้องป้องกันการโจมตี ซึ่งทำให้เป็นปัญหาใหญ่ของม้าศึก
จังหวะของเขาถูกทำลายอย่างต่อเนื่องและเขาถูกคนใช้ใบ้โจมตีอย่างต่อเนื่อง ม้าศึกโกรธจัด
แต่เขาเป็นคนฉลาด ด้วยสำเนียงวิชาที่สมบูรณ์แบบขนาดนั้น
ขุนพลวิญญาณนี้ต้องมีประวัติที่ทรงพลังด้วยเช่นกัน
ในช่วงเวลาสั้นๆ เขารู้สึกว่าเขามีความรู้สึกที่ไร้ประโยชน์
****************************
ติงตังรู้สึกเหลือเชื่อขณะที่นางมองดูการต่อสู้ที่ชัดเจนข้างหน้า
ความจริงถังเทียนไม่ได้เสียเปรียบ...
แต่นั่นคือห้ามือสังหาร.....
ถังเทียนและคนอื่นไม่รู้จักห้ามือสังหาร
แต่ติงตังเดินทางวิ่งเต้นเพื่อติดต่อตามข้อมูล
ดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับชื่อนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีทั้งหมด นางรู้จักพลังของห้าอสูรสังหาร
ห้ามือสังหารเริ่มมีชื่อเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว
เมื่อนักสู้สวรรค์วิถีห้าคนร่วมกันจัดตั้งกลุ่มของตนขึ้น ในเวลานั้นได้ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ทุกคนจึงได้รู้ว่าห้าอสูรมือสังหารแข็งแกร่งทรงพลังมากเพียงไหน
แน่นอนจากวันที่กลุ่มห้าอสูรมือสังหารก่อตั้งขึ้น พวกเขายังอยู่ได้อย่างสบาย บรรดาสี่สิบสองหมู่ดาวท้องฟ้าด้านใต้
มีอย่างน้อยสิบห้าหมู่ดาวที่ถูกพวกเขาขู่ขวัญ
การเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายแสดงให้เห็นถึงชื่อเสียงความโหดร้ายของพวกเขา
และมือสังหารทั้งห้านี้เจ้าเล่ห์เพทุอาย
ด้วยการรวมพลังกันของทั้งห้าคน
พวกเขาแทบไม่มีศัตรูต้านติด
เว้นแต่พวกเขาพบกับนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่มีระดับ 9500 และที่ต่ำกว่านั้น
ในเวลาอันรวดเร็ว มือสังหารทั้งห้าคนก็สร้างชื่อเสียงได้ แต่ในเวลาเดียวกัน
พวกเขาก็ได้ปกปิดร่องรอยของตน และค่อยๆ
หายไปจากสายตาผู้คนและกบดานตัวเองอยู่ในความมืด
ผู้คนสามารถติดต่อพวกเขาได้เป็นครั้งเป็นคราวบนดาวดวงใดดวงหนึ่ง
แต่...ถังเทียนก็ขัดขวางห้าอสูรมือสังหารได้จริงๆ
ติงตังไม่อยากเชื่อสายตานางเอง
หลังจากสู้เป็นเวลานาน ไม่มีคนใดคนหนึ่งในพวกเขาที่ปรากฏแววแพ้เลย
คนกลุ่มนี้เป็นใครกันแน่?
*******************
ถังเทียนกับจ้าวกิเลนสู้กันไม่หยุด
ตั้งแต่เริ่มพวกเขาพยายามทดสอบระดับฝึกปรือกัน จากนั้นทั้งสองฝ่ายเพิ่มพลัง
และการต่อสู้กลายเป็นตื่นเต้นมากขึ้น
กรงเล็บแมวโลหิตในมือของถังเทียนตวัดอยู่ในความมืด
ขณะที่เพลิงสีแดงเข้มทั้งจางและลุกไหม้ได้ในขณะเดียวกัน
จ้าวกิเลนตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน
วิทยายุทธที่เขาฝึกฝนก็คือประทีปปัญญาซึ่งเป็นการ์ดวิญญาณชั้นทองระดับเจ็ด เขาต้องใช้เงินถึงยี่สิบเจ็ดล้านเหรียญดาวถึงจะได้มา
นั่นคือเงินเก็บสะสมของเขาทั้งหมด เขายอมจ่ายเพื่อให้ได้การ์ดนี้
หลังจากทดสอบพลังประทีปปัญญาแล้วและรู้สึกพอใจกับวิชานี้
วิทยายุทธนี้ทำให้เขาเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีเมื่อใดก็ได้ที่เขาต้องการแต่สิ่งที่สำคัญที่สุด
คือมันสามารถสร้างเปลวเพลิงรูปแบบพิเศษ
มีเพลิงรวมเจ็ดชั้นอยู่ในประทีปปัญญาและแต่ละชั้นเป็นเพลิงที่พิเศษแตกต่างกัน จ้าวกิเลนฝึกจนถึงขั้นที่ห้าและเปลวเพลิงที่เขาได้ฝึกมีชื่อว่าประทีปปัญญาสีแดง
เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะมีคนฝึกฝนประทีปปัญญาจนถึงขั้นที่ห้าได้ จ้าวกิเลนภูมิใจตนเองมาก
แต่เขาไม่เคยคิดว่า เขาจะพบคนที่ข่มเขาได้ในแง่วิชาต่อสู้
วิชากรงเล็บที่แปลกประหลาดความจริงไม่ด้อยไปกว่าวิชาประทีปปัญญาของเขา การ์ดวิชาชั้นทองระดับเจ็ด
มูลค่ายี่สิบเจ็ดล้านเหรียญดาวราคาสูงเทียมฟ้า
ถือว่าเป็นเรื่องเคร่งเครียดจริงจังกว่าเขาจะมาถึงระดับในวันนี้ได้ ในทำนองเดียวกันราคาก็มีความโปร่งใสชัดเจนอยู่แล้ว
การ์ดวิชาชั้นทองระดับเจ็ดธรรมดาจะมีราคาสี่ถึงห้าล้าน
แต่วิชาประทีปปัญญามีราคาถึงยี่สิบเจ็ดล้าน
จึงถูกมองว่าเป็นการ์ดระดับชั้นยอดในบรรดาการ์ดวิชาระดับเจ็ด
แต่วิทยายุทธของคู่ต่อสู้ของเขาไม่ด้อยไปกว่าวิชาประทีปปัญญาแต่อย่างใด
แต่เจ้ากิเลนถูกกดดันเพราะไม่เพียงแต่ถังเทียนมีวิทยายุทธระดับสูงเท่านั้น แต่การแต่งกายของเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าทำให้จ้าวกิเลนเต็มไปด้วยความริษยา
เกราะของเขาเป็นชุดเกราะเงิน
เจ้ากิเลนสามารถแยกแยะได้ง่ายว่าด้วยความโปร่งเบาสบายจากท่าทางร่างกาย
ก็ประเมินได้ว่าเกราะของเขาทรงพลังเพียงไหน
หลังจากวิเคราะห์แล้วเขารู้สึกกดดันมากขึ้น
จากนั้นก็เป็นกรงเล็บแมวโลหิตซึ่งเป็นอาวุธสมบัติอีกชิ้นหนึ่งจากกลุ่มดาวลิงซ์
เป็นเรื่องง่ายที่จะระบุอาวุธสมบัติจากสภาพสมบัติดวงดาว ของเหล่านั้นมักเป็นหัวข้อสนทนาอยู่เสมอ
และบังเอิญจ้าวกิเลนก็ประทับใจกรงเล็บแมวโลหิต ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเศร้า!
เขาเป็นหัวหน้าของห้ามือสังหารก็ยังถูกกดดันอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
และคู่ต่อสู้ก็เป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง
น่าขายหน้าจริงๆ
ถังเทียนก็ถูกตรึงพลังโจมตีเช่นกัน
และเป็นครั้งแรกหลังจากตระหนักว่าเขากำลังสู้อย่างไม่มีความกังวล
ถังเทียนสร้างกรงเล็บภูตพรายในแบบฉบับของตนเองและด้วยการเผาผลาญพลังแท้ของเขา
ได้ผลที่น่าทึ่ง
มันช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วว่องไวให้กับเกราะนกยูง ถังเทียนยิ่งดูเชี่ยวชาญยิ่งขึ้น
ในที่สุดกรงเล็บแมวโลหิตก็ทำให้ถังเทียนได้ตระหนักถึงพลังของอาวุธสมบัติ
เสียงที่เหมือนแมวขู่สร้างพลังที่แปลกประหลาดส่งผลต่อคนอื่น
ถังเทียนไม่รู้ว่าว่าเสียงแปลกประหลาดนั้นความจริงก็คือเคล็ดสังหารของกรงเล็บแมวโลหิต
สำเนียงแมวปีศาจ
สภาพจิตใจของศัตรูได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากเสียงร้องของแมว
และเป็นจ้าวกิเลนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดนี้
ถ้าจ้าวกิเลนรู้ว่าถังเทียนไม่เพียงแต่มีอาวุธสมบัติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาจะรู้สึกอย่างไร?
ลูกปัดแสงกระเรียนฟ้ายังเป็นแหล่งพลังงานสำรองที่มั่นคง ดังนั้นขณะที่ถังเทียนต่อสู้
เขาจึงไม่รู้สึกเหนื่อยล้า
นอกจากได้รับการสนับสนุนจากอาวุธสมบัติและเกราะแล้ว ถังเทียนค่อยๆ กดดันเจ้ากิเลนอีกด้วย
จ้าวกิเลนกังวลใจ
เขาสูดหายใจลึกทำให้แสงสีแดงสายหนึ่งลงมาอยู่ที่ลำคอและเลื่อนลงไปที่บริเวณอกและไปหยุดอยู่ที่นัยน์ของรอยสักกิเลนที่หน้าอกของเขา
เหมือนกับว่ากิเลนห้าสีลืมตาของมันที่มีสีแดงดังเลือด
ในเวลานั้น
ถังเทียนรู้สึกว่าปลายนิ้วของเขาทะลุผ่านชั้นม่านพลังและนิ้วของเขาผ่อนคลาย
นัยน์ตาของเขาเป็นประกายทันที
วิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายระดับปรมาจารย์ของเขาในที่สุดก็เข้าถึงขั้นระดับปรมาจารย์ได้
เขาฝนทั่งสำเร็จหมดแล้ว
แต่กรงเล็บเพลิงภูตพรายของเขาก็ยังไม่ถึงระดับเดียวกับชั้นปรมาจารย์จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ กรงเล็บเพลิงภูตพรายของเขาก็ถึงระดับเดียวกับปรมาจารย์ได้ในที่สุด
ความรู้สึกผ่อนคลายและอ่อนโยนที่ไม่สามารถอธิบายได้หลั่งไหลออกมาจากนิ้วทั้งสิบของเขา
เหมือนกับว่าปลายนิ้วของเขาไม่มีข้อต่อ ไม่มีขีดจำกัด และเหมือนกับไม่มีอากาศคงอยู่รอบๆ
เลย
ระดับปรมาจารย์... นี่คือวิชาระดับปรมาจารย์
ตาของถังเทียนหรี่แคบ วิชาระดับปรมาจารย์สำเร็จแล้ว
อย่างนั้นเรามาลองใช้จ้าวกิเลนเลือดนี้มาฉลองชัยกัน
เขายกฝ่ามือขวาและงอนิ้วทั้งห้า
ทันใดนั้นมีพลังระเบิดออกมาพร้อมกับแสงรังสีสว่างเจิดจ้า
กรงเล็บเพลิงภูตพรายใหม่ระเบิดพลังแท้
จะมีอะไรปรากฏออกมาหลังจากได้บรรลุวิชาระดับปรมาจารย์? ข้ารอดูไม่ไหวจริงๆ
กรงทั้งห้าที่เหมือนตะขอยิงดาวสว่างห้าดวงพุ่งโค้งเข้าหาจ้าวกิเลน!
6 ความคิดเห็น:
ค้างมาก
ขอบคุณมากเลยคับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
อวยกันสุดๆ
แสดงความคิดเห็น